[หนังโรงเรื่องที่ 208] Wonder - เรียบง่าย แต่สวยงาม by ตั๋วหนังมันแพง


[หนังโรงเรื่องที่ 208] Wonder - เรียบง่าย แต่สวยงาม ; (Stephen Chbosky, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง

คะแนนความชอบ : A++++++ (จากสเกล D-A)

*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ

เรื่องย่อ: เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า "ออกัสต์ 'ออกกี้' พูลล์แมน" (Jacob Tremblay) วัย 10 ขวบที่ป่วยด้วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่มาตั้งแต่กำเนิด จนต้องเข้ารับการผ่าตัดใบหน้ากว่า 27 ครั้งเพื่อรักษาอาการนี้ ซึ่งการผ่าตัดอันมากมายนั้นก็ส่งผลให้ใบหน้าของเขา "ผิดรูป" ผิดแผกจากเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน

โชคดีที่ออกกี้มีครอบครัวที่อบอุ่นและพร้อมสนับสนุนเสมอ และเด็กหนุ่มที่ไม่เหมือนใครคนนี้ก็ตัดสินใจเข้าเรียนชั้นประถมห้าเป็นครั้งแรก ซึ่งเราจะได้ไปติดตามกันว่าเขาจะผ่านพ้นช่วงที่สำคัญของชีวิตช่วงนี้ไปได้หรือไม่? ความแตกต่างของเขาจะเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปหรือเปล่า?

.
.

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังฟีลกู้ดที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในรอบปีนี้ครับ ถึงแม้ว่าหนังไม่ได้มีเนื้อหาอะไรที่ผิดแผกแหวกแนวเลย พล็อตก็สุดแสนธรรมดาๆ กับการก้าวข้ามพ้นวัยและเอาชนะการรังแก (bully) ในโรงเรียน ... แต่มันก็มีความงดงามในความเรียบง่าย มีการแบ่งองก์เล่าเรื่องได้อย่างลงตัว และการใช้ฉากเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic) ต่างๆ เข้ามาชี้นำเรื่องให้ไปในทำนองที่เหมาะสมได้ ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ Wonder กลายเป็น "เรื่องประหลาดใจ" อย่างแท้จริง
.

สิ่งแรกที่ผู้เขียนชอบที่สุดก็คือ "การแบ่งองก์" ของหนังออกเป็นหลายๆ ส่วนโดยที่ไม่ได้โฟกัสกับเด็กชายตัวเอกอย่าง "ออกกี้" เพียงคนเดียว แต่หนังสามารถกระจายความสำคัญและเรื่องราวต่างๆ ของแต่ละคนได้ลื่นไหลจนน่าตื่นตะลึง ซึ่งการที่หนังพาเราเข้าไปติดตามทัศนะของตัวละครอื่นๆ แบบนี้ ยิ่งทำให้เราสามารถ "เชื่อมโยง" ตัวเองเข้ากับหนังได้ง่ายขึ้น และเพิ่มมิติอันน่าอัศจรรย์ใจให้กับภาพรวมของหนังได้ดี ... สมดังกับวรรคทองของตัวละครครูใหญ่ในเรื่องที่ว่า

"จากประสบการณ์ด้านการศึกษา 20 ปีของผม ทำให้ผมทราบว่าทุกๆ เรื่องล้วนมีสองด้านเสมอ"


.

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ "ความกว้าง" ของสโคปหนังที่สามารถรวบรัดทุกประเด็นปัญหาครอบครัวมานำเสนอได้อย่างหมดจด คืออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าหนังให้ความสำคัญกับทุกตัวละครเท่าๆ กันหมด ซึ่งในแต่ละช่วงวัยในแต่ละบริบทของแต่ละตัวละครนั้น มันก็จะมีปัญหามากมายล้านแปดที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยรุ่นเป็นปกติอยู่แล้ว แต่หนังก็สามารถเอาเจ้าปัญหาทั้งล้านแปดอย่างนั้นมาร้อยเรียงให้เป็นเส้นเดียวกันภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงได้อย่างไม่มีที่ติ และยิ่งทำให้เรา "เห็นอกเห็นใจ" (Sympathize) กับทุกคนมากขึ้น

.

การใช้สัญลักษณ์ในเรื่องก็โดดเด่นและทรงความหมายไม่แพ้กัน มีการใช้วัตถุมากมายเพื่อเล่าเรื่องเพิ่มมิติให้กับหนังที่น่าสนใจมากมาย ยกตัวอย่างเช่นการใช้ "ฟล็อปปี้ดิสก์" ของตัวละครตัวหนึ่งที่เปลี่ยนมาใช้ "แฟลชไดรฟ์" ในตอนหลังก็เป็นเชิงสัญลักษณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

หรือไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของหนึ่งในตัวละครสำคัญ (?) ที่เปรียบเสมือนเป็น milestone ประจำช่วงเวลาที่ยากลำบากและกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกคนเริ่มเข้มแข็งขึ้นและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าในฐานะผู้ใหญ่ในท้ายที่สุด ถือเป็นการ "ก้าวพ้นวัย" อย่างแท้จริง

.

อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้เรียนรู้มาจากหนังเรื่องนี้--และหวังเหลือเกินว่ามันจะเกิดขึ่นในสังคมไทยได้ก็คือ "ความเป็นโรงเรียน" ของชาติตะวันตกที่นำเสนออกมาได้น่าสนใจมากๆ ... เช่นเราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมระหว่างนักเรียนด้วยกัน หรือมีการล้อเลียนกันจนเห็นชัดแค่ไหน แต่บรรดา "ผู้ใหญ่" ในโรงเรียนก็จะไม่ลงมือเข้ามาแทรกแซงง่ายๆ คือโรงเรียนจะเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้จัดการปัญหาของตัวเองด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ก่อน เว้นเสียแต่มันจะเป็นกรณีถึงที่สุดจริงๆ ตัวครูบาอาจารย์ถึงจะยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขไกล่เกลี่ยเอง

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือตัวละครเด็ก "แจ็ค วิลล์" (Noah Jupe) ในฉากที่แม่ของเขาพยายามไหว้วานให้เขาไปทำธุระให้โรงเรียน แต่แจ็คก็สามารถตอบปฏิเสธว่า "ไม่" พร้อมให้เหตุผลของการปฏิเสธได้อย่างเต็มปากเต็มคำ (และยอมจำนนในเวลาต่อมาเพราะแม่มีเหตุผลที่ creditable มากกว่า) ซึ่งถ้าเทียบกับบริบทของเราๆ แล้ว การปฏิเสธหรือการคัดค้านอย่างเต็มปากเต็มคำในวัยเด็กคงเป็นภาพที่เห็นได้ยาก ทั้งๆ ที่มันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะส่งเสริมให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจและหนักแน่นในจุดยืนของตัวเองได้ในอนาคต
.
.

ท้ายที่สุดแล้ว "Wonder" ก็เป็นหนังฟีลกู้ดเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดเจตนาของตัวเองออกมาได้อย่างไร้ที่ติ มีตัวละครหลากหลายรสชาติและมากด้วยมิติ และการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม เร้าใจ และซาบซึ้งอย่างมีชั้นเชิงก็ไม่เคยทำให้เราเบื่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ทุกฉากทุกตอนล้วนน่าติดตามต่อ และช่วงเวลาชวนสะเทือนใจก็ถ่ายทอดออกมาได้ไร้ที่ติ (ถ้าหนังจงใจขยี้อีกนิดอาจเสียน้ำตาแล้ว) สรุปโดยภาพรวมแล้วเป็นหนังอีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนเข้าไปดูในโรงกันจริงๆ ครับ รับรองคุ้มค่าตั๋วแน่นอน.

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่