**สรุป คำศัพท์สำหรับมือใหม่ ในการฟังธรรมะ หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช**

** กรุณาอ่านก่อนคอมเม้น **
จุดประสงค์ของการแบ่งปันนี้เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่เป็นมือใหม่ได้เข้าใจง่าย และ ลงมือปฎิบัติได้ไว
ขอความกรุณาให้ความเคารพครูบาอาจารย์นะครับ หากผิดพลาดประการใดผมขอรับผิดชอบเองครับ
****

จากการที่ผมได้ฟังหลวงพ่อประจำ และลงมือปฎิบัติต่อเนื่องไม่เคยขาดเป็นเวลาหลายปี
แม้กระทั่งตัวผมเองตอนที่ฟังใหม่ๆบางคำก็ไม่เข้าใจ กว่าจะเข้าใจก็ใช้เวลาอยู่หลายปีเหมือนกัน
และ บางครั้งก็จะพบกับคำถามที่มักจะถามกันบ่อยๆ เช่น จิตตั้งมั่น กับ จิตถึงฐาน
เลยคิดที่จะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์กับมือใหม่ครับ

1.    แยกธาตุแยกขันธ์ / แยกรูปแยกนาม / กายส่วนกายใจส่วนใจ
หมายถึง ญาณขั้นแรกสุดของ วิปัสสนาญาณมีชื่อว่า "นามรูปปริเฉทญาณ"

2. ฆ่าพระอริยะ
เป็นสำนวน หมายถึง ชี้ให้คนที่หลงผิดเข้าใจว่าตนบรรลุธรรม ขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว แล้วแต่จริงๆยังไม่บรรลุ เพราะอาจจะติดวิปัสสนูปกิเลส โดนกิเลสหลอก ไม่ใช้การทำให้พระอริยะถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด

3. การบรรลุพระโสดาบัน
คำศัพท์ที่หมายถึงการบรรลุธรรมขั้นนี้มีหลายคำ เช่น จิตเข้าถึงพระรัตนตรัย / ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว / พึ่งตัวเองได้แล้ว / ปิดอบายภูมิ / บรรลุธรรมชั้นต้น / พระอริยะชั้นต้น / ละสังโยชน์ 3 ตัวแรกได้

4. การบรรลุอรหันต์
คำศัพท์ที่หมายถึงการบรรลุธรรมขั้นนี้มีหลายคำ เช่น ที่สุดแห่งกองทุกข์ / แจ้งในอริยสัจ / จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง / จิตปล่อยวางจิต / นิพพาน / จบกิจ / หมดภาระ / สิ้นอวิชชา

5. จิตตั้งมั่น
หมายถึง สมาธิชนิดที่ถูกและใช้เดินปัญญาต่อไปได้ เป็นจิตที่มีกุศล
คำว่า จิตตั้งมั่น คำภาษาไทยที่ใกล้เคียงที่สุด คือ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว
จะมีลักษณะโปร่ง โล่ง เบา สบาย คล่องแคล่ว ว่องไว เหมาะแก่การงาน (การเจริญปัญญา)
หรือ รู้ตัวทั่วพร้อม อาจจะรู้กาย หรือ ใจก็ได้

จิตตั้งมั่นจะมี 2 แบบ คือ
แบบที่ 1: แบบไม่ดี คือ จงใจให้ตั้งมั่นตลอด ส่วนมากเกิดกับคนที่หัดใหม่ๆพอรู้ว่าจิตตั้งมั่นเป็นยังไงแล้วก็จะพยายามรักษาให้อยู่นานๆ หรือ อยู่ตลอด แบบนี้ใจจะแข็งๆ แน่นๆ เพราะ มีความอยากดีเลยทำให้เพ่งเอาไว้ แบบนี้เป็นมากๆจะติดเพ่งไป

แบบที่ 2: แบบที่ดี คือ เกิดโดยอัตโนมัติเมื่อมีสติรู้ว่าเผลอ หรือ รู้ว่าเพ่ง ขณะนั้นจะมีจิตตั้งมั่นชั่วขณะ (บางทีไม่ถึง 1 วินาที) แล้วจิตก็ไปหลง หรือ เพ่งใหม่ (ไม่จำเป็นต้องเผลอ หรือ เพ่งก็ได้ แต่ให้เป็นธรรมคู่ที่เหมาะกับจริตเรา เช่น โกรธ-ไม่โกรธ / โลภ-ไม่โลภ) จิตตั้งมั่นแบบนี้ เกิดจากการที่ฝึกบ่อยๆ ทุกวันๆ จนจิตจำสภาวะได้แล้วเค้าเกิดสติรู้ของเขาเองโดยที่เราไม่ได้จงใจ

คำอื่นๆที่มีความหมายเดียวกับ จิตตั้งมั่น ได้แก่ จิตถึงฐาน จิตเข้าบ้าน รู้สึกตัว รู้เนื้อรู้ตัว รู้ตัวทั่วพร้อม จิตที่รู้

6. จิตไม่ถึงฐาน
หมายถึง สิ่งที่ตรงข้ามกับจิตตั้งมั่น คือ จิตเคลื่อนออกไปรู้อารมณ์ไม่ว่าจะเป็นภายนอก หรือ ภายใน
คำอื่นๆที่มีความหมายเดียวกับ จิตไม่ถึงฐาน ได้แก่ จิตหนีไปคิด / จิตหลง / จิตส่งออก / จิตเคลื่อนออกจากฐาน / ใจไหลออกไป / ไม่รู้สึกตัว / เผลอ / หลง
คำว่าจิตไม่ถึงฐาน ส่วนมากจะหมายถึงจิตที่ไหลไปรู้อารมณ์ภายนอกกายและใจแล้ว ยังหมายถึงการที่จิตหลงเข้าไปเพ่งกับบางสิ่งที่อยู่ในกายและใจได้อีกด้วย

7. วิหารธรรม
หมายถึง อารมณ์เครื่องอยู่ของจิตระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อฝึกให้จิตไม่คุ้นเคยกับความฟุ้งซ่าน หรือ พูดให้เข้าใจง่ายๆว่า ธรรมที่เป็นบ้านของจิต เช่น การบริกรรมพุทโธ ยุบหนอพองหนอ ดูลมหายใจ แนะนำว่าควรเป็นอารมณ์ที่จิตชอบ และ ต้องไม่ยั่วกิเลส มีคำแนะนำดังนี้
- ทำงานที่ใช้ความคิด เช่น ออกแบบ บัญชี นักพูด งานบริหาร อันนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมีวิหารธรรม
- งานที่ไม่ได้ความคิด โดยใช้ร่างกายทำงานเสียส่วนใหญ่ เช่น แม่บ้าน ทำสวน เดินทาง เดินไปมา แบบนี้สามารถใช้วิหารธรรมได้

8. การเจริญเมตตา
หมายถึง การสร้างความรู้สึกเป็นมิตรกับสัตว์โลก เหมาะกับคนที่มีโทสจริต เพราะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับโทสะ อาจใช้คำบริกรรมเข้าช่วย "เมตตา คุณัง อรหัง เมตตา"

9. การเจริญปัญญา
หมายถึง การที่ มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เพื่อเห็นไตรลักษณ์บ่อยๆจนสะสมความฉลาดของจิตมากขึ้น

10. สัทธรรมปฏิรูป
หมายถึง ธรรมะที่ถูกถ่ายทอดโดยปุถุชนซึ่งยังมีกิเลสอยู่ ซึ่งมีโอกาสมากที่จะผิดเพี้ยนไปจากความจริงของธรรมะแท้ๆ

11. การภาวนา
หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตภาวนา การปฏิบัติธรรม การเจริญสติปัฏฐาน  ซึ่งในทางปฏิบัติท่านแบ่งไว้ ๒ แบบใหญ่ๆ คือ
1. สมถภาวนา การอบรมจิตใจให้สงบ ซึ่งได้แก่สมถกรรมฐานนั่นเอง เรียกว่า จิตภาวนา ก็ได้
2. วิปัสสนาภาวนา การอบรมปัญญาให้เกิด ซึ่งได้แก่วิปัสสนากรรมฐานนั่นเอง เรียกว่า ปัญญาภาวนา ก็ได้
ภาวนา เป็นบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่าภาวนามัย คือบุญที่เกิดจากการภาวนา

12. โยนิโสมนสิการ
หมายถึง ความแยบคายในการสังเกตตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งผู้อื่น

13. สัมมาทิฏฐิ
หมายถึง ความเห็นถูกต้องในกายและใจ

14. มิจฉาทิฏฐิ
หมายถึง ความเห็นผิดในกายและใจ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์ และขอให้เจริญในธรรมนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่