คำเตือนบทความต่อไปนี้ไม่สามรถหาเเหล่งอ้างอิงที่ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นได้โปรดใช้วิจารณญาณ
(การระบุจำเเนกจะอ้างอิงตามโมเดลหลัก)
ประวัติเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://en.wikipedia.org/wiki/Pedersen_device
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 สหรัฐเข้าร่วมสงครามโดยอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรมีการส่งทหารจำนวนมากไปยังแนวหน้าในฝรั่งเศสเพื่อต่อสู้กับกองทัพเยอรมัน หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทหารจีไอที่เดินทางไปถึงแนวหน้าต้องพบเจอนั่นก็คือพบว่าปืน M1903 ระบบขัดกลอนแบบที่ใช้อยู่นั้นไม่มีความเร็วเพียงพอในการยิงใส่เป้าหมายที่มีมากกว่า 5 คนขึ้นไปเพราะทุกครั้งที่ทหารสหรัฐทำการยึดสนามเพลาะที่มั่นของฝ่ายเยอรมันได้ก็มักจะเจอกันโจมตีกลับเพื่อหวังจะยึดสนามเพราะนั้นคืน บวกกับระยะการต่อสู้โดยทั่วไปที่พบเห็นได้ใน No man's land มีระยะอยู่แค่ประมาณ 400 ถึง 500 หลาเท่านั้นจึงทำให้เกิดโครงการคิดค้น ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติใช้กระสุนขนาดกลางขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตรงนี้เองที่ทำให้ John Pedersen นักออกแบบอาวุธชาวอเมริกันเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้โดยตรง โดยเขาได้นำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใครว่าเราไม่จำเป็นต้องสร้างปืนขึ้นมาใหม่ทั้งกระบอกเราแค่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ที่ทำให้ของที่มีอยู่เดิมอยู่แล้วเปลี่ยนไปแค่นั้นเอง เขาจึงได้นำเสนอระบบ blowback ที่เขาคิดค้นขึ้นมันคือการติดตั้งระบบนี้ลงไปในปืนไรเฟิล M1903 ที่มีอยู่เดิมอยู่แล้วด้วยการถอดระบบขัดกลอนของตัวปืนออกแล้วใส่ระบบของเขาเข้าไปแทนจากนั้นก็ใส่แม็กกาซีนกระสุนขนาด 7.65×20mm Longue 40 นัดตามลงไป แค่นี้ก็จะได้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติใช้กระสุนขนาดกลางเอาไว้ใช้ต่อสู้ในการโจมตีเเละตั้งรับแล้ว
John Douglas Pedersen ( 21 May , 1881 – 23 May, 1951)
แต่ปืน M1903 ที่สามารถใช้ระบบ Pedersen device ได้ต้องผ่านการดัดแปลงเสียก่อน ระบบเริ่มทำการผลิตในปี 1918 โดยมีการผลิตระบบออกมาเป็นจำนวน 133,450 ชุด กระสุนขนาด 7.65×20mm Longue 800,000,000 นัดและปืน m1903 ที่ผ่านการดัดแปลงเพื่อใช้ แล้ว 101,775 กระบอกทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในเเผนบุกครั้งใหญ่ปี 1919 แต่สงครามจบลงเสียก่อนเมื่อไม่ได้เข้าร่วมสงครามระบบ device และกระสุนทั้งหมดจึงถูกเก็บอยู่ในคลังเเสงพร้อมกับตัวปืนที่ผ่านการดัดแปลงเพื่อใช้คู่กับระบบนี้ต่อมาภายหลังเริ่มมีการบุกปล้นคลังแสงของกองทัพโดยพวกนอกกฎหมายทำให้กองทัพตัดสินใจทำลายระบบ device ทั้งหมดทิ้งพร้อมกับตัวปืนและเหลือไว้เพียงแค่ร้อยกว่าเท่านั้นที่ยังอยู่และเป็นของหายากมากถึงมากที่สุดในวงการนักสะสมปืนอเมริกัน
ในภาพคือซองเก็บ Pedersen device ระบบขัดกลอนทีถอดออกมาและซองกระสุน 40 นัด
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 69 Pedersen device ระบบยิงกึ่งอัตโนมัติของ M1903
(การระบุจำเเนกจะอ้างอิงตามโมเดลหลัก)
ประวัติเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 สหรัฐเข้าร่วมสงครามโดยอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรมีการส่งทหารจำนวนมากไปยังแนวหน้าในฝรั่งเศสเพื่อต่อสู้กับกองทัพเยอรมัน หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทหารจีไอที่เดินทางไปถึงแนวหน้าต้องพบเจอนั่นก็คือพบว่าปืน M1903 ระบบขัดกลอนแบบที่ใช้อยู่นั้นไม่มีความเร็วเพียงพอในการยิงใส่เป้าหมายที่มีมากกว่า 5 คนขึ้นไปเพราะทุกครั้งที่ทหารสหรัฐทำการยึดสนามเพลาะที่มั่นของฝ่ายเยอรมันได้ก็มักจะเจอกันโจมตีกลับเพื่อหวังจะยึดสนามเพราะนั้นคืน บวกกับระยะการต่อสู้โดยทั่วไปที่พบเห็นได้ใน No man's land มีระยะอยู่แค่ประมาณ 400 ถึง 500 หลาเท่านั้นจึงทำให้เกิดโครงการคิดค้น ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติใช้กระสุนขนาดกลางขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตรงนี้เองที่ทำให้ John Pedersen นักออกแบบอาวุธชาวอเมริกันเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้โดยตรง โดยเขาได้นำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใครว่าเราไม่จำเป็นต้องสร้างปืนขึ้นมาใหม่ทั้งกระบอกเราแค่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ที่ทำให้ของที่มีอยู่เดิมอยู่แล้วเปลี่ยนไปแค่นั้นเอง เขาจึงได้นำเสนอระบบ blowback ที่เขาคิดค้นขึ้นมันคือการติดตั้งระบบนี้ลงไปในปืนไรเฟิล M1903 ที่มีอยู่เดิมอยู่แล้วด้วยการถอดระบบขัดกลอนของตัวปืนออกแล้วใส่ระบบของเขาเข้าไปแทนจากนั้นก็ใส่แม็กกาซีนกระสุนขนาด 7.65×20mm Longue 40 นัดตามลงไป แค่นี้ก็จะได้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติใช้กระสุนขนาดกลางเอาไว้ใช้ต่อสู้ในการโจมตีเเละตั้งรับแล้ว
John Douglas Pedersen ( 21 May , 1881 – 23 May, 1951)
แต่ปืน M1903 ที่สามารถใช้ระบบ Pedersen device ได้ต้องผ่านการดัดแปลงเสียก่อน ระบบเริ่มทำการผลิตในปี 1918 โดยมีการผลิตระบบออกมาเป็นจำนวน 133,450 ชุด กระสุนขนาด 7.65×20mm Longue 800,000,000 นัดและปืน m1903 ที่ผ่านการดัดแปลงเพื่อใช้ แล้ว 101,775 กระบอกทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในเเผนบุกครั้งใหญ่ปี 1919 แต่สงครามจบลงเสียก่อนเมื่อไม่ได้เข้าร่วมสงครามระบบ device และกระสุนทั้งหมดจึงถูกเก็บอยู่ในคลังเเสงพร้อมกับตัวปืนที่ผ่านการดัดแปลงเพื่อใช้คู่กับระบบนี้ต่อมาภายหลังเริ่มมีการบุกปล้นคลังแสงของกองทัพโดยพวกนอกกฎหมายทำให้กองทัพตัดสินใจทำลายระบบ device ทั้งหมดทิ้งพร้อมกับตัวปืนและเหลือไว้เพียงแค่ร้อยกว่าเท่านั้นที่ยังอยู่และเป็นของหายากมากถึงมากที่สุดในวงการนักสะสมปืนอเมริกัน
ในภาพคือซองเก็บ Pedersen device ระบบขัดกลอนทีถอดออกมาและซองกระสุน 40 นัด