หลังจากที่ผมได้ศึกษาระบบกรองน้ำ และติดตั้งเครื่องกรอง RO ให้ญาตๆ ให้เพื่อนๆ ไปประมาณ 15 เครื่อง ผมชอบทำแบบนี้ครับ
1. หาเครื่องวัด TDS ไว้ครับ ลิ้นเราไม่แน่นอน ร้าน 19 มีขาย สีฟ้า อันละ 200 บาท
2. การล้างใส้กรอง ผมจะล้างกระบอก 1+2 ก่อน (ต่อสายที่ออกจากกระบอก2 ใส่ลงขวดขนาด2ลิตรหรือประมาณครึ่งแกลลอน) น้ำนี้จะดำมากๆ
ที่ทำแบบนี้เพื่อว่า น้ำดำๆนี้จะได้ไม่ไปอุดตันใส้กรองของกระบอก3 ปล่อยให้ไหลทิ้งซักขวดเดียวหรือครึ่งแกลลอนน้ำก็จะหายดำแล้ว จึงค่อยต่อสายเข้ากระบอก3 แล้วเปิดน้ำล้างกระบอก 1+2+3 ต่อไปอีกซัก7ขวด รวมเป็น8ขวดหรือราวๆ4แกลลอน
3. ต่อสายให้ครบทั้งระบบ แล้วล้างทั้งระบบไปเรื่อยๆ (ปิดวาล์วที่ถังแรงดันไว้ก่อน) เอาแก้วมารองน้ำ RO แล้วเอา TDS วัดไปเรื่อยๆ ครั้งล่าสุดที่ทำไป ผมได้จดค่า TDS ไว้ด้วยดังนี้ครับ (แก้วที่ผมใช้ มีขนาด 230 ซีซี)
- น้ำ RO แก้วที่ 1 วัด TDS ได้ 250
- น้ำ RO แก้วที่ 2 วัด TDS ได้ 75
- น้ำ RO แก้วที่ 3 วัด TDS ได้ 50
- น้ำ RO แก้วที่ 4 วัด TDS ได้ 35 <--- ดื่มได้แล้วนะครับ (น้ำ RO ที่วางขายกันบางขวดผมวัดได้ 40 กว่าๆ เขายังขายกันเลย)
- น้ำ RO แก้วที่ 5 วัด TDS ได้ 28
- น้ำ RO แก้วที่ 6 วัด TDS ได้ 25
- น้ำ RO แก้วที่ 7 วัด TDS ได้ 23
- น้ำ RO แก้วที่ 8 วัด TDS ได้ 20
- น้ำ RO แก้วที่ 9 วัด TDS ได้ 19
- น้ำ RO แก้วที่ 10 วัด TDS ได้ 17
- น้ำ RO แก้วที่ 11 วัด TDS ได้ 16
- น้ำ RO แก้วที่ 12 วัด TDS ได้ 15
- น้ำ RO แก้วที่ 13 วัด TDS ได้ 14
- น้ำ RO แก้วที่ 14 วัด TDS ได้ 14
- น้ำ RO แก้วที่ 15 วัด TDS ได้ 13
- น้ำ RO แก้วที่ 16 วัด TDS ได้ 12
- น้ำ RO แก้วที่ 17 วัด TDS ได้ 11
- น้ำ RO แก้วที่ 18 วัด TDS ได้ 10 <--- สำหรับผม มา OK ตรงนี้ครับ เปิดวาล์วที่ถังแรงดัน ปิดก๊อกน้ำดื่ม เพื่อกรองเก็บใส่ถังต่อไป
สรุป น้ำ RO 18 แก้ว ก็ประมาณ 18x230/1000/3.78 = 1.1 แกลลอน แค่นี้ TDS ก็ได้ 10 PPM แล้ว ไม่จำเป็นต้อง Flush ถึง 4 แกลลอน ให้สิ้นเปลือง
4. หลังจากนี้ก็กรองใช้งานไป และมองดูกระบอกแรกไปเรื่อยๆ ถ้าดำจนทนไม่ได้ก็เปลี่ยนใส้กรอง (เปลี่ยนเฉพาะใส้กรอง PP กระบอกแรก)
บางอันเดือนเดียวเปลี่ยนเพราะมีการซ่อมท่อประปา มีน้ำโคลนไหลเข้ามา บางอันใช้ได้ 6 เดือนยังไม่ดำ เพราะลูกๆไปค้างที่ต่างจังหวัด เลยดื่มน้ำกันน้อย
5. วัด TDS เดือนละครั้ง2ครั้ง ถ้าวัดได้เกิน 10 เมื่อไหร่ จะเปลี่ยนใส้กรองทุกกระบอก และล้างใส้กรองตามข้อ 2 และ 3 ตามที่ว่ามา
ใส้กรองกระบอก 2,3,4,5 ชุดล่าสุด ผมใช้ไป 18 เดือน (โดย เปลี่ยนใส้กรอง PP กระบอกแรกไปประมาณ 5-6 ครั้ง...มั้ง จำไม่ได้) ก่อนเปลี่ยน ยังวัด TDS ได้แค่ 9 ซึ่งก็ยังดีอยู่ แอบเสียดายน่าจะใช้ต่อไปอีกซักครึ่งปี แต่พอดีไปหาเพื่อนแถวๆสวนสยาม เลยแวะซื้อมาเปลี่ยนซะเลย ผมคิดว่าบ้านผมน่าจะใช้ได้ 2 ปี สบายๆ (บ้านผมอยู่กัน 4 คน)
ที่ผมทำแบบนี้ ผมไม่ได้คิดเอาเองนะครับ ผมทำตามผู้ผลิตใส้กรอง ที่เขาพิมพ์ Service Life บอกไว้ที่ข้างกระบอก ซึ่งผมได้ทำตามแล้ว มันเป็นแบบนี้จริงๆ ผมเชื่อว่าเราต้องเปลี่ยนใส้กรองตามปริมาณการใช้ บางบ้านอยู่กัน2คน บางบ้านอยู่กัน7คน จะให้ทั้งสองบ้านเปลี่ยนใส้กรองทุก 1 ปี เหมือนๆกัน ผมว่ามันคงไม่ใช่
ถ้าเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ก็แนะนำกันได้นะครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็น
ผมยังมีคำแนะนำอื่นๆอีก จะหาโอกาส นำเสนอต่อไปครับ
ขอแชร์ประสบการณ์ การ Flush และอายุการใช้งานของใส้กรอง RO ครับ
1. หาเครื่องวัด TDS ไว้ครับ ลิ้นเราไม่แน่นอน ร้าน 19 มีขาย สีฟ้า อันละ 200 บาท
2. การล้างใส้กรอง ผมจะล้างกระบอก 1+2 ก่อน (ต่อสายที่ออกจากกระบอก2 ใส่ลงขวดขนาด2ลิตรหรือประมาณครึ่งแกลลอน) น้ำนี้จะดำมากๆ
ที่ทำแบบนี้เพื่อว่า น้ำดำๆนี้จะได้ไม่ไปอุดตันใส้กรองของกระบอก3 ปล่อยให้ไหลทิ้งซักขวดเดียวหรือครึ่งแกลลอนน้ำก็จะหายดำแล้ว จึงค่อยต่อสายเข้ากระบอก3 แล้วเปิดน้ำล้างกระบอก 1+2+3 ต่อไปอีกซัก7ขวด รวมเป็น8ขวดหรือราวๆ4แกลลอน
3. ต่อสายให้ครบทั้งระบบ แล้วล้างทั้งระบบไปเรื่อยๆ (ปิดวาล์วที่ถังแรงดันไว้ก่อน) เอาแก้วมารองน้ำ RO แล้วเอา TDS วัดไปเรื่อยๆ ครั้งล่าสุดที่ทำไป ผมได้จดค่า TDS ไว้ด้วยดังนี้ครับ (แก้วที่ผมใช้ มีขนาด 230 ซีซี)
- น้ำ RO แก้วที่ 1 วัด TDS ได้ 250
- น้ำ RO แก้วที่ 2 วัด TDS ได้ 75
- น้ำ RO แก้วที่ 3 วัด TDS ได้ 50
- น้ำ RO แก้วที่ 4 วัด TDS ได้ 35 <--- ดื่มได้แล้วนะครับ (น้ำ RO ที่วางขายกันบางขวดผมวัดได้ 40 กว่าๆ เขายังขายกันเลย)
- น้ำ RO แก้วที่ 5 วัด TDS ได้ 28
- น้ำ RO แก้วที่ 6 วัด TDS ได้ 25
- น้ำ RO แก้วที่ 7 วัด TDS ได้ 23
- น้ำ RO แก้วที่ 8 วัด TDS ได้ 20
- น้ำ RO แก้วที่ 9 วัด TDS ได้ 19
- น้ำ RO แก้วที่ 10 วัด TDS ได้ 17
- น้ำ RO แก้วที่ 11 วัด TDS ได้ 16
- น้ำ RO แก้วที่ 12 วัด TDS ได้ 15
- น้ำ RO แก้วที่ 13 วัด TDS ได้ 14
- น้ำ RO แก้วที่ 14 วัด TDS ได้ 14
- น้ำ RO แก้วที่ 15 วัด TDS ได้ 13
- น้ำ RO แก้วที่ 16 วัด TDS ได้ 12
- น้ำ RO แก้วที่ 17 วัด TDS ได้ 11
- น้ำ RO แก้วที่ 18 วัด TDS ได้ 10 <--- สำหรับผม มา OK ตรงนี้ครับ เปิดวาล์วที่ถังแรงดัน ปิดก๊อกน้ำดื่ม เพื่อกรองเก็บใส่ถังต่อไป
สรุป น้ำ RO 18 แก้ว ก็ประมาณ 18x230/1000/3.78 = 1.1 แกลลอน แค่นี้ TDS ก็ได้ 10 PPM แล้ว ไม่จำเป็นต้อง Flush ถึง 4 แกลลอน ให้สิ้นเปลือง
4. หลังจากนี้ก็กรองใช้งานไป และมองดูกระบอกแรกไปเรื่อยๆ ถ้าดำจนทนไม่ได้ก็เปลี่ยนใส้กรอง (เปลี่ยนเฉพาะใส้กรอง PP กระบอกแรก)
บางอันเดือนเดียวเปลี่ยนเพราะมีการซ่อมท่อประปา มีน้ำโคลนไหลเข้ามา บางอันใช้ได้ 6 เดือนยังไม่ดำ เพราะลูกๆไปค้างที่ต่างจังหวัด เลยดื่มน้ำกันน้อย
5. วัด TDS เดือนละครั้ง2ครั้ง ถ้าวัดได้เกิน 10 เมื่อไหร่ จะเปลี่ยนใส้กรองทุกกระบอก และล้างใส้กรองตามข้อ 2 และ 3 ตามที่ว่ามา
ใส้กรองกระบอก 2,3,4,5 ชุดล่าสุด ผมใช้ไป 18 เดือน (โดย เปลี่ยนใส้กรอง PP กระบอกแรกไปประมาณ 5-6 ครั้ง...มั้ง จำไม่ได้) ก่อนเปลี่ยน ยังวัด TDS ได้แค่ 9 ซึ่งก็ยังดีอยู่ แอบเสียดายน่าจะใช้ต่อไปอีกซักครึ่งปี แต่พอดีไปหาเพื่อนแถวๆสวนสยาม เลยแวะซื้อมาเปลี่ยนซะเลย ผมคิดว่าบ้านผมน่าจะใช้ได้ 2 ปี สบายๆ (บ้านผมอยู่กัน 4 คน)
ที่ผมทำแบบนี้ ผมไม่ได้คิดเอาเองนะครับ ผมทำตามผู้ผลิตใส้กรอง ที่เขาพิมพ์ Service Life บอกไว้ที่ข้างกระบอก ซึ่งผมได้ทำตามแล้ว มันเป็นแบบนี้จริงๆ ผมเชื่อว่าเราต้องเปลี่ยนใส้กรองตามปริมาณการใช้ บางบ้านอยู่กัน2คน บางบ้านอยู่กัน7คน จะให้ทั้งสองบ้านเปลี่ยนใส้กรองทุก 1 ปี เหมือนๆกัน ผมว่ามันคงไม่ใช่
ถ้าเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ก็แนะนำกันได้นะครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็น
ผมยังมีคำแนะนำอื่นๆอีก จะหาโอกาส นำเสนอต่อไปครับ