เรื่องมีอยู่ว่า---
ยังจำได้ขึ้นใจคืนวันที่ 17 กันยายน 2560 มี FB messenger หน้าตาคุ้น ๆ เป็นแฟนเก่าที่เลิกกันไป 3 ปีก่อนทักมา
ถามกลับไปว่า "มีอะไรครับ" ไม่มีคำตอบกลับมารู้สึกตะหงิด ๆ กดเข้าไปดูโปรไฟล์ ก็มีรูปแฟนเก่าอุ้มเด็กอยู่คนนึง
หน้าตาคล้ายกูมากเลย เล่นเอานอนไม่หลับ กว่าจะหลับก็เพราะง่วงจริงตอนเกือบเช้าแล้ว
ตื่นขึ้นมาประมาณ 8-9 โมงเช้า 18 กันยายน 2560 FB messenger มีรูปส่งมา ประมาณ 30 รูปได้ เป็นรูปเด็กคนเดียวกัน
พร้อมข้อความสั้น ๆ นี่ลูกพี่นะตอนนี้ขวบนึงแล้ว ขอ แอดไลน์ คุยถามไปถามมา แล้วก็นัดไปตรวจ DNA เป็นพรุ่งนี้เลยแล้วกัน
ผลออกวันศุกร์ ตอนเจอหน้าเด็กใจนึงก็บอกไม่ต้องตรวจก็ได้ นี่กูเวอร์ชั่นเด็กเลย แต่ก็ตรวจ ๆ ไปเถอะ เพราะใจหวัง
ลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะไม่ใช่
วันศุกร์ตื่นมาแบบมึน ๆ เพราะทั้งอาทิดไม่เป็นอันทำอะไร หาข้อมูลทั้งเรื่องกฎหมาย การมีลูก การเลี้ยง และทำใจ
แต่ก็ยังหวังลม ๆ แล้ง ๆว่าไม่ใช่น่าาาาา... ตั้งแต่ตอนสาย นาง(แม่เด็ก)(แฟนเก่า) ไลน์มาจิกทุก 15 นาที
ถามว่าผลตรวจออกยัง? ๆ ๆ ๆ ๆ ได้แต่ตอบไปว่ายังครับ ๆ เดี๋ยวผลตรวจออกจะบอกนะ (กูก็ลุ้นพอ ๆ กะเมิงแหละ)
13.50 น. ผลเป็นอย่างที่หวังไว้ พ่อ-ลูกกัน 99.99% (เค้าบอกว่าค่าตัวเลขตรงหมด แต่เราไม่ได้ตรวจคนทั้งโลกเลยไม่ 100%)
เอาล่ะ สูดลมมหายใจลึก ๆ เดินไปบอกพ่อแม่ "บลา ๆ ๆ อย่าถามมากเรื่องเกิดไปแล้ว แค่มาบอกให้รับรู้"
*ตัดสินใจ*
หลังจากทบทวนเรื่องราวทั้งหมด หาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์(ยังอุตส่าหาอีก) รวมไปถึงเรื่องราวย้อนอดีตทั้งหมด
เริ่มรู้จักกัน ตอนไปทำงาน ขอใช้อักษรย่อ น.เป็นพนักงานในบริษัทลูกค้าเข้ามาดิวงานด้วย ตอนนั้นคงไม่มีประสบการณ์ในงาน
ผมเลยต้องช่วยตอนแรกก็ช่วยเพราะอยากให้งานจบไว ๆ ไม่รู้ไปมายังไงเลยลองคุยดู ลองเดทกันได้ 2 อาทิด น. ชวนไปเที่ยว ตจว.
เราไปเขาใหญ่กัน แล้วก็ได้กันที่นั่น กลับมาได้ 1 อาทิด น.โทรมาบอกแม่เรียกให้ไปคุย เพราะรู้ว่าเราได้กันแล้ว
ไปนั่งกินข้าวกับครอบครัว มี แม่ พี่สาว น้าสาว แล้วก็ น. ผมไปถึงแนะนำตัวเสร็จ
น้าสาวตัดบท "เอาผู้ใหญ่มาสู่ขอนะ" ผมบอกว่า "ขอเวลาหน่อย" พี่สาว น. (ดูมีความรู้นะ) "พี่คงจะตั้งใจไม่รับผิดชอบใช่มั้ย
งั้นก็จบ ๆ ไปค่ะ" กูนี่นั่งอึ้งไปเลย "ผมขอคุยกับ น. ส่วนตัวซักครู่นะครับ" ผมก็ถามนี่อะไรจะเรียกมาโวยวายอะไรกันขนาดนี้
เราคบกัน 2 อาทิด จะให้แต่งเดี๋ยวนี้เลยหรอ แล้วซักพักคุณแม่ก็พาทุกคนเดินมา (คงเชคบิลแล้วด้วย) "จากนี้ไปเลิกยุ่งเลิกติดต่อกันเลยนะ"
อ้าวก็งงกว่าเมื่อกี้อีก แล้วก็ลากกันกลับไป
ผ่านไป อาทิดนึง น. ติดต่อกลับมา บอกว่าเรามาคบกันต่อเถอะ
จากตรงนั้นก็คบกันต่ออีกราว 3 เดือน จำได้ว่าวันสงกรานต์ ผมไปเล่นน้ำที่ข้าวสาร น.มารออยู่แถวบ้าน ผมกลับมาหา น. บอกไปหาที่คุยกัน
ผมเลยพาไปกินข้าวโรงแรมแถวบ้าน เพราะตอนนั้นแถวบ้านเล่นน้ำกันหมดหาร้านกินข้าวยาก กินเสร็จ น. ก็ขอค้าง ไอ้ผมก็ห่างมานาน
เอาก็เอาวะ เสร็จสรรพ นั่งคุยกันตอนนเช้า ผมขอเลิกครับ บอกอยู่กันแบบนี้ไม่ได้หรอก ทางบ้าน น. มีคนที่อยากให้ น. แต่งด้วยอยู่แล้ว
ผมไม่อยากหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วเราก็จากกันด้วยดีวันนั้น
ผ่านไปเกือบปี จำได้ว่า 31 ธันวาคม 2558 ผมไปเคาน์ดาวน์ที่ข้าวสาร กดเชคอิน พักเดียว น. ทักมาบอกว่าอยากไปด้วย ตอนนั้นก็เมานิด ๆ ละ
ออกมารับ น. แล้ว ก็เข้าโรงแรมเลย จำได้ว่า น. บอกว่า วันนี้ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ถุง ไอ้ผมก็เมาอยู่หน่อย ๆ ละ ขี้เกียจหาด้วย เลยใส่เลย
แต่ตามสูตรนะ แตกนอก แต่ไม่รู้ยังไง ผลมันออกมาแบบนี้
ตัดกลับมาปัจจุบัน
ผมได้รู้เรื่องนึงจากเพื่อนของเพื่อน น. ที่เป็น เพื่อนกับลูกพี่ลูกน้อง ว่า ตอนที่ น. เลิกกับผมไปตอนนั้นจริง ๆ น. คบอยู่กับอีกคน
(ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ที่บ้าน น. อยากให้แต่งด้วยมั้ย) ประมาณว่าตอนนั้นคบทั้งผมและ ต. (ใช่ย่อว่า ต. ละกัน) แต่ผมเลิกไปก่อน
แล้วก็คบกันจน น. ท้องจนคลอดแต่ไม่ได้แต่งกัน ในสูจิบัตร ลงชื่อ ต. เป็นพ่อเด็ก แต่ ต. มาสงสัยขอตรวจ DNA เด็กตอนเด็กขวบนึง
ผลออกมาไม่ใช่ เลยเลิกไป น.ก็เลยติดต่อผม
ตอนแรกผมก็สงสัยแหละทำไมไม่ยอมให้ดูสูจิบัตร เพราะขอมาจะทำประกันให้ลูก
แล้ว น. ก็ขอให้พาเข้าบ้าน ผมเลยบอกกลับไปว่า ผมมีแฟนอยู่ตอนนี้ คงทำไม่ได้ น.เลยขอให้ส่งเงินช่วยค่าเลี้ยงดู
กับขอให้ไม่เดินเรื่องกฎหมาย (ไม่ให้ผมรับรองบุตร) เพราะถ้าเขามีแฟนใหม่เขาจะให้แฟนใหม่เป็นพ่อแทน (อันนี้ฟังแล้ว งง ๆ)
ผมเลยขอแต่ส่งเงินให้ ส่วนการไปเจอลูกเค้าไม่สะดวกจะให้เจอบ่อย ๆ เว้นแต่เค้าพาลูกออกมาถ้าสะดวกจะให้เจอเอง
ผมคงไม่ใจร้ายเกินไปกับคนแบบนี้ใช่มั้ย แต่ใจร้ายกับลูกมาก พยายามขอลูกมาเลี้ยงเอง เพราะฐานะผมค่อนข้างดีกว่า น.
แต่ น. บอกว่าเค้าเลี้ยงมาขอเค้าได้เค้าก็เลี้ยงต่อไปได้แต่ขอให้ช่วยส่งเงินให้หน่อย เค้าเลี้ยงลูกรายได้ไม่พอ
พอดีได้เป็นพ่อแบบงงๆ
ยังจำได้ขึ้นใจคืนวันที่ 17 กันยายน 2560 มี FB messenger หน้าตาคุ้น ๆ เป็นแฟนเก่าที่เลิกกันไป 3 ปีก่อนทักมา
ถามกลับไปว่า "มีอะไรครับ" ไม่มีคำตอบกลับมารู้สึกตะหงิด ๆ กดเข้าไปดูโปรไฟล์ ก็มีรูปแฟนเก่าอุ้มเด็กอยู่คนนึง
หน้าตาคล้ายกูมากเลย เล่นเอานอนไม่หลับ กว่าจะหลับก็เพราะง่วงจริงตอนเกือบเช้าแล้ว
ตื่นขึ้นมาประมาณ 8-9 โมงเช้า 18 กันยายน 2560 FB messenger มีรูปส่งมา ประมาณ 30 รูปได้ เป็นรูปเด็กคนเดียวกัน
พร้อมข้อความสั้น ๆ นี่ลูกพี่นะตอนนี้ขวบนึงแล้ว ขอ แอดไลน์ คุยถามไปถามมา แล้วก็นัดไปตรวจ DNA เป็นพรุ่งนี้เลยแล้วกัน
ผลออกวันศุกร์ ตอนเจอหน้าเด็กใจนึงก็บอกไม่ต้องตรวจก็ได้ นี่กูเวอร์ชั่นเด็กเลย แต่ก็ตรวจ ๆ ไปเถอะ เพราะใจหวัง
ลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะไม่ใช่
วันศุกร์ตื่นมาแบบมึน ๆ เพราะทั้งอาทิดไม่เป็นอันทำอะไร หาข้อมูลทั้งเรื่องกฎหมาย การมีลูก การเลี้ยง และทำใจ
แต่ก็ยังหวังลม ๆ แล้ง ๆว่าไม่ใช่น่าาาาา... ตั้งแต่ตอนสาย นาง(แม่เด็ก)(แฟนเก่า) ไลน์มาจิกทุก 15 นาที
ถามว่าผลตรวจออกยัง? ๆ ๆ ๆ ๆ ได้แต่ตอบไปว่ายังครับ ๆ เดี๋ยวผลตรวจออกจะบอกนะ (กูก็ลุ้นพอ ๆ กะเมิงแหละ)
13.50 น. ผลเป็นอย่างที่หวังไว้ พ่อ-ลูกกัน 99.99% (เค้าบอกว่าค่าตัวเลขตรงหมด แต่เราไม่ได้ตรวจคนทั้งโลกเลยไม่ 100%)
เอาล่ะ สูดลมมหายใจลึก ๆ เดินไปบอกพ่อแม่ "บลา ๆ ๆ อย่าถามมากเรื่องเกิดไปแล้ว แค่มาบอกให้รับรู้"
*ตัดสินใจ*
หลังจากทบทวนเรื่องราวทั้งหมด หาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์(ยังอุตส่าหาอีก) รวมไปถึงเรื่องราวย้อนอดีตทั้งหมด
เริ่มรู้จักกัน ตอนไปทำงาน ขอใช้อักษรย่อ น.เป็นพนักงานในบริษัทลูกค้าเข้ามาดิวงานด้วย ตอนนั้นคงไม่มีประสบการณ์ในงาน
ผมเลยต้องช่วยตอนแรกก็ช่วยเพราะอยากให้งานจบไว ๆ ไม่รู้ไปมายังไงเลยลองคุยดู ลองเดทกันได้ 2 อาทิด น. ชวนไปเที่ยว ตจว.
เราไปเขาใหญ่กัน แล้วก็ได้กันที่นั่น กลับมาได้ 1 อาทิด น.โทรมาบอกแม่เรียกให้ไปคุย เพราะรู้ว่าเราได้กันแล้ว
ไปนั่งกินข้าวกับครอบครัว มี แม่ พี่สาว น้าสาว แล้วก็ น. ผมไปถึงแนะนำตัวเสร็จ
น้าสาวตัดบท "เอาผู้ใหญ่มาสู่ขอนะ" ผมบอกว่า "ขอเวลาหน่อย" พี่สาว น. (ดูมีความรู้นะ) "พี่คงจะตั้งใจไม่รับผิดชอบใช่มั้ย
งั้นก็จบ ๆ ไปค่ะ" กูนี่นั่งอึ้งไปเลย "ผมขอคุยกับ น. ส่วนตัวซักครู่นะครับ" ผมก็ถามนี่อะไรจะเรียกมาโวยวายอะไรกันขนาดนี้
เราคบกัน 2 อาทิด จะให้แต่งเดี๋ยวนี้เลยหรอ แล้วซักพักคุณแม่ก็พาทุกคนเดินมา (คงเชคบิลแล้วด้วย) "จากนี้ไปเลิกยุ่งเลิกติดต่อกันเลยนะ"
อ้าวก็งงกว่าเมื่อกี้อีก แล้วก็ลากกันกลับไป
ผ่านไป อาทิดนึง น. ติดต่อกลับมา บอกว่าเรามาคบกันต่อเถอะ
จากตรงนั้นก็คบกันต่ออีกราว 3 เดือน จำได้ว่าวันสงกรานต์ ผมไปเล่นน้ำที่ข้าวสาร น.มารออยู่แถวบ้าน ผมกลับมาหา น. บอกไปหาที่คุยกัน
ผมเลยพาไปกินข้าวโรงแรมแถวบ้าน เพราะตอนนั้นแถวบ้านเล่นน้ำกันหมดหาร้านกินข้าวยาก กินเสร็จ น. ก็ขอค้าง ไอ้ผมก็ห่างมานาน
เอาก็เอาวะ เสร็จสรรพ นั่งคุยกันตอนนเช้า ผมขอเลิกครับ บอกอยู่กันแบบนี้ไม่ได้หรอก ทางบ้าน น. มีคนที่อยากให้ น. แต่งด้วยอยู่แล้ว
ผมไม่อยากหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วเราก็จากกันด้วยดีวันนั้น
ผ่านไปเกือบปี จำได้ว่า 31 ธันวาคม 2558 ผมไปเคาน์ดาวน์ที่ข้าวสาร กดเชคอิน พักเดียว น. ทักมาบอกว่าอยากไปด้วย ตอนนั้นก็เมานิด ๆ ละ
ออกมารับ น. แล้ว ก็เข้าโรงแรมเลย จำได้ว่า น. บอกว่า วันนี้ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ถุง ไอ้ผมก็เมาอยู่หน่อย ๆ ละ ขี้เกียจหาด้วย เลยใส่เลย
แต่ตามสูตรนะ แตกนอก แต่ไม่รู้ยังไง ผลมันออกมาแบบนี้
ตัดกลับมาปัจจุบัน
ผมได้รู้เรื่องนึงจากเพื่อนของเพื่อน น. ที่เป็น เพื่อนกับลูกพี่ลูกน้อง ว่า ตอนที่ น. เลิกกับผมไปตอนนั้นจริง ๆ น. คบอยู่กับอีกคน
(ไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ที่บ้าน น. อยากให้แต่งด้วยมั้ย) ประมาณว่าตอนนั้นคบทั้งผมและ ต. (ใช่ย่อว่า ต. ละกัน) แต่ผมเลิกไปก่อน
แล้วก็คบกันจน น. ท้องจนคลอดแต่ไม่ได้แต่งกัน ในสูจิบัตร ลงชื่อ ต. เป็นพ่อเด็ก แต่ ต. มาสงสัยขอตรวจ DNA เด็กตอนเด็กขวบนึง
ผลออกมาไม่ใช่ เลยเลิกไป น.ก็เลยติดต่อผม
ตอนแรกผมก็สงสัยแหละทำไมไม่ยอมให้ดูสูจิบัตร เพราะขอมาจะทำประกันให้ลูก
แล้ว น. ก็ขอให้พาเข้าบ้าน ผมเลยบอกกลับไปว่า ผมมีแฟนอยู่ตอนนี้ คงทำไม่ได้ น.เลยขอให้ส่งเงินช่วยค่าเลี้ยงดู
กับขอให้ไม่เดินเรื่องกฎหมาย (ไม่ให้ผมรับรองบุตร) เพราะถ้าเขามีแฟนใหม่เขาจะให้แฟนใหม่เป็นพ่อแทน (อันนี้ฟังแล้ว งง ๆ)
ผมเลยขอแต่ส่งเงินให้ ส่วนการไปเจอลูกเค้าไม่สะดวกจะให้เจอบ่อย ๆ เว้นแต่เค้าพาลูกออกมาถ้าสะดวกจะให้เจอเอง
ผมคงไม่ใจร้ายเกินไปกับคนแบบนี้ใช่มั้ย แต่ใจร้ายกับลูกมาก พยายามขอลูกมาเลี้ยงเอง เพราะฐานะผมค่อนข้างดีกว่า น.
แต่ น. บอกว่าเค้าเลี้ยงมาขอเค้าได้เค้าก็เลี้ยงต่อไปได้แต่ขอให้ช่วยส่งเงินให้หน่อย เค้าเลี้ยงลูกรายได้ไม่พอ