กระเทือนทั่วผืนดิน เลือดรินชโลมทาง
เหล่าวีรชนห้าวหาญ นักรบชาวไทย
พ่อกูหัวใจแกร่ง ป้องแดนด้วยใจกาย
แม่กูสู้เคียงถวาย แม้ตายไม่เกรง
ขึ้นต้นรีวิวมาด้วย บทเพลง เลือดไทย เพื่อให้เข้าบรรยากาศและปลุกพลังรักชาติให้ทุกคนก่อนจะไปอ่านรีวิวนี้ักันค่ะ
เมื่อเอ่ยถึง จ.สิงห์บุรี สิ่งที่ทุกคนนึกถึง คงหนีไม่พ้น ประวัติศาสตร์ความกล้าหาญและรักชาติของวีรชน ที่ร่วมกันปกป้องชาติ ของชาวบ้านบางระจัน
บางระจัน เป็นค่ายป้องกันตัวเองของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่าง ๆ ที่พากันมาหลบภัยกองทัพพม่าอยู่ที่วัดโพธิ์เก้าต้น
อ.บางระจัน ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้ถึง 7 ครั้ง แม้จะมีคนเพียงน้อยนิด แต่สามารถต้านทานข้าศึกได้ถึง 5-6 เดือน
วันนี้เราเลยพาทุกท่าน ไปเยือนถิ่น วีรชนคนกล้าที่บ้านบางระจัน ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในชื่อ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านบางระจัน
ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์เก้าต้น ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่สามารถจอดรถไว้ที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้เลย
หน้าทางเข้าตลาดจะมีชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดนักรบแบบสมัยก่อน มาให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมถ่ายรูปกัน
ก่อนที่จะไปเดินเที่ยวในตลาด เราขอมาแวะไหว้พระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านเป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีมาช้านาน เนื่องจากท่านเป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่เหล่าวีระชนชาวบ้านบางระจัน ทำให้วีระชนเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกและได้รับชัยชนะ
นอกจากนี้ ภายในวัดก็จะมีศาล ของวีรชนครนกล้า อย่างปู่ทองเหม็น ข้างๆ กันก็จะมีควายบุญรอดด้วย
ศาลของปู่จันหนวดเขี้ยว ผู้นำชาวบ้านออกไปสู่รบกับพม่าในอดีต
เราเดินกลับมาที่ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ก่อนจะเข้าไป ก็จะมีชุดไทยให้เช่า สำหรับผู้ที่สนใจ แต่งกายให้เข้ากับบรรยากาศของสภานที่ ราคาค่าเช่าก็แสนถูก ที่ราคา 100 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และชุดเด็กอยู่ที่ 50 บาท เก๋ไก๋สไลด์เดอร์มากๆ
ชุดของผู้ชายจะมีแบบ ชุดนักรบด้วย
ต้นตระกูลสิงห์บุรี
ตรงหน้าทางเข้าตลาด ก็จะมีศาลาให้ทุกคนได้กราบไหว้นมัสการพระอาจารย์ธรรมโชติอีกที่หนึ่ง
บรรยากาศก่อนเดินเข้าไปในตลาด ก็ค่อนข้างร่มรื่น เย็นสบาย เพราะมีร่มเงาไม้ปกคลุม ไม่ร้อนเลย
ที่นี่ร่มรื่นและน่าเดินมาก
เมื่อเข้ามาในตลาด ก็จะเจอกับแม่ค้าสวยๆ แต่ชุดไทย ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ ลงท้ายด้วยคำว่า "เจ้าค่ะ" เสมอ
ข้าวหลามจิ้ว น่าทานมากๆ
น้ำตาลสดหวานๆ หอมๆ ใครจะทานแบบใส่กระบอกไม้ไผ่ ก็สนนราคาที่ 25 บาทไทย
ที่มีขนมไทยน่าทานๆ เยอะมาก พ่อค้าแม่ค้าที่นั่งขายของในตลาด ก็จะแต่งกายด้วยชุดนักรบในสมัยก่อนแบบนี้แหละ เราชอบมากๆ เลย
ร้านส้มตำ ที่จัดร้านออกมาได้น่ารัก และน่าทาน ด้วยภาชนะที่ใส่เครื่องปรุง เป็น ปิ่นโต
แม่ค้าที่นี่พูดเพราะกันทุกคน แถมทุกคนยังยิ้มแย้ม เวลาที่มีนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูปด้วย แม้ว่าเราจะไม่ได้ซื้อของร้านนั้นก็ตาม เราชอบตรงนี้แหละ
ขนมถุงทอง เราเลือกซื้ออาหารไวเ้ แล้วเดี๋ยวไปหาที่นั่งทานอาหารกัน
ทอดมันอร่อยๆ เจ้าค่ะ
ตลาดแห่งนี้ อยู่ติดกับริมคลอง มีจัดโซนสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวทุกคน ได้นั่งทานอาหารกันริมน้ำ บรรยากาศดีไปอี้กกกก
เราซื้ออาหารมานั่งทานกันที่แคร่ไม้ไผ่ตรงนี้กันได้เลย ทานเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมเก็บขยะไปทิ้งให้เป็นระเบียบกันด้วยนะ อย่าปล่อยทิ้งให้สถานที่ท่องเที่ยวสกปรก "อย่าให้ใครว่าไทยมักง่าย"
ส้มตำไทยมาแล้วเจ้าค่าาาาา
มาเมืองสิงห์บุรีต้องกินปลาเผา
ต่อด้วยส้มตำปูปลาร้า
ขนมที่เห็นชื่อแล้วต้องทำตาโตมาก ไข่

กับ

ควาย (ขออภัยในความหยาบคาย) แต่ชื่อมันเป็นแบบนี้จริงๆ อยากรู้ว่ามันคือขนมอะไรต้องมาลองทาน
เราซื้อ ขนม

ควายมากินแล้ว แต่ไม่บอกหรอกว่ามันคือขนมอะไร หน้าตามันเหมือน ห.... ใช่มั้ยล่ะ
นี่ไง ข้าวหลามจิ้ว แปลกตาละน่าลิ้มลองไปอีกแบบ
ขนมไทยแท้ๆ ลูกชุบ แพ็คเกจเก๋ๆ ใส่ตระกร้า
ผักสดๆ ราคาถูกๆ ก็มาคร่าาาาา
กินไอติมแบบปั่นกัน ชื่นใจดีจริงๆ
แม่ค้าขายกล้วยปิ้งผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เราชอบคำพูกของทุกคนที่นี่จริงๆ เวลาเราซื้อของ แม่ค้าก็จะทอนเงินให้ แล้วพูดว่า "ขอบน้ำใจเจ้าค่า" น่าร้ากกกกก มาก
กล้วยทับ ใส่ในกาบหัวปลี ไอเดียดีมากๆ เลย
คุณลุงผู้เปิดแผงเช่าพระในตลาด ตอนแรกถ่ายรูปไป ลุงยังไม่ได้แอ็กท่า เราก็ชวนลุงคุย บอกลุงว่า นี่ลุงไว้หนวดยาวๆ เหมือนพ่อหนูเลย ลุงก็ยิ้มดีใจ แบบว่า เฮ้ย กุมีพวกแล้วเว้ย ลุงนี่บอกให้เราถ่ายรูปให้ใหม่เลย เอาไปอวดให้พ่อดู
หมวกงอบ
แอดมินตามหาร้านน้ำที่ขายน้ำแล้วใส่ภาชนะแบบนี้ไม่เจอ ตามหาอยู่ตั้งนาน อยากถือแบบนี้เดินเก๋ๆ อนุรักษ์ความเป็นไทยและช่วยลดโลกร้อนหน่อย ถ้ามีโอกาศได้ไปอีก จะต้องไปตามหาให้ได้
หมูยอย่างงงงง
ข้าวหลามน้อยๆ รอคนมาอุดหนุน
ของฝากเล้กๆ น้อยๆ เป็นขนมไทย ติดไม้ติดมือกลับไปให้คนที่บ้าน
พ่อค่าในตลาด แอดมินอยากจะบอกว่า มีร้านหนึ่ง พ่อค้าแต่งชุดนักรบ มีหนวด หน้าตาหล่อมว้ากกกกก แต่แอดมินไม่กล้าถ่ายรูปเขามาให้ดู อร้ายยยย เขิน
หมูพันตะไคร้ปิ้ง
เรามาเดินเล่นชม บรรยากาศในตลาดกันต่อ สุดท้ายก็ไปสดุดตรงป้ายนี้ บรรพบุรุษของเราต้องหลั่งเลือด ชโลมกายมากมาย เพื่อให้แผ่นดินนี้คงอยู่ ถ้าทุกคนรักและห่วงแหนในชาติบ้านเมือง เหมือนชาวบ้านบางระจัน ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้
ยืนอ่านประวัติของชาวบ้านบางระจันกันเสียหน่อย
นอกจากนี้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงอีกด้วยนะ ลืมบอกไปเลยว่าตลาดแห่งนี้จะเปิดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์นะ
เรายืนชมการแสดง ที่ทางตลาดจัดขึ้น เป็นการแสดงเกี่ยวกับเรื่องราววีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน ไม่ว่าจะชายหรือหญิงทุกคนจับดาบสู่รบกับพม่าไม่ถอย และทุกคนแสดงได้สมจริงมาก ดูเพลินกันเลยทีเดียว มีช่วงหนึ่งที่ชาวบ้านถูกทหารพม่าทำร้าย แอดมินดูไปถึงกับน้ำตาคลอเลย ตอนดูเสร็จก็จะมีนักแสดง มาเรี่ยไรเงินเป็นค่าแสดง เราก็ช่วยใส่ไปให้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักแสดงที่ทุ่มเท และแสดงได้ดีกันมากๆ
เจ้าหนูน้อยที่นั่งดู มีอารมณ์ร่วมไปด้วย อยากจะเอามีดไปไล่แทงข้าศึกแม้จะเป็นเด็กก็ตาม
ดูการแสดงจบ เลือดรักชาติมันพุ่งพล่านมากๆ อยากจะซื้อมีดดาบลงอาคมกลับบ้านซะจริงเชียว
ธนู หน้าไม้ก็มีนะ อันละ 80 บาทไทย
ออกจากหมู่บ้านบางระจัน เราได้แวะมาที่วัดม่วง ใน จ.อ่างทองด้วย ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก
แวะสักการะ และขอพร หลวงพ่อใหญ่วัดม่วง หรืออีกชื่อหนึ่ง พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งมีความสูงเท่ากับตึก 32 ชั้น เวลาคนจะมาขอพรท่านก็จะไปยืนและสัมผัสที่ปลายพระองคุลีของท่าน
ลากันไปด้วยความที่เป็นสิริมงคล แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ
[CR] ตามหาปืนใหญ่ที่ บางระจัน สิงห์บุรี By Girl Like Travel
เหล่าวีรชนห้าวหาญ นักรบชาวไทย
พ่อกูหัวใจแกร่ง ป้องแดนด้วยใจกาย
แม่กูสู้เคียงถวาย แม้ตายไม่เกรง
ขึ้นต้นรีวิวมาด้วย บทเพลง เลือดไทย เพื่อให้เข้าบรรยากาศและปลุกพลังรักชาติให้ทุกคนก่อนจะไปอ่านรีวิวนี้ักันค่ะ
เมื่อเอ่ยถึง จ.สิงห์บุรี สิ่งที่ทุกคนนึกถึง คงหนีไม่พ้น ประวัติศาสตร์ความกล้าหาญและรักชาติของวีรชน ที่ร่วมกันปกป้องชาติ ของชาวบ้านบางระจัน
บางระจัน เป็นค่ายป้องกันตัวเองของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่าง ๆ ที่พากันมาหลบภัยกองทัพพม่าอยู่ที่วัดโพธิ์เก้าต้น
อ.บางระจัน ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้ถึง 7 ครั้ง แม้จะมีคนเพียงน้อยนิด แต่สามารถต้านทานข้าศึกได้ถึง 5-6 เดือน
วันนี้เราเลยพาทุกท่าน ไปเยือนถิ่น วีรชนคนกล้าที่บ้านบางระจัน ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในชื่อ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านบางระจัน
ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์เก้าต้น ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่สามารถจอดรถไว้ที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้เลย
หน้าทางเข้าตลาดจะมีชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดนักรบแบบสมัยก่อน มาให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมถ่ายรูปกัน
ก่อนที่จะไปเดินเที่ยวในตลาด เราขอมาแวะไหว้พระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านเป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีมาช้านาน เนื่องจากท่านเป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่เหล่าวีระชนชาวบ้านบางระจัน ทำให้วีระชนเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกและได้รับชัยชนะ
นอกจากนี้ ภายในวัดก็จะมีศาล ของวีรชนครนกล้า อย่างปู่ทองเหม็น ข้างๆ กันก็จะมีควายบุญรอดด้วย
ศาลของปู่จันหนวดเขี้ยว ผู้นำชาวบ้านออกไปสู่รบกับพม่าในอดีต
เราเดินกลับมาที่ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ก่อนจะเข้าไป ก็จะมีชุดไทยให้เช่า สำหรับผู้ที่สนใจ แต่งกายให้เข้ากับบรรยากาศของสภานที่ ราคาค่าเช่าก็แสนถูก ที่ราคา 100 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และชุดเด็กอยู่ที่ 50 บาท เก๋ไก๋สไลด์เดอร์มากๆ
ชุดของผู้ชายจะมีแบบ ชุดนักรบด้วย
ต้นตระกูลสิงห์บุรี
ตรงหน้าทางเข้าตลาด ก็จะมีศาลาให้ทุกคนได้กราบไหว้นมัสการพระอาจารย์ธรรมโชติอีกที่หนึ่ง
บรรยากาศก่อนเดินเข้าไปในตลาด ก็ค่อนข้างร่มรื่น เย็นสบาย เพราะมีร่มเงาไม้ปกคลุม ไม่ร้อนเลย
ที่นี่ร่มรื่นและน่าเดินมาก
เมื่อเข้ามาในตลาด ก็จะเจอกับแม่ค้าสวยๆ แต่ชุดไทย ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ ลงท้ายด้วยคำว่า "เจ้าค่ะ" เสมอ
ข้าวหลามจิ้ว น่าทานมากๆ
น้ำตาลสดหวานๆ หอมๆ ใครจะทานแบบใส่กระบอกไม้ไผ่ ก็สนนราคาที่ 25 บาทไทย
ที่มีขนมไทยน่าทานๆ เยอะมาก พ่อค้าแม่ค้าที่นั่งขายของในตลาด ก็จะแต่งกายด้วยชุดนักรบในสมัยก่อนแบบนี้แหละ เราชอบมากๆ เลย
ร้านส้มตำ ที่จัดร้านออกมาได้น่ารัก และน่าทาน ด้วยภาชนะที่ใส่เครื่องปรุง เป็น ปิ่นโต
แม่ค้าที่นี่พูดเพราะกันทุกคน แถมทุกคนยังยิ้มแย้ม เวลาที่มีนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูปด้วย แม้ว่าเราจะไม่ได้ซื้อของร้านนั้นก็ตาม เราชอบตรงนี้แหละ
ขนมถุงทอง เราเลือกซื้ออาหารไวเ้ แล้วเดี๋ยวไปหาที่นั่งทานอาหารกัน
ทอดมันอร่อยๆ เจ้าค่ะ
ตลาดแห่งนี้ อยู่ติดกับริมคลอง มีจัดโซนสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวทุกคน ได้นั่งทานอาหารกันริมน้ำ บรรยากาศดีไปอี้กกกก
เราซื้ออาหารมานั่งทานกันที่แคร่ไม้ไผ่ตรงนี้กันได้เลย ทานเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมเก็บขยะไปทิ้งให้เป็นระเบียบกันด้วยนะ อย่าปล่อยทิ้งให้สถานที่ท่องเที่ยวสกปรก "อย่าให้ใครว่าไทยมักง่าย"
ส้มตำไทยมาแล้วเจ้าค่าาาาา
มาเมืองสิงห์บุรีต้องกินปลาเผา
ต่อด้วยส้มตำปูปลาร้า
ขนมที่เห็นชื่อแล้วต้องทำตาโตมาก ไข่
เราซื้อ ขนม
นี่ไง ข้าวหลามจิ้ว แปลกตาละน่าลิ้มลองไปอีกแบบ
ขนมไทยแท้ๆ ลูกชุบ แพ็คเกจเก๋ๆ ใส่ตระกร้า
ผักสดๆ ราคาถูกๆ ก็มาคร่าาาาา
กินไอติมแบบปั่นกัน ชื่นใจดีจริงๆ
แม่ค้าขายกล้วยปิ้งผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เราชอบคำพูกของทุกคนที่นี่จริงๆ เวลาเราซื้อของ แม่ค้าก็จะทอนเงินให้ แล้วพูดว่า "ขอบน้ำใจเจ้าค่า" น่าร้ากกกกก มาก
กล้วยทับ ใส่ในกาบหัวปลี ไอเดียดีมากๆ เลย
คุณลุงผู้เปิดแผงเช่าพระในตลาด ตอนแรกถ่ายรูปไป ลุงยังไม่ได้แอ็กท่า เราก็ชวนลุงคุย บอกลุงว่า นี่ลุงไว้หนวดยาวๆ เหมือนพ่อหนูเลย ลุงก็ยิ้มดีใจ แบบว่า เฮ้ย กุมีพวกแล้วเว้ย ลุงนี่บอกให้เราถ่ายรูปให้ใหม่เลย เอาไปอวดให้พ่อดู
หมวกงอบ
แอดมินตามหาร้านน้ำที่ขายน้ำแล้วใส่ภาชนะแบบนี้ไม่เจอ ตามหาอยู่ตั้งนาน อยากถือแบบนี้เดินเก๋ๆ อนุรักษ์ความเป็นไทยและช่วยลดโลกร้อนหน่อย ถ้ามีโอกาศได้ไปอีก จะต้องไปตามหาให้ได้
หมูยอย่างงงงง
ข้าวหลามน้อยๆ รอคนมาอุดหนุน
ของฝากเล้กๆ น้อยๆ เป็นขนมไทย ติดไม้ติดมือกลับไปให้คนที่บ้าน
พ่อค่าในตลาด แอดมินอยากจะบอกว่า มีร้านหนึ่ง พ่อค้าแต่งชุดนักรบ มีหนวด หน้าตาหล่อมว้ากกกกก แต่แอดมินไม่กล้าถ่ายรูปเขามาให้ดู อร้ายยยย เขิน
หมูพันตะไคร้ปิ้ง
เรามาเดินเล่นชม บรรยากาศในตลาดกันต่อ สุดท้ายก็ไปสดุดตรงป้ายนี้ บรรพบุรุษของเราต้องหลั่งเลือด ชโลมกายมากมาย เพื่อให้แผ่นดินนี้คงอยู่ ถ้าทุกคนรักและห่วงแหนในชาติบ้านเมือง เหมือนชาวบ้านบางระจัน ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้
ยืนอ่านประวัติของชาวบ้านบางระจันกันเสียหน่อย
นอกจากนี้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงอีกด้วยนะ ลืมบอกไปเลยว่าตลาดแห่งนี้จะเปิดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์นะ
เรายืนชมการแสดง ที่ทางตลาดจัดขึ้น เป็นการแสดงเกี่ยวกับเรื่องราววีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน ไม่ว่าจะชายหรือหญิงทุกคนจับดาบสู่รบกับพม่าไม่ถอย และทุกคนแสดงได้สมจริงมาก ดูเพลินกันเลยทีเดียว มีช่วงหนึ่งที่ชาวบ้านถูกทหารพม่าทำร้าย แอดมินดูไปถึงกับน้ำตาคลอเลย ตอนดูเสร็จก็จะมีนักแสดง มาเรี่ยไรเงินเป็นค่าแสดง เราก็ช่วยใส่ไปให้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักแสดงที่ทุ่มเท และแสดงได้ดีกันมากๆ
เจ้าหนูน้อยที่นั่งดู มีอารมณ์ร่วมไปด้วย อยากจะเอามีดไปไล่แทงข้าศึกแม้จะเป็นเด็กก็ตาม
ดูการแสดงจบ เลือดรักชาติมันพุ่งพล่านมากๆ อยากจะซื้อมีดดาบลงอาคมกลับบ้านซะจริงเชียว
ธนู หน้าไม้ก็มีนะ อันละ 80 บาทไทย
ออกจากหมู่บ้านบางระจัน เราได้แวะมาที่วัดม่วง ใน จ.อ่างทองด้วย ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก
แวะสักการะ และขอพร หลวงพ่อใหญ่วัดม่วง หรืออีกชื่อหนึ่ง พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งมีความสูงเท่ากับตึก 32 ชั้น เวลาคนจะมาขอพรท่านก็จะไปยืนและสัมผัสที่ปลายพระองคุลีของท่าน
ลากันไปด้วยความที่เป็นสิริมงคล แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ