เกมนี้มีความน่าสนใจตรงที่คู่พี่น้องบัวเต็งนี่แหล่ะ
แต่จขกท. ความรู้เกี่ยวกับทีมทั้งสองน้อยมาก
โชคดีได้ความอนุเคราะห์จากท่าน #3824036 เกี่ยวกับแท็คติดการเล่นของทีม Bayern Munich
จึงขออนุญาตนำมาทำสกู๊ปพิเศษก่อนวิเคราะห์เกมการเล่นครั้งนี้
พี่เสือก็มีรถบัส แถมจอดไม่เหมือนใครซะด้วย !!! Bayern Munich vs Paris Saint Germain
คำนิยม
เจ้าของวิทยานิพนธ์เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจาก พี่มันฉาบฯ และจากคำสัญญากับพี่สายลมว่าจะหัดดูบอลเยอรมัน ถ้ามีคุณงามความดีประการใด ถูกใจรึไม่เห็นด้วยในข้อไหน ขอยกให้ท่านทั้งสองข้างต้นรับไป
วิจารณ์เทคติค ตาม b license textsbook ที่เคยอ่านมาเมื่อนานแล้ว นะคนับ มีตกหล่นผิดพลาดก็ขออภัย
วันก่อนมีโอกาส ได้ดูย้อนหลังคู่นี้ เพราะอยากรู้ 2-3 เรื่องนะคนับ คือ ปารีสแพ้เพราะอะไร ? บาร์เยินเล่นดีขนาดไหน ? เห็นพี่สายลมฯ บอกดูไปต้องห่มผ้าห่มไป (ฮา) กับเรื่องสุดท้ายคือ อยากมีคลาสคนับ
เราจะพูดถึงทั้ง 4 ประตูแค่สั้นๆ เพราะทุกคนคงรู้อยู่แล้ว
ก็อย่างที่ ทราบกัน ทั้ง 3 ประตูของบาร์เยินมาจาก ฝั่งซ้ายทั้งหมด แถมถ้าให้ เจาะลงไปรายตัวก็ต้องบอกว่า พี่อัลเวส คนเดียวเลยคนับ
เกมนี้ อัลเวสโดนเผาจนผิวพี่แกคงดำลงไปอีก 3 เฉดแบบไวท์เทนนิ่งที่ไหนก็คงเอาไม่อยู่
ลูกแรก พี่แกตามริบเบอรี่เข้าไปตรงกลางแต่เจอตัวเติม เจม เปิดง่ายๆ
จริงๆจุดเริ่มต้นตรงนี้มาจากเทคติคปู่จุ๊บนะคนับ เดี๋ยวเราจะกล่าวถึงต่อไป
ลูก 2 ก็เป็นฝั่งเดิม พี่อัลเวสไม่เข้า close down ปล่อยให้เจมคนเดิม เปิดง่ายๆ ตามตำราเป๊ะๆ เข้าตรงช่องระหว่างคู่ เซ็นเตอร์ จุดสลบของ ไลน์หลัง 4 ตัว
ลูกที่ 3 อันนี้เป็นจังหวะที่ริเบอรี่โดนเปลี่ยนออก พี่อัลเวส แอบคิดตูสบายละเว้ย (เพราะ 2ผู้เฒ่าฟัดกันทั้งเกม ขนาดจังหวะอัลเวสบุกก็ยังเป็นริเบอรี่ที่เข้ามาร์ก) แต่ปู่จุ๊ปแกโหดกว่านั้นคนับ เล่นโยก โกม๊องซึ่งเร็วกว่าเยอะ ไปใส่อัลเวสที่เริ่มล้า ผลคือเข้าพรวด โกมองได้เปิดง่ายๆเช่นเคย ลูกที่ 3 ต่างจาก 2 ลูกแรกเล็กน้อย เพราะมาจากจังหวะสวนกลับ แต่ 2 ลูกแรกนี่ เพราะเทคติคปู่จุ๊บ
ส่วนประตูของ PSG นี่ต้องบอกว่า ไหวพริบของคาวานี่กับ ไหวพริบของเอ็มปั๊บเป้ ทันกันพอดี คล้ายๆลูกที่ 2 ของบาร์เยินที่เปิดเข้าช่องระหว่างคู่เซ็นเตอร์พอดี ปารีสใช้แค่ 3-4 ตัวก็ป่วน บาร์เยิน 5-6 คนได้แล้วนะคนับ อันนี้ต้องบอกเลยแบบไม่อวย ใครทั้งนั้น ช่วง 2-1 มีหลายจังหวะที่ปารีสเกือบจะได้ลูกที่ 2 ลูกที่คาวานี่ลื่นนั่น อลาบาก็เอาไม่อยู่แล้ว แต่หลังจาก ลูก 3-1 นั่นละคนับ ปารีสก็ไม่ค่อยเร่งแล้ว
เข้าประเด็นหลัก รถบัสแบบไฮคลาสของปู่จุ๊บ
แมนออฟเดอะแม็ทจริงๆ ต้องปู่จุ๊ปเนี่ยล่ะคนับ ถ้าสำนวนพี่มันฯ ก็ต้องบอกว่าคลาสจริงๆ
คือปู่แกรู้ว่า แนวรุก PSG อันตรายจริงๆ ถ้าตั้งรับแบบปกติ ที่เราเห็นๆกันคือ ซ้อน 2 ชั้นที่ โซน 13-14-15 มันก็เหมือนขนมกินเล่นที่ปารีสเจออยู่แทบทุกเกมในลีคเอิง
แต่ปู่แกเหนือชั้นกว่านั้นเยอะคนับ.............
ปู่แกเล่นบัสที่โซน 10-11-12 เลย!!!
ผลก็คือ ปารีสเหมือนถูก แยกกำลังพลคนับ เหมือนกองเสบียงกับกองหนุน ถูกตัดขาดกับทัพหน้า
คือ 3 ตัวหน้าของปารีสยังไงก็ให้ได้บอลรึเล่นง่ายๆไม่ได้ ปู่แกเลยตัดตั้งแต่กลางสนาม แถมความเหนือชั้นก็คือ ถ้าบอลยังอยู่ในฝั่งปารีส จะไม่ค่อยมีคนมาไล่นะคนับ ถ้ามีก็แค่ 1 คน แต่พอจะเข้าโซนเหลืองตรงที่ผมวงไว้เท่านั้นล่ะ มาเพรสทันที
ผลคือ ปารีสได้แต่เคาะไปเคาะมาในแดนตัวเอง พอจะแทงขึ้นหน้า รึต่อบอลก็จะเสียทันทีที่กลางสนาม แล้ว 5 คนที่เป็นรถบัสเนี่ยจะขึ้นมาเล่นทั้งแผง + เลวานอย่างเร็ว จนเป็นที่มาของ 2 ประตูแรกของพี่เสือนี่ล่ะคนับ ย้อนกลับไปดูภาพจังหวะทำประตูได้ว่า มาจากจังหวะที่มีผู้เล่นในเกมรับของปารีส ไม่เกิน 5 คนสักประตูเพราะบอลมาเร็วในจังหวะที่ยังตั้งโซนรับไม่ทัน
ทีนี้แก้ยังไง ?
ปารีสพยายามข้ามรถบัสโดยการโยน 2-3 ครั้งแต่ก็อย่างว่าคนับ โยนไปติดกำแพงแทบทั้งหมด สักพัก ควานี่ก็ลงมาถึงแทบกรอบเขตโทษตัวเองเพื่อล้วงบอล + เพิ่มจำนวนคนเพื่อต่อบอลให้ทะลุรถบัส บางครั้งก็เป็นเนย์มาร์ลงมาล้วง แต่ก็ยังไม่ได้ผลอะไร
ครึ่งหลังช่วงต้น ปารีสเริ่มมีสัญญาณชีพ
จริงๆตั้งแต่ปลายครึ่งแรกแล้วคนับ ที่ปารีสเริ่มมีสัญญาณว่าจะกลับมา จาก 4-3-3 เนย์กับเอ็นปั๊บเป้เริ่มสลับกันลงมาจนเป็น 4-3-2-1 ทิ้งคาวานี่ไว้โฉบ บางทีก็สลับกับเนย์มาร์ แถมจุดตายที่ริมเส้นฝั่งขวาของปารีส (ฝั่งซ้ายบาร์เยิน) เอเมรี่สั่งให้เอ็นปั๊บเป้ลงมาช่วยด้วย ซึ่งตรงนี้ครึ่งแรกไม่มีเลยนะคนับ รวมทั้งบาร์เยิน เริ่มจะไม่ใช้โซ่รถบัสเส้นนั้นแล้ว เปลี่ยนมาตั้งเกมใส่มากขึ้น
ปิดท้ายด้วยภาพรถบัสพี่เสือ
ทั้งเกม ไม่มีกองกลางปารีสผ่านได้เลยนะคนับ ตอนที่พี่เสือสร้างโซ่เส้นนี้อยู่ มั่นคงแล้วก็ทรงประสิทธิภาพมาก เว้นแต่ พวก 3 ตัวบนจะลงมาช่วยโหลดผู้เล่น แต่ก็จะกลายเป็นเสียพื้นที่เข้าทำแทน
ฉะนั้น MoM ของกระผมก็ต้องปู่จุ๊ปเนี่ยล่ะคนับ คิดได้ไง หมากนี้
แก่ตัวไปกระผมจะยังดูดีแบบปู่จุ๊ปในวัยนี้ไม๊หนอ
-------------------------------------------------
จบสกู๊ปพิเศษไปเรียบร้อยแล้ว เราลองมาดูวิเคราะห์หลังเกมกันต่อ
Eintracht Frankfurt vs Bayern München & วิทยานิพนธ์ LA MANNSCHAFT
แต่จขกท. ความรู้เกี่ยวกับทีมทั้งสองน้อยมาก
โชคดีได้ความอนุเคราะห์จากท่าน #3824036 เกี่ยวกับแท็คติดการเล่นของทีม Bayern Munich
จึงขออนุญาตนำมาทำสกู๊ปพิเศษก่อนวิเคราะห์เกมการเล่นครั้งนี้
พี่เสือก็มีรถบัส แถมจอดไม่เหมือนใครซะด้วย !!! Bayern Munich vs Paris Saint Germain
คำนิยม
เจ้าของวิทยานิพนธ์เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจาก พี่มันฉาบฯ และจากคำสัญญากับพี่สายลมว่าจะหัดดูบอลเยอรมัน ถ้ามีคุณงามความดีประการใด ถูกใจรึไม่เห็นด้วยในข้อไหน ขอยกให้ท่านทั้งสองข้างต้นรับไป
วิจารณ์เทคติค ตาม b license textsbook ที่เคยอ่านมาเมื่อนานแล้ว นะคนับ มีตกหล่นผิดพลาดก็ขออภัย
วันก่อนมีโอกาส ได้ดูย้อนหลังคู่นี้ เพราะอยากรู้ 2-3 เรื่องนะคนับ คือ ปารีสแพ้เพราะอะไร ? บาร์เยินเล่นดีขนาดไหน ? เห็นพี่สายลมฯ บอกดูไปต้องห่มผ้าห่มไป (ฮา) กับเรื่องสุดท้ายคือ อยากมีคลาสคนับ
เราจะพูดถึงทั้ง 4 ประตูแค่สั้นๆ เพราะทุกคนคงรู้อยู่แล้ว
ก็อย่างที่ ทราบกัน ทั้ง 3 ประตูของบาร์เยินมาจาก ฝั่งซ้ายทั้งหมด แถมถ้าให้ เจาะลงไปรายตัวก็ต้องบอกว่า พี่อัลเวส คนเดียวเลยคนับ
เกมนี้ อัลเวสโดนเผาจนผิวพี่แกคงดำลงไปอีก 3 เฉดแบบไวท์เทนนิ่งที่ไหนก็คงเอาไม่อยู่
ลูกแรก พี่แกตามริบเบอรี่เข้าไปตรงกลางแต่เจอตัวเติม เจม เปิดง่ายๆ
จริงๆจุดเริ่มต้นตรงนี้มาจากเทคติคปู่จุ๊บนะคนับ เดี๋ยวเราจะกล่าวถึงต่อไป
ลูก 2 ก็เป็นฝั่งเดิม พี่อัลเวสไม่เข้า close down ปล่อยให้เจมคนเดิม เปิดง่ายๆ ตามตำราเป๊ะๆ เข้าตรงช่องระหว่างคู่ เซ็นเตอร์ จุดสลบของ ไลน์หลัง 4 ตัว
ลูกที่ 3 อันนี้เป็นจังหวะที่ริเบอรี่โดนเปลี่ยนออก พี่อัลเวส แอบคิดตูสบายละเว้ย (เพราะ 2ผู้เฒ่าฟัดกันทั้งเกม ขนาดจังหวะอัลเวสบุกก็ยังเป็นริเบอรี่ที่เข้ามาร์ก) แต่ปู่จุ๊ปแกโหดกว่านั้นคนับ เล่นโยก โกม๊องซึ่งเร็วกว่าเยอะ ไปใส่อัลเวสที่เริ่มล้า ผลคือเข้าพรวด โกมองได้เปิดง่ายๆเช่นเคย ลูกที่ 3 ต่างจาก 2 ลูกแรกเล็กน้อย เพราะมาจากจังหวะสวนกลับ แต่ 2 ลูกแรกนี่ เพราะเทคติคปู่จุ๊บ
ส่วนประตูของ PSG นี่ต้องบอกว่า ไหวพริบของคาวานี่กับ ไหวพริบของเอ็มปั๊บเป้ ทันกันพอดี คล้ายๆลูกที่ 2 ของบาร์เยินที่เปิดเข้าช่องระหว่างคู่เซ็นเตอร์พอดี ปารีสใช้แค่ 3-4 ตัวก็ป่วน บาร์เยิน 5-6 คนได้แล้วนะคนับ อันนี้ต้องบอกเลยแบบไม่อวย ใครทั้งนั้น ช่วง 2-1 มีหลายจังหวะที่ปารีสเกือบจะได้ลูกที่ 2 ลูกที่คาวานี่ลื่นนั่น อลาบาก็เอาไม่อยู่แล้ว แต่หลังจาก ลูก 3-1 นั่นละคนับ ปารีสก็ไม่ค่อยเร่งแล้ว
เข้าประเด็นหลัก รถบัสแบบไฮคลาสของปู่จุ๊บ
แมนออฟเดอะแม็ทจริงๆ ต้องปู่จุ๊ปเนี่ยล่ะคนับ ถ้าสำนวนพี่มันฯ ก็ต้องบอกว่าคลาสจริงๆ
คือปู่แกรู้ว่า แนวรุก PSG อันตรายจริงๆ ถ้าตั้งรับแบบปกติ ที่เราเห็นๆกันคือ ซ้อน 2 ชั้นที่ โซน 13-14-15 มันก็เหมือนขนมกินเล่นที่ปารีสเจออยู่แทบทุกเกมในลีคเอิง
แต่ปู่แกเหนือชั้นกว่านั้นเยอะคนับ.............
ปู่แกเล่นบัสที่โซน 10-11-12 เลย!!!
ผลก็คือ ปารีสเหมือนถูก แยกกำลังพลคนับ เหมือนกองเสบียงกับกองหนุน ถูกตัดขาดกับทัพหน้า
คือ 3 ตัวหน้าของปารีสยังไงก็ให้ได้บอลรึเล่นง่ายๆไม่ได้ ปู่แกเลยตัดตั้งแต่กลางสนาม แถมความเหนือชั้นก็คือ ถ้าบอลยังอยู่ในฝั่งปารีส จะไม่ค่อยมีคนมาไล่นะคนับ ถ้ามีก็แค่ 1 คน แต่พอจะเข้าโซนเหลืองตรงที่ผมวงไว้เท่านั้นล่ะ มาเพรสทันที
ผลคือ ปารีสได้แต่เคาะไปเคาะมาในแดนตัวเอง พอจะแทงขึ้นหน้า รึต่อบอลก็จะเสียทันทีที่กลางสนาม แล้ว 5 คนที่เป็นรถบัสเนี่ยจะขึ้นมาเล่นทั้งแผง + เลวานอย่างเร็ว จนเป็นที่มาของ 2 ประตูแรกของพี่เสือนี่ล่ะคนับ ย้อนกลับไปดูภาพจังหวะทำประตูได้ว่า มาจากจังหวะที่มีผู้เล่นในเกมรับของปารีส ไม่เกิน 5 คนสักประตูเพราะบอลมาเร็วในจังหวะที่ยังตั้งโซนรับไม่ทัน
ทีนี้แก้ยังไง ?
ปารีสพยายามข้ามรถบัสโดยการโยน 2-3 ครั้งแต่ก็อย่างว่าคนับ โยนไปติดกำแพงแทบทั้งหมด สักพัก ควานี่ก็ลงมาถึงแทบกรอบเขตโทษตัวเองเพื่อล้วงบอล + เพิ่มจำนวนคนเพื่อต่อบอลให้ทะลุรถบัส บางครั้งก็เป็นเนย์มาร์ลงมาล้วง แต่ก็ยังไม่ได้ผลอะไร
ครึ่งหลังช่วงต้น ปารีสเริ่มมีสัญญาณชีพ
จริงๆตั้งแต่ปลายครึ่งแรกแล้วคนับ ที่ปารีสเริ่มมีสัญญาณว่าจะกลับมา จาก 4-3-3 เนย์กับเอ็นปั๊บเป้เริ่มสลับกันลงมาจนเป็น 4-3-2-1 ทิ้งคาวานี่ไว้โฉบ บางทีก็สลับกับเนย์มาร์ แถมจุดตายที่ริมเส้นฝั่งขวาของปารีส (ฝั่งซ้ายบาร์เยิน) เอเมรี่สั่งให้เอ็นปั๊บเป้ลงมาช่วยด้วย ซึ่งตรงนี้ครึ่งแรกไม่มีเลยนะคนับ รวมทั้งบาร์เยิน เริ่มจะไม่ใช้โซ่รถบัสเส้นนั้นแล้ว เปลี่ยนมาตั้งเกมใส่มากขึ้น
ปิดท้ายด้วยภาพรถบัสพี่เสือ
ทั้งเกม ไม่มีกองกลางปารีสผ่านได้เลยนะคนับ ตอนที่พี่เสือสร้างโซ่เส้นนี้อยู่ มั่นคงแล้วก็ทรงประสิทธิภาพมาก เว้นแต่ พวก 3 ตัวบนจะลงมาช่วยโหลดผู้เล่น แต่ก็จะกลายเป็นเสียพื้นที่เข้าทำแทน
ฉะนั้น MoM ของกระผมก็ต้องปู่จุ๊ปเนี่ยล่ะคนับ คิดได้ไง หมากนี้
แก่ตัวไปกระผมจะยังดูดีแบบปู่จุ๊ปในวัยนี้ไม๊หนอ
-------------------------------------------------
จบสกู๊ปพิเศษไปเรียบร้อยแล้ว เราลองมาดูวิเคราะห์หลังเกมกันต่อ