ถ้าจะบอกว่าประเทศที่คนไทยไปเที่ยวบ่อยมาก และ ชอบกันเป็นส่วนใหญ่คงจะหนีไม่พ้นญี่ปุ่น เพราะประเทศนี้อาหารอร่อย ผู้คนใจดี มีน้ำใจ สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม นอกจากอาหาร สถานที่เที่ยวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอีกอย่างคือ การคมนาคมที่สะดวกสบายเดินทางง่าย รถไฟความเร็วสูงปรี๊ดๆ ที่พาคุณไปยังที่หมายได้อย่างรวดเร็วประหยัดเวลาแต่ว่าค่าใช้จ่ายก็สูงตามใช่มั๊ยหล่ะ แต่ละเที่ยวยิ่งถ้าเดินทางระหว่างเมืองแล้วด้วยนั้นหลายพันบาทเลยทีเดียว ดังนั้นการที่จะทำให้ทริปสมบูรณ์ที่สุดเราควรเลือกใช้ JR Pass เพราะประหยัดเวลา ประหยัดเงินมากกว่า ทำให้เรามีเวลาเที่ยวเยอะขึ้น ลางานมาทั้งทีเราต้องทำให้เวลาเรามีค่าที่สุดจริงมั๊ย

ซึ่งการเดินทางในญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้นใช้รถไฟเป็นหลัก เพราะว่าแต่ละเส้นทางครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งประเทศ ตรงเวลามาก ทำให้แผนที่วางไว้สามารถกำหนดเวลาได้ดี มีหลายเส้นทางหลายแบบให้เลือก จะมีบางที่เท่านั้นที่รถไฟไม่ครอบคลุมเช่น เกียวโต ที่เที่ยวหลายที่ต้องเดินทางด้วยรถบัส หรือ การเดินทางจากชินจูกุ ไป คาวากูชิโกะ ด้วยรถบัสจะใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟ ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะซื้อ Pass หรือ บัตรจ่ายราคาเดียวขึ้นรถไฟกี่เทียวก็ได้ เพราะหากเดินทางไปเที่ยวหลาย ๆ ที่ในหนึ่งวันค่ารถจะถูกกว่าจ่ายเป็นเที่ยวมาก ที่สำคัญคือ Pass ส่วนใหญ่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น คนญี่ปุ่นซื้อไม่ได้ดังนั้น JR Pass มีประโยชน์มากจริงๆ
ดังนั้นทุกครั้งที่เรามาญี่ปุ่นและมีการเดินทางระหว่างเมืองเราจะเลือกซื้อ Pass แบบ JR Pass ที่สามารถใช้กับรถไฟส่วนใหญ่ของ JR ได้ทั่วประเทศตั้งแต่รถไฟธรรมดา (Local), รถเร็ว (Rapid), รถด่วน (Express), รถด่วนพิเศษ (Limited Express) และ รถไฟความเร็วสูง (Shinkansen)

การเดินทางครั้งนี้นิ่มเลือกจอง JR Pass ผ่าน Klook ซึ่งตั๋ว JR Rail Pass คือบัตรที่ใช้เดินทางทั่วประเทศญี่ปุ่นได้ตั้งแต่เหนือจรดไต้ เราเลือกซื้อแบบ 5 วันเป็นเส้นทาง Tohoku Area โดยทำการจองผ่านเว็ปนี้เลย
https://goo.gl/JZqvEb
เมื่อทำการจองแล้วเราจะได้รับอีเมล์ยันยืน แล้วก็รอรับ Pass ได้เลย เค้าจะทำการส่งมาให้ถึงบ้านภายใน 7 วัน แต่เมื่อจองแล้วเราจะได้รับ เป็น Exchange Order ซึ่งยังใช้ไม่ได้ หน้าตาแบบนี้ค่ะ

ต้องไปแลกที่สถานีรถไฟใหญ่ๆของ JR ในญี่ปุ่น โดยต้องมี Exchange Order กับ พาสปอร์ต โดยเราสามารถกำหนดวันที่จะเริ่มใช้ได้ โดยไม่จำเป็นว่าแลกแล้วต้องใช้เลย เจ้าหน้าที่จะถามว่าเราจะเริ่มใช้วันไหน ส่วนการผ่านประตูนั้นเข้าในสถานีรถไฟนั้น ต้องผ่านประตูที่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ห้ามผ่านประตูอัตโนมัติ เพราะบัตร Japan Rail Pass เป็นบัตรแข็งขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าประตูอัตโนมัติไม่ได้ โดยแสดงบัตร JR Pass ที่เราได้มานั้นให้เจ้าหน้าที่ดู ง่ายๆแค่นี้คุณก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้แบบสบายๆแล้ว
อย่างที่บอกไปการเดินทางครั้งนี้ของเราเป็นเส้นทาง Tohoku area แบบ Felxible 5 วัน มีอายุทั้งหมด 14 วัน หมายถึงว่าสามารถใช้ได้ 5 วัน เลือกใช้วันไหนก็ได้ภายใน 14 วัน โดยนับตั้งแต่วันที่เราออกตั๋วเดินทางวันแรก ราคา 19,000 เยน (คิดเป็นเงินไทย 19,000*0.3 = 5,700 บาท) เหตุผลที่เราเลือกซื้อ JR Pass ก็เพราะว่า เราว่ามันสะดวกสบายและคุ้มค่ากับการเดินทางสำหรับเส้นทางไกลๆ เพราะถ้ามานั่งจ่ายเงินซื้อทีละเที่ยวนั้นบางทีอาจจะแพงกว่าก็เป็นได้ หรือ บางเส้นทางสามารถนั่งรถบัสไปได้แม้ว่าจะประหยัดกว่า แต่การเดินทางนั้นหลายชั่วโมงทำให้เราเสียเวลา การยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วได้เวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นเราว่ามันคุ้มค่ากว่านะ เพราะเวลาเรามาเที่ยวทั้งทีเราก็อยากจะใช้เวลาในการเที่ยวของเราให้มีค่ามากที่สุด ยิ่งมนุษย์เงินเดือนที่มีวันลาจำกัดด้วยแล้ว กว่าจะลางานได้แต่ละทีนั้นแสนจะลำบาก บางทีวันลาไม่พอด้วยซ้ำ JR Pass นี่แหละตอบโจทย์นี่สุดละ
แผนการเดินทาง
Day 1 Tokyo - Aizu Wakamatsu
Day 2 Aizu Wakamatsu - Fukushima
Day 3 Fukushima - Soma Nomaoi - Fukushima
Day 4 Fukushima - Tokyo
Day 5 Tokyo-Bangkok
เส้นทางรถไฟ Tohoku Area
Day 1 Tokyo Station-Tohoku Line
เราลงที่สนามบิน Haneda ผ่านตม.เข้ามาก็มาต่อคิวแลกตั๋ว JR ที่เราซื้อผ่าน Klook (ใช้ใบ Exchange Order กับ พาสปอร์ต) แต่คิวยาวมากถามเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถแลกได้ที่สถานีใหญ่ๆได้เหมือนกันนะถ้าไม่อยากรอ จึงซื้อตั๋ว monorail ไป Tokyo station แทนเพื่อไปแลกตั๋ว JR Pass มาถึงก็มองหาป้ายเหลืองๆที่เขียนว่า marunouchi เดินตามป้ายมาจะเห็น JR East Travel service center เข้าไปแลกตั๋วรถไฟได้เลยค่ะ เราจะได้ JR Pass แบบนี้มา

เมื่อแลกตั๋วได้แล้วก็ออกเดินทางขึ้น JR สาย tohoku Shinkansen มาลงที่ koriyama station (ตอนเข้ามาเจ้าหน้าที่จะแสตมป์1ช่องแสดงว่าวันนี้เราใช้ไปแล้ว จะเหลืออีก 4 วันที่ใช้ได้) เนื่องจากเราจะไปแวะเที่ยวเมือง Aizu ก่อนค่ะ หลังจากที่มาลง koriyama แล้วก็เปลี่ยนนั่ง local train ไปลงที่ Aizu-wakamatsu จากนั้นก็เดินขึ้นรถบัสหมายเลข 6 เพื่อไปยังที่พักนั่งมาสุดสายเลย ลงที่ Higashiyama Onsen โดยเดินต่อประมาณ 400 เมตรค่ะ ค่ารถบัส 210 เยน ก่อนถึงที่พักจะเห็นด้านขวามือ Foot Onsen ที่ให้แช่ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ป้ายหมายเลข 6

หลังจากเช็คอินเสร็จเราก็เลยนั่งรถที่เดิมไปยังปราสาท Tsuruga ลงที่สถานี tsurugajyo sannomaruguchi แล้วเดินเข้าไปด้านใน สองข้างเป็นแม่น้ำ วิวแม่น้ำสวยๆรายล้อมด้วยต้นไม้ ใบไม้หลากชนิด เขียวขจี


มีสัญลักษณ์ตรงสนามหญ้าด้วยนะเทอ

แวะกินขนมอร่อยอ่ะ กับชาเขียวร้อนๆ

แล้วก็เดินทางกลับที่พัก
Day 2 JR Tohoku Line
เช้าวันใหม่ออกเดินไป Ouchijuku เราขึ้นรถไฟที่สถานี nanukamachi ซื้อตั๋ว 140 เยน มาลงที่ yunokami onsen แล้วซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีเลย ราคาไปกลับอยู่ที่ 1900 เยน
รถบัสวันนี้ออกรอบ 11.20 น. มาถึงก็เริ่มเดิน ฝนปรอยๆเป็นช่วงๆ แต่ไม่ถึงกับตกมากนักเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แต่น่าสนใจมีร้านค้าขายของน่ารักไรมากมาย เดินไม่กี่ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว

ประวัติหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)
ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนในสมัยเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเสมือนแหล่งที่พัก ตั้งขนาบข้างถนนหลักที่มีชื่อว่าถนนชิโมสึเคะ (Shimotsuke) ถนนเส้นนี้เคยเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและการค้า เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรไอสึ (Aizu city ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Fukushima และจังหวัด Niigata) และเมืองอิไมชิ (Imaichi จังหวัด Tochigi)
ในสมัยก่อน การเดินทางต่างๆยังไม่สะดวกสบาย ทั้งโชกุนรวมทั้งขุนนางและพ่อค้าต่างต้องเดินทางด้วยเท้า และหมู่บ้าน โออุจิ จูคุแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในเมืองที่เหล่านักเดินทางนิยมมาพักแรมในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากที่นี่มีทั้งอาหารและแหล่งที่พักครบครัน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเส้นทางสายใหม่ถูกเปิดขึ้น ทำให้ผู้เดินทางผ่านหมู่บ้าน โออุจิ จูคุ ลดลงไปอย่างมาก ที่นี่มีบ้านเพียง 40-50 หลังเท่านั้น
ไม่เสียค่าเข้านะคะ
ประวัติหมู่บ้าน Ocjijuku เพิ่มเติม :
http://www.jnto.or.th/newsletter/ouchi-juku-2014/
เราเดินขึ้นไปด้านบนตรงที่เป็นเนินเขาจะเห็นวิวโดยรอบของหมู่บ้านแห่งนี้เลย

เมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆที่นี่มีของน่ารักน่ารักขายเยอะเลย เราชอบมันเกร๋ดี


เราเหลือบไปเห็นร้านขนมดูแปลกดีข้างในเป็นไส้ถั่วแดง ข้างนอกแป้งล้วนๆ อันละ 100 เยน แป้งค่อนข้างหนา แต่ถั่วแดงอร่อยดี

อันนี้ชอบมากไอติมนม แบบว่านมละมุนมาก 500 เยน ร้านนี้เลย อร่อยจะเบิ้ลก็อิ่ม


ที่นี่เค้าแช่น้ำขวด โค้ก กันตรงคลองเลยนะฮะ

แล้วก็มารอรถที่เดิมเพื่อขึ้นรถกลับ โดยกลับมายังจุดเดิมคือ สถานี yunokami onsen เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องซื้อตั๋วใช้ตั๋วที่ซื้อไป ouchijuku ได้เลย แต่พอมาถึงที่สถานี Aizu-watsuyama ต้องเสียเงินเพิ่ม 190 เยน จ่ายทีสถานีปลายทางเลย แล้วก็กลับที่พักเก็บของมาขึ้นรถไฟกลับ fukushima มาถึง fukushima พรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อไปยังเมือง soma ใช้ JR Pass ที่เราได้มาเลย
[SR] เที่ยวญี่ปุ่น 5 วัน ด้วยตัวเองแบบประหยัดค่าใช้จ่ายง่ายๆกับ JR Pass
ซึ่งการเดินทางในญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้นใช้รถไฟเป็นหลัก เพราะว่าแต่ละเส้นทางครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งประเทศ ตรงเวลามาก ทำให้แผนที่วางไว้สามารถกำหนดเวลาได้ดี มีหลายเส้นทางหลายแบบให้เลือก จะมีบางที่เท่านั้นที่รถไฟไม่ครอบคลุมเช่น เกียวโต ที่เที่ยวหลายที่ต้องเดินทางด้วยรถบัส หรือ การเดินทางจากชินจูกุ ไป คาวากูชิโกะ ด้วยรถบัสจะใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟ ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะซื้อ Pass หรือ บัตรจ่ายราคาเดียวขึ้นรถไฟกี่เทียวก็ได้ เพราะหากเดินทางไปเที่ยวหลาย ๆ ที่ในหนึ่งวันค่ารถจะถูกกว่าจ่ายเป็นเที่ยวมาก ที่สำคัญคือ Pass ส่วนใหญ่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น คนญี่ปุ่นซื้อไม่ได้ดังนั้น JR Pass มีประโยชน์มากจริงๆ
ดังนั้นทุกครั้งที่เรามาญี่ปุ่นและมีการเดินทางระหว่างเมืองเราจะเลือกซื้อ Pass แบบ JR Pass ที่สามารถใช้กับรถไฟส่วนใหญ่ของ JR ได้ทั่วประเทศตั้งแต่รถไฟธรรมดา (Local), รถเร็ว (Rapid), รถด่วน (Express), รถด่วนพิเศษ (Limited Express) และ รถไฟความเร็วสูง (Shinkansen)
การเดินทางครั้งนี้นิ่มเลือกจอง JR Pass ผ่าน Klook ซึ่งตั๋ว JR Rail Pass คือบัตรที่ใช้เดินทางทั่วประเทศญี่ปุ่นได้ตั้งแต่เหนือจรดไต้ เราเลือกซื้อแบบ 5 วันเป็นเส้นทาง Tohoku Area โดยทำการจองผ่านเว็ปนี้เลย https://goo.gl/JZqvEb
เมื่อทำการจองแล้วเราจะได้รับอีเมล์ยันยืน แล้วก็รอรับ Pass ได้เลย เค้าจะทำการส่งมาให้ถึงบ้านภายใน 7 วัน แต่เมื่อจองแล้วเราจะได้รับ เป็น Exchange Order ซึ่งยังใช้ไม่ได้ หน้าตาแบบนี้ค่ะ
อย่างที่บอกไปการเดินทางครั้งนี้ของเราเป็นเส้นทาง Tohoku area แบบ Felxible 5 วัน มีอายุทั้งหมด 14 วัน หมายถึงว่าสามารถใช้ได้ 5 วัน เลือกใช้วันไหนก็ได้ภายใน 14 วัน โดยนับตั้งแต่วันที่เราออกตั๋วเดินทางวันแรก ราคา 19,000 เยน (คิดเป็นเงินไทย 19,000*0.3 = 5,700 บาท) เหตุผลที่เราเลือกซื้อ JR Pass ก็เพราะว่า เราว่ามันสะดวกสบายและคุ้มค่ากับการเดินทางสำหรับเส้นทางไกลๆ เพราะถ้ามานั่งจ่ายเงินซื้อทีละเที่ยวนั้นบางทีอาจจะแพงกว่าก็เป็นได้ หรือ บางเส้นทางสามารถนั่งรถบัสไปได้แม้ว่าจะประหยัดกว่า แต่การเดินทางนั้นหลายชั่วโมงทำให้เราเสียเวลา การยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วได้เวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นเราว่ามันคุ้มค่ากว่านะ เพราะเวลาเรามาเที่ยวทั้งทีเราก็อยากจะใช้เวลาในการเที่ยวของเราให้มีค่ามากที่สุด ยิ่งมนุษย์เงินเดือนที่มีวันลาจำกัดด้วยแล้ว กว่าจะลางานได้แต่ละทีนั้นแสนจะลำบาก บางทีวันลาไม่พอด้วยซ้ำ JR Pass นี่แหละตอบโจทย์นี่สุดละ
แผนการเดินทาง
Day 1 Tokyo - Aizu Wakamatsu
Day 2 Aizu Wakamatsu - Fukushima
Day 3 Fukushima - Soma Nomaoi - Fukushima
Day 4 Fukushima - Tokyo
Day 5 Tokyo-Bangkok
เส้นทางรถไฟ Tohoku Area
Day 1 Tokyo Station-Tohoku Line
เราลงที่สนามบิน Haneda ผ่านตม.เข้ามาก็มาต่อคิวแลกตั๋ว JR ที่เราซื้อผ่าน Klook (ใช้ใบ Exchange Order กับ พาสปอร์ต) แต่คิวยาวมากถามเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถแลกได้ที่สถานีใหญ่ๆได้เหมือนกันนะถ้าไม่อยากรอ จึงซื้อตั๋ว monorail ไป Tokyo station แทนเพื่อไปแลกตั๋ว JR Pass มาถึงก็มองหาป้ายเหลืองๆที่เขียนว่า marunouchi เดินตามป้ายมาจะเห็น JR East Travel service center เข้าไปแลกตั๋วรถไฟได้เลยค่ะ เราจะได้ JR Pass แบบนี้มา
เมื่อแลกตั๋วได้แล้วก็ออกเดินทางขึ้น JR สาย tohoku Shinkansen มาลงที่ koriyama station (ตอนเข้ามาเจ้าหน้าที่จะแสตมป์1ช่องแสดงว่าวันนี้เราใช้ไปแล้ว จะเหลืออีก 4 วันที่ใช้ได้) เนื่องจากเราจะไปแวะเที่ยวเมือง Aizu ก่อนค่ะ หลังจากที่มาลง koriyama แล้วก็เปลี่ยนนั่ง local train ไปลงที่ Aizu-wakamatsu จากนั้นก็เดินขึ้นรถบัสหมายเลข 6 เพื่อไปยังที่พักนั่งมาสุดสายเลย ลงที่ Higashiyama Onsen โดยเดินต่อประมาณ 400 เมตรค่ะ ค่ารถบัส 210 เยน ก่อนถึงที่พักจะเห็นด้านขวามือ Foot Onsen ที่ให้แช่ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ป้ายหมายเลข 6
หลังจากเช็คอินเสร็จเราก็เลยนั่งรถที่เดิมไปยังปราสาท Tsuruga ลงที่สถานี tsurugajyo sannomaruguchi แล้วเดินเข้าไปด้านใน สองข้างเป็นแม่น้ำ วิวแม่น้ำสวยๆรายล้อมด้วยต้นไม้ ใบไม้หลากชนิด เขียวขจี
มีสัญลักษณ์ตรงสนามหญ้าด้วยนะเทอ
แวะกินขนมอร่อยอ่ะ กับชาเขียวร้อนๆ
แล้วก็เดินทางกลับที่พัก
Day 2 JR Tohoku Line
เช้าวันใหม่ออกเดินไป Ouchijuku เราขึ้นรถไฟที่สถานี nanukamachi ซื้อตั๋ว 140 เยน มาลงที่ yunokami onsen แล้วซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีเลย ราคาไปกลับอยู่ที่ 1900 เยน
รถบัสวันนี้ออกรอบ 11.20 น. มาถึงก็เริ่มเดิน ฝนปรอยๆเป็นช่วงๆ แต่ไม่ถึงกับตกมากนักเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แต่น่าสนใจมีร้านค้าขายของน่ารักไรมากมาย เดินไม่กี่ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว
ประวัติหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku)
ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนในสมัยเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเสมือนแหล่งที่พัก ตั้งขนาบข้างถนนหลักที่มีชื่อว่าถนนชิโมสึเคะ (Shimotsuke) ถนนเส้นนี้เคยเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและการค้า เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรไอสึ (Aizu city ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Fukushima และจังหวัด Niigata) และเมืองอิไมชิ (Imaichi จังหวัด Tochigi)
ในสมัยก่อน การเดินทางต่างๆยังไม่สะดวกสบาย ทั้งโชกุนรวมทั้งขุนนางและพ่อค้าต่างต้องเดินทางด้วยเท้า และหมู่บ้าน โออุจิ จูคุแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในเมืองที่เหล่านักเดินทางนิยมมาพักแรมในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากที่นี่มีทั้งอาหารและแหล่งที่พักครบครัน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเส้นทางสายใหม่ถูกเปิดขึ้น ทำให้ผู้เดินทางผ่านหมู่บ้าน โออุจิ จูคุ ลดลงไปอย่างมาก ที่นี่มีบ้านเพียง 40-50 หลังเท่านั้น
ไม่เสียค่าเข้านะคะ
ประวัติหมู่บ้าน Ocjijuku เพิ่มเติม : http://www.jnto.or.th/newsletter/ouchi-juku-2014/
เราเดินขึ้นไปด้านบนตรงที่เป็นเนินเขาจะเห็นวิวโดยรอบของหมู่บ้านแห่งนี้เลย
เมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆที่นี่มีของน่ารักน่ารักขายเยอะเลย เราชอบมันเกร๋ดี
เราเหลือบไปเห็นร้านขนมดูแปลกดีข้างในเป็นไส้ถั่วแดง ข้างนอกแป้งล้วนๆ อันละ 100 เยน แป้งค่อนข้างหนา แต่ถั่วแดงอร่อยดี
อันนี้ชอบมากไอติมนม แบบว่านมละมุนมาก 500 เยน ร้านนี้เลย อร่อยจะเบิ้ลก็อิ่ม
ที่นี่เค้าแช่น้ำขวด โค้ก กันตรงคลองเลยนะฮะ
แล้วก็มารอรถที่เดิมเพื่อขึ้นรถกลับ โดยกลับมายังจุดเดิมคือ สถานี yunokami onsen เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องซื้อตั๋วใช้ตั๋วที่ซื้อไป ouchijuku ได้เลย แต่พอมาถึงที่สถานี Aizu-watsuyama ต้องเสียเงินเพิ่ม 190 เยน จ่ายทีสถานีปลายทางเลย แล้วก็กลับที่พักเก็บของมาขึ้นรถไฟกลับ fukushima มาถึง fukushima พรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อไปยังเมือง soma ใช้ JR Pass ที่เราได้มาเลย