สวัสดีครับเป็นกระทู้แรกของ Page
#YOONGRUJEVERYWHERE
https://www.facebook.com/YOONGRUJEVERYWHERE/
ผมกับแฟนเป็นคนชอบเที่ยว รักเดินทางกันทั้งคู่ เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทาง
ที่มีทั้งสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง ถือเป็นการเขียนไดอารี่ ไว้เก็บประสบการณ์ดีๆของเราระหว่างเดินทางไว้เป็นความทรงจำ
จริงๆแล้วทริปนี้ไม่ได้เป็นการเที่ยวตามสถานที่สำคัญอะไร แต่เป็นทริปไปงานรับปริญญาลูกพี่ลูกน้องของแฟนผม
ที่
มหาวิทยาลัยมหาสารคามครับ
แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิดต้องรีบกลับมาทำงานกันทั้งคู่
เราสองคนจึงมีเวลาเพียงแค่ 1วัน ที่จ.มหาสารคาม แต่เป็นทริปที่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำดีๆ เป็น 24ชม. ที่อยากจะแบ่งปันกันครับ
04:00
บ้านผมอยู่ที่หลักสี่ ดังนั้นการเดินทางไปสนามบินดอนเมืองเวลาตี 4นี้ จึงใช้เวลาเพียงแค่ 15นาทีเท่านั้น
ทริปนี้เราเลือกใช้บริการของสายการบินนกแอร์ครับ เราสองคนเช็คอินออนไลน์กันมาเรียบร้อย เพราะไม่มีสัมภาระที่จะต้องโหลด
เราจอดรถกันที่อาคารจอดรถ 7ชั้น และโชคดีที่ได้ที่จอดรถที่ตรงกับทางเข้าพอดี
(ขอให้ความรู้ซักหน่อยสำหรับสัมภาระที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักใบละไม่เกิน 7กิโลนะครับ
แอบเกินไปนิดแต่พี่นกของเราบอกโอเค เพราะมีแค่ใบเดียว)
05:00
เราเดินผ่านจุด x-ray กระเป๋าเข้ามาภายใน Terminal ของขาออกภายประเทศ
ก็ถึงกับว๊าวครับด้วยความที่ไม่ได้บินในประเทศนานมากๆแล้ว ในนี้ทั้งใหม่ และเต็มไปด้วยของกินมากมาย
แถมเป็นแบรนด์ดังๆทั้งนั้น ทั้ง Milch ชีสคัพราคา 80บาท ที่แฟนผมก็ยังไม่กล้าลองเพราะเสียดายตัง
Ben's cookies ที่ตอนเปิดตัวใหม่ๆมีคนต่อแถวรอซื้อกันห้างแทบแตก, Bake ชีสทารต์แสนอร่อยจากฮอกไกโด และร้านอื่นๆอีกมากมาย
สุดท้ายเรามาจบที่ Krispy Kreme 1โหลแบบออริจินอล เอาไปฝากเด็กๆกัน (ตรงนี้มีเรื่องประทับใจกับพนักงานของทุกๆร้านเลยที่อัธยาศัยดีมากๆยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน น่าอุดหนุนครับ


05:20
ข้อดีของสนามบินดอนเมืองคือเกทแต่ละเกทใกล้มาก ไม่ต้องเดินไกลๆเหมือนสุวรรณภูมิ เราจึงมีเวลาเลือกซื้อของ
นั่งพักทานกาแฟกินขนมก่อนเข้าไปรอเรียกขึ้นเครื่องครับ
เรานั่งรอเพียงแค่ไม่กี่นาที จนท.ก็เรียกผู้โดยขึ้นรถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องที่อยู่ไกลจากตัว Terminal ออกไป
เครื่องบินที่จะพาเราเดินทางในวันนี้ชื่อ NOK ANNA ครับเป็นเครื่องบินแบบ Bombardier Q400 เป็นเครื่องแบบใบพัด 4แถว 82 ที่นั่ง
เนื่องจากเราทำการเช็คอินออนไลน์มาและ NOK AIR ให้เราเลือกที่นั่งได้ฟรีผมจึงเลือกที่นั่งที่สามารถมองเห็นใบพัดของเครื่อง
เพียงเพื่อเหตุผลเดียวคือ
อยากจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นตัดกับเส้นขอบฟ้าและมีใบพัดของเครื่องบินอยู่ในรูป
(ตัดเข้าสาระกันซักหน่อยครับ สำหรับเครื่องบินเล็กแบบนี้เค้ามีกฎระเบียบอยู่ว่าสัมภาระทุกอย่างของผู้โดยสาร
ต้องเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระเหนือศรีษะ หรือเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้วางไว้บนตัก หรือสะพายไว้เด็ดขาด
รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกต่างๆก็ต้องปิด โทรศัพท์ก็ต้องปิดแบบที่ไม่ใช้ Airplane Mode นะครับ เพราะสัญญาณจะรบกวนการบิน
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆที่สำคัญมากๆที่เราจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เรื่องง่ายๆที่ช่วยชีวิตทุกคนบนเครื่องได้
หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเราคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นนะครับ)


เครื่อง Take Off ตรงเวลาพอดีคือ 05.40 จากนั้นไม่นานนกสาวโฮสเตสก็ทำการแจก นกชื่นใจ ให้กับผู้โดยสาร

ชื่นใจสมชื่อจริงๆครับ แต่ชื่นใจได้แค่ครั้งเดียวนะครับ เพราะมันหมด แฮร่

แล้วในที่สุดพระอาทิตย์ที่หลับใหลก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆท่ามกลางเมฆหมอกในที่สุดภาพที่เรารอคอยก็มาถึงครับ


สมกับที่รอคอยไว้จริงๆครับผมมม
พักสายตากันแค่อึดใจ NOK ANNA ก็พาเรามาถึงท่าอากาศยานร้อยเอ็ดใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม. เท่านั้นเองครับ
ก้าวแรกที่ออกมาจากตัวเครื่อง อากาศเย็นสบาย มีหมอกจางๆ สูดอากาศสดชื่นกันเต็มปอด


แต่ที่เด็ดไปกว่านั้น นี่ผมนึกว่าตัวเองอยู่ที่สนามบินซักเมืองในญี่ปุ่น เพราะที่นี่เค้ามีมาสคอตประจำสนามบินด้วยนะครับ เค้ามีชื่อว่า โกมุ
ซึ่งไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแต่เค้ามาเป็นครอบครับ ชื่อว่า โกมุแฟมิลี่ ออกแบบมาได้น่ารักมากๆครับ

แต่เอ๊ะ อ่านมาถึงตรงนี้คงจะ งง ว่าทำไมดันมาที่ร้อยเอ็ดซะได้
ก็เพราะ จ.มหาสารคาม ยังไม่มีสายการบินไหนบินตรงมาที่นี่เลย ก็ถ้าผู้ใหญ่ใจดีได้มีโอกาสมาเห็นกระทู้นี้
แล้วเปิดรูทบินผมคิดว่าคงจะทำกำไรได้ไม่น้อย เพราะแค่มหา'ลัยมหาสารคามแค่ที่เดียวก็มีนักศึกษาหลายพันคนแล้วครับ
ดังนั้นแล้วเราจึงต้องใช้บริการอีกประเภทเพื่อความสะดวกในการเดินทางในทริปนี้คือ
บริการเช่ารถ
แฟนผมเป็นคนจัดการเธอใช้วิธีง่ายๆคือ กูเกิ้ลครับ พิมพ์ว่า "เช่ารถร้อยเอ็ด"
ก็จะขึ้นมาเลยชื่อเวปไซด์คือ
https://www.juicar101.com เค้าจะให้เรากรอกวันเวลาสถานที่ที่จะรับและส่งคืนรถ
แล้วเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป ขอบอกเลยว่าประทับใจกันตั้งแต่การพูดคุยโทรศัพท์เบื้องต้นเพื่อคอนเฟิร์มกันเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่เค้าจะทราบเที่ยวบินของเราอยู่แล้ว มาถึงก็นำรถมารอรับถึงที่สนามบินเลยล่ะครับ บริการดีแนะนำเลยครับผม
(พาหนะของเราที่ได้จองไว้เดิมทีเป็น Ford Fiesta 900/วัน แต่ จนท โทรมาแจ้งว่าคนเช่าก่อนหน้านำรถมาคืนไม่ทัน
เลยขออนุญาตเปลี่ยนเป็น Honda City 1000/วัน โดยมีค่าประกันรถ 3,000บาท ก็ตกลงตามนั้นครับราคาไม่ต่างกันมากพอรับได้
โดยรถจะถูกเติมน้ำมันมาเต็มถัง และเมื่อส่งรถคืนก็เติมให้เต็มถังเช่นกันครับ )

7:45
ได้รถคู่ใจแล้วก็มุ่งหน้าสู่ "มหาสารคาม" กันจริงๆซักทีคร๊าบบ
ปักหมุดแรกใน GPSที่ สถานีขนส่งอำเภอวาปีปทุม เพื่อรับผู้โดยสารคนแรก แต่จะว่าไปแล้วเรายังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย
เช้าๆอย่างนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่า หมูปิ้งหอมๆ และข้าวเหนียวร้อน แถมด้วยเติมคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดซักหน่อยด้วย
ICE BLACK COFEE ที่ CAFE AMAZON เป็นอันอิ่มท้องพร้อมลุย
ออกเดินทางอีกครั้งมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็กๆไกลจากตัวอำเภอไปไม่กี่นาที ก็มาถึงบ้านไม้หลังใหญ่สีแดง
เทคโนโลยีทั่วถึงแล้วจริงๆนะครับเนี่ย หลังจากทักทายญาติผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แฟนผมก็จัดการแต่งองค์ทรงเครื่องให้เข้ากับบรรยากาศ
Chapter1 : 1 วันที่สารคาม
https://www.facebook.com/YOONGRUJEVERYWHERE/
ผมกับแฟนเป็นคนชอบเที่ยว รักเดินทางกันทั้งคู่ เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทาง
ที่มีทั้งสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง ถือเป็นการเขียนไดอารี่ ไว้เก็บประสบการณ์ดีๆของเราระหว่างเดินทางไว้เป็นความทรงจำ
จริงๆแล้วทริปนี้ไม่ได้เป็นการเที่ยวตามสถานที่สำคัญอะไร แต่เป็นทริปไปงานรับปริญญาลูกพี่ลูกน้องของแฟนผม
ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคามครับ
แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิดต้องรีบกลับมาทำงานกันทั้งคู่
เราสองคนจึงมีเวลาเพียงแค่ 1วัน ที่จ.มหาสารคาม แต่เป็นทริปที่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำดีๆ เป็น 24ชม. ที่อยากจะแบ่งปันกันครับ
04:00
บ้านผมอยู่ที่หลักสี่ ดังนั้นการเดินทางไปสนามบินดอนเมืองเวลาตี 4นี้ จึงใช้เวลาเพียงแค่ 15นาทีเท่านั้น
ทริปนี้เราเลือกใช้บริการของสายการบินนกแอร์ครับ เราสองคนเช็คอินออนไลน์กันมาเรียบร้อย เพราะไม่มีสัมภาระที่จะต้องโหลด
เราจอดรถกันที่อาคารจอดรถ 7ชั้น และโชคดีที่ได้ที่จอดรถที่ตรงกับทางเข้าพอดี
(ขอให้ความรู้ซักหน่อยสำหรับสัมภาระที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักใบละไม่เกิน 7กิโลนะครับ
แอบเกินไปนิดแต่พี่นกของเราบอกโอเค เพราะมีแค่ใบเดียว)
05:00
เราเดินผ่านจุด x-ray กระเป๋าเข้ามาภายใน Terminal ของขาออกภายประเทศ
ก็ถึงกับว๊าวครับด้วยความที่ไม่ได้บินในประเทศนานมากๆแล้ว ในนี้ทั้งใหม่ และเต็มไปด้วยของกินมากมาย
แถมเป็นแบรนด์ดังๆทั้งนั้น ทั้ง Milch ชีสคัพราคา 80บาท ที่แฟนผมก็ยังไม่กล้าลองเพราะเสียดายตัง
Ben's cookies ที่ตอนเปิดตัวใหม่ๆมีคนต่อแถวรอซื้อกันห้างแทบแตก, Bake ชีสทารต์แสนอร่อยจากฮอกไกโด และร้านอื่นๆอีกมากมาย
สุดท้ายเรามาจบที่ Krispy Kreme 1โหลแบบออริจินอล เอาไปฝากเด็กๆกัน (ตรงนี้มีเรื่องประทับใจกับพนักงานของทุกๆร้านเลยที่อัธยาศัยดีมากๆยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน น่าอุดหนุนครับ
05:20
ข้อดีของสนามบินดอนเมืองคือเกทแต่ละเกทใกล้มาก ไม่ต้องเดินไกลๆเหมือนสุวรรณภูมิ เราจึงมีเวลาเลือกซื้อของ
นั่งพักทานกาแฟกินขนมก่อนเข้าไปรอเรียกขึ้นเครื่องครับ
เรานั่งรอเพียงแค่ไม่กี่นาที จนท.ก็เรียกผู้โดยขึ้นรถบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องที่อยู่ไกลจากตัว Terminal ออกไป
เครื่องบินที่จะพาเราเดินทางในวันนี้ชื่อ NOK ANNA ครับเป็นเครื่องบินแบบ Bombardier Q400 เป็นเครื่องแบบใบพัด 4แถว 82 ที่นั่ง
เนื่องจากเราทำการเช็คอินออนไลน์มาและ NOK AIR ให้เราเลือกที่นั่งได้ฟรีผมจึงเลือกที่นั่งที่สามารถมองเห็นใบพัดของเครื่อง
เพียงเพื่อเหตุผลเดียวคือ อยากจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นตัดกับเส้นขอบฟ้าและมีใบพัดของเครื่องบินอยู่ในรูป
(ตัดเข้าสาระกันซักหน่อยครับ สำหรับเครื่องบินเล็กแบบนี้เค้ามีกฎระเบียบอยู่ว่าสัมภาระทุกอย่างของผู้โดยสาร
ต้องเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระเหนือศรีษะ หรือเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้วางไว้บนตัก หรือสะพายไว้เด็ดขาด
รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกต่างๆก็ต้องปิด โทรศัพท์ก็ต้องปิดแบบที่ไม่ใช้ Airplane Mode นะครับ เพราะสัญญาณจะรบกวนการบิน
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆที่สำคัญมากๆที่เราจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เรื่องง่ายๆที่ช่วยชีวิตทุกคนบนเครื่องได้
หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเราคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นนะครับ)
แล้วในที่สุดพระอาทิตย์ที่หลับใหลก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆท่ามกลางเมฆหมอกในที่สุดภาพที่เรารอคอยก็มาถึงครับ
พักสายตากันแค่อึดใจ NOK ANNA ก็พาเรามาถึงท่าอากาศยานร้อยเอ็ดใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม. เท่านั้นเองครับ
ก้าวแรกที่ออกมาจากตัวเครื่อง อากาศเย็นสบาย มีหมอกจางๆ สูดอากาศสดชื่นกันเต็มปอด
แต่ที่เด็ดไปกว่านั้น นี่ผมนึกว่าตัวเองอยู่ที่สนามบินซักเมืองในญี่ปุ่น เพราะที่นี่เค้ามีมาสคอตประจำสนามบินด้วยนะครับ เค้ามีชื่อว่า โกมุ
ซึ่งไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแต่เค้ามาเป็นครอบครับ ชื่อว่า โกมุแฟมิลี่ ออกแบบมาได้น่ารักมากๆครับ
แต่เอ๊ะ อ่านมาถึงตรงนี้คงจะ งง ว่าทำไมดันมาที่ร้อยเอ็ดซะได้
ก็เพราะ จ.มหาสารคาม ยังไม่มีสายการบินไหนบินตรงมาที่นี่เลย ก็ถ้าผู้ใหญ่ใจดีได้มีโอกาสมาเห็นกระทู้นี้
แล้วเปิดรูทบินผมคิดว่าคงจะทำกำไรได้ไม่น้อย เพราะแค่มหา'ลัยมหาสารคามแค่ที่เดียวก็มีนักศึกษาหลายพันคนแล้วครับ
ดังนั้นแล้วเราจึงต้องใช้บริการอีกประเภทเพื่อความสะดวกในการเดินทางในทริปนี้คือ บริการเช่ารถ
แฟนผมเป็นคนจัดการเธอใช้วิธีง่ายๆคือ กูเกิ้ลครับ พิมพ์ว่า "เช่ารถร้อยเอ็ด"
ก็จะขึ้นมาเลยชื่อเวปไซด์คือ https://www.juicar101.com เค้าจะให้เรากรอกวันเวลาสถานที่ที่จะรับและส่งคืนรถ
แล้วเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป ขอบอกเลยว่าประทับใจกันตั้งแต่การพูดคุยโทรศัพท์เบื้องต้นเพื่อคอนเฟิร์มกันเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่เค้าจะทราบเที่ยวบินของเราอยู่แล้ว มาถึงก็นำรถมารอรับถึงที่สนามบินเลยล่ะครับ บริการดีแนะนำเลยครับผม
(พาหนะของเราที่ได้จองไว้เดิมทีเป็น Ford Fiesta 900/วัน แต่ จนท โทรมาแจ้งว่าคนเช่าก่อนหน้านำรถมาคืนไม่ทัน
เลยขออนุญาตเปลี่ยนเป็น Honda City 1000/วัน โดยมีค่าประกันรถ 3,000บาท ก็ตกลงตามนั้นครับราคาไม่ต่างกันมากพอรับได้
โดยรถจะถูกเติมน้ำมันมาเต็มถัง และเมื่อส่งรถคืนก็เติมให้เต็มถังเช่นกันครับ )
7:45
ได้รถคู่ใจแล้วก็มุ่งหน้าสู่ "มหาสารคาม" กันจริงๆซักทีคร๊าบบ
ปักหมุดแรกใน GPSที่ สถานีขนส่งอำเภอวาปีปทุม เพื่อรับผู้โดยสารคนแรก แต่จะว่าไปแล้วเรายังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย
เช้าๆอย่างนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่า หมูปิ้งหอมๆ และข้าวเหนียวร้อน แถมด้วยเติมคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดซักหน่อยด้วย
ICE BLACK COFEE ที่ CAFE AMAZON เป็นอันอิ่มท้องพร้อมลุย
8.45
ตาม GPS มาเรื่อยๆเราก็มาถึง สถานีขนส่งอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม ครับผม
ที่นี่จุดศูนย์รวม มีทั้งตลาดสดขนาดใหญ่ โรงเรียน ที่ว่าการอำเภอ ธนาคาร และอื่นอีกมากมาย
เนื่องจากน้องสาวยังไม่มาถึง ผมเลยถือโอกาสออกไปเดินสำรวจวิถีชีวิตของคนที่นี่
ออกเดินทางอีกครั้งมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็กๆไกลจากตัวอำเภอไปไม่กี่นาที ก็มาถึงบ้านไม้หลังใหญ่สีแดง
ซึ่งก็คือบ้านของคุณยายคุณตา ของแฟนผมนั่นเองครับ
ที่นี่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน แถมยังเป็นศูนย์กลางของ Wifi ชุมชนอีกด้วย
เทคโนโลยีทั่วถึงแล้วจริงๆนะครับเนี่ย หลังจากทักทายญาติผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แฟนผมก็จัดการแต่งองค์ทรงเครื่องให้เข้ากับบรรยากาศ
ด้วยการนุ่งผ้าไหมสีชมพูช้อกกิ้งพิ้งค์ทอมือของคุณยายเธอครับ
ถ่ายรูปเล่นกันฆ่าเวลาระหว่างรอทุกคนแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อเดินทางไปงานรับปริญญา
(ในขณะที่ตัวผมนอนหลับอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน เอาแรงซักหน่อยก่อนจะต้องขับรถอีกหลายๆกิโล)
เสียงกลอง เสียงกรี๊ด เสียงบูม ดังสนั่นในขณะที่ผมขับรถเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย
บรรยากาศของการแสดงความยินดีของเหล่าบัณฑิตทั้งหลาย อากาศเริ่มร้อน แต่ก็เหมือนฟ้าประทาน
รถไอศกรีมกระทิวิ่งผ่านมาระหว่างที่ผมได้ที่จอดรถพอดี
หลังจากถ่ายรูปกับบัณฑิตกันพอประมาณ เสร็จสิ้นเป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้
ท้องก็ร้องทันที
ออกจากมหา'ลัยมาซักหน่อยก็จะมีร้านอาหารเรียงรายตามทางเราสุ่มเลือก 1ร้าน
แล้วก็เลือกไม่ผิดจริงๆครับ อร่อยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ลาบ น้ำตก ต้มแซ่บ ปลาเผา และที่เด็ดที่สุดก็คือ ก้อยเนื้อสด
หลังจากอิ่มกันพุงกาง สั่งซ้ำหลายจาน ในราคาเพียงแค่ 700 บาท (กินกันตั้ง 10คนนะครับ)
พลิกดูนาฬิกาอีกทีก็ 3โมงเย็น ล้อก็หมุนอีกครั้งเพื่อกลับไปส่งญาติๆทั้งหลายที่หมู่บ้าน
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา นั่งพูดคุยกันซักพัก ก็ถึงเวลาที่ผมและแฟนต้องกลับกรุงเทพฯกันแล้วครับ
(ได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับมาด้วยเป็น ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว จากนาของบ้านแฟนผมเองออแกนิคมากๆครับ)
ฟ้าเริ่มมืดลงระหว่างทางที่เราขับรถกลับมายังสนามบินร้อยเอ็ดอีกครั้ง ถนนค่อนข้างมืด
และต้องคอยระวังเพราะมีการขยายถนนเป็นช่วงๆตลอดทาง เราแวะปั้มน้ำมันกันอีกครั้ง
เพื่อเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนส่งรถคืนตามสัญญา ไม่น่าเชื่อว่าขับไปเป็นร้อยๆโลมาทั้งวัน ค่าน้ำมันแค่ 680บาทเท่านั้นเองครับ (E20)
20:00
เรามาถึงก่อนเวลาที่นัดรับรถคืนจากเวลา 3ทุ่ม ก็เลยลองโทรเลื่อนดูครับ เดชะบุญเจ้าหน้าที่รับสายด้วยเสียงแจ่มใส
พร้อมบอกกับผมว่า รออยู่ที่สนามบินอยู่แล้ว แหม่ ทำให้ประทับใจตั้งแต่รับรถยันคืนรถเลยจริงๆครับ
(ก่อนคืนรถเจ้าหน้าที่เค้าจะตรวจร่องรอยมามีชน มีบุบตรงไหนรึเปล่า ถ้ามีเนี่ยเงินประกัน 3,000 บาทจะโดนยึดนะครับ
ความประทับใจของวันนี้ยังไม่จบครับเมื่อผมได้รับรอยยิ้มและการบริการของน้องนกสาวที่เคาท์เตอร์อีกครั้ง
เครื่องบินขากลับของเราเป็นแบบ ATR 72-500 ซึ่งที่นั่งผมรู้สึกว่ากว้างขวางและนั่งสบายกว่าขามาครับ
เสียงกัปตันประกาศว่าเราถึงดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ และมาถึงเร็วกว่ากำหนดถึง 20นาที
เป็น 1วันที่ทำอะไรได้เยอะจริงๆ ถ้าวันนี้เป็นแค่วันหยุดที่นอนอยู่บ้าน
เราคงทำได้แค่ตื่นสายๆ หิวก็กิน ง่วงก็นอน วนไปนะครับ
กระทู้หน้า #YOONGRUJEVERYWHERE จะไปบันทึกความทรงจำกันที่ไหนฝากติ