ตอนแรกว่าจะนั่งรถใต้ดินไป แต่หาข้อมูลจาก hyperdia แล้ว
อยากจะร้องว่าไม่ไหวแน่ๆ ต่อไม่รู้กี่ต่อ แถมต้องลากกระเป๋า 3 ใบ หิ้วอีก 2-3 ใบ
ไปกัน 2 คน เลยจองรถบัส limousine ที่ shinjuku expressway terminal ไว้
แต่สุดท้ายก็เกือบพลาดจนได้ ต้องมาลุ้นระทึกกันแทบจะนาทีสุดท้าย
เรื่องมีอยู่ว่าวันที่สองไปตลาดปลา tsukiji เสร็จ ก่อนไป sanrio puroland เลยไป shinjuku เอาตั๋วบัส airport limousine ไป haneda วันสุดท้าย
กับตั๋วไป kawaguchiko ที่จองไว้ทีเดียวก่อนเลย ขึ้นจากชานชาลามา ป้ายเยอะมาก ก็งงๆ เลยเข้าไปถามทางเจ้าหน้าที่ sumimasen เรื่อยเปื่อยไป
สุดท้ายก็ไปถึง รับตั๋วมา ปกติ
วันไปคาวา จากที่พัก higashi-shinjuku ต้องนั่งรถไฟไปลงที่ shinjuku expressway terminal เพื่อนั่งไปคาวา
ก็ไม่มีอะไร เริ่มคุ้น ชิน ไปถึงได้ด้วยดี จากที่พักไปลง shinjuku-sanchome เปลี่ยนไปลง shinjuku station อีกที แล้วก็ออกทางทิศใต้
แต่พอวันสุดท้ายนี่แหละ เกือบสิ้นสภาพ เครื่องออก 00.05 ที่ haneda ก็ช็อปจนถึง 18.30 ไปถึงที่พักทุ่มนึง
รีบจัดกระเป๋ากับของที่พึ่งกวาดจากตึกม่วงมาจนถึงสองทุ่ม กับความชะล่าใจ เห็นใน hyperdia บอกใช้เวลาเดินทางนิดเดียว ไม่ถึง 10 นาที
แต่ก็ลืมนึกไปว่าต้องใช้เวลาเดินเปลี่ยนสายรถไฟ เช็คเอ้าท์จากโรงแรมสองทุ่มนิดๆ ก็รีบเลย กระเป๋าสองมือ มือละ 10 กว่าโล
ของแฟนหิ้วหนึ่ง ลากหนึ่ง ไม่หนักมาก แต่ก็หนักสำหรับผู้หญิง กับความชะล่าใจที่คิดว่ายังไงก็ทัน แทนที่จะเรียกแท็กซี่ดันไม่เรียก ลากกระเป๋าลงบันไดสถานีใต้ดิน สองชั้น เพราะสถานีนั้นมีแต่บันไดเลื่อนขึ้น ไม่มีลง ลากกันแบบทุลักทุเลมาก ลากลงมาวางที่ชานชาลาเสร็จ รีบไปช่วยลากของแฟนลงมา
ยายคนญี่ปุ่นกับลูกเห็น ก็พยายามจะช่วยยก มีน้ำใจมาก แต่บอกเค้าว่า ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ พอถึงปลายทางสถานี shinjuku
ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม ลงจากรถไฟมาที่ชานชาลาเห็นนายสถานีเพื่อความชัวร์เลยถามเค้า เค้าก็อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นว่ามันต้องไปลง shinjuku-sanchome ไอ้เราก็งง สองวันนั้นเพิ่งมาหยกๆ มันไม่ใช่หนิ ต้องสถานีนี้ เค้าเลยบอกถ้าจะไปก็ทางออก a15 พอขึ้นไปเท่านั้นแหละ
เหมือนภาพที่เห็นมันเปลี่ยนไป ไม่รู้สึกคุ้นชิน คนก็เยอะมาก ก็พยายามตามป้าย a15 ไปเรื่อยๆ พอขึ้นมาด้านบน อ้าวป้ายมันหายไปไหนแล้ว
ทำไมมันไม่เหมือนวันที่มาเพื่อนั่งรถบัสไปคาวาเลย
ทีนี้ใจยิ่งร้อนรน เหลืออีกไม่ถึง 20 นาที รถบัสตรงเวลาด้วย ซวยแล้ว มีแนวโน้มจะตกรถมากๆ เห็นกลุ่มลุงคนญี่ปุ่นกลุ่มนึงยืนเม้าท์กันอยู่ เลยวิ่งเข้าไปถาม
แต่เหมือนเค้าจะงงๆ ไม่ชัวร์กันซักคน บอกเดินออกไปด้านนอกบ้าง เดินตรงไปบ้าง เหมือนเค้าก็พยายามจะช่วย แม้จะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ และกลายเป็นเสียเวลายิ่งกว่าเดิม สุดท้ายเห็นป้าอีกคนยืนอยู่ น่าจะรู้เรื่องมากกว่า รีบวิ่งเข้าไปถามเลย sumimasen บลาๆๆๆ เหมือนป้าจะตกใจ แต่พอถามเค้า เค้าก็ อธิบายว่าไปฝั่งนู้น ฝั่งนี้มันทางออกทิศตะวันตก ซวยเลยทีนี้ เน็ตที่ซื้อแบบแพคเกจเจ้านึงมาก็พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก ช่วยได้จริงๆ สัญญาณหลุดมันแทบจะตลอดเวลา เวลาที่อยากได้ความช่วยเหลือสัญญาณหาย เวลาที่มี wifi กลับมีสัญญาณ มีให้ใช้หลาย GB ไป 6-7 วันใช้ไปไม่ถึง 1 GB เพราะสัญญาณหายตลอด 555 สาบานกับตัวเองเลยว่าคราวหน้า pocket wifi แน่นอน วินาทีนั้นคิดในใจว่ามีโอกาสเกิน 70% ว่าตกรถแน่นอน เหงื่อท่วมตัว นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นอากาศที่เมืองไทยนี่คงเหมือนอาบน้ำแน่นอน นี่ขนาดที่โตเกียวไม่ถึง 10 องศานะ
แต่จังหวะนั้นแฟนเหลือบไปเห็น taxi จอดเรียงรายอยู่ เลยบอกให้ไป taxi ก็รีบกันเลยทีนี้ บอกคนขับ ย้ำเลยว่าสถานีใหม่นะ เค้าบอกโอเค ก็รีบยกของขึ้นรถให้เค้าขับไปส่ง พอจะเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ รถติดอีก 555 แบบหนีเสือปะจระเข้จริงๆ สุดท้ายเหมือนโชคช่วย ติดแค่ไฟแดง พอทีนี้เห็นสถานีละ อยู่ฝั่งตรงข้าม เหลือลุ้นว่าคนขับจะกลับรถเข้าสถานีได้ตรงไหน สุดท้ายกลับรถเลยไปหน่อย คนขับๆมาเรื่อยๆ เตรียมเงินไว้ละ พอจ่าย พอถึงชั้น 3 ไอ้เราก็บอกไปชั้น 4 ไม่ได้หรอ เค้าบอกชั้น 4 เฉพาะบัส ก็เลยโอเค
พอดูมิเตอร์ เวรละ จาก 470 เยน ดีดขึ้นเป็น 500 กว่า เหรียญที่เตรียมไว้ไม่พอแล้ว แบงค์ก็มีแต่ 5000 เยน เลยยื่นให้เค้าไป เค้าบอกไม่มีเศษหรอ ทีนี้ยื่นให้ที่อยู่ในกำมือเลย บอกมีเท่านี้ มันไม่พอ ต้องลุ้นต่อว่าคนขับจะมีเงินทอนไหม โชคดีสุดท้ายคนขับมีทอน ตอนนั้นเหลือไม่ถึง 10 นาที ลงรถได้รีบยกของ วิ่งเลย เกงจะหลุดตูดอีก วิ่งไปถึง เกทไหน ไม่รู้อีก วิ่งไปถามเจ้าหน้าที่หน้าเกทน้ำเงิน เค้าบอกต้องเดินออกไปด้านนอก เกทในสุด รีบใส่เกียร์ D เลย เจ้าหน้าที่บอกเกทไปในสนามบินอยู่ด้านใน รีบไป
โห ยังจะให้ลุ้นต่อ 555 ไปถึงรถมาพอดี สุดท้ายเป็นสองคนสุดท้ายที่ขึ้นหลังสุด เข็ดเลย ตอนนั้นอยากจะร้องไห้มาก อะไรมันจะลุ้นขนาดนี้ ตอนนั้นคิดย้อนไปถ้าไม่มี taxi คันนั้นคงตกรถบัสแน่ๆ หรือถ้าวันนั้นไม่ไปเอาตั๋วก่อน มีหวังได้เรียก taxi ตรงไปสนามบิน haneda ยาว กี่หมื่นเยนล่ะนั่น เป็นประสบการณ์เอาตัวรอดที่ลุ้นระทึกที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ อยู่เมืองไทยมา 30 ปี ไม่เคยลุ้นอะไรขนาดนี้ คิดแล้วอยากร้องไห้ คราวก่อนไป osaka ก็หาสถานีไปสนามบินไม่เจอ ขึ้นมาด้านบน ป้ายหาย 555 ลุ้นระทึกเหมือนกัน แต่ไม่นาทีสุดท้ายแบบนี้ ไม่รู้ดวงจะสมพงษ์อะไรกับวันกลับตลอด พอมาดูระยะทางจากที่พัก shinjuku grandbell ไป shinjuku expressway แค่โลกว่าๆ มากกว่าที่ให้ต้องลุ้นระทึกแค่เท่าตั้ว ทำไมไม่คิดจะเรียก taxi ไปตั้งแต่แรก เข็ดเลย จินตนาการไม่ออก ว่าถ้าเมื่อวานเป็นวันธรรมดาของเค้ามันจะเป็นยังไง แต่ที่งงที่สุดคงหนีไม่พ้น ทำไมขึ้นจากชานชาลามามันไม่เหมือนวันที่ไปคาวานี่แหละ ใครพออธิบายได้บ้างครับ
ขำตัวเองกับประสบการณ์จริงสดๆร้อนๆ เกือบตกรถบัสไปสนามบิน Haneda
อยากจะร้องว่าไม่ไหวแน่ๆ ต่อไม่รู้กี่ต่อ แถมต้องลากกระเป๋า 3 ใบ หิ้วอีก 2-3 ใบ
ไปกัน 2 คน เลยจองรถบัส limousine ที่ shinjuku expressway terminal ไว้
แต่สุดท้ายก็เกือบพลาดจนได้ ต้องมาลุ้นระทึกกันแทบจะนาทีสุดท้าย
เรื่องมีอยู่ว่าวันที่สองไปตลาดปลา tsukiji เสร็จ ก่อนไป sanrio puroland เลยไป shinjuku เอาตั๋วบัส airport limousine ไป haneda วันสุดท้าย
กับตั๋วไป kawaguchiko ที่จองไว้ทีเดียวก่อนเลย ขึ้นจากชานชาลามา ป้ายเยอะมาก ก็งงๆ เลยเข้าไปถามทางเจ้าหน้าที่ sumimasen เรื่อยเปื่อยไป
สุดท้ายก็ไปถึง รับตั๋วมา ปกติ
วันไปคาวา จากที่พัก higashi-shinjuku ต้องนั่งรถไฟไปลงที่ shinjuku expressway terminal เพื่อนั่งไปคาวา
ก็ไม่มีอะไร เริ่มคุ้น ชิน ไปถึงได้ด้วยดี จากที่พักไปลง shinjuku-sanchome เปลี่ยนไปลง shinjuku station อีกที แล้วก็ออกทางทิศใต้
แต่พอวันสุดท้ายนี่แหละ เกือบสิ้นสภาพ เครื่องออก 00.05 ที่ haneda ก็ช็อปจนถึง 18.30 ไปถึงที่พักทุ่มนึง
รีบจัดกระเป๋ากับของที่พึ่งกวาดจากตึกม่วงมาจนถึงสองทุ่ม กับความชะล่าใจ เห็นใน hyperdia บอกใช้เวลาเดินทางนิดเดียว ไม่ถึง 10 นาที
แต่ก็ลืมนึกไปว่าต้องใช้เวลาเดินเปลี่ยนสายรถไฟ เช็คเอ้าท์จากโรงแรมสองทุ่มนิดๆ ก็รีบเลย กระเป๋าสองมือ มือละ 10 กว่าโล
ของแฟนหิ้วหนึ่ง ลากหนึ่ง ไม่หนักมาก แต่ก็หนักสำหรับผู้หญิง กับความชะล่าใจที่คิดว่ายังไงก็ทัน แทนที่จะเรียกแท็กซี่ดันไม่เรียก ลากกระเป๋าลงบันไดสถานีใต้ดิน สองชั้น เพราะสถานีนั้นมีแต่บันไดเลื่อนขึ้น ไม่มีลง ลากกันแบบทุลักทุเลมาก ลากลงมาวางที่ชานชาลาเสร็จ รีบไปช่วยลากของแฟนลงมา
ยายคนญี่ปุ่นกับลูกเห็น ก็พยายามจะช่วยยก มีน้ำใจมาก แต่บอกเค้าว่า ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ พอถึงปลายทางสถานี shinjuku
ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม ลงจากรถไฟมาที่ชานชาลาเห็นนายสถานีเพื่อความชัวร์เลยถามเค้า เค้าก็อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นว่ามันต้องไปลง shinjuku-sanchome ไอ้เราก็งง สองวันนั้นเพิ่งมาหยกๆ มันไม่ใช่หนิ ต้องสถานีนี้ เค้าเลยบอกถ้าจะไปก็ทางออก a15 พอขึ้นไปเท่านั้นแหละ
เหมือนภาพที่เห็นมันเปลี่ยนไป ไม่รู้สึกคุ้นชิน คนก็เยอะมาก ก็พยายามตามป้าย a15 ไปเรื่อยๆ พอขึ้นมาด้านบน อ้าวป้ายมันหายไปไหนแล้ว
ทำไมมันไม่เหมือนวันที่มาเพื่อนั่งรถบัสไปคาวาเลย
ทีนี้ใจยิ่งร้อนรน เหลืออีกไม่ถึง 20 นาที รถบัสตรงเวลาด้วย ซวยแล้ว มีแนวโน้มจะตกรถมากๆ เห็นกลุ่มลุงคนญี่ปุ่นกลุ่มนึงยืนเม้าท์กันอยู่ เลยวิ่งเข้าไปถาม
แต่เหมือนเค้าจะงงๆ ไม่ชัวร์กันซักคน บอกเดินออกไปด้านนอกบ้าง เดินตรงไปบ้าง เหมือนเค้าก็พยายามจะช่วย แม้จะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ และกลายเป็นเสียเวลายิ่งกว่าเดิม สุดท้ายเห็นป้าอีกคนยืนอยู่ น่าจะรู้เรื่องมากกว่า รีบวิ่งเข้าไปถามเลย sumimasen บลาๆๆๆ เหมือนป้าจะตกใจ แต่พอถามเค้า เค้าก็ อธิบายว่าไปฝั่งนู้น ฝั่งนี้มันทางออกทิศตะวันตก ซวยเลยทีนี้ เน็ตที่ซื้อแบบแพคเกจเจ้านึงมาก็พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก ช่วยได้จริงๆ สัญญาณหลุดมันแทบจะตลอดเวลา เวลาที่อยากได้ความช่วยเหลือสัญญาณหาย เวลาที่มี wifi กลับมีสัญญาณ มีให้ใช้หลาย GB ไป 6-7 วันใช้ไปไม่ถึง 1 GB เพราะสัญญาณหายตลอด 555 สาบานกับตัวเองเลยว่าคราวหน้า pocket wifi แน่นอน วินาทีนั้นคิดในใจว่ามีโอกาสเกิน 70% ว่าตกรถแน่นอน เหงื่อท่วมตัว นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นอากาศที่เมืองไทยนี่คงเหมือนอาบน้ำแน่นอน นี่ขนาดที่โตเกียวไม่ถึง 10 องศานะ
แต่จังหวะนั้นแฟนเหลือบไปเห็น taxi จอดเรียงรายอยู่ เลยบอกให้ไป taxi ก็รีบกันเลยทีนี้ บอกคนขับ ย้ำเลยว่าสถานีใหม่นะ เค้าบอกโอเค ก็รีบยกของขึ้นรถให้เค้าขับไปส่ง พอจะเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ รถติดอีก 555 แบบหนีเสือปะจระเข้จริงๆ สุดท้ายเหมือนโชคช่วย ติดแค่ไฟแดง พอทีนี้เห็นสถานีละ อยู่ฝั่งตรงข้าม เหลือลุ้นว่าคนขับจะกลับรถเข้าสถานีได้ตรงไหน สุดท้ายกลับรถเลยไปหน่อย คนขับๆมาเรื่อยๆ เตรียมเงินไว้ละ พอจ่าย พอถึงชั้น 3 ไอ้เราก็บอกไปชั้น 4 ไม่ได้หรอ เค้าบอกชั้น 4 เฉพาะบัส ก็เลยโอเค
พอดูมิเตอร์ เวรละ จาก 470 เยน ดีดขึ้นเป็น 500 กว่า เหรียญที่เตรียมไว้ไม่พอแล้ว แบงค์ก็มีแต่ 5000 เยน เลยยื่นให้เค้าไป เค้าบอกไม่มีเศษหรอ ทีนี้ยื่นให้ที่อยู่ในกำมือเลย บอกมีเท่านี้ มันไม่พอ ต้องลุ้นต่อว่าคนขับจะมีเงินทอนไหม โชคดีสุดท้ายคนขับมีทอน ตอนนั้นเหลือไม่ถึง 10 นาที ลงรถได้รีบยกของ วิ่งเลย เกงจะหลุดตูดอีก วิ่งไปถึง เกทไหน ไม่รู้อีก วิ่งไปถามเจ้าหน้าที่หน้าเกทน้ำเงิน เค้าบอกต้องเดินออกไปด้านนอก เกทในสุด รีบใส่เกียร์ D เลย เจ้าหน้าที่บอกเกทไปในสนามบินอยู่ด้านใน รีบไป
โห ยังจะให้ลุ้นต่อ 555 ไปถึงรถมาพอดี สุดท้ายเป็นสองคนสุดท้ายที่ขึ้นหลังสุด เข็ดเลย ตอนนั้นอยากจะร้องไห้มาก อะไรมันจะลุ้นขนาดนี้ ตอนนั้นคิดย้อนไปถ้าไม่มี taxi คันนั้นคงตกรถบัสแน่ๆ หรือถ้าวันนั้นไม่ไปเอาตั๋วก่อน มีหวังได้เรียก taxi ตรงไปสนามบิน haneda ยาว กี่หมื่นเยนล่ะนั่น เป็นประสบการณ์เอาตัวรอดที่ลุ้นระทึกที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ อยู่เมืองไทยมา 30 ปี ไม่เคยลุ้นอะไรขนาดนี้ คิดแล้วอยากร้องไห้ คราวก่อนไป osaka ก็หาสถานีไปสนามบินไม่เจอ ขึ้นมาด้านบน ป้ายหาย 555 ลุ้นระทึกเหมือนกัน แต่ไม่นาทีสุดท้ายแบบนี้ ไม่รู้ดวงจะสมพงษ์อะไรกับวันกลับตลอด พอมาดูระยะทางจากที่พัก shinjuku grandbell ไป shinjuku expressway แค่โลกว่าๆ มากกว่าที่ให้ต้องลุ้นระทึกแค่เท่าตั้ว ทำไมไม่คิดจะเรียก taxi ไปตั้งแต่แรก เข็ดเลย จินตนาการไม่ออก ว่าถ้าเมื่อวานเป็นวันธรรมดาของเค้ามันจะเป็นยังไง แต่ที่งงที่สุดคงหนีไม่พ้น ทำไมขึ้นจากชานชาลามามันไม่เหมือนวันที่ไปคาวานี่แหละ ใครพออธิบายได้บ้างครับ