[CR] รีวิวท่องทะเลสาบอินเล สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมง (ทดสอบการตั้งกระทู้รีวิวครั้งแรก)

เป็นการตั้งกระทู้รีวิวในพันธ์ทิพย์เป็นครั้งแรกของผม ช่วยติชมกันด้วยนะครับ

วิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวประมงในทะเลสาบอินเลก็คือ การยืนพายเรือด้วยเท้าข้างเดียว เห็นในสารคดีมานานแล้ว เพิ่งได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิด ผมคิดว่าต้องใช้ทักษะสูงมากนะครับ ไม่ใช่ใครๅก็ทำได้ ผมขอลองยืนพายดูบ้างเพื่อจะถ่ายรูป ปรากฏว่าทันทีที่เท้าสัมผัสเรือของเค้า ก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยทันทีเพราะเรือจะโคลงมาก ถ้าลงไปยืนสองเท้าเมื่อไรคงได้ตกเรือแน่นอน เราแค่ยืนธรรมดาก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้วครับ ไม่รู้ทำได้ไง แถมยังสามารถทอดแหหาปลาได้อีก

ทะเลสาบอินเลเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในรัฐฉาน อยู่ตอนกลางของประเทศพม่า ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ 600 กม. ใช้เวลาบิน 1 ชม.10 นาที มาลงสนามบินเฮโฮ(Heho)ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ทะเลสาบที่สุด

2 ธค 60 ผมขึ้นเครื่องบินออกจากกรุงย่างกุ้งตอนเย็นสู่เมืองเฮโฮ(Heho)โดยสายการบิน Golden Myanmar Airline ใช้เวลาบินชั่วโมงกว่าๆ ถึงสนามบินเฮโฮก็ค่ำแล้ว อากาศหนาวเย็น เป็นสนามบินเล็กๆ เป็นจุดจอดแวะรับส่งผู้โดยสารแล้วบินต่อไปเมืองอื่น เช่น พุกาม มัณฑะเลย์ หรือย่างกุ้ง แต่ถ้าใครจะมาเที่ยวทะเลสาบอินเลก็ต้องมาลงที่นี่ก่อนแล้วต่อรถเข้าไปที่เมืองยองชเว(Nyaung Shwe)ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ตรงปากทางเข้าสู่ทะเลสาบอินเล

ไม่ต้องมองหาสายพานลำเลียงกระเป๋านะครับ เดินไปเลือกกระเป๋าตัวเองที่รถเข็นได้เลย


ผมติดต่อที่พักให้ส่งแท็กซี่มารับที่สนามบินไว้ล่วงหน้า แม้ว่าจะถึงค่ำเพราะเครื่องบินดีเลย์ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหารถเข้าเมืองไม่ได้ ระหว่างทางเข้าเมืองนั้นมืดค่ำ ถนนแคบโค้งขุรขระ รถวิ่งลัดเลาะไปตามป่าเขาสลับกับหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไม่ถนัดเพราะค่ำแล้ว บรรยากาศมืดมิด ถ้าเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวก็ออกจะดูน่ากลัวนิดหน่อย คนขับรถก็ชวนคุยไปเรื่อยๆเริ่มจากเรื่องทั่วๆไป มาจากไหน อยู่กี่วัน ไปที่ไหนมาแล้วบ้าง ขับไปเรื่อยๆก็ถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ มีลุ้นให้ตื่นเต้นเล็กน้อย ระหว่างนั่งแท็กซี่ไปก็เปิด GPS ดูเส้นทางไปตลอดครับ

ถึงที่พักแล้วก็ติดต่อเรื่องเรือสำหรับเข้าทะเลสาบอินเลในวันรุ่งขึ้น นัดเวลาไว้ 7 โมงเช้า คนขับเรือก็มารับพาไปลงเรือที่จอดไว้ที่ท่าเทียบเรือหน้าโรงแรม เป็นเรือประมงพื้นบ้านนำมาดัดแปลงสำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวโดยการติดเครื่องยนต์และนำเก้าอี้มาวางให้นักท่องเที่ยวนั่ง ลำหนึ่งๆน่าจะวางได้สัก 4-5 ตัว แต่ลำที่ผมนั่งมีแค่ 2 ตัว เพราะผมเหมาคนเดียว อีกตัวให้ลูกเมียคนขับเรือนั่งไปด้วย ซึ่งเธอช่วยผมถ่ายรูปได้ดีทีเดียว ค่าเรือ 25,000 จ๊าด ประมาณ 625 บาท พาเที่ยวทั้งวัน

เรือแล่นไปตามคลองเล็กหน้าโรงแรมออกสู่คลองใหญ่ไปเรื่อยๆยาวๆ

จนกระทั่งออกสู่ผืนทะเลสาบอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านสองฝั่งคลองและวิถีชีวิตชาวประมงกลางทะเลสาบอย่างชัดเจน อากาศหนาวเย็นครับโดยเฉพาะในตอนเช้า เพราะทะเลสาบอยู่ที่สูงโอบล้อมด้วยหุบเขา ยิ่งมีลมปะทะขณะนั่งเรือด้วยแล้วยิ่งหนาวใหญ่ อากาศบริสุทธิ์สดชื่น สวยงามเป็นธรรมชาติมากๆ ดีใจครับที่ได้มา

อีกอย่างหนึ่งที่ผมทึ่งมากเลย ถึงแม้ว่าจะอยู่กลางทะเลสาบก็ตาม สัญญาณ 3G ของเขาก็ยังเต็มหรือเกือบเต็มตลอด สามารถเช็คอินหรือแชร์กับโลกโซเชียลกลางทะเลสาบได้สบายๆเลยครับ

ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอินทา (Intha) ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบอินเลมานานนับร้อยปีแล้ว

การทำประมงในทะเลสาบเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ วิธีการหาปลานั้น เรียกได้ว่าไม่มีชาวประมงที่ใดในโลกสามารถเลียนแบบได้

ผมได้ลองลงไปยืนบนเรือเขา ก็แทบจะยืนไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขายืนไปทำงานไปด้วยได้ยังไง

จับมือทักทายกันเสียหน่อย

การพายเรือด้วยเท้า เป็นลักษณะอันโดดเด่นเฉพาะตัวของชาวอินตา

สาเหตุของการพายเรือด้วยเท้าของชาวอินตา เป็นการปรับการดำรงค์ชีวิตและเพิ่มความสะดวกให้เข้ากับหลักทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบอินเล

อยู่กับคนขับเรือและครอบครัวกลางทะเลสาบอินเลครับ นอกจากวิถีชีวิตชาวประมงแล้ว การล่องเรือในทะเลสาบอินเลยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีก โปรดติดตามต่อไปนะครับ