รักนะ...แต่คบไม่ได้ ปัญหาโลกแตก!

ก่อนอื่นต้องขอแจ้งก่อนเลยว่าเราไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน แต่แอบแวะเวียนเข้าเว็บนี้บ่อยครั้ง (ทุกวันเลยแหละ) ไม่เคยสมัครไอดีเข้าใช้งานเพราะชอบซุ่มอ่านอย่างเดียว และนี่ก็เป็นไอดีแรกของเราค่ะ หากแท็กห้องผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ^-^ มาเริ่มกันเลยดีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และมันคือมันเป็นปัญหาโลกแตกของเราเอง (ต้องใช้คำว่าโลกแตกเลยแหละค่ะT_T) เราไม่รู้จะทำยังไง แม้จะเชื่อว่าการตัดสินใจของตัวเองนั้นถูกต้อง แต่ก็ยังแอบทุกข์ใจไม่ได้ ติดค้างในใจ ไม่สบายใจ เฮ้อออ เพลียยยยย


เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรามีแฟนคนแรกชื่อ เอ (นามสมมุตินะคะ) คบกันมาตั้งแต่ ม.4 (ปัจจุบันเราเรียนระดับอุดมศึกษาแล้วค่ะ) ช่วยเหลือกันเรื่องเรียนมาโดยตลอด ตอนอยู่มัธยมต้น เอเป็นเพื่อนห้องเดียวกันกับเราค่ะ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ได้คบกันในฐานะแฟน ประกอบกับเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเค้ามากนัก(เราค่อนข้างขี้อายเลยดูหยิ่งนิดๆ) เอบอกว่าแอบชอบเรามานานแล้ว แต่ไม่กล้าจีบ เราก็ตกใจนะที่รู้ว่าเค้าชอบเรา เพราะเค้าไม่เคยแสดงออกว่าชอบเราเลยแม้แต่น้อย เท่าที่เห็นคือเค้าจะชอบเข้าหาโดยการแกล้งเพื่อนเราเป็นหลัก เพิ่งมารู้ว่าที่ชอบแกล้งเพื่อนเราบ่อยๆเป็นเพราะเค้าไม่กล้าเข้าหาเราตรงๆ จนกระทั่งจบ ม.3 เค้าเลยมาสารภาพแล้วขอคบ(ตกใจหนักมาก!)


เดิมทีเราก็แอบปลื้มเอนิดๆ เพราะเอเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนได้ทุกระดับ เก่งกีฬา เป็นหัวโจก กวนโอ๊ย เฮฮา อยู่ด้วยแล้วสนุก เป็นที่รักของทุกคน โดดเด่นเหมือนสปอร์ตไลท์สาดส่องตลอดเวลา(เว่อร์ไปไหมมมมม-*-)ตรงกันข้ามกับเราที่ขี้อาย ไม่ค่อยพูดจากับใคร ชอบอยู่เงียบๆ แหมมม อย่างกับนิยายยย 5555555


เราแพ้ค่ะ เราอยากกล้าแสดงออกเหมือนเอ อยากมีเพื่อนเยอะๆ (เราไม่กล้าเข้าหาคนอื่น) อาจเพราะข้อดีที่เค้ามีมันทำให้เรามองเห็นจุดด้อยของตัวเอง เราหลงรักเขาค่ะ


ก็ลองคุยกันดูค่ะ เป็นความรักแบบใสๆ(มั้ง5555) ช่วงนั้นคือโปรโทรฟรีกำลังฮิตๆ เป็นยุคที่สมาร์ทโฟนไม่แผ่อำนาจมากนัก กว่าจะได้คุยได้เจอกันก็ยากหน่อย พ่อเราหวงด้วย ออกไปไหนด้วยกันก็โทรตามจิกตลอด เวลามีจำกัด เลยต้องใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด อุปสรรคเยอะดี แต่ก็มีความสุขค่ะ ก็คุยกันเรื่อยๆจนขึ้น ม.ปลาย(คราวนี้อยู่คนละห้องนะคะ)  มีมาเจอกันบ้าง ดูหนังกันบ้างเป็นครั้งคราว ไปวิ่ง ไปออกกำลังกาย ไปเดินห้าง เจอกันที่โรงเรียนเวลาเปลี่ยนคาบเรียนเพื่อนชอบแซว ก็เขินๆกันไป รักสดใสแฮปปี้ สลับกับอุปสรรคที่จะมาต่อจากนี้...


ขี้เล่นและรักสนุกคือนิสัยเอ ซึ่งนั่นเราก็รู้ดี เค้าสนุกสนานได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งช่วงสอบหรือช่วงไหนๆ คือเราค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องอนาคตพอสมควร ปัญหาจึงเกิดเพราะเรื่องนี้แหละค่ะ เอเป็นลูกคนเดียวของบ้าน พ่อแม่ตามใจและค่อนข้างมีฐานะ เค้าจะทำตามใจตัวเองตลอดเวลา(บางทีก็ดูไร้มารยาทไปเลย)เราไม่ได้อวดนะ แต่เค้าหน้าตาค่อนข้างดี แอบเจ้าชู้ และบ้าวัตถุนิยม(ช่วงนั้นKSRมาแรงค่ะ)ก็ได้สมใจอยากมาคันนึง ได้อวดเพื่อนที่โรงเรียนเพราะเป็นคันแรกๆที่มี หนังสือหนังหาไม่ค่อยสนใจ บางวันตารางสอนก็ไม่จัด การบ้านก็ไม่ทำ ไม่เอาอะไรสักอย่าง เรื่องพวกนี้ทำให้เราหงุดหงิดและอดไม่ได้ที่จะตักเตือนเค้าตลอดเวลา ทำให้ทะเลาะกับบ่อยขึ้น หลังจากที่คบกันมานาน ทำให้เรารู้นิสัย(เสีย)ของเขาอีกอย่างคือเจ้าอารมณ์สุดๆ!


เอเอาแต่ใจ ดื้อมากกกก ไม่มีเหตุผล เค้าจะทำแค่สิ่งที่เค้าอยากทำเท่านั้น นิสัยเหมือนเด็กมากค่ะ ไม่มีใครบังคับได้แม้กระทั่งพ่อหรือแม่ พูดง่ายๆคือยอมลูกทุกอย่าง เราเคยอยู่ในเหตุการณ์ คือพ่อแม่บอกไม่ได้เลย ไม่ฟัง...ยกเว้นเรา!!! ใช่ค่ะ เค้าฟังเรา จึงเป็นหน้าที่เราที่ต้องคอยเข็นเค้าขึ้นฝั่ง คอยบอกให้ทำสิ่งที่ควรทำในแต่ละวัน เช่น อ่านหนังสือยัง? จัดตารางสอนยัง? มีสอบหรือเปล่า? บลาๆๆๆ นานวันเข้ายิ่งรู้สึกเอือมระอา แต่ก็เลิกไม่ได้เพราะรักไปแล้ว ตรงกันข้ามกับเอที่เริ่มรำคาญ ทั้งเราทั้งเอทะเลาะกันบ่อย แต่เอก็ยอมเราตลอด ซึ่งมันก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นเอง


พอขึ้น ม.ปลาย ทั้งเราทั้งเอก็ได้พบกับเพื่อนหน้าใหม่ๆ (มีเด็กสายวิทย์-คณิต สายศิลป์ภาษา สายเกษตรฯลฯ) เอเป็นเด็กกิจกรรมรักสบายเลยได้อยู่ทับท้ายๆ ตรงกันข้ามกับเราที่เรียนหนักทับต้นๆ พอพบเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ เค้าก็ติดเพื่อน ก้าวร้าว เริ่มไม่เข้าเรียน ทรงผมผิดระเบียบ เข้าเรียนสาย หนีเรียนบ่อย ติด 0 ติด ร. หนักสุดก็ ม.ส. ม.ผ. มาเป็นริ้วขบวน


เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่บอกให้เค้ารีบไปแก้ จ้ำจี้จ้ำไชเหมือนแม่ เค้าก็ผลัดไปเรื่อยจนมันหมักหมม เอเริ่มติดเหล้า หนักสุดตรงแอบสูบบุหรี่ ซึ่งเรามันโลกสวย รับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงของเค้า


เอที่น่ารักและสดใสของเราหายไปไหน? เค้าไม่เหลือโครงเดิมให้เราเห็นเลย ตอนนี้เขาเกเรมากกกกก ยอมรับว่าเรารักเขานะ แต่เราไม่ชอบในสิ่งที่เค้ากำลังเป็นในตอนนี้ มันคือตัวตนของเค้า ตัวตนที่เป็นแบบนี้ ซึ่งเรารับไม่ได้ เราเลยขอเลิก แต่เค้าไม่ยอมค่ะ


เอสัญญาว่าจะไม่แตะต้องมันอีก และจะตั้งใจเรียน ทยอยแก้ 0 ร. ม.ส. และอีกมากมาย เราดีใจมากที่อย่างน้อยเค้าก็เชื่อเรา และเพราะเรารักเค้า เราเลยยินดีที่จะให้โอกาสคนที่เรารักปรับปรุงตัว แรกๆก็ดูเหมือนจะดีนั่นแหละค่ะ ลับหลังเค้าก็แอบสูบอยู่ดี 555555 มีโมเม้นต์เมาเละเทะ เที่ยวกลางคืน ไม่รวมท่าทีของเค้าที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เรารู้สึกอยากเลิกกับเขามาก เพื่อนทั้งกลุ่มสนับสนุนให้เลิก แต่เราก็ตัดไม่ขาด เรื้อรังเรื่อยมาเพราะรักคำเดียว จนกระทั่งลายของเอเริ่มออกมาอวดโฉมมากขึ้นและมากขึ้น


พ่อเราเป็นตำรวจ แกค่อนข้างจะเนี้ยบและหวงเรามากกกก สิ่งที่เราตัดสินใจตัดเค้าให้ขาดเพราะเอเคยหลุดปากออกมาว่ารำคาญพ่อเรา เราก็แบบ เฮ้ย! อะไรวะเนี่ยยย (ตกใจจนเงิบไปเลย) ไม่ไหวมั้งแบบนี้ พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั้ยยย นั่นพ่อตูนะโว้ยยย -*- แอบกระซิบว่าพ่อเราก็ไม่ค่อยปลื้มเอด้วยหลายๆสาเหตุ ซึ่งเอก็รู้ค่ะ เพราะทุกครั้งที่เอมารับเราหน้าบ้าน พ่อของเราจะแสดงออกถึงท่าทีไม่เป็นมิตร ไม่รับแขกออกมาตรงๆ บางครั้งก็ตรงมาก เช่น ไม่ให้ไป (จบป่ะ) ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะท่านเป็นห่วงค่ะ คบกันต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่


พอเอพูดอะไรแบบนั้นออกมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะความแค้นของเค้าหรืออะไรก็ตาม เรารับไม่ได้ เลยทะเลาะกันอยู่พักใหญ่ จนเราร้องไห้ ยอมรับว่าเสียเซลฟ์มาก  แต่สุดท้ายก็สลัดไม่หลุดอยู่ดี แค่เพราะเอพูดว่าขอโทษ และสารภาพว่าเมาพร้อมกับให้คำสัญญาดิบดี เอาล่ะสิ ใจอ่อนอีกแล้ว...


เอคนใหม่บอกว่าจะตั้งใจเรียน เราก็ เออ เมิงเคยพูดมาแล้วววว -*- เราก็ช่วยเค้าเรื่องเรียน สนับสนุนมากกก พ่อกับแม่ของเอก็เอ็นดูเรา พร้อมกับฝากฝังลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแกให้เราดูแล เราก็นะ ทุกวันนี้ดูแลมันยิ่งกว่าลูก บางครั้งก็เอาการบ้านมาทำให้ จดงานให้(ทั้งที่งานตัวเองก็เยอะแทบทับคอตายยย) ช่วยทำรายงาน ช่วยแก้ 0 ร ม.ส. และอีกมากมาย เรียกได้ว่ายื้อยุดฉุดดึงจนเรียนจบ ยอมรับว่าเหนื่อยมากกกก (ก.ไก่สามกิโลฯ) เกือบไม่จบแล้วไหมล่ะ


เราดีใจที่ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ ดีใจที่ได้ช่วยเค้า ตลอดเวลาที่คบกันก็ไม่ได้ทุกข์ไปเสียทีเดียว มีทั้งทุกข์และสุข ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งมากมาย ผ่านช่วงวิกฤตของชีวิตรักและเรียน เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานอยู่พอสมควรจนเราคิดว่าเรื่องยากๆเหล่านั้นจะทำให้เอคิดได้และปรับปรุงตัว หากไม่มีเราอยู่ เค้าจะดูแลตัวเองได้...แต่เราลืมไปว่าเสือก็คือเสือ พฤติกรรมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ และเราเปลี่ยนใครไม่ได้ เค้ายังเป็นคนเดิม...เพียงแต่รอเวลาแผลงฤทธิ์เท่านั้น


ไม่อยากเรียนต่อ! เค้าบอกกับพ่อแม่ของตัวเองประมาณนั้น ซึ่งเค้าพูดออกมานานมากแล้ว เราเพิ่งจะรู้ก็ตอนถามความฝันของเค้านั่นแหละ เรียนจบจะต่ออะไร? เค้าก็บอกว่าจะไม่เรียน เอาล่ะสิ ยกที่หนึ่งเริ่มได้ ทะเลาะอีกแล้ว คราวนี้ไม่สนใจ ไม่รับโทรศัพท์ จนกระทั่งเรามีโอกาสได้คุยกับแม่เอ รู้สึกได้ว่าแม่ของเอจะไม่กล้าปฏิเสธลูกอ่ะค่ะ(สีหน้าแม่แอบกลุ้มหนักเหมือนกัน) แต่อะไรจะตามใจปานนั้นนน ลูกบอกไม่อยากเรียนก็คือไม่อยากเรียนแค่นั้นเหรอ!? โตไปจะทำอะไรกิน ซึ่งทางครอบครัวเอมีธุรกิจส่วนตัวค่ะ อันนั้นเราเข้าใจว่าเค้าคงจะไม่ซีเรียสเท่าไหร่ น่าจะคิดให้ลูกสืบทอดกิจการต่ออะไรแบบนี้ แต่เรายังไม่เห็นด้วยค่ะ เราอยากให้เค้าเรียน จะบังคับต่อหน้าพ่อแม่ของเอก็ไม่กล้า เราเลยได้แต่ขอร้องเอตอนมีโอกาส "เรียนเถอะ ถ้าไม่รู้จะเรียนอะไรก็เลือกเรียนสาขาที่ถนัดที่สุด เอาแค่วุฒิ ป.ตรี ก็ยังดี เผื่อเตงเบื่องานที่บ้านจะได้สมัครงานอย่างอื่นได้" ก็ดีค่ะ เค้ายังเชื่อเรา แม้จะไม่เต็มใจเลย ใจเค้าไม่เอา...


ความรู้สึกตอนนั้นคือเราเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว เค้าไม่มีความฝัน ไม่มีอะไรเลยที่จริงจังนอกจากเรื่องไร้สาระ เค้าใช้ชีวิตหลักลอยเพราะเกิดในครอบครัวที่ฐานะดี ทว่าไม่มีอะไรแน่นอนในอนาคตข้างหน้า ด้วยลักษณะนิสัยของเค้า ประกอบกับหลายสิ่งหลายอย่าง ความเหนื่อยล้าที่มันพอกพูนมากกว่าความสุข
ทำให้เราเริ่มคิดไปต่างๆนาๆ


กลุ้มค่ะยอมรับ อาจเป็นเพราะเราเป็นคนคิดมาก และชอบคิดแทนคนอื่นตลอดเวลา ทำให้เราดึงสติตัวเองออกมาจากเรื่องพวกนี้ลำบากมาก ตลอดเวลาสามปีที่คบ เรามีความสุข แต่ก็ทุกข์ใจไปพร้อมกัน และความรู้สึกนั้นก็สะสมเรื่อยๆ เราเลือกที่จะทนเพราะรักล้วนๆ กระทั่งความรู้สึกทุกข์ที่มีมันประทุหนักมากกก และทำให้เราตัดสินใจตัดขาดกับผู้ชายคนนี้อย่างจริงจัง


เราตัดสินใจดีแล้ว ช่วงก่อนความสัมพันธ์จะจบเรียกได้ว่าทะเลาะกันทุกวัน เรื่องเก่าเล่าใหม่ บอกตามตรงว่าเหนื่อยและท้อ ชีวิตเราต้องเจออะไรอีกเยอะ ชีวิตเขาก็เหมือนกัน เขาคงชอบที่จะเป็นแบบนี้ เราก็เหนื่อยที่จะเปลี่ยนให้เค้ากลายเป็นอีกคนที่เค้าไม่ได้เป็นเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเลือกที่จะปล่อยมือกันในที่สุด เราบอกเลิกเอ ซึ่งเค้าก็ไม่ยื้อเราเหมือนครั้งก่อนๆ เค้าแค่พูดกับเราประมาณว่า "คิดดีแล้วใช่ไหม? เออ เลิกก็เลิก" ประมาณนั้นมั้ง เราจำไม่ได้ หูอื้อตาลาย เสียใจอยู่เหมือนกัน เขาคงทนทำตามเรามานาน อึดอัดพอกัน ยอมเลิกง่ายๆเชียว(แอบสะอึก)


ไปค่ะ ชีวิตยังต้องเดินต่อ เรียน เรียน กิจกรรมเยอะ บุกตะลุยอย่างเดียว ชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่งหนักมากจนไม่มีเวลาคิดเรื่องเค้า ประกอบกับเค้าไม่เคยติดต่อกลับมา(แอบเสียใจเล็กๆTT)ทำให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองและสังคมใหม่ๆ ปรับตัวอยู่นานเลย แอบรู้สึกแปลกๆอยู่นะ ที่ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเป็นใยลูกน้อย(เพื่อนแซวว่าเอเหมือนลูก) เราดูแลเค้าเหมือนลูกจริงๆ แอบเป็นห่วงว่าเค้าจะอยู่ยังไง จะทำอะไร จะเป็นยังไง


ได้ข่าวว่าเค้าก็เรียนต่อเหมือนกัน(แม้ไม่ได้อยู่มหาลัยเดียวกับเราแต่ก็ใกล้ๆกันเองค่ะ) เค้าสอบรับตรงรอบสุดท้าย(คงหวิดไม่อยากไปสอบอีกแหงๆ-*-) เฮ้อออออ  คิดแล้วก็แอบเป็นห่วง แต่เราต้องตัดใจ และคิดเอาใจช่วยเค้าอยู่ห่างๆ มีบ้างที่แอบคิดถึง ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดเหมือนเราหรือเปล่าหว่า พอกิจกรรมที่มหาลัยเริ่มน้อยลง(ใกล้ช่วงสอบ)เราก็เริ่มคิดถึงเอมากขึ้นเรื่อยๆ ทำไมกันนนน เป็นคนบอกเลิกเค้าเองไม่ใช่เหรอ? แอบงงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน คือเฟสก็บล็อกไปแล้ว เบอร์โทรก็เปลี่ยนไปแล้ว ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตัดขาด แต่ดูเหมือนจะเป็นเราเองล่ะค่ะที่เริ่มอยู่ไม่ได้ แป่ววววว นาทีนั้นคือพยายามหาอะไรทำ ไม่อยากฟุ้งซ่าน ไม่อยากกลับไปหาบ่วงมาคล้องคอ สัมผัสแล้วว่ามันหนัก ไม่ขอกลับไป พยายามมอบความเป็นห่วงอย่างห่างๆไปในฐานะเพื่อนเท่านั้น


////ต่อด้านล่างค่ะ ข้อความอาจยาวนิดนึง เพราะเราชอบเวิ่นเว้อ แฮ่ๆ//// ^-^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่