
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยวแบบแวะไปเรื่อยๆ เจอสถานที่ไหนน่าสนใจแวะเลย แบบเดินทางคนเดียว ขับรถคนเดียว กินข้าวคนเดียว นอนคนเดียว ฟังเสียงน้ำตกคนเดียว ยืมมองดูเขาคนเดียว นั่งจิบกาแฟคนเดียว ฯลฯ
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาผมได้แพลนสถานที่ท่องเที่ยว และว่างแพลนการเดินทางทั้งหมด ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกวันลาและวันหยุดไว้ ว่าจะเป็นช่วงไหน
ซึ่งผมได้แพลนไว้ว่า จะไปเที่ยวแบบไม่สนเพื่อน (เพื่อนมันลีลาเลยไปคนเดียวสะเลย) เป็นวันที่ 8/12/60 - 12/12/60
บอกก่อนเลยครับว่า ผมเป็นนิสิตจบใหม่ และทำงานแล้วหลังจากเรียนจบ (ยังไม่ถึงปีนะครับ แต่เกิน 6 เดือนแล้ว

)
เอาละครับ เรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมจองตั๋วเครื่องบินของ AirAsia ไว้ครับ ไฟท์บิน 05.45 น. ของวันที่ 8/12/60 (ก็ตลกตัวเองเหมือนกันครับว่า จะจองเช้าไปไหน

) แต่จองไว้แล้วก็ต้องไปครับ ผมเลยตัดสินใจนั่งรถจากบางแสน เข้า กทม. ก่อน 1 วัน แล้วเพื่อเป็นการพักผ่อนเก็บพลังงานไว้สำหรับขับรถเลยตัดสินใจนอนหอน้องแถว ม.เกษตร ครับ ก่อนขึ้นเครื่อง ผมเลยตัดสินใจออกจากหอไปสนามบินตั้งแต่ ตี 3 เพื่อไปเช็คอิน รอขึ้นเครื่อง แล้วก็ไปหลับต่อที่สนามบิน


ภาพตัดหลังจากขึ้นเครื่อง เพราะผมหลับมาตลอดทางเลยครับ หลับจนถึงเชียงใหม่เลยครับ
พอตื่นขึ้นมา แอบดูนาฬิกา ถึงกับช็อก อ้าว!! นี่มันเพิ่ง 6 โมงกว่า ๆ เองหรอว่ะ (คิดในใจ นัดรับรถตอน 8 โมงครึ่ง เอาไงต่อดีว่ะ งั้นนอนต่อที่สนามบินเชียงใหม่ละกัน) ผมเลยตัดสินใจนอนต่อที่สนามบินเชียงใหม่ รอให้พนักงานของบริษัทรถเช่าโทรติดต่อมา...
แต่อีกประมาณ 1 ชม. กว่าๆ พนักงานก็โทรมาปลุกให้ผมออกไปรับรถที่ประตู 1 ของสนามบิน ผมเลยลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวรับรถ
ซึ่งผมเดินออกไปแบบงง ๆ คนไหนว่ะ พนักงานของบริษัทที่เราเช่า (เพราะด้านนอกของสนามบินมีพนักงานของบริษัทรถเช่าเยอะมากครับ) ผมเลยโทรไปหาคนมาส่งรถอีกครั้ง สุดท้ายก็เจอกันครับ ซึ่งการเช่ารถของผม เป็นการจองรถไว้ล่วงหน้าครับ ผมตามมาบริษัทเช่ารถที่ไม่ต้องวางมัดจำรถ จ่ายเฉพาะค่าเช่าและค่าประกัน (เป็นทริปแบบไม่มีบัตรเครดิต งบน้อย แถมถ้าวางเงินมัดจำคงไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น

) ผมเลยตัดสินใจเช่ารถของ บริษัท
Tcarrent รถเช่าเชียงใหม่ (ติดต่อไปที่เพจได้เลยนะครับเผื่อใครสนใจ) เป็นบริษัทที่ไม่ต้องวางเงินมัดจำใดๆ จ่ายแค่ค่าเช่ารถอย่างเดียว แถมเงินที่เราต้องการจะซื้อประกันก็แค่วันละ 100 บาทเท่านั้น เป็นประกันชั้น 1 ด้วยนะครับ ตอนแรกผมจองรถนิสสันมาร์ชไว้ในราคา วันละ 900 บาท/วัน (ซึ่งถูกมาก) แต่ทางบริษัทแจ้งเปลี่ยนรถให้ เนื่องจากนิสสันมาร์ช มีปัญหากับระบบเบรกครับ ซึ่งการเปลี่ยนในครั้งนี้ ผมจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่จ่ายค่ารถเท่ากับนิสสันมาร์ช เลยครับ แต่ได้เครื่องแรงกว่า ซึ่งรถที่ได้นั้นคือ...

นี่ละครับรถคู่ใจผม แถมพนักงานส่งรถใจดีมากๆครับ พูดจากภาษาถิ่น (อู้กำเมือง) จากนั้นเราก็ตรวจรถ เช็คสภาพ ดูความเรียบร้อย ดูรอยแผลเก่า แล้วก็ตกลงทำสัญญากันครับ
ได้รับรถแล้ว เราก็ต้องเติมพลัง เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ

เป็นร้านอาหารข้างทางแบบข้าวราดแกงครับ เพราะผมไม่เน้นกิน เน้นเที่ยวเท่านั้น
เริ่มนับวัน Start 8/12/60 สถานที่แรกที่ผมตัดสินใจคือ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ซึ่งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และเดินทางสะดวก แถมเป็นการไหว้พระก่อนออกเดินทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางด้วยครับ ลุยกันเลยยยย




ประมาณนี้ครับ ภาพที่เก็บมาฝากทุกท่าน
หลังจากนั้นผมมุ่งหน้าสู่จังหวัดพะเยาครับ โดยใช้เส้นทางที่ไปจังหวัดเชียงรายนิดหน่อยครับ
ผมก็ขับรถไปเรื่อย ๆ ผมมองซ้าย มองขวา แล้วไปให้ทางเข้าสถานที่เที่ยวแห่งที่ 2 ครับ ทางเข้าน่าเข้ามากๆครับ มียักษ์ 2 ตัวเฝ้าประตู
และที่นั่นก็คือ เมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลง เป็นสถานที่ ที่คนไม่ค่อยรู้จัก หรือแวะเข้ามาเยี่ยมชมเท่าไรครับ ผมชอบบรรยากาศจะคล้ายๆ ศูนย์ปฏิบัติธรรม สงบ รมรื่น อากาศเย็นสบาย แถมมีร้านกาแฟให้นั่งพักระหว่างการเดินทางอีกด้วยครับ
เรามาชมภาพสถานที่ของเมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลงกันครับ









หลังจากเที่ยวชมเมืองเรียบร้อย ผมก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ บนเส้นทางสายเดิมครับ และหันมองป้ายของกรมทางหลวงแนะนำสถานที่เที่ยว ผมแอบไปเห็นชื่อๆหนึ่งที่น่าสนใจ แถมไม่ไกลจากเส้นทางที่เราจะไปมากนัก และสถานที่นั้นคือ วัดแสงแก้วโพธิญาญ จังหวัดเชียงรายนั่นเอง
ผมแวะกินข้าวที่นั่นด้วยครับ และถือว่าเป็นการยืดเส้นยืดสายไปในตัว เราไปชมความงดงามกันเลยครับ










หลังจากเติมพลังกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่ 3 ที่เราแวะไปแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ
แต่ขับไปเรื่อยๆครับ ผมก็สังเกตุป้ายบอกทาง อ้าว!!! นี้มันเลยทางที่จะต้องเลี้ยวไปเส้นทางจังหวัดพะเยาแล้วนี่หน่า
ผมเลยตัดสินใจวนรถกลับไปยังทางเดิม แล้วตัดสินใจใช้ Google map นำทางดีกว่า การที่จะเชื่อป้ายบอกทางละ และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเพื่อนร่วมทางของผมคนที่สองครับ หลังจากที่เพื่อนคนแรกของผมคือ บทเพลง ที่เปิดและร้องตามไม่ให้ผมหลับ 5555
พอตั้งสติได้ ผมก็กลับรถไปตามทางของ Google map และขับรถไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะเข้าเขตจังหวัดพะเยา ซึ่งเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านอุทยาน และภูเขามากมาย ผมขับไปจนมองไปเห็นป้ายของน้ำตกธารทอง และนี้ก็เป็นสถานที่ที่ 4 ของผมครับ ผมแวะไปเอามือ เท้า จุ่มน้ำเย็นๆ ที่น้ำตกธารทองสัก 10 นาที และเก็บภาพบรรยากาศมาฝากเล็กน้อยครับ

จากนั้นผมก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ และได้แวะถ่ายรูป สถานที่ที่ 5 นั่นก็คือ จุดชมวิวกว๊านพะเยา นั่นเอง


และนี้ก็เป็นสถานที่สุดท้ายของผม และได้คิดชื่อทริปนี้ว่า "แวะไปเรื่อยทริป" นั่นเองครับ
ผมได้ขับรถต่อไปชมเมืองพะเยา และแวะกินข้าวแถวๆ กว๊านพะเยา ซึ่งเป็นสวนสาธารณะของคนเมืองพะเยา บรรยากาศเย็นสบาย ริมหนองน้ำขนาดใหญ่ ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่ออกมาวิ่ง เต้น ร้อง และรำกันครับ
และคืนแรกที่ผมเข้าพัก เป็นโรงแรมแถวหน้าม.พะเยาครับ ชื่อโรงแรมว่า PM Place Hotel.
แวะไปเรื่อยทริปต้องขอตัวจบ EP.1 ลงไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ รอติดตามตอนต่อไปได้เลยนะครับ
แอ่วเมืองหนือคนเดียว 5 วัน 4 คืน Ep.1 (จากเชียงใหม่ - พะเยา - เชียงราย)
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาผมได้แพลนสถานที่ท่องเที่ยว และว่างแพลนการเดินทางทั้งหมด ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกวันลาและวันหยุดไว้ ว่าจะเป็นช่วงไหน
ซึ่งผมได้แพลนไว้ว่า จะไปเที่ยวแบบไม่สนเพื่อน (เพื่อนมันลีลาเลยไปคนเดียวสะเลย) เป็นวันที่ 8/12/60 - 12/12/60
บอกก่อนเลยครับว่า ผมเป็นนิสิตจบใหม่ และทำงานแล้วหลังจากเรียนจบ (ยังไม่ถึงปีนะครับ แต่เกิน 6 เดือนแล้ว
เอาละครับ เรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมจองตั๋วเครื่องบินของ AirAsia ไว้ครับ ไฟท์บิน 05.45 น. ของวันที่ 8/12/60 (ก็ตลกตัวเองเหมือนกันครับว่า จะจองเช้าไปไหน
พอตื่นขึ้นมา แอบดูนาฬิกา ถึงกับช็อก อ้าว!! นี่มันเพิ่ง 6 โมงกว่า ๆ เองหรอว่ะ (คิดในใจ นัดรับรถตอน 8 โมงครึ่ง เอาไงต่อดีว่ะ งั้นนอนต่อที่สนามบินเชียงใหม่ละกัน) ผมเลยตัดสินใจนอนต่อที่สนามบินเชียงใหม่ รอให้พนักงานของบริษัทรถเช่าโทรติดต่อมา...
แต่อีกประมาณ 1 ชม. กว่าๆ พนักงานก็โทรมาปลุกให้ผมออกไปรับรถที่ประตู 1 ของสนามบิน ผมเลยลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวรับรถ
ซึ่งผมเดินออกไปแบบงง ๆ คนไหนว่ะ พนักงานของบริษัทที่เราเช่า (เพราะด้านนอกของสนามบินมีพนักงานของบริษัทรถเช่าเยอะมากครับ) ผมเลยโทรไปหาคนมาส่งรถอีกครั้ง สุดท้ายก็เจอกันครับ ซึ่งการเช่ารถของผม เป็นการจองรถไว้ล่วงหน้าครับ ผมตามมาบริษัทเช่ารถที่ไม่ต้องวางมัดจำรถ จ่ายเฉพาะค่าเช่าและค่าประกัน (เป็นทริปแบบไม่มีบัตรเครดิต งบน้อย แถมถ้าวางเงินมัดจำคงไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น
ได้รับรถแล้ว เราก็ต้องเติมพลัง เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ
เริ่มนับวัน Start 8/12/60 สถานที่แรกที่ผมตัดสินใจคือ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ซึ่งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และเดินทางสะดวก แถมเป็นการไหว้พระก่อนออกเดินทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางด้วยครับ ลุยกันเลยยยย
หลังจากนั้นผมมุ่งหน้าสู่จังหวัดพะเยาครับ โดยใช้เส้นทางที่ไปจังหวัดเชียงรายนิดหน่อยครับ
ผมก็ขับรถไปเรื่อย ๆ ผมมองซ้าย มองขวา แล้วไปให้ทางเข้าสถานที่เที่ยวแห่งที่ 2 ครับ ทางเข้าน่าเข้ามากๆครับ มียักษ์ 2 ตัวเฝ้าประตู
และที่นั่นก็คือ เมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลง เป็นสถานที่ ที่คนไม่ค่อยรู้จัก หรือแวะเข้ามาเยี่ยมชมเท่าไรครับ ผมชอบบรรยากาศจะคล้ายๆ ศูนย์ปฏิบัติธรรม สงบ รมรื่น อากาศเย็นสบาย แถมมีร้านกาแฟให้นั่งพักระหว่างการเดินทางอีกด้วยครับ
เรามาชมภาพสถานที่ของเมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลงกันครับ
ผมแวะกินข้าวที่นั่นด้วยครับ และถือว่าเป็นการยืดเส้นยืดสายไปในตัว เราไปชมความงดงามกันเลยครับ
แต่ขับไปเรื่อยๆครับ ผมก็สังเกตุป้ายบอกทาง อ้าว!!! นี้มันเลยทางที่จะต้องเลี้ยวไปเส้นทางจังหวัดพะเยาแล้วนี่หน่า
ผมเลยตัดสินใจวนรถกลับไปยังทางเดิม แล้วตัดสินใจใช้ Google map นำทางดีกว่า การที่จะเชื่อป้ายบอกทางละ และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเพื่อนร่วมทางของผมคนที่สองครับ หลังจากที่เพื่อนคนแรกของผมคือ บทเพลง ที่เปิดและร้องตามไม่ให้ผมหลับ 5555
พอตั้งสติได้ ผมก็กลับรถไปตามทางของ Google map และขับรถไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะเข้าเขตจังหวัดพะเยา ซึ่งเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านอุทยาน และภูเขามากมาย ผมขับไปจนมองไปเห็นป้ายของน้ำตกธารทอง และนี้ก็เป็นสถานที่ที่ 4 ของผมครับ ผมแวะไปเอามือ เท้า จุ่มน้ำเย็นๆ ที่น้ำตกธารทองสัก 10 นาที และเก็บภาพบรรยากาศมาฝากเล็กน้อยครับ
ผมได้ขับรถต่อไปชมเมืองพะเยา และแวะกินข้าวแถวๆ กว๊านพะเยา ซึ่งเป็นสวนสาธารณะของคนเมืองพะเยา บรรยากาศเย็นสบาย ริมหนองน้ำขนาดใหญ่ ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่ออกมาวิ่ง เต้น ร้อง และรำกันครับ
และคืนแรกที่ผมเข้าพัก เป็นโรงแรมแถวหน้าม.พะเยาครับ ชื่อโรงแรมว่า PM Place Hotel.
แวะไปเรื่อยทริปต้องขอตัวจบ EP.1 ลงไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ รอติดตามตอนต่อไปได้เลยนะครับ