ฉันอยู่ใต้ท้องฟ้า ขอให้เธออยู่ที่เดิม โดย ภูระริน ตอนที่ 1

“คุณ!!! เป็นอะไรหรือเปล่า?!” เสียงชายของสูงวัยดังเข้ามาในหัวในขณะที่ ‘ละติน’ นั่งนิ่งอยู่ในรถประจำทางคันสุดท้ายในคืนนั้น หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าเมื่อหันไปหาที่มาของเสียง

“หมดระยะแล้ว!”

“ไม่เป็นค่ะ ไม่เป็นไร ถึงแล้วเหรอคะ? ค่ะๆ หนูลงแล้ว” หล่อนเดินลงจากลงอย่างง่วงงุน เมื่อมองเข้าไปในรถ หญิงสาวก็พบเพียงคนขับรถที่ก้มๆ เงยๆ เก็บของอยู่

หญิงสาวถอนหายใจไร้เรี่ยวแรง กี่วันแล้วที่ตัวเองนั่งรถมาจนสุดสายปลายทางไร้จุดหมาย?

ละตินไม่เคยกลับถึงห้องพักก่อนเที่ยงคืนมาเกือบหกเดือนแล้ว เพราะที่นั่นเหมือน ‘นรก’ ห้องนอนที่ไร้เงาของคนที่รัก…หนาวเหลือเกินเมื่อได้เห็นที่นอน เจ็บเหลือเกิน…เมื่อรู้ว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีก

‘คู่หมั้น’ ของละตินเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ต่างประเทศ ก่อนจะถึงวันแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ละตินและเทวราชย์รักกันมาห้าปีและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ถึงเดือน ก่อนที่เขาจะเดินทางไปต่างประเทศ นิ้วกลางข้างขวาของละติน ยังสวมแหวนหมั้นไม่ยอมถอด…

ทุกครั้งที่เห็นท้องฟ้าในยามค่ำคืน ละตินรู้สึกเหมือนกันทุกครั้ง…เหมือนจะหมดลมหายใจ!

ท้องฟ้าจะรู้หรือเปล่า…ว่าทำให้คนเป็นทุกข์? ดวงตางามพร่าลงเพราะม่านน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย จะพาตัวเองออกจากห้วงแห่งทุกข์ได้อย่างไรกันละติน?

“ร้องทำไมหนักหนา? เทย์ไปดีแล้ว…เลิกร้องเสียที” หญิงสาวปาดน้ำตาออก เหลียวมองไปรอบๆ กายก่อนจะก้าวขึ้นรถแท็กซี่ แล้วอมยิ้มพลางสั่ง “ไปข้างหน้า…ผ่าน 4 ซอยแล้วเลี้ยวซ้าย”

“คุณติ…รถติดเหรอครับ? รถเมล์วิ่งช้ามากคืนนี้” คนขับหนุ่มถามหญิงสาวอย่างคุ้นเคย

‘คิมหันต์’ เห็นละตินในเวลานี้ทุกคืน เมื่อขึ้นรถได้ ละตินก็ร้องไห้เหมือนทุกครั้ง ภาพเหล่านี้ชินตาไปเสียแล้ว แม้จะปลอบโยนกันแค่ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้หล่อนดีขึ้นเลย

“อืม…คงงั้นแหละ พี่ติขอหลับนะคิม” หญิงสาวปาดน้ำตา ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะ

“จะว่าไปนะพี่ เรารู้จักกันมาหลายเดือนแล้ว อยากถามพี่มากๆ ว่าเมื่อไหร่จะเลิกร้องไห้ขึ้นรถคิมเสียที?”

“เอาน่ะ! เลิกเมื่อไหร่ก็เห็นเอง ไว้ฉันหาแท็กซี่คันใหม่ มารอรับแทนเธอได้ เธอก็จะไม่ต้องบ่นอีกแล้ว!” คนพูดไม่ได้ดูหงุดหงิด แต่เหมือนคนเมามากกว่า

“ไม่ได้หรอก ก็ช่วยๆ กันไป ผมก็ได้ตังค์ พี่ก็ปลอดภัย แล้วนี่ก็ขึ้นรถทุกวัน จะมาบอกซอยนั้นซอยนี้ทำไมฮะ?!!! ตลก!! ฮ่าๆ เดี๋ยวผมจะซิ่งละนะ ต้องไปรับคนสวยอีกคนอีก…เฮ้อชีวิต!! อย่างกับดูหนังสองเรื่องในคืนเดียว”

“คนที่ทำงานกลางคืนน่ะเหรอ? คิม…แล้วแฟนเราไม่ว่าหรือ เลือกรับแต่ลูกค้าสาวๆ?”

“ไม่ว่าหรอกครับพี่ ผมน่ะมีแฟนสวยเป็นพริตตี้เชียวนะ ตัวเขาเองก็มีหนุ่มๆ มาสนใจเยอะ แต่ว่าเราเข้าใจกันครับ” คิมหันต์พูดถึงแฟนสาวอย่างภูมิใจ

“หึ!!! โชคดีของคิม ไปนอนแล้วนะ ขอบใจ” ละตินเอ่ยยิ้มๆ ก็พอดีกับที่รถของสารถีหนุ่มรุ่นน้องมาถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอาศัย และทันทีที่เธอคล้อยหลังลงจากรถ คิมหันต์ก็ยื่นหน้าออกมาพร้อมกับร้องบอก

“กินข้าวหน่อยนะเจ๊ ผอมไปมาก!”

“อืม…ขอบใจ” ละตินถอนหายใจเฮือกใหญ่จากนั้นก็เดินเข้าอาคารที่พัก หมดไปอีกหนึ่งวัน! ละตินเพิ่งลาออกจากงานเก่า เพราะเธอต้องการออกจาก ‘สังคม’ เดิมๆ ที่รู้จัก ‘คู่หมั้น’ ของเธอ

ทุกสายตามองละตินด้วยความสงสาร แม้รู้ดีว่าทุกคนเป็นห่วง แต่ละตินก็เลือกที่จะจากมา การอยู่ในที่ที่มีแต่คนสงสารเมื่อไหร่กันจะตัดความทุกข์ออกจากใจได้

ห้องนี้ก็เหมือนกัน…ละตินตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องจากไป หากไม่ตัดทุกข์ คนที่แย่ที่สุดก็คือ ตัวเธอเอง! หากเทวราชย์รับรู้ได้คงเจ็บเพราะยังห่วงเธอ

“เสียลูกค้าแน่นายคิม…ไม่อยู่แล้ว!!!” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ



“เจ๊!! ย้ายห้องทำไมไม่บอกล่วงหน้า? นี่ผมหนีเรียนมาเลยนะ” คิมหันต์บ่นไม่หยุดเมื่อต้องมาช่วยเธอย้ายห้องในวันที่เขาต้องเรียนหนังสือ เด็กหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าเธอ 5 ปี ส่วนปีนี้ละตินอายุ 27 แล้ว

คิมหันต์ขนของขะมักเขม้นแม้ปากจะบ่น จะว่าไปแล้วคนรอบกายเธอ ล้วนแล้วแต่เป็นคนจิตใจดี เด็กคนนี้ก็เหมือนกัน ละตินยังจำวันแรกที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขา ในวันที่เธอทุกข์ที่สุดได้

หญิงสาวเมามายไม่น้อยในคืนนั้น คิมหันต์ขับรถแท็กซี่เป็นงานพิเศษในตอนกลางคืน และเรียนปริญญาตรีภาคพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาเขาไปเป็นลูกจ้างซ่อมรถในอู่เก่าๆ แห่งหนึ่ง เขาพบเธอเมาไม่รู้เรื่องอยู่ข้างถนน ก่อนจะช่วยพามาส่งที่ห้องอย่างปลอดภัย

“ผมมีพี่สาว…แต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะยากจน ถูกส่งไปอยู่กับญาติๆ ตลอด ถ้าผมมีเงินจะพาพี่กลับมาอยู่ด้วยกันสองคนพี่น้อง เราจะได้ไม่ต้องแยกจากกันอีก”

ละตินได้ฟังเด็กหนุ่มเล่าเรื่องครอบครัวของเขาก็เห็นใจอย่างยิ่ง คนที่สูญเสียอย่างเธอกับคนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับพี่สาวที่ต้องพลัดพราก มันทำให้ละตินได้คิด

“คิม…สมมุตินะ ถ้าไม่มีพี่สาวแล้ว คิมจะอยู่ได้ไหม?”

“ต้องได้พี่…ความหวังของพี่ผมคือเห็นผมได้ดี ถึงเขาไม่อยู่ในโลกนี้ ผมก็จะทำให้ดีที่สุด อยู่ข้างบนเขาเห็นเราหมดแหละพี่ติ…พี่เชื่อผม!” ประโยคนี้ยังติดหู

ละตินยืนมองเด็กหนุ่มกับเพื่อนๆ ของเขาอีกสองสามคนช่วยกันยกของอย่างขยันขันแข็ง “ต่อไปนายก็ไม่ต้องมารอรับพี่แล้วคิม…”

คิมหันต์มองมาสบตา แต่ก็เลือกที่จะนิ่งไม่พูดจา…

“แต่พี่จะให้คิมไปช่วยดูร้านดอกไม้ให้…เข้าท่าไหม?”

“หา!!! คิมหันต์กับดอกไม้นี่นะ”

“อืม…ฉันจะเปิดร้านดอกไม้…นายไปคุมแล้วก็หาคนมาส่งดอกไม้ให้ด้วย ไหวไหม?”

“จริงเหรอพี่??!!! ให้ผมคุมนี่นะ”

ละตินพยักหน้า “ใช่…พี่รักคิมเหมือนน้องนะ เรามาหาอะไรทำกัน พี่จะได้ไม่ว่าง แล้วก็จะได้เลิกร้องไห้เสียที!!!” คิมหันต์สบตาละตินอย่างห่วงใย คนที่พยายามเข้มแข็งดูน่านับถือ หากแต่คนที่เข้าใจหัวอกเธอ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนเร้น “เดินต่อนะพี่…ผมจะอยู่ข้างๆ ไม่ต้องกลัว”

ละตินมองแววตาน้องชายต่างสายเลือดผ่านม่านน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าให้

มิตรภาพ…ของคนแปลกหน้า…ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในสังคม ‘คิมหันต์’ น้องไม่ได้เป็นแค่ความหวังของพี่สาวตัวเอง แต่เป็นทางสว่าง…ของคนที่ไม่มีหวังเหลืออยู่เลยอย่างพี่ด้วย! ละตินพูดในใจ



“แน่มากยายติ!!! ชวนฉันเปิดร้านดอกไม้” เสียงทองสิบดังไปทั่วเมื่อรู้ชะตาตัวเองจากปากเพื่อนรุ่นน้อง

“ค่ะ…ติไม่ไว้ใจใคร นอกจากพี่ทอง…”

“สิบ…กรุณาเรียกให้เต็มยศด้วยแก! ไม่อยากให้ใครเอาไปเรียกแผลงๆ พ่อแม่ก็ช่างแกล้งกันจริงๆ” เจ้าตัวบ่นอุบ “เออก็ได้…ไหนมานี่ซิ…จะดูดวงให้ว่าจะรอดหรือจะร่อแร่”

ทองสิบสนใจเรื่องไสยศาสตร์และโหราศาสตร์มากพอๆ กับเรื่องผู้ชาย แต่จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ “โสด” แม้วัยจะล่วงเลยมาถึง 40 ปีแล้วก็ตาม

“ไม่เอา…ดูไปก็เท่านั้น มันจะเจ๊งก็ช่างมันค่ะ!”

“ไม่ได้ๆ มาทดสอบฝีมือกันหน่อย…ตั้งแต่เกิดเรื่องเทย์ ฉันไม่ได้ดูดวงแกอีกเลย”

“อย่ามาแม่นขนาดนั้นอีกได้ไหม? แล้วก็อย่าไปเที่ยวบอกใครเรื่องเป็นเรื่องตายอีกเลยนะคะ มันสยอง” ละตินยิ้มเจื่อน เรื่องอัศจรรย์ของการดูดวงที่แม่นยำของทองสิบ ทำให้ละตินรู้สึกกลัว เพราะหล่อนเคยทำนายเรื่องเคราะห์ร้ายของเทวราชย์มาแล้ว

“เสียใจ…ไม่ทันหรอก…แล้วนั่นมันก็ชะตาเขา ปล่อยให้เขาไปเป็นเทวดาเถอะนะ พี่บอกติกี่ครั้งแล้วว่าเทย์น่ะเขาเป็นเทพ เคยทำชั่วที่ไหนกัน…เขาไปดีแล้วล่ะน้องรัก!”

ละตินยอมรับชะตากรรมของตัวเอง อย่างที่ทองสิบบอก แม้ในใจจะหดหู่นัก แต่ก็ยื่นมือไปให้ดูลายมือ แม่หมอดูมือของละตินไม่นาน แล้วเขียนอะไรบางอย่างในกระดาษ “ติ…ละตินๆ แกกำลังจะได้เจอคู่แท้นะ!!!” ทองสิบร้องเสียงหลง มือกรีดกราย ตบที่อกขอตัวเองอย่างดีใจ

“อย่ามามั่ว…พอกันที”

“ติ…เดี๋ยวนะ ขอบวกเลขอีกหน่อย นั่นๆ ๆ แกจดไว้เลยนะ แกกำลังจะเจอคู่ในที่ทำงานล่ะ นั่นแหละของแกจริงๆ ไม่เชื่อคอยดู!!!”

ละตินส่ายหน้า ก่อนจะยกกาแฟมาดื่ม “เหอะ!! หมดทางค่ะคุณพี่…ติไม่ทำงานออฟฟิศแล้ว ก็เรากำลังจะมีร้านดอกไม้นี่ไงทูนหัว!!” หญิงสาวหัวเราะร่วน

“หรือจะเป็นนายคิมหันต์หว่า???!!” แม่หมอตั้งคำถามกับตัวเอง

“หา!!???”

“ไม่น่าใช่…เขาอายุมากกว่าแก…เดี๋ยวขออัดเทปหน่อย”

“อายุมากกว่า…แต่มีผู้หญิงเยอะ…อืม…เคยสาบานกันมานะเนี่ย…โอ…สุขมากับทุกข์”

“พอเถอะคุณนายทองสิบ…นั่นมันสัจธรรม สุขก็มากับทุกข์แน่นอน แล้วผู้ชายทุกคนก็มีผู้หญิงไม่ต่ำกว่าสองคนอยู่แล้ว…พวกเจ้าชู้!!! แต่เรื่องสาบานนี่ออกจะน้ำเน่าไปนิดค่ะ”

ทองสิบมองหน้าละตินนิ่ง หญิงสาวหน้าตาหมดจดที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ เมื่อใดที่เผลอ เจ้าตัวจะหน้านิ่งเหมือนภาพวาดงดงาม…หากแต่บางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแววตาคือ ความเศร้าที่เยือกเย็นเหลือเกิน

“เฮ้อ! ไม่เป็นไร…ไม่เชื่อก็ไม่แปลก ขอฉันไปเข้าสมาธิมากกว่านี้หน่อยเถอะ จะเล่าเป็นฉากๆ เชียว”

ละตินหัวเราะพลางส่ายหน้า นึกขำกับท่าทางของเจ้าตัวยิ่งนัก ทองสิบพูดจาโผงผาง หากแต่ข้างในหล่อนสะอาดบริสุทธิ์ เป็นที่พึ่งได้ทุกเวลา แม้การแต่งกายในชีวิตประจำวันของหล่อนที่ฉูดฉาดทันสมัยและการเข้าวัดไปปฏิบัติธรรมจะไปด้วยกันไม่ได้!

“โอนเงินให้ติด้วย พรุ่งนี้ไปรับเซ้งร้านแล้วค่ะ ช่างจะเข้าไปดูด้วยว่ามีอะไรต้องแต่งอีกไหม”

“เท่าไหร่ล่ะ?”

“แล้วแต่พี่ทองสิบจะกรุณา…”

“หนึ่งล้านก่อนนะ”

“เอามาทำไมเยอะแยะ?! ร้านเล็กๆ ข้างทางค่ะ ติไม่เอาใหญ่”

“ช่างฉัน!! ฉันรวยแกไม่รู้เหรอ???!!”

“สาธุค่ะ งั้นขอเวลาสามเดือนจะเคลียร์เงินลงทุนคืนค่ะ”

“ไม่เป็นไร…ฉันให้เวลาแกหนึ่งปี…นับจากบัดนี้น้องรัก!!”

ละตินมองหน้าคนไม่สนใจอะไรนอกจากกระดาษเขียนพื้นดวงในมือ ก็อดขอบคุณอยู่ในใจไม่ได้ ทองสิบรู้ดีว่าเงินลงทุนในการทำร้านนี้แค่ 5 แสนเพราะมันเล็กนิดเดียว แต่ทองสิบก็ให้มามากมาย จะมีอะไรนอกจาก คำว่า “เชื่อใจและให้โอกาส” โชคดีเหลือเกิน ที่ได้อยู่ท่ามกลางคนดีมาตลอด อนาคตเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ฉันจะเดินไปข้างหน้า



กว่าจะจัดการหน้าร้านให้ออกมาดูดี ละตินก็สั่งแก้งานของนักออกแบบภายในหลายจุด “คุณติไม่ชอบสีชมพูเหรอครับ? ผมไม่ทราบเลยลงสีนี้ให้”

“ก็ไม่ถึงกับไม่ชอบค่ะ แต่ติว่ามันหวานไปนิด ขอกลางๆ ดีกว่าค่ะ” สีหน้าคนทำงานให้ดูผิดหวัง หญิงสาวจึงพยายามไม่มองหน้าเขา หากใจอ่อนก็คงต้องโอนอ่อนตามเขา

พอคนงานกลับไปละตินจึงได้นั่งพักเพียงลำพัง ร้านดอกไม้ที่อยากทำให้เป็นงานอดิเรกในวันนี้จะกลายเป็นงานหลักให้สองพี่น้องต่างสายเลือดได้พึ่งพาอาศัยกัน ไม่ลองก็ไม่รู้หากมันจะไปไม่รอด ดูอย่างตอนนี้เถอะ เพียงแค่เงินของพี่ทองสิบ ละตินก็เสกร้านดอกไม้ขึ้นมาได้ภายในไม่กี่วัน ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเธอคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบ

“กินข้าวหรือยังพี่?” คิมหันต์หอบถุงของกินหลายอย่างเดินเข้ามาหา ก่อนจะวางให้ที่โต๊ะ

“ยังไม่หิวเลยคิม…ลมเข้าท้องไปเยอะ พูดมากเหลือเกินวันนี้”

“ก็ดูดีนี่พี่ ก็ค่อยๆ ขายไป ผมมีแต่แรงกายให้ พี่ก็ใช้มาก็แล้วกันครับ”

“ได้…ไว้อยู่ตัวแล้วพี่ยกให้เลย”

“ไม่เอาหรอก ชอบเป็นทาส…เป็นนายไม่ทำ” ชายหนุ่มออกตัวหน้าตาเฉย

“ทำไม? เหมือนไม่อยากโต”

“ยังหรอก…เป็นแบบนี้ดีแล้วครับ ให้เหงื่อมันออก ให้ได้พูดคำว่าเหนื่อยเสียบ้าง จะได้รู้สึกเหมือนเป็นคนปกติ มีเงินแล้วไม่สุข ผมไม่เอาด้วยหรอก”

ละตินเห็นแววตาของผู้ชายคนนี้แล้วรู้สึกชื่นชมตั้งแต่แรกเห็น เขาซื่อและตรงไปตรงมาเสมอ หลายเดือนที่ได้รู้จักกันมาคิมหันต์ ‘ใส่ใจ’ คนแปลกหน้าอย่างเธอมาตลอด ยามป่วยไข้ ยามร้องไห้ ก็มีเพียงคิมหันต์และทองสิบเท่านั้นที่คอยอยู่ข้างๆ หญิงชายคู่นี้ทำให้ละตินรู้จักคำว่า ‘มิตรภาพ’ ได้อย่างลึกซึ้ง

ชายหนุ่มเป็นคนที่หน้าตาดี และมั่นใจในตัวเองสูง จุดเด่นคือ ‘ทุกอย่าง’ ในตัวเขา หากแต่เมื่ออยู่กับเธอ คิมหันต์จะเป็น ‘ผู้ตาม’ เสมอ

“อ้อ!! วันหลังคิมพาแฟนมาที่นี่ได้นะ จะได้มีเพื่อนวันที่พี่ไม่มา ออกจากงานที่อู่มาทำร้านดอกไม้ มันคงทำให้รู้สึกเหงา” ละตินยิ้มอย่างเข้าใจ คิมหันต์ว่าง่ายเสมอ เขายอมลาออกจากงานที่อู่มาโดยไม่มีข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น ละตินตั้งใจจะให้ค่าแรงกับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทน

“ครับ! คงชอบแหละ ผู้หญิงกับดอกไม้ แล้วทำไมจะไม่มา?”

“พี่เปลี่ยนใจแล้ว…คิดว่าทำงานประจำไปด้วยน่าจะดีกว่า ถ้ามารอขายดอกไม้ เวลาว่างคงเยอะ เดี๋ยวเราจ้างคนมาช่วยจัดดอกไม้ให้สักสองคน น่าจะพอ”

พอได้ยินคำว่า ‘ว่าง’ คิมหันต์ก็รับรู้ได้ถึงความกลัวในแววตาของพี่สาวต่างสายเลือด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่