ครั้งหนึ่งนิครนถ์นาถบุตร ต้องการที่จะเอาชนะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยวาทะ
โดยการให้ลูกศิษย์ตัวเอง คืออภัยราชกุมาร ไปถามปัญหาแทนตนเอง โดยผูกเป็นเงื่อน
เพื่อให้พระสัมมาสัมพทธเจ้าตอบไม่ได้ จะได้ขายหน้าและตนเองก็จะเป็นผู้ชนะ
มาดูวิธีการตอบคำถามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันครับ

อภัยราชกุมารสูตร เป็นพระสูตรที่กล่าวถึงการกล่าววาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งพวกเราสามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้ดีทีเดียว
นิครนถ์นาฏบุตรสอนคำถาม
ครั้งหนึ่ง “นิครนถ์นาฏบุตร” ผู้ซึ่งเป็นนักบวชนอกศาสนาพุทธ ได้คิดคำถามขึ้นมา 1 ข้อ
เพื่อถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยคาดหวังว่าคำถามนี้จะทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอบไม่ได้
และ จะทรงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเมื่อนั้น คนทั้งหลายก็จะเลิกนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อนั้น นิครนถ์นาฎบุตร ได้ไปกราบทูล อภัยราชกุมาร ผู้เป็นศิษย์ ถึงคำถามนี้ และได้ให้
อภัยราชกุมาร นำคำถามนี้ไปถามแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคำถามนี้คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระตถาคตจะพึงตรัสพระวาจาอันไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่นบ้างหรือหนอ
นิครนถ์นาฏบุตรได้อธิบาย คำถามนี้ไว้ว่า
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอบว่า พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก/ที่ชอบใจของคนอื่น
ก็ให้พระกุมารตอบกลับไปว่า แล้วเช่นนั้นพระองค์จะต่างอะไรจากคนธรรมดา
เพราะคนธรรมดาต่างก็กล่าว วาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่น
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอบว่า ไม่พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก/ที่ชอบใจของคนอื่น
ก็ให้พระกุมารตอบกลับไปว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกหก พระองค์เคยทรงพยากรณ์
พระเทวทัตว่า เทวทัตจะไปเกิดในอบาย ไปเกิดในนรกอเวจี ซึ่งวาจานั้นได้ทำให้พระเทวทัตเสียใจ
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจอคำถามสองเงื่อนนี้เข้าไปแล้ว ก็จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
และ อภัยราชกุมารก็จะเป็นฝ่ายมีชัยเหนือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ชื่อเสียงของพระองค์
จะระบือไปไกล
อภัยราชกุมารทูลถามคำถามกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อภัยราชกุมารได้เดินทางไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ทูลถามคำถามนั้นกับพระองค์
ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสตอบว่า
ดูกรราชกุมาร ในปัญหาข้อนี้ จะวิสัชนาโดยส่วนเดียวมิได้
เมื่อได้ยินคำตอบเพียงเท่านี้ อภัยราชกุมารก็อุทานขึ้นว่า “คำถามของพวกนิครนถ์ได้
แล้ว”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ถามกลับว่า “เหตุใดพระกุมารถึงอุทานเช่นนั้น” ซึ่งพระกุมารก็
ได้อธิบายที่มาของคำถามนี้ทั่งหมดแก่พระพุทธองค์ว่า นิครนถ์นาฏบุตรได้สอนคำถามนี้
พร้อมทั้งจุดมุ่งหมายของคำถามนี้
วาจาที่ประกอบด้วยประโยชน์
ขณะนั้น อภัยราชกุมารได้อุ้มเด็กอ่อนนอนไว้บนไว้ตัก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัส
กับอภัยราชกุมารไว้ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า: ถ้ากุมารน้อยนี้เผลอเอาไม้เอากรวดมาใส่ในปาก พระองค์จะทำอย่างไร
อภัยราชกุมาร: กระหม่อมจะนำออกเสีย ถ้านำไม่ออกก็จะใช้กำลังเอามือควักออกมา
แม้ว่าจะต้องทำให้กุมารนี้ต้องเลือดออกก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็เพราะหม่อมฉันรักและเอ็นดูพระกุมาร
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า: ตถาคตก็เช่นกัน
วาจาที่ไม่จริง/ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นไม่เป็นที่รัก/ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
วาจาที่จริง/ที่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นไม่เป็นที่รัก/ไม่เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
วาจาที่จริง/ที่แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นไม่เป็นที่รัก/ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น
วาจาที่ไม่จริง/ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้น เป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
วาจาที่จริง/ที่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น
วาจาที่จริง/ที่แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ วาจานั้นเป็นที่รัก/เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น – ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ ตถาคตมีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย
พุทธปฏิภาณ
ถัดมา พระอภัยราชกุมาร ได้ถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อว่า
อภัยราชกุมาร: เวลามีคนถามคำถาม พระพุทธเจ้าท่าน ต้องนึกคำตอบหรือว่า
คำตอบนั้นปรากฏออกมาเองได้โดยทันที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ถามกลับไปว่า: “พระกุมาร ท่านเชี่ยวชาญในรถยนต์
เวลามีคนถามว่า ชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์เรียกว่าอะไร พระกุมารต้องนึกก่อน หรือ ตอบได้ทันที”
พระราชกุมาร: “ข้าพระองค์เป็นทหารรถ สามารถตอบได้ทันทีได้ไดยไม่ต้องตรึก พระเจ้าข้า”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า: “ฉันนั้นก็เหมือนกัน คำถามที่มีคนถาม เราตถาคต ย่อม
รู้แจ้งขึ้นมาได้ทันที เพราะ ธรรมทั้งหลายเราได้แทงตลอดแล้ว
อภัยราชกุมารแสดงตนเป็นอุบาสก

จากนั้น พระอภัยราชกุมาร ได้กล่าวว่า คำเทศนาของพระพุทธเจ้า ช่างแจ่มแจ้งนัก
ดุจดั่ง พลิกของคว่ำให้หงาย เปิดของที่ปิด ชี้ทางแก่คนหลงทาง และ ดั่งประทีปในยามมืด
ว่าแล้วอภัยราชกุมารก็ประกาศตนเป็นอุบาสก มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
คำถามที่ทำให้พระพุทธเจ้าตอบไม่ได้ ?
โดยการให้ลูกศิษย์ตัวเอง คืออภัยราชกุมาร ไปถามปัญหาแทนตนเอง โดยผูกเป็นเงื่อน
เพื่อให้พระสัมมาสัมพทธเจ้าตอบไม่ได้ จะได้ขายหน้าและตนเองก็จะเป็นผู้ชนะ
มาดูวิธีการตอบคำถามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันครับ
อภัยราชกุมารสูตร เป็นพระสูตรที่กล่าวถึงการกล่าววาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งพวกเราสามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้ดีทีเดียว
นิครนถ์นาฏบุตรสอนคำถาม
ครั้งหนึ่ง “นิครนถ์นาฏบุตร” ผู้ซึ่งเป็นนักบวชนอกศาสนาพุทธ ได้คิดคำถามขึ้นมา 1 ข้อ
เพื่อถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยคาดหวังว่าคำถามนี้จะทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอบไม่ได้
และ จะทรงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเมื่อนั้น คนทั้งหลายก็จะเลิกนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อนั้น นิครนถ์นาฎบุตร ได้ไปกราบทูล อภัยราชกุมาร ผู้เป็นศิษย์ ถึงคำถามนี้ และได้ให้
อภัยราชกุมาร นำคำถามนี้ไปถามแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคำถามนี้คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อภัยราชกุมารทูลถามคำถามกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วาจาที่ประกอบด้วยประโยชน์
ขณะนั้น อภัยราชกุมารได้อุ้มเด็กอ่อนนอนไว้บนไว้ตัก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัส
กับอภัยราชกุมารไว้ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พุทธปฏิภาณ
ถัดมา พระอภัยราชกุมาร ได้ถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อว่า
อภัยราชกุมาร: เวลามีคนถามคำถาม พระพุทธเจ้าท่าน ต้องนึกคำตอบหรือว่า
คำตอบนั้นปรากฏออกมาเองได้โดยทันที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อภัยราชกุมารแสดงตนเป็นอุบาสก
จากนั้น พระอภัยราชกุมาร ได้กล่าวว่า คำเทศนาของพระพุทธเจ้า ช่างแจ่มแจ้งนัก
ดุจดั่ง พลิกของคว่ำให้หงาย เปิดของที่ปิด ชี้ทางแก่คนหลงทาง และ ดั่งประทีปในยามมืด
ว่าแล้วอภัยราชกุมารก็ประกาศตนเป็นอุบาสก มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต