
จุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีในครั้งนี้เกิดจากการที่เห็นเพื่อนๆในเฟสบุคไปกันเยอะมากๆเลยอยากลองไปแบบเต็มๆ ครั้งนึงในชีวิต อยากเห็นใบไม้เปลี่ยนสีให้เต็มตาทุกวัน จนเบื่อกันไปข้างนึง555 ผมเตรียมตัวในการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างดีแต่เอาจริงๆ แล้วมันก็แค่การเตรียมตัวซึ่งในการเดินทางจริงๆ เราจะเจอหลายอย่างเข้ามาให้แก้ปัญหาตลอด และผมอยากจะบอกว่านั่นล่ะคือความสนุกของการเดินทางแบบแบ็คแพ็ค ถ้าใครชอบการเดินทางแบบนี้จะรู้ว่า การหลง การพลาด การที่ไปไม่ครบแพลน การเจอกับปัญหา นั่นล่ะคือ เสน่ห์ ของการเดินทางอย่างแท้จริง
มาทุกจุดนี้ อยากให้เพื่อนๆที่เริ่มวางแพลนเที่ยว ให้วางไว้วันล่ะ 3-4 แห่งก็พอครับเพราะแต่ล่ะที่จะมี จุดในเราเสพวิวสวยๆ จนลืมเรื่องเวลาไปเลยล่ะครับแต่แอบมาบอกว่าส่วนของผมหลุดแพลนแทบทุกวันเลยครับ และข้อแนะนำสำหรับการท่องเที่ยวใน ฤดูนี้เนื่องจาก ช่วงกลางคืน มืดเร็วมากๆ ประมาณ 4 โมงเย็นพระอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วจึงต้องกะเวลาการเดินทางดีๆนะครับ
ในรีวิวนี้ผมจะพยายามเล่าประสบการณ์ การเดินทางทั้งหมด เริ่มวางแพลน รถไฟ รถบัส แท็กซี่ เดินเท้า บัตรสิทธิพิเศษในสำหรับนักท่องเที่ยว ให้ครบ
ทั้งหมด 20 แห่ง นะครับ

เริ่มต้นวางแพลน(หากใครรู้ข้อมูลตรงนี้อยู่แล้วข้ามไปได้เลยครับ)
สำหรับคนที่เคยไปประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่างจะด้วยแบบไหน เชื่อว่าคนไทยหลายคนคิดแบบผมที่ว่า การเดินทางหรือคมนาคมนั้น สะดวกมาก ประมาณได้ว่า รถไฟฟ้าก็แทบจะจอดถึงหน้าบ้านอยู่แล้ว ก็แอบคิดในใจลึกๆว่าอยากที่ไทยเป็นแบบนี้จัง เอาล่ะคับมาถึงเริ่มต้นการวางแพลนกันเลยยยยยย
เริ่มต้นจากการจองสายการบินครับ ผมมีเทคนิคเล็กๆสำหรับการเริ่มจองตั๋วครับ ปกติเราจะดูที่ เว็บสายการบินนั้นๆ , Skyscanner, Traveloga แต่ที่ผมอยากแนะนำคือ Google flight ประโยชน์ของ Google flight คือเราสามารถจะเห็นได้ว่าช่วงไหนของ ตั๋วราคาถูกซึ่งสามารถดูได้ล่วงหน้าถึง 6 เดือน ทำให้เราสามารถได้ตั๋วที่ถูกและประมาณการการจองได้ อีกแบบที่แนะนำคือการหา Vouher พิเศษของแต่ล่ะสายการบินที่คนได้สิทธิไม่เลือกบินและขายต่อให้เรา ซึ่งแบบนี้ถ้าเรามีเวลาหาได้ดีๆจะถูกมาก ซึ่งผมได้จากตรงนี้ ไป-กลับ Osaka ไม่ถึง หมื่น!!
ช่วงเวลาการเดินทาง ผมได้ดูพยากรณ์อากาศช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีปีที่แล้วจากเว็บทั่วไปได้เลยครับ ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าควรไปช่วงไหนถึงจะเจอใบไม้เปลี่ยนสีที่แบบพีคมากๆ ซึ่งในแถบคันไซส่วนใหญ่จะอยู่ช่วงปลายเดือน พ.ย. ผมจึงเริ่มจากการหาตั๋วของแต่ล่ะสายการบินในช่วงนั้น ซึ่งได้ตั๋วช่วงที่ตั้งใจไว้พอดีคือ 21-28 พ.ย.
พอได้ตั๋วเครื่องบินแล้วเรามาเริ่มวางแพลนว่าจะไปที่ไหนบ้าง ซึ่งตอนแรกผมทั้งใจว่าจะไปหลายๆเมืองแต่รวบรวมข้อมูลจากหลายๆที่ ก็พบว่าเมืองที่จะก็เป็นเมืองที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยอันดับต้นๆคือเกียวโต แต่ได้ไปดูรีวิวของฝรั่งบอกไว้ว่าเมืองชิงะ เป็นอีกเมืองนึงที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยมากๆเหมือนกันแต่ด้วยการเดินทางในเวลาที่จำกัดและเราไม่ได้เลือกซื้อ JR wide pass เลยคิดว่าแค่ใน โตเกียวคงพอแล้ว แต่ก็พอจริงๆครับแทบจะเรียกได้ว่าหลุดแพลนแทบทุกวัน555 ดูจากจำนวนวันที่เดินทางคร่าวๆ ก็เลือกมาได้ว่าไป นาระ1วัน>>เกียวโต4วัน>>โอซาก้า1วัน

ส่วนขั้นตอนการทำแพลนใน Google map ขออนุญาติ เจ้าของลิงค์ ทางนี้เลยครับ
https://pantip.com/topic/31083114
http://www.mediafire.com/file/y5h6qf0vr7njo3l/AutumnKansai.docx
ผมขอแนปไฟล แพลนเอาไว้ให้นะครับเผื่อใครอยากได้
การเดินระหว่างเมืองและภายในเมือง เริ่มต้นด้วยการเดินทางระหว่างก่อนนะครับซึ่งในคันไซนั้นมีโคตรมหาบัตรการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวเรียกได้ดูกันปวดหัวเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีบัตรที่ชื่อว่า Kansai thru pass(KTP) บัตรนี้เป็นบัตรเดียวที่เรียกว่าครอบคลุมทั่วทั้งแทบคันไซ ผมจึงเลือกใช้บัตรนี้ในการเดินทางโดยไม่ได้ใช้ JR wide pass เลยซึ่งบัตรนี้สามารถก็สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดในแพลนโดยดูรายละเอียดได้จากลิงค์นี้ครับ ที่สำคัญบัตรนี้สามารถเลือกเดินทางได้แบบ วันที่เราต้องการด้วยเช่น KTP3Day เลือกใช้วัน จันทร์,พุธ,ศุกร์ โดยบัตรจะตัดเที่ยงคืนของการใช้ในวันนั้นๆ นอกจากนี้ได้ซื้อบัตร Osaka amazing pass(1Day) บัตรนี้สามารถใช้เดินทางรถไฟฟ้าได้ทุกสถานีใน Osaka 1 day และยังลดสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายรายการ อีกบัตรนึงที่ถือว่าคุ้มมากคือบัตร Buss one day Kyoto ราคา 500¥ เหมาะสำหรับวันไหนที่เราอยุ่ใน Kyoto โดยไม่ใช้รถไฟฟ้า(จะได้ไม่ต้องใช้บัตร KTP ในวันนั้น) ให้ซื้อไวเถอะครับคุ้มจริง เพราะค่านั่งรถบัตรใน Kyoto ก็ครั้ง 230¥ แล้ว
ข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่ใช้ในการเดินทางรถไฟ www.hyperdia.com แน่นอนว่าเว็บนี้เป็นที่สามารถบอกได้ว่าเราที่ไหนควรดูยังไงผมของบอกวิธีใช้คร่าวๆนะครับ
เว็บดูการเดินทางรถบัสใน Kyoto
http://www.arukumachikyoto.jp/citybus.php?lang=en เว็บนี้สะดวกมากๆครับ แนะนำเลย
**แทบจะทุดวัดห้ามไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้องนะครับเพราะฉะนั้นวันไหนถ้าจะใช้ค่อยเอาไปไม่ต้องแบรกให้เมื่อยครับ**
[CR] ใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ 2017 : Autumn in Kansai 2017(2560), Osaka Kyoto Nara(20 place) "Let me die in Japan"
จุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีในครั้งนี้เกิดจากการที่เห็นเพื่อนๆในเฟสบุคไปกันเยอะมากๆเลยอยากลองไปแบบเต็มๆ ครั้งนึงในชีวิต อยากเห็นใบไม้เปลี่ยนสีให้เต็มตาทุกวัน จนเบื่อกันไปข้างนึง555 ผมเตรียมตัวในการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างดีแต่เอาจริงๆ แล้วมันก็แค่การเตรียมตัวซึ่งในการเดินทางจริงๆ เราจะเจอหลายอย่างเข้ามาให้แก้ปัญหาตลอด และผมอยากจะบอกว่านั่นล่ะคือความสนุกของการเดินทางแบบแบ็คแพ็ค ถ้าใครชอบการเดินทางแบบนี้จะรู้ว่า การหลง การพลาด การที่ไปไม่ครบแพลน การเจอกับปัญหา นั่นล่ะคือ เสน่ห์ ของการเดินทางอย่างแท้จริง
มาทุกจุดนี้ อยากให้เพื่อนๆที่เริ่มวางแพลนเที่ยว ให้วางไว้วันล่ะ 3-4 แห่งก็พอครับเพราะแต่ล่ะที่จะมี จุดในเราเสพวิวสวยๆ จนลืมเรื่องเวลาไปเลยล่ะครับแต่แอบมาบอกว่าส่วนของผมหลุดแพลนแทบทุกวันเลยครับ และข้อแนะนำสำหรับการท่องเที่ยวใน ฤดูนี้เนื่องจาก ช่วงกลางคืน มืดเร็วมากๆ ประมาณ 4 โมงเย็นพระอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วจึงต้องกะเวลาการเดินทางดีๆนะครับ
ในรีวิวนี้ผมจะพยายามเล่าประสบการณ์ การเดินทางทั้งหมด เริ่มวางแพลน รถไฟ รถบัส แท็กซี่ เดินเท้า บัตรสิทธิพิเศษในสำหรับนักท่องเที่ยว ให้ครบ ทั้งหมด 20 แห่ง นะครับ
เริ่มต้นวางแพลน(หากใครรู้ข้อมูลตรงนี้อยู่แล้วข้ามไปได้เลยครับ)
สำหรับคนที่เคยไปประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่างจะด้วยแบบไหน เชื่อว่าคนไทยหลายคนคิดแบบผมที่ว่า การเดินทางหรือคมนาคมนั้น สะดวกมาก ประมาณได้ว่า รถไฟฟ้าก็แทบจะจอดถึงหน้าบ้านอยู่แล้ว ก็แอบคิดในใจลึกๆว่าอยากที่ไทยเป็นแบบนี้จัง เอาล่ะคับมาถึงเริ่มต้นการวางแพลนกันเลยยยยยย
เริ่มต้นจากการจองสายการบินครับ ผมมีเทคนิคเล็กๆสำหรับการเริ่มจองตั๋วครับ ปกติเราจะดูที่ เว็บสายการบินนั้นๆ , Skyscanner, Traveloga แต่ที่ผมอยากแนะนำคือ Google flight ประโยชน์ของ Google flight คือเราสามารถจะเห็นได้ว่าช่วงไหนของ ตั๋วราคาถูกซึ่งสามารถดูได้ล่วงหน้าถึง 6 เดือน ทำให้เราสามารถได้ตั๋วที่ถูกและประมาณการการจองได้ อีกแบบที่แนะนำคือการหา Vouher พิเศษของแต่ล่ะสายการบินที่คนได้สิทธิไม่เลือกบินและขายต่อให้เรา ซึ่งแบบนี้ถ้าเรามีเวลาหาได้ดีๆจะถูกมาก ซึ่งผมได้จากตรงนี้ ไป-กลับ Osaka ไม่ถึง หมื่น!!
ช่วงเวลาการเดินทาง ผมได้ดูพยากรณ์อากาศช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีปีที่แล้วจากเว็บทั่วไปได้เลยครับ ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าควรไปช่วงไหนถึงจะเจอใบไม้เปลี่ยนสีที่แบบพีคมากๆ ซึ่งในแถบคันไซส่วนใหญ่จะอยู่ช่วงปลายเดือน พ.ย. ผมจึงเริ่มจากการหาตั๋วของแต่ล่ะสายการบินในช่วงนั้น ซึ่งได้ตั๋วช่วงที่ตั้งใจไว้พอดีคือ 21-28 พ.ย.
พอได้ตั๋วเครื่องบินแล้วเรามาเริ่มวางแพลนว่าจะไปที่ไหนบ้าง ซึ่งตอนแรกผมทั้งใจว่าจะไปหลายๆเมืองแต่รวบรวมข้อมูลจากหลายๆที่ ก็พบว่าเมืองที่จะก็เป็นเมืองที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยอันดับต้นๆคือเกียวโต แต่ได้ไปดูรีวิวของฝรั่งบอกไว้ว่าเมืองชิงะ เป็นอีกเมืองนึงที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยมากๆเหมือนกันแต่ด้วยการเดินทางในเวลาที่จำกัดและเราไม่ได้เลือกซื้อ JR wide pass เลยคิดว่าแค่ใน โตเกียวคงพอแล้ว แต่ก็พอจริงๆครับแทบจะเรียกได้ว่าหลุดแพลนแทบทุกวัน555 ดูจากจำนวนวันที่เดินทางคร่าวๆ ก็เลือกมาได้ว่าไป นาระ1วัน>>เกียวโต4วัน>>โอซาก้า1วัน
ส่วนขั้นตอนการทำแพลนใน Google map ขออนุญาติ เจ้าของลิงค์ ทางนี้เลยครับ
https://pantip.com/topic/31083114
http://www.mediafire.com/file/y5h6qf0vr7njo3l/AutumnKansai.docx
ผมขอแนปไฟล แพลนเอาไว้ให้นะครับเผื่อใครอยากได้
การเดินระหว่างเมืองและภายในเมือง เริ่มต้นด้วยการเดินทางระหว่างก่อนนะครับซึ่งในคันไซนั้นมีโคตรมหาบัตรการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวเรียกได้ดูกันปวดหัวเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีบัตรที่ชื่อว่า Kansai thru pass(KTP) บัตรนี้เป็นบัตรเดียวที่เรียกว่าครอบคลุมทั่วทั้งแทบคันไซ ผมจึงเลือกใช้บัตรนี้ในการเดินทางโดยไม่ได้ใช้ JR wide pass เลยซึ่งบัตรนี้สามารถก็สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดในแพลนโดยดูรายละเอียดได้จากลิงค์นี้ครับ ที่สำคัญบัตรนี้สามารถเลือกเดินทางได้แบบ วันที่เราต้องการด้วยเช่น KTP3Day เลือกใช้วัน จันทร์,พุธ,ศุกร์ โดยบัตรจะตัดเที่ยงคืนของการใช้ในวันนั้นๆ นอกจากนี้ได้ซื้อบัตร Osaka amazing pass(1Day) บัตรนี้สามารถใช้เดินทางรถไฟฟ้าได้ทุกสถานีใน Osaka 1 day และยังลดสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายรายการ อีกบัตรนึงที่ถือว่าคุ้มมากคือบัตร Buss one day Kyoto ราคา 500¥ เหมาะสำหรับวันไหนที่เราอยุ่ใน Kyoto โดยไม่ใช้รถไฟฟ้า(จะได้ไม่ต้องใช้บัตร KTP ในวันนั้น) ให้ซื้อไวเถอะครับคุ้มจริง เพราะค่านั่งรถบัตรใน Kyoto ก็ครั้ง 230¥ แล้ว
ข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่ใช้ในการเดินทางรถไฟ www.hyperdia.com แน่นอนว่าเว็บนี้เป็นที่สามารถบอกได้ว่าเราที่ไหนควรดูยังไงผมของบอกวิธีใช้คร่าวๆนะครับ
เว็บดูการเดินทางรถบัสใน Kyoto http://www.arukumachikyoto.jp/citybus.php?lang=en เว็บนี้สะดวกมากๆครับ แนะนำเลย
**แทบจะทุดวัดห้ามไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้องนะครับเพราะฉะนั้นวันไหนถ้าจะใช้ค่อยเอาไปไม่ต้องแบรกให้เมื่อยครับ**
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น