อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ของหายที่เกาหลี เผื่อเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวที่ทำของหายในต่างแดน เพราะตอนทำหายก็เข้า google เพื่อหาข้อมูล ก็มีรีวิวมากมายที่มีคนทำไว้นี่แหละ ช่วยได้
เริ่มจากทริปนี้เป็นทริปเกาหลีครั้งแรก ไปเองและไปคนเดียว เพราะเพื่อนในกลุ่มไม่มีความต้องการทางออปป้าเลยซักคน ทางเราพึ่งอกหักเลยจัดทริปเกาหลีเลยเพื่อลบภาพความเจ็บปวดหลังอกหัก การเที่ยวรอบนี้จึงเป็นทัวร์ไปเอง(ครั้งแรก) เที่ยวเอง ของหายเอง ตามหาเอง สุดประทับจายยยยย
เริ่มต้นจากวันเดินทางขึ้น Thai airasiaX จากดอนเมืองไปอินชอน ขึ้นเครื่องตีสองกว่า ๆ ขาออกสบาย พอลงถึงอินชอน อาการหนาวตามคาดเพราะดูพยากรณ์อากาศเพื่อเตรียมเสื้อผ้ามาเรียบร้อย พอถึงอินชอนที่หนาวกว่าอากาศก็ ตม ละ ต่อคิวก็ตื่นเต้นนะเพราะมาครั้งแรก แต่ทำการบ้านมาอย่างดี โปรแกรมเที่ยว โรงแรม บัตรต่าง ๆ เงินสด บัตรเครดิต ใบยืนยันตั๋วขาออกและ พาสปอร์ตที่มีปั้มของญี่ปุ่นอยู่แล้ว 1 จุด คงพอทำให้ ตม อารมณ์ดี ปล่อยผ่านได้ง่าย ๆ พอเราไปยื่น ตม พี่สุดหล่อไม่ยอมคุยด้วยเลย เอามือกวัก ๆ ให้ถอดแว่นสแกนหน้าแล้วปล่อยให้น้องเข้าเกาหลีครั้งแรกอย่างง่ายดายยยย มึ้งงงง ถ้าพี่แววมาด้วย พี่ไปขายนาผืนน้อยละเนี่ย 555 ระหว่างนั้น มีทั้งหญิงและชาย โดนเรียกเข้าห้องเย็นประปราย เคาเตอร์ที่โดนคนแรกเป็นเจ้าหน้าที่ ญ เรียก ผช เข้าไป
เอาล่ะ มาเรื่องกระเป๋ากันซะที กระเป๋าที่ติดตัวไป มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 1 ใบ กระเป๋าหิ้วใบกลางเพื่อใส่ของจุกจิกขึ้นเครื่องอีก 1 ใบ และกระเป๋าสะพายลายทหารอีกใบ เพื่อใส่ของมีค่าไปเที่ยว เที่ยววันแรกไม่มีปัญหา วันที่ 17 พ.ย. เที่ยวแถวทงแดมุน เพราะใกล้ที่พัก กลับห้องอย่างปลอดภัย มาวันที่ 2 เริ่มได้ใจ ออกเที่ยวไกลขึ้น ไป N Seoul tower ก่อน หมดไปเกือบวัน จากนั้นไปวังเคียงบกกุง แต่ไปถึง 16.30 ละ ทางวังจะปิดไม่ให้เข้าชม เลยนั่งรถไฟไปลงที่ ม. ฮงอิก เพื่อตามหาหมูย่างร้านดัง กินหมูเสร็จและเดินดูคนจนหนำใจแล้วก็ไปดูสะพานบันโพดีกว่า ไปดูไฟสวย ๆ (โดยไม่รู้ว่าหน้าหนาวเค้าไม่เปิดไฟน้ำพุ T^T) นั่งรถไฟสาย 2 สีเขียวจาก ม.ฮงอิก ไปลง seoul national university of education เพื่อต่อรถสาย 3 ไปลง terminal express bus แล้วเดินไปสะพานบันโพ แต่ระหว่างนั้น รถจอดหลายสถานีมาก คนในรถไฟเยอะ และได้ยืน เลยเอากระเป๋าเจ้ากรรมที่สะพายหลังขึ้นไปวางบนชั้นเหนือที่นั่งเพื่อไม่ให้เกะกะชาวบ้าน เขาจะได้ไม่หาว่าเราเป็นบ้านนอกเข้าโซล 555 เจ้ากรรม หลงสถานีลง แถมปวดฉี่ เลยลงผิดสถานี แทนที่จะเป็น seoul national university of education กลับไปลงที่ seoul national university อ่าวพอลงมาอ่านป้าย ซวยละ ลงผิดจุด ก็เลยรอรถขบวนถัดไปเพื่อไปต่อให้ถึงสถานีเป้าหมาย
หลังจากที่ขึ้นรถไฟขบวนถัดไปได้สักพักและมีที่นั่งว่าง พอหย่อนก้นไปก็นึกได้ว่า ลืมกระเป๋าเป้ ไว้บนรถไฟขบวนก่อนหน้า ด้วยความเป็นคนดี ทีนี้ล่ะ พ่อเอ้ยยยย เครียดหน้าซีด มาคนเดียว ทำกระเป๋าหายบนรถไฟอีก ถ้าลืมที่จุดใดจุดหนึ่งคงไม่เป็นไร แต่นี่รถไฟ วิ่งไปข้างหน้าเรื่อย วิ่งตามไงก็ไม่ทัน ถ้าทันต้องลองไปเส้นอื่นแล้วไปดักรอสถานีที่มันจะผ่าน ขบวนรถก็ไมได้จำหมายเลข โอ้ยยยย จะบ้าตาย ล้มเลิกโปรแกรมบันโพ(ที่ไม่มีอยู่จริง) โชคดีบัตร T money และมือถือที่พอเหลือแบตบ้าง อยู่ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว ก็เริ่มตั้งสติและเริ่มเปิดค้นหา ‘ loss and found เกาหลี’ เพื่อหาตัวช่วยว่า เราทำของหายที่เกาหลี มีวิธีใดบ้างที่จะได้คืน ก็เจอรีวิวในพันทิพ สองสามรีวิว ให้เข้าไปในเวป loss and found ของสถานีรถไฟใต้ดิน และทำการลงทะเบียนแจ้งข้อมูลหาย และขั้นตอนติดตามของหาย แต่พอกดไปหน้าภาษาอังกฤษเพื่อดำเนินการ กลับไม่สามารถลงทะเบียนได้ พยายามหลายรอบมากก็ไม่สำเร็จ เลยหาข้อมูลเพิ่ม มีคนรีวิวไว้ว่ามีที่ทำการ loss and found. ในสถานีรถไฟ บางแห่ง ให้ไปแจ้งที่สถานีเหล่านั้นแล้วเขาจะช่วยค้นหาให้ และมีคนเขียนไว้ว่า คนเกาหลีจะถูกฝึกไว้ว่าถ้าพบของหาย ไม่ให้เก็บไป ให้วางไว้ที่เดิม เผื่อคนมาตามจะได้เจอ ทีนี้ก็พอใจชื้นบ้าง ว่า เคยมีคนทำหายแล้วได้คืนด้วย สถานีที่มีบริการแจ้ง lost and found จะเปิดบางสถานีเท่านั้น พอค้นได้ว่าสถานีที่มีศูนย์ อยู่ที่ city hall st กับ Donjak st ก็ลงรถไฟแล้วขึ้นรถอีกสายไปสถานี dongjak เวลาที่เริ่มทำหายน่าจะประมาณ 20 นาฬิกากว่า ๆ และไปถึง dongjak ซึ่งใหล้สุด และเห็นว่าปิดเที่ยงคืนก็เลยไปดู ขณะที่ลงจากรถไฟขบวนหลังขบวนที่ลืมกระเป๋าไว้ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายหมายเลขขบวนไว้เผื่อมีประโยชน์ในการค้นหาหมายเลขรถไฟคันก่อนหน้าได้ จะได้ตามสะดวกขึ้น

จากนั้นก็เดินไปตามป้ายเพื่อหาจุดบริการ lost and found ปรากฎว่า

ปิดแล้วครัช ไม่เหมือนที่รีวิวไว้ ซวยแล้วววว ก็เลยตัดใจ ยังไงคิดว่าวันนี้คงไม่ได้เจอกะเป๋า เงินติดตัวมีไม่กี่เหรียญวอน อาจจะพอไปทำหน้าตาให้น่าสงสารกับพนักงาน รร เพื่อขอความช่วยเหลือก่อนแล้วเจอกะเป๋าจะได้คืน คิดได้แบบนั้นก็ขึ้นรถไฟเพื่อไปสถานีทงแดมุนเพื่อกลับไปตั้งหลักที่โรงแรม
ไปถึงทงแดมุนกำลังจะออกไป รร ตรงทางออก 5 แอบเหลือบไปเห็นออฟฟิสตรงทางออกเปิดไฟอยู่เลยว่าจะเข้าไปฝากเรื่องกระเป๋าหายไว้ก่อน พรุ่งนี้ หรือเย็นนี้เผื่อรถไฟจอดเค้าอาจประสานตามหากระเป๋าให้ เพราะอ่านรีวิว มีคนบอกว่า ถ้ามีของหายที่เกาหลี ญี่ปุ่น เค้าจะถูกสอนมาว่าให้ทิ้งของไว้ที่เดิม เผื่อเจ้าของจะกลับมาตามหา เลยอ่ะ ลองเสี่ยงดู เดินไปกดกริ่งหรืออะไรซักอย่างหน้าประตู .....
พอทำท่าชะโงกหน้าให้เขารู้ว่ามีคนมา เจ้าหน้าที่ด้านในก็เรียกเข้าไป เข้าไปก็แจ้งเขาว่าลืมกระเป๋าไว้บนรถไฟสายสีเขียว ที่สถานี nation university และถ่ายรูปขบวนรถถัดกันมาให้เขาดู พร้อมกับบอกว่าไป lost and found แล้วที่ donjak ปรากฏว่าปิด เลยจะมาฝากเรื่องไว้ ในนั้นมีเจ้าหน้าที่ชาย 3 คน โชคดีชั้นสอง มี 1 คนพูดภาษอังกฤษคล่อง อีกสองคนไม่ได้เลย เขาเลยอาสาจะตามให้ ก็ขอข้อมูลกระเป๋าเพิ่มเติม จุดที่หาย โบกี้ที่ทำหาย(จำไม่ได้) ข้อมูลเรา ชื่อ สิ่งของในกระเป๋า และ(เงินหลายแสนวอน T^T) แล้วก็ให้ไปนั่งรอตรงโต๊ะประชุมในห้อง เขาก็จัดการโทรไปทุกสถานีที่รถสาย 2 ผ่านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตามหา โดยคิดว่าน่าจะขึ้นไปบนรถไฟแล้วเดินดูให้ตามโบกี้ โทรไป 8-9 สถานี รับและโทรกันอุตลุต เค้าช่วยอย่างเต็มความสามารถมากกก เหมือนลูกชายตัวเองทำกระเป๋าหาย สักพักระหว่างรอแบตก็จะหมด เค้าก็เรียกมาถามลักษณะกระเป๋า รายละเอียดอื่น ๆ อีก ทั้งยี่ห้อ สี กระเป๋าเป็น anello ลายพราง แต่ทางเกาหลีไม่น่าจะคุ้นกับกระเป๋ายี่ห้อนี้ ทำท่า งง ๆ กับยี่ห้อ แล้วก็มีสายโทรมา บอกว่าเจอกระเป๋าแล้วบอกลักษณะมา แต่ดันเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา ก็ใจเสีย สี่ทุ่มละ ยังไม่เจอ กลัวหายหรือมีคนหยิบไป ถ้าหายจริงจะยุ่งยากมากในการทำเรื่องกลับประเทศ เพราะทั้งบัตร เงิน และ พาสปอร์ตก็รวมกันอยู่ในนั้น สักพัก ก็มีสายโทรเข้ามาอีก คุยกันเป็นภาษาเกาหลีสักพัก คุณเจ้าหน้าที่ก็เงยหน้าพร้อมยิ้มว่าเจอล้าววววว เย้ๆๆๆๆๆๆๆ เจอกระเป๋าที่สถานี Yeoksam สาย 2 ต้องนั่งรถไฟไป คุณเจ้าหน้าที่ก็วางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุดเพื่อให้ไปถึงปลายทางเร็วที่สุด เนื่องจากรถไฟจะหยุดวิ่งแล้ว ให้ทิ้งของที่เหลือไว้ที่นี่ ได้กระเป๋าคืนแล้วให้กลับมาเอา (คงกลัวทำหายอีก) จากนั้นเขาก็พาวิ่งงงงงงสุดขีด ออกจากออฟฟิส ไปขึ้นรถไฟ โดยก่อนขึ้นรถไฟเค้าก็พาสวดเพื่อให้พระเจ้ารับเราเป็น son of god เพราะเขาบอกว่าที่เราได้มาเจอเขา และได้เจอกระเป๋า เป็นพระปรพสงค์แห่งพระเจ้า เลยได้กลายเป็น ไทย พุทธ คริสต์ ไปเลยวันนั้น ก่อนขึ้นรถ แกก็เอามือถือมา selfie ด้วยกัน เสียดายมือถือเราแบตหมด อดถ่ายรูปเพื่อขอบคุณแกเลย
พอนั่งรถไปถึง Yeoksam ก็เข้าไปในออฟฟิส และบอกว่ามาตามหากระเป๋าจากสถานีทงแดมุน เจ้าหน้าที่ก็จัดแจงเอากระเป๋ามาให้ตรวรสอบทรัพย์สิน พร้อมขอชื่อและเบอร์โทร แล้วก็ขอถ่ายรูปเจ้าหน้าที่มาโดยใช้ ipad ทีอยู่ในกระเป๋าถ่าย เจ้าหน้าที่บอกว่า รถไฟจะปิดให้บริการแล้ว ให้ขึ้นไปบนถนนแล้วเรียกแทกซี่ไป รร ดีกว่า ก็ขึ้นไป เจอแทกซี่จอดใกล้ทางออกสถานี ก็ไปเรียก คันแรกโดนเทจ้าาาาา คันต่อมาพยักหน้า พอขึ้นรถ คนขับพูดอังกฤษไม่ได้ รู้แค่ทงอแดมุน แต่ไม่รู้พิกัด นางก็บ่น ๆ ว่าถ้าไม่รู้พอกัดจะเลือกจุดจอดได้ไง เพราะต้องไปตาม GPS ก็เลยต้องค้นกระเป๋าเอาใบยืนยันการจอง รร ที่มีที่อยู่ให้นางดู ก็เลยได้ออกรถ แทกซี่ทีไหนก็น่าจะตีนผี เหมือน ๆ กันนะ เพราะพี่แกตีนผีให้อารมณ์แทกซี่ไทย ไปถึง มิตเตอร์คิดราคา 9800 วอน ให้ใบหมื่น ทอน 200 เป๊ะๆๆๆ อเคร กลับห้องไปเรียกขวัญตัวเองคืนแพร๊พพพ พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปกราบขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานีทงแดมุน ทางออกหมายเลข 5 อีกครั้ง
โฉมหน้าเจ้าหน้าที่สถานี Yeoksam ที่ช่วยจัดการเรื่องกระเป๋า
Loss and found @Seoul
เริ่มจากทริปนี้เป็นทริปเกาหลีครั้งแรก ไปเองและไปคนเดียว เพราะเพื่อนในกลุ่มไม่มีความต้องการทางออปป้าเลยซักคน ทางเราพึ่งอกหักเลยจัดทริปเกาหลีเลยเพื่อลบภาพความเจ็บปวดหลังอกหัก การเที่ยวรอบนี้จึงเป็นทัวร์ไปเอง(ครั้งแรก) เที่ยวเอง ของหายเอง ตามหาเอง สุดประทับจายยยยย
เริ่มต้นจากวันเดินทางขึ้น Thai airasiaX จากดอนเมืองไปอินชอน ขึ้นเครื่องตีสองกว่า ๆ ขาออกสบาย พอลงถึงอินชอน อาการหนาวตามคาดเพราะดูพยากรณ์อากาศเพื่อเตรียมเสื้อผ้ามาเรียบร้อย พอถึงอินชอนที่หนาวกว่าอากาศก็ ตม ละ ต่อคิวก็ตื่นเต้นนะเพราะมาครั้งแรก แต่ทำการบ้านมาอย่างดี โปรแกรมเที่ยว โรงแรม บัตรต่าง ๆ เงินสด บัตรเครดิต ใบยืนยันตั๋วขาออกและ พาสปอร์ตที่มีปั้มของญี่ปุ่นอยู่แล้ว 1 จุด คงพอทำให้ ตม อารมณ์ดี ปล่อยผ่านได้ง่าย ๆ พอเราไปยื่น ตม พี่สุดหล่อไม่ยอมคุยด้วยเลย เอามือกวัก ๆ ให้ถอดแว่นสแกนหน้าแล้วปล่อยให้น้องเข้าเกาหลีครั้งแรกอย่างง่ายดายยยย มึ้งงงง ถ้าพี่แววมาด้วย พี่ไปขายนาผืนน้อยละเนี่ย 555 ระหว่างนั้น มีทั้งหญิงและชาย โดนเรียกเข้าห้องเย็นประปราย เคาเตอร์ที่โดนคนแรกเป็นเจ้าหน้าที่ ญ เรียก ผช เข้าไป
เอาล่ะ มาเรื่องกระเป๋ากันซะที กระเป๋าที่ติดตัวไป มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 1 ใบ กระเป๋าหิ้วใบกลางเพื่อใส่ของจุกจิกขึ้นเครื่องอีก 1 ใบ และกระเป๋าสะพายลายทหารอีกใบ เพื่อใส่ของมีค่าไปเที่ยว เที่ยววันแรกไม่มีปัญหา วันที่ 17 พ.ย. เที่ยวแถวทงแดมุน เพราะใกล้ที่พัก กลับห้องอย่างปลอดภัย มาวันที่ 2 เริ่มได้ใจ ออกเที่ยวไกลขึ้น ไป N Seoul tower ก่อน หมดไปเกือบวัน จากนั้นไปวังเคียงบกกุง แต่ไปถึง 16.30 ละ ทางวังจะปิดไม่ให้เข้าชม เลยนั่งรถไฟไปลงที่ ม. ฮงอิก เพื่อตามหาหมูย่างร้านดัง กินหมูเสร็จและเดินดูคนจนหนำใจแล้วก็ไปดูสะพานบันโพดีกว่า ไปดูไฟสวย ๆ (โดยไม่รู้ว่าหน้าหนาวเค้าไม่เปิดไฟน้ำพุ T^T) นั่งรถไฟสาย 2 สีเขียวจาก ม.ฮงอิก ไปลง seoul national university of education เพื่อต่อรถสาย 3 ไปลง terminal express bus แล้วเดินไปสะพานบันโพ แต่ระหว่างนั้น รถจอดหลายสถานีมาก คนในรถไฟเยอะ และได้ยืน เลยเอากระเป๋าเจ้ากรรมที่สะพายหลังขึ้นไปวางบนชั้นเหนือที่นั่งเพื่อไม่ให้เกะกะชาวบ้าน เขาจะได้ไม่หาว่าเราเป็นบ้านนอกเข้าโซล 555 เจ้ากรรม หลงสถานีลง แถมปวดฉี่ เลยลงผิดสถานี แทนที่จะเป็น seoul national university of education กลับไปลงที่ seoul national university อ่าวพอลงมาอ่านป้าย ซวยละ ลงผิดจุด ก็เลยรอรถขบวนถัดไปเพื่อไปต่อให้ถึงสถานีเป้าหมาย
หลังจากที่ขึ้นรถไฟขบวนถัดไปได้สักพักและมีที่นั่งว่าง พอหย่อนก้นไปก็นึกได้ว่า ลืมกระเป๋าเป้ ไว้บนรถไฟขบวนก่อนหน้า ด้วยความเป็นคนดี ทีนี้ล่ะ พ่อเอ้ยยยย เครียดหน้าซีด มาคนเดียว ทำกระเป๋าหายบนรถไฟอีก ถ้าลืมที่จุดใดจุดหนึ่งคงไม่เป็นไร แต่นี่รถไฟ วิ่งไปข้างหน้าเรื่อย วิ่งตามไงก็ไม่ทัน ถ้าทันต้องลองไปเส้นอื่นแล้วไปดักรอสถานีที่มันจะผ่าน ขบวนรถก็ไมได้จำหมายเลข โอ้ยยยย จะบ้าตาย ล้มเลิกโปรแกรมบันโพ(ที่ไม่มีอยู่จริง) โชคดีบัตร T money และมือถือที่พอเหลือแบตบ้าง อยู่ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว ก็เริ่มตั้งสติและเริ่มเปิดค้นหา ‘ loss and found เกาหลี’ เพื่อหาตัวช่วยว่า เราทำของหายที่เกาหลี มีวิธีใดบ้างที่จะได้คืน ก็เจอรีวิวในพันทิพ สองสามรีวิว ให้เข้าไปในเวป loss and found ของสถานีรถไฟใต้ดิน และทำการลงทะเบียนแจ้งข้อมูลหาย และขั้นตอนติดตามของหาย แต่พอกดไปหน้าภาษาอังกฤษเพื่อดำเนินการ กลับไม่สามารถลงทะเบียนได้ พยายามหลายรอบมากก็ไม่สำเร็จ เลยหาข้อมูลเพิ่ม มีคนรีวิวไว้ว่ามีที่ทำการ loss and found. ในสถานีรถไฟ บางแห่ง ให้ไปแจ้งที่สถานีเหล่านั้นแล้วเขาจะช่วยค้นหาให้ และมีคนเขียนไว้ว่า คนเกาหลีจะถูกฝึกไว้ว่าถ้าพบของหาย ไม่ให้เก็บไป ให้วางไว้ที่เดิม เผื่อคนมาตามจะได้เจอ ทีนี้ก็พอใจชื้นบ้าง ว่า เคยมีคนทำหายแล้วได้คืนด้วย สถานีที่มีบริการแจ้ง lost and found จะเปิดบางสถานีเท่านั้น พอค้นได้ว่าสถานีที่มีศูนย์ อยู่ที่ city hall st กับ Donjak st ก็ลงรถไฟแล้วขึ้นรถอีกสายไปสถานี dongjak เวลาที่เริ่มทำหายน่าจะประมาณ 20 นาฬิกากว่า ๆ และไปถึง dongjak ซึ่งใหล้สุด และเห็นว่าปิดเที่ยงคืนก็เลยไปดู ขณะที่ลงจากรถไฟขบวนหลังขบวนที่ลืมกระเป๋าไว้ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายหมายเลขขบวนไว้เผื่อมีประโยชน์ในการค้นหาหมายเลขรถไฟคันก่อนหน้าได้ จะได้ตามสะดวกขึ้น
ไปถึงทงแดมุนกำลังจะออกไป รร ตรงทางออก 5 แอบเหลือบไปเห็นออฟฟิสตรงทางออกเปิดไฟอยู่เลยว่าจะเข้าไปฝากเรื่องกระเป๋าหายไว้ก่อน พรุ่งนี้ หรือเย็นนี้เผื่อรถไฟจอดเค้าอาจประสานตามหากระเป๋าให้ เพราะอ่านรีวิว มีคนบอกว่า ถ้ามีของหายที่เกาหลี ญี่ปุ่น เค้าจะถูกสอนมาว่าให้ทิ้งของไว้ที่เดิม เผื่อเจ้าของจะกลับมาตามหา เลยอ่ะ ลองเสี่ยงดู เดินไปกดกริ่งหรืออะไรซักอย่างหน้าประตู .....
พอทำท่าชะโงกหน้าให้เขารู้ว่ามีคนมา เจ้าหน้าที่ด้านในก็เรียกเข้าไป เข้าไปก็แจ้งเขาว่าลืมกระเป๋าไว้บนรถไฟสายสีเขียว ที่สถานี nation university และถ่ายรูปขบวนรถถัดกันมาให้เขาดู พร้อมกับบอกว่าไป lost and found แล้วที่ donjak ปรากฏว่าปิด เลยจะมาฝากเรื่องไว้ ในนั้นมีเจ้าหน้าที่ชาย 3 คน โชคดีชั้นสอง มี 1 คนพูดภาษอังกฤษคล่อง อีกสองคนไม่ได้เลย เขาเลยอาสาจะตามให้ ก็ขอข้อมูลกระเป๋าเพิ่มเติม จุดที่หาย โบกี้ที่ทำหาย(จำไม่ได้) ข้อมูลเรา ชื่อ สิ่งของในกระเป๋า และ(เงินหลายแสนวอน T^T) แล้วก็ให้ไปนั่งรอตรงโต๊ะประชุมในห้อง เขาก็จัดการโทรไปทุกสถานีที่รถสาย 2 ผ่านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตามหา โดยคิดว่าน่าจะขึ้นไปบนรถไฟแล้วเดินดูให้ตามโบกี้ โทรไป 8-9 สถานี รับและโทรกันอุตลุต เค้าช่วยอย่างเต็มความสามารถมากกก เหมือนลูกชายตัวเองทำกระเป๋าหาย สักพักระหว่างรอแบตก็จะหมด เค้าก็เรียกมาถามลักษณะกระเป๋า รายละเอียดอื่น ๆ อีก ทั้งยี่ห้อ สี กระเป๋าเป็น anello ลายพราง แต่ทางเกาหลีไม่น่าจะคุ้นกับกระเป๋ายี่ห้อนี้ ทำท่า งง ๆ กับยี่ห้อ แล้วก็มีสายโทรมา บอกว่าเจอกระเป๋าแล้วบอกลักษณะมา แต่ดันเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา ก็ใจเสีย สี่ทุ่มละ ยังไม่เจอ กลัวหายหรือมีคนหยิบไป ถ้าหายจริงจะยุ่งยากมากในการทำเรื่องกลับประเทศ เพราะทั้งบัตร เงิน และ พาสปอร์ตก็รวมกันอยู่ในนั้น สักพัก ก็มีสายโทรเข้ามาอีก คุยกันเป็นภาษาเกาหลีสักพัก คุณเจ้าหน้าที่ก็เงยหน้าพร้อมยิ้มว่าเจอล้าววววว เย้ๆๆๆๆๆๆๆ เจอกระเป๋าที่สถานี Yeoksam สาย 2 ต้องนั่งรถไฟไป คุณเจ้าหน้าที่ก็วางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุดเพื่อให้ไปถึงปลายทางเร็วที่สุด เนื่องจากรถไฟจะหยุดวิ่งแล้ว ให้ทิ้งของที่เหลือไว้ที่นี่ ได้กระเป๋าคืนแล้วให้กลับมาเอา (คงกลัวทำหายอีก) จากนั้นเขาก็พาวิ่งงงงงงสุดขีด ออกจากออฟฟิส ไปขึ้นรถไฟ โดยก่อนขึ้นรถไฟเค้าก็พาสวดเพื่อให้พระเจ้ารับเราเป็น son of god เพราะเขาบอกว่าที่เราได้มาเจอเขา และได้เจอกระเป๋า เป็นพระปรพสงค์แห่งพระเจ้า เลยได้กลายเป็น ไทย พุทธ คริสต์ ไปเลยวันนั้น ก่อนขึ้นรถ แกก็เอามือถือมา selfie ด้วยกัน เสียดายมือถือเราแบตหมด อดถ่ายรูปเพื่อขอบคุณแกเลย
พอนั่งรถไปถึง Yeoksam ก็เข้าไปในออฟฟิส และบอกว่ามาตามหากระเป๋าจากสถานีทงแดมุน เจ้าหน้าที่ก็จัดแจงเอากระเป๋ามาให้ตรวรสอบทรัพย์สิน พร้อมขอชื่อและเบอร์โทร แล้วก็ขอถ่ายรูปเจ้าหน้าที่มาโดยใช้ ipad ทีอยู่ในกระเป๋าถ่าย เจ้าหน้าที่บอกว่า รถไฟจะปิดให้บริการแล้ว ให้ขึ้นไปบนถนนแล้วเรียกแทกซี่ไป รร ดีกว่า ก็ขึ้นไป เจอแทกซี่จอดใกล้ทางออกสถานี ก็ไปเรียก คันแรกโดนเทจ้าาาาา คันต่อมาพยักหน้า พอขึ้นรถ คนขับพูดอังกฤษไม่ได้ รู้แค่ทงอแดมุน แต่ไม่รู้พิกัด นางก็บ่น ๆ ว่าถ้าไม่รู้พอกัดจะเลือกจุดจอดได้ไง เพราะต้องไปตาม GPS ก็เลยต้องค้นกระเป๋าเอาใบยืนยันการจอง รร ที่มีที่อยู่ให้นางดู ก็เลยได้ออกรถ แทกซี่ทีไหนก็น่าจะตีนผี เหมือน ๆ กันนะ เพราะพี่แกตีนผีให้อารมณ์แทกซี่ไทย ไปถึง มิตเตอร์คิดราคา 9800 วอน ให้ใบหมื่น ทอน 200 เป๊ะๆๆๆ อเคร กลับห้องไปเรียกขวัญตัวเองคืนแพร๊พพพ พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปกราบขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานีทงแดมุน ทางออกหมายเลข 5 อีกครั้ง
โฉมหน้าเจ้าหน้าที่สถานี Yeoksam ที่ช่วยจัดการเรื่องกระเป๋า