สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน
หลังจากแอบส่องมานาน ในที่สุด เราก็ถือกำเนิดกระทู้รีวิวแรกของเรา (ตื่นเต้นๆ >_<)
ถ้ามีตกหล่นหรือผิดพลาดประการได้ ต้องขออภัยเพื่อนๆ ด้วยนะคะ
เล่าก่อนว่าสภาพผิวหน้าจขกท เป็นผิวผสม จะมันตรงบริเวณ T-zone
มีกระบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง เพราะตอนมัธยมเล่นบาสแล้วไม่ยอมทากันแดด TT_TT
มีสิวบ้างช่วงก่อนประจำเดือนจะมา และเรามีนิสัยไม่ดี ชอบไปบีบ แกะสิว เลยมักจะมีพวกรอยแดงรอยดำจากสิว
พวกครีมบำรุงที่เราซื้อก็จะเน้นเรื่องขาว กับลดจุดด่างดำ สีผิวเราเป็นผิวเหลือง ไม่ขาวมาก ไม่ดำมาก ให้เทียบคือ ถ้าใช้คุชชั่นเกาหลีเบอร์ 23 จะขาวกว่าผิวจริงเรานิดนึง
วันนี้เราจะมาระเบิดกรุครีมที่เราใช้ตลอดปี 2017 ผ่ามพามพ้ามมมม!!!
1. The Face Shop White seed brightening serum & lotion
ราคา : ตอนนั้นซื้อมาเพราะมีโปรลดราคาเมื่อปลายปี ที่ซื้อเซ็ตคู่ตอนนั้น น่าจะ 1,200 บาทนะคะ ไม่มั่นใจ
ผลลัพธ์ : เนื้อเซรั่มและโลชั่นกึ่งข้นกึ่งเหลว (ด้านบนเซรั่ม ด้านล่างโลชั่นค่ะ) ทาแล้วกว่าจะซึมเข้าผิวก็ใช้เวลาประมาณนึง สำหรับเรา ไม่ค่อยเห็นผลเรื่องลดเลือนจุดด่างดำเท่าไหร่ เรื่องขาวก็ประมาณนึงค่ะ เรื่องกลิ่นเราว่าโอเคนะ ไม่ฉุน หอมจางๆ
คะแนน : 7/10
2. Kiehl’s Clearly Corrective Dark Spot Solution
Credit ภาพ : kiehls.com
ตอนนั้นเราไปเรียนที่ออสเตรเลียค่ะ รีบไปซื้อเพราะซื้อที่นั่นถูกกว่าที่ไทยค่ะ 5555 ช่วงที่ไป เป็นช่วงใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว อุณหภูมิประมาณ 10 ต้นๆ ภูมิอากาศจะแห้งๆ ไม่ร้อนชื้นแบบบ้านเราค่ะ ตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขอยืมภาพมาใช้ก่อนนะคะ T_T
ราคา : 73 AUD ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบ 2,000 บาท
ผลลัพธ์ : เนื้อเซรั่มสีใสแต่เข้มข้น จะหนืดๆ นิดนึงหลังทาเสร็จค่ะ กลิ่น ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ ให้ฟีลลิ่งแบบยา แต่เรื่องการลดเลือนจุดด่างดำกับผิวขาวขึ้น เราว่าเริ่ดมากกก เพราะเราสามารถใช้คุชชั่นเบอร์ 23 ที่ปกติจะขาวกว่าผิวหน้าเรานิดนึง ตอนนั้นเราใช้แล้วสีพอดีกับผิวหน้าเลยค่ะ <3 ดีสมคำร่ำลือและราคาจริงๆ
แต่ว่าช่วงที่เข้าหน้าหนาว เราต้องเปลี่ยนครีมเพราะอากาศแห้งมาก ตอนหน้าหนาวเราใช้แล้วแสบหน้าถึงกับกรี๊ดออกมา 55555 เพิ่งมาเข้าใจว่าทำไมฝรั่งเค้าถึงเน้นครีมบำรุงที่เน้นความชุ่มชื้น เพราะบ้านเราอากาศชื้นตลอดเวลาเลยไม่ค่อยจำเป็น
คะแนน : 9.5/10 (หักเรื่องความโสภาของกลิ่นนิดนึง)
3. Sukin Facial moisturiser
Credit ภาพ : www.chemistwarehouse.com.au
ตัวนี้เราซื้อที่ออสเตรเลียเหมือนกันค่ะ จากที่เราบ่นเรื่องแสบหน้าช่วงหน้าหนาว เพื่อนเราที่นู่นเลยแนะนำครีมที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้น ตอนนั้นหน้าเราบริเวณโหนกแก้มเรียกได้ว่าแห้งผาก ลอกเป็นขุยเลย ที่ออสเตรเลียจะมี drugstore แบบ Watsons หรือ Boots บ้านเรา ชื่อ Chemist Warehouse กับ Priceline ค่ะ
ราคา : 7.95 AUD ตีเป็นเงินไทยประมาณ 215 บาท
ผลลัพธ์ : ตัวนี้เป็น Paraben Free มีความออร์แกนิค แล้วผลที่ได้เหนือราคาไปหลายขุม ดีมากกก เราโบก (ขอใช้คำว่าโบก 555) ไป 2 วัน หน้าก็หายแห้งแล้ว ตัวครีมพอกดหัวปั๊มออกมา ดูข้น แต่ตอนทาหน้าไปซึมหายไปเลย! น่าจะเพราะว่าอากาศตอนนั้นมันแห้งมาก หน้าเราก็ขาดน้ำสุดๆ พอใช้ได้สักพักหน้าก็นุ่มนิ่ม ผิวอิ่มน้ำคืออย่างนี้นี่เอง แต่ว่า ในคุณสมบัติอื่นๆ ที่เราต้องการเช่นความขาว หรือลดจุดด่างดำ ไม่ค่อยมีผลค่ะ *แนะนำสำหรับคนผิวหน้าแห้ง*
คะแนน : 8/10 (หักที่หัวปั๊มกดแล้วครีมทะลักออกมา ใช้ได้แค่ตอนหน้าหนาว และไม่เห็นผลด้านอื่นๆ)
4. Let Me In BEAUTY เซรั่ม และครีม
กลับไทยมา เราก็หาตัวใหม่มาใช้ เห็นโฆษณาของครีมตัวนี้พอดี เลยซื้อผ่านออนไลน์มาค่ะ
ราคา : 2,440 บาท (ราคาเซ็ตคู่)
ผลลัพธ์ : สิ่งที่ประทับใจแรกคือแพคเกจจิ้งดูดี สองคือกลิ่น กลิ่นดีมากกกก กลิ่นแพงงง มันหอมอ่อนๆ ธรรมชาติมากๆ ชอบกลิ่นของทั้งครีมและเซรั่มเลย
ตัวเซรั่ม (ขวดสูงๆ) พอกดปุ๊บ เนื้อมันข้น (จากภาพ เนื้อเซรั่มด้านบน เนื้อครีมด้านล่างนะคะ) ตอนแรกแอบกลัวว่าจะหนักหน้า เพราะหน้าเราจะมันบริเวณ T-zone แต่ทาปุ๊บแล้วไม่หนักหน้าเลยค่ะ ซึมเข้าผิวไวมาก เหมือนตอนเราใช้ Sukin ช่วงที่หน้าแห้งเลย แล้วรู้สึกเลยว่าหน้านุ่มนิ่มขึ้น เหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกได้คือตอนที่รถติด เรากำลังรอรถขยับอย่างเบื่อๆ เอามือมาท้าวหน้า แล้วแบบ เฮ้ย!!! หน้านิ่มอ้ะ O_O 5555555 แอบกรี๊ดเองอยู่บนรถพักนึง วันนั้นเป็นวันที่เราทาวันแรก คืนนั้นเราเลยแอบถ่ายหน้า before after เก็บไว้เลย อยากทดสอบซะหน่อย
วันนั้นหน้าเราตรงแก้มฝั่งขวา มีรอยแผลจากการกดสิว และกระที่ฝังอยู่บนหน้าเรามาตั้งแต่ตอนมัธยม ก็ สิบกว่าปีแล้วค่ะ (อย่าคำนวณอายุจขกท นะ เขินจัง >_<) แล้วเราก็ลื้มมม ลืมไป กะจะถ่ายตอนครบสัปดาห์ ดันมานึกได้อีกทีก็ 12 วันผ่านไป มาถ่ายอีกที โอ๊ยยย จางลงไปเยอะมากกกกก รอยนึงคือเรียกว่าหายไปเลย! กระเราก็จางลง หน้าขาวขึ้นด้วยยย แฮปปี้มากๆๆๆ ตอนนี้เลยสั่งเซ็ตที่ 2 มาใช้แล้วค่ะ ดีงามมม
ตัวครีม มีความเป็นครีม tone-up แบบเกาหลี คือทาขึ้นแล้วขาวขึ้นเลยทันทีระดับนึง ขาวแบบไม่วอกนะคะ แบบไบรท์ๆ ขึ้น กลิ่นดีงามมาก แต่เนื้อแอบหนักไปหน่อย เราแนะนำว่าให้ใช้ไม่ต้องเยอะค่ะ แค่เมล็ดถั่วเขียวก็พอสำหรับคนที่หน้ามัน เพราะเราทาแล้วช่วงบ่าย ตรง T-zoneเราหน้าจะมันกว่าปกติ เราเลยแก้โดยทาตรง U-zone ตามปกติ และลดปริมาณของครีมใน T-zone ค่ะ
คะแนน : เซรั่ม 9.5/10 (หักเรื่องหัวปั๊มนิดนึง) 9/10 (หักที่เนื้อครีมหนักไปสำหรับเรานิดนึง)
จบแล้วสำหรับรีวิวเราค่ะ รีวิวมือใหม่ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้เลยนะ ;)
[CR] รีวิวครีมบำรุงผิวที่ใช้ตลอดปี 2017
หลังจากแอบส่องมานาน ในที่สุด เราก็ถือกำเนิดกระทู้รีวิวแรกของเรา (ตื่นเต้นๆ >_<)
ถ้ามีตกหล่นหรือผิดพลาดประการได้ ต้องขออภัยเพื่อนๆ ด้วยนะคะ
เล่าก่อนว่าสภาพผิวหน้าจขกท เป็นผิวผสม จะมันตรงบริเวณ T-zone
มีกระบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง เพราะตอนมัธยมเล่นบาสแล้วไม่ยอมทากันแดด TT_TT
มีสิวบ้างช่วงก่อนประจำเดือนจะมา และเรามีนิสัยไม่ดี ชอบไปบีบ แกะสิว เลยมักจะมีพวกรอยแดงรอยดำจากสิว
พวกครีมบำรุงที่เราซื้อก็จะเน้นเรื่องขาว กับลดจุดด่างดำ สีผิวเราเป็นผิวเหลือง ไม่ขาวมาก ไม่ดำมาก ให้เทียบคือ ถ้าใช้คุชชั่นเกาหลีเบอร์ 23 จะขาวกว่าผิวจริงเรานิดนึง
วันนี้เราจะมาระเบิดกรุครีมที่เราใช้ตลอดปี 2017 ผ่ามพามพ้ามมมม!!!
1. The Face Shop White seed brightening serum & lotion
ราคา : ตอนนั้นซื้อมาเพราะมีโปรลดราคาเมื่อปลายปี ที่ซื้อเซ็ตคู่ตอนนั้น น่าจะ 1,200 บาทนะคะ ไม่มั่นใจ
ผลลัพธ์ : เนื้อเซรั่มและโลชั่นกึ่งข้นกึ่งเหลว (ด้านบนเซรั่ม ด้านล่างโลชั่นค่ะ) ทาแล้วกว่าจะซึมเข้าผิวก็ใช้เวลาประมาณนึง สำหรับเรา ไม่ค่อยเห็นผลเรื่องลดเลือนจุดด่างดำเท่าไหร่ เรื่องขาวก็ประมาณนึงค่ะ เรื่องกลิ่นเราว่าโอเคนะ ไม่ฉุน หอมจางๆ
คะแนน : 7/10
2. Kiehl’s Clearly Corrective Dark Spot Solution
Credit ภาพ : kiehls.com
ตอนนั้นเราไปเรียนที่ออสเตรเลียค่ะ รีบไปซื้อเพราะซื้อที่นั่นถูกกว่าที่ไทยค่ะ 5555 ช่วงที่ไป เป็นช่วงใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว อุณหภูมิประมาณ 10 ต้นๆ ภูมิอากาศจะแห้งๆ ไม่ร้อนชื้นแบบบ้านเราค่ะ ตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขอยืมภาพมาใช้ก่อนนะคะ T_T
ราคา : 73 AUD ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบ 2,000 บาท
ผลลัพธ์ : เนื้อเซรั่มสีใสแต่เข้มข้น จะหนืดๆ นิดนึงหลังทาเสร็จค่ะ กลิ่น ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ ให้ฟีลลิ่งแบบยา แต่เรื่องการลดเลือนจุดด่างดำกับผิวขาวขึ้น เราว่าเริ่ดมากกก เพราะเราสามารถใช้คุชชั่นเบอร์ 23 ที่ปกติจะขาวกว่าผิวหน้าเรานิดนึง ตอนนั้นเราใช้แล้วสีพอดีกับผิวหน้าเลยค่ะ <3 ดีสมคำร่ำลือและราคาจริงๆ
แต่ว่าช่วงที่เข้าหน้าหนาว เราต้องเปลี่ยนครีมเพราะอากาศแห้งมาก ตอนหน้าหนาวเราใช้แล้วแสบหน้าถึงกับกรี๊ดออกมา 55555 เพิ่งมาเข้าใจว่าทำไมฝรั่งเค้าถึงเน้นครีมบำรุงที่เน้นความชุ่มชื้น เพราะบ้านเราอากาศชื้นตลอดเวลาเลยไม่ค่อยจำเป็น
คะแนน : 9.5/10 (หักเรื่องความโสภาของกลิ่นนิดนึง)
3. Sukin Facial moisturiser
Credit ภาพ : www.chemistwarehouse.com.au
ตัวนี้เราซื้อที่ออสเตรเลียเหมือนกันค่ะ จากที่เราบ่นเรื่องแสบหน้าช่วงหน้าหนาว เพื่อนเราที่นู่นเลยแนะนำครีมที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้น ตอนนั้นหน้าเราบริเวณโหนกแก้มเรียกได้ว่าแห้งผาก ลอกเป็นขุยเลย ที่ออสเตรเลียจะมี drugstore แบบ Watsons หรือ Boots บ้านเรา ชื่อ Chemist Warehouse กับ Priceline ค่ะ
ราคา : 7.95 AUD ตีเป็นเงินไทยประมาณ 215 บาท
ผลลัพธ์ : ตัวนี้เป็น Paraben Free มีความออร์แกนิค แล้วผลที่ได้เหนือราคาไปหลายขุม ดีมากกก เราโบก (ขอใช้คำว่าโบก 555) ไป 2 วัน หน้าก็หายแห้งแล้ว ตัวครีมพอกดหัวปั๊มออกมา ดูข้น แต่ตอนทาหน้าไปซึมหายไปเลย! น่าจะเพราะว่าอากาศตอนนั้นมันแห้งมาก หน้าเราก็ขาดน้ำสุดๆ พอใช้ได้สักพักหน้าก็นุ่มนิ่ม ผิวอิ่มน้ำคืออย่างนี้นี่เอง แต่ว่า ในคุณสมบัติอื่นๆ ที่เราต้องการเช่นความขาว หรือลดจุดด่างดำ ไม่ค่อยมีผลค่ะ *แนะนำสำหรับคนผิวหน้าแห้ง*
คะแนน : 8/10 (หักที่หัวปั๊มกดแล้วครีมทะลักออกมา ใช้ได้แค่ตอนหน้าหนาว และไม่เห็นผลด้านอื่นๆ)
4. Let Me In BEAUTY เซรั่ม และครีม
กลับไทยมา เราก็หาตัวใหม่มาใช้ เห็นโฆษณาของครีมตัวนี้พอดี เลยซื้อผ่านออนไลน์มาค่ะ
ราคา : 2,440 บาท (ราคาเซ็ตคู่)
ผลลัพธ์ : สิ่งที่ประทับใจแรกคือแพคเกจจิ้งดูดี สองคือกลิ่น กลิ่นดีมากกกก กลิ่นแพงงง มันหอมอ่อนๆ ธรรมชาติมากๆ ชอบกลิ่นของทั้งครีมและเซรั่มเลย
ตัวเซรั่ม (ขวดสูงๆ) พอกดปุ๊บ เนื้อมันข้น (จากภาพ เนื้อเซรั่มด้านบน เนื้อครีมด้านล่างนะคะ) ตอนแรกแอบกลัวว่าจะหนักหน้า เพราะหน้าเราจะมันบริเวณ T-zone แต่ทาปุ๊บแล้วไม่หนักหน้าเลยค่ะ ซึมเข้าผิวไวมาก เหมือนตอนเราใช้ Sukin ช่วงที่หน้าแห้งเลย แล้วรู้สึกเลยว่าหน้านุ่มนิ่มขึ้น เหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกได้คือตอนที่รถติด เรากำลังรอรถขยับอย่างเบื่อๆ เอามือมาท้าวหน้า แล้วแบบ เฮ้ย!!! หน้านิ่มอ้ะ O_O 5555555 แอบกรี๊ดเองอยู่บนรถพักนึง วันนั้นเป็นวันที่เราทาวันแรก คืนนั้นเราเลยแอบถ่ายหน้า before after เก็บไว้เลย อยากทดสอบซะหน่อย
วันนั้นหน้าเราตรงแก้มฝั่งขวา มีรอยแผลจากการกดสิว และกระที่ฝังอยู่บนหน้าเรามาตั้งแต่ตอนมัธยม ก็ สิบกว่าปีแล้วค่ะ (อย่าคำนวณอายุจขกท นะ เขินจัง >_<) แล้วเราก็ลื้มมม ลืมไป กะจะถ่ายตอนครบสัปดาห์ ดันมานึกได้อีกทีก็ 12 วันผ่านไป มาถ่ายอีกที โอ๊ยยย จางลงไปเยอะมากกกกก รอยนึงคือเรียกว่าหายไปเลย! กระเราก็จางลง หน้าขาวขึ้นด้วยยย แฮปปี้มากๆๆๆ ตอนนี้เลยสั่งเซ็ตที่ 2 มาใช้แล้วค่ะ ดีงามมม
ตัวครีม มีความเป็นครีม tone-up แบบเกาหลี คือทาขึ้นแล้วขาวขึ้นเลยทันทีระดับนึง ขาวแบบไม่วอกนะคะ แบบไบรท์ๆ ขึ้น กลิ่นดีงามมาก แต่เนื้อแอบหนักไปหน่อย เราแนะนำว่าให้ใช้ไม่ต้องเยอะค่ะ แค่เมล็ดถั่วเขียวก็พอสำหรับคนที่หน้ามัน เพราะเราทาแล้วช่วงบ่าย ตรง T-zoneเราหน้าจะมันกว่าปกติ เราเลยแก้โดยทาตรง U-zone ตามปกติ และลดปริมาณของครีมใน T-zone ค่ะ
คะแนน : เซรั่ม 9.5/10 (หักเรื่องหัวปั๊มนิดนึง) 9/10 (หักที่เนื้อครีมหนักไปสำหรับเรานิดนึง)
จบแล้วสำหรับรีวิวเราค่ะ รีวิวมือใหม่ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้เลยนะ ;)