สวัสดีค่ะ แนะนำตัวก่อนเนอะ เราเพิ่งเข้ามาช่วยงานที่บ้านได้สักพัก ประมาณ2ปี บริษัทที่บ้านเราเป็นโรงงานผลิตสินค้าอย่างหนึ่ง โรงงานถือว่าไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก เป็นแนวSMEเลยค่ะ เข้ามาทำปีแรกๆก็เจอปัญหาการรันระบบงานค่ะ เราเป็นบริษัทเล็กๆ หน้าที่เราคือรับลูกค้า รันงานผลิต และส่งสินค้าออก เรียกได้ว่าเป็นคนกุมภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทเลย ปัญหาระบบงานที่เจอตอนนั้นแก้ไม่ยากค่ะ เราและพี่ชายพยายามทำให้มันเป็นระบบ และง่ายขึ้น
จุดต่อมาก็เรื่องเครื่องจักรค่ะ อันนี้เหมารวมทั้งเครื่องจักรผลิตและรถส่งของ เจ้าเครื่องพวกนี้ชอบผลัดกันเสียจังเลยค่ะ 55555 เสียแต่ละทีค่าซ่อมบานตะไท แต่ก็เอาเถอะนะคะ เราทำมาค้าขาย ของพวกนี้สร้างผลกำไรให้เรา เราพร้อมจ่าย แต่ที่ไม่ชอบคือมันชอบเสียตอนงานเร่ง ทำให้งานสะดุด จุดนี้ก็ต้องแก้ไขสถานะการณ์เฉพาะหน้ากันไป
ปัญหาต่อมาคิดว่าทุกคนก็คงเจอ5555 คือปัญหาเรื่องคนค่ะ ยุคนี้ถือว่าแจ๊คพอตนะคะ เพราะว่าเป็นยุคเปลี่ยนผ่านของแรงงาน คนไทยไม่ค่อยมาทำแรงงานถูกๆกัน เมื่อก่อนพี่ๆคนงานที่บ้านจะเป็นคนตจว. ทำงานเก่ง ขยัน รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก พอมายุคนี้ขอรับคนพม่าหรือมอญเถอะค่ะ คนไทยมาสมัครทำงานเช้าชามเย็นชามทั้งนั้น อันนี้เล่าจากปสก.ตรงนะคะ ใครจะไม่อยากรับคนไทย บัตรอะไรก็พร้อม ไม่ต้องทำเรื่องย้ายเข้า ทำบัตรชมพู บลาๆ พอคนทำงานไม่ทน ก็เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้เราต้องเหนื่อยมากขึ้น คือเป็นทั้งคนคุมและคนงานกับเบิ้ลมันไปเล้ยยยย ชิคๆ 5555 (ร้องไห้)
นอกจากเรื่องแรงงานขาดแล้ว ก็คนงานทะเลาะกัน คนนี้ทำกับคนโน้นไม่ได้ คนนี้แอบกิ๊กคนนี้ คนอื่นไปนินทาลับหลัง เราเป็นคนกลาง ฟังเรื่องพวกนี้ทีไรโมโหทุกที ปัญหาเราก็เยอะอยู่แล้ว พอมีปัญหาคนทะเลาะกัน สุดท้ายงานก็ติดขัด จุดนี้คิดว่าปัญหาคงมีเรื่อยๆ คงต้องแก้ไปทีละเคส เราเป็นเจ้านาย แต่เหมือนต้องคอยง้อลูกน้อง เราพูดจาดีกับทุกคน พยายามลดรอยลาดหมางลง เล่นมุขบ้างไรบ้าง ทำให้เราทำงานได้กับพี่คนงานทุกคน บางทีก็มีนะคะ เบื่อมากกกก แต่ต้องทำใจดีใจเย็น เอาเถอะค่ะ ขอให้งานโอเค ราบรื่น เราทนได้
ปัญหาเรื่องที่ก็มีนะคะ โรงงานเราไม่ใหญ่ พื้นที่เกือบไร่เท่านั้น แต่งานเยอะมาก(พี่ชายหาลูกค้าเก่งค่ะ) ทำให้เรามีปัญหาเรื่องพื้นที่ จะขยายที่เพิ่มก็ใช้ทุนมหาศาลเนอะ สินค้าเราเป็นสินค้าที่กำไรต่อชิ้นไม่เยอะ พนักงานประมาณ25คน ทำให้เราต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ การจะไปซื้อที่เพิ่มก็ดูจะเสี่ยงเกินไป เพราะปัจจัยในอนาคตที่จะเข้ามาแทรกก็ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาพื้นที่นี้ส่งผลโดยตรงกับรายได้หลักเรา คือ "การประมูล"ของสิ่งหนึ่งมาขาย การจะเข้าไปประมูลได้นั้น ต้องมีเอกสารสำคัญฉบับหนึ่งที่พื้นที่ๆเราอยู่ไม่สามารถขอได้ ทำให้เราต้อง"เช่า"เอกสารนั้น แน่นอนค่ะ การเช่าคือความไม่แน่นอน เพราะว่าเราไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น อนาคต อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้
มาถึงจุดไคลแม๊กซ์กันแล้วล่ะค่ะ เราคิดว่าปัญหานี้หลายบริษัทก็น่าจะปวดหัวเหมือนกันเนอะ แต่ของเราปวดหัวกว่าค่ะ 5555555 คือปัญหาเรื่อง "ภาษี"ค่ะ ยุคนี้สรรพากรตรวจกันจริงจังนะคะ ทุกอย่างเค้าจะพยายามทำให้มันเข้าระบบ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ก่อนบ้านเราค้าขายมาแบบบ้านๆ พอมาจดบริษัทก็ทำมาแบบงมๆตามทางมา จ้างสนง.บัญชีเอา เรามีความรู้แค่ว่า เราซื้อของมาเสียภาษี แล้วเราก็ขายเสียภาษี เอาภาษีมาหักลบกัน จ๊บบบ แต่เปล่าเลยค่ะ ธุรกิจอื่นเป็นยังไงเราไม่ทราบนะคะ แต่ธุรกิจเราเน้นผลิตสินค้ามาขายและซื้อมาขายไป ทำให้เราต้องทำการนับ "stock"สินค้า ไม่นานมานี้ทางสนง.บัญชีเรียกให้เข้าไปพบเพื่อแจ้งว่าทางเราควรทำสต๊อคสินค้าเองนะ เราฟังก็งงนะคะ ทำไมต้องนับหรอ ก็เห็นอยู่ว่ามี จะนับทำไมให้ยุ่งยาก(วะ?) 555 แต่เมื่อสรรพากรนัดเข้ามาตรวจ เราคิดว่าเค้าจะดูเรื่องภาษีซื้อขาย แต่ไม่เลยค่ะ เค้ามาบอกว่าขอดูใบสรุปสต็อค ตอนนั้นเรางงมากเพราะทุกเดือนเราส่งเอกสารให้ทางสนง.ก็นึกว่าทุกอย่างจบ แต่มันไม่ใช่ พี่สรรพากรแจ้งว่าสต็อคไม่ใช่ลงรายปี(แบบที่เราจ้างมาตลอด) แต่ต้องลงรายวัน(กรี๊ดด) ตอนนั้นเหมือนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม 555 แต่พี่เค้าแนะนำดีนะคะ บอกว่าให้ไปซื้อหนังสือมาอ่าน หรือไปลงเรียนเอาก็ได้ ถ้าเรารู้ เราจะค่อยๆทำได้เอง เค้าบอกอีกว่ายุคนี้เนี่ยเป็นยุคที่ลูกๆเจ้าของกิจการต่างๆเริ่มกลับมาดูแลต่อ แล้วก็เป็นยุคที่ทุกอย่างตรวจสอบได้ง่ายและเป็นระะบบ น้องจะเหนื่อยหน่อยนะ แต่ทำไปนานๆจะชินไปเอง (ยกมือทาบอก) เค้าไม่หวังอะไรกับรุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว เพราะยุคก่อนทุกอย่างมันเละมาก แต่ตอนนี้น้องต้อง"ปรับตัว" คำนี้ทำให้เรามึนมาจนตอนนี้เลยค่ะ งานที่ว่าเยอะอยู่แล้ว พอกขึ้นมาอีกเท่าตัว แต่เราก็คิดในแง่ดีนะคะ พอทุกอย่างมันเริ่มเข้าที่ มันจะไปต่อได้เอง
บ่นแต่ปัญหา จริงๆข้อดีก็มีเหมือนกันนะคะ 5555 งานเราก็ทำอยู่บ้านเนอะ ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยมี ตื่นมาก็ลงมาทำงานเลย เจ้านายก็ไม่มี ใหญ่สุดก็แม่ >< ทำให้ไม่ได้รับความกดดันเท่าไหร่ เงินเดือนก็กลางๆ ใช้จ่ายสบายๆ ถึงไม่เท่ากับคนเงินเดือนสูงๆ แต่เราก็มีกองกลาง เงินกองกลางนี้คือกำไรจากธุรกิจ ครอบครัวเราพยายามบริหารตรงนี้ให้งอกเงยขึ้น พอมีเยอะๆก็เอาไปต่อยอดลงทุนอย่างอื่นได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อดี เพราะเรามองว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กนั้นทำงานเหนื่อยมาก เราลงทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงสมอง ความเหนื่อยต้องแลกมาซึ่งผลตอบแทนที่มาก เรายอมทำงานหนักไม่กี่สิบปีเพื่ออนาคตตามที่วางแผนไว้
มองไปรอบตัวเพื่อนๆหลายคนทำงานประจำ ได้เงินเดือนดี มีวันหยุดที่แน่นอน(เราทำงานจ-ส) ที่สำคัญทำงานแบบรับผิดชอบตัวเอง ไม่ต้องแบกความเสี่ยงเยอะ บอกตรงๆเราอิจฉานะคะ ฮี่ๆ แต่เลือกแล้วค่ะ ต้องทำให้ดี
ปีหน้าเราจะยื่นเรียนป.โทบริหารไว้ด้วยค่ะ (จบตรีภาษา) เผื่อว่าจะได้นำความรู้ว่าช่วยให้งานดูเป็นระบบมากขึ้น ทั้งงาน ทั้งเรียน ต้องบ้านบึ้มแน่เลยทุ๊กกค๊นนนนนน
เพื่อนๆมีปัญหาเยอะเหมือนเรามั้ยคะ หรือว่าเราเยอะอยู่คนเดียว 5555
ลูกเจ้าของกิจการที่เพิ่งมารับช่วงต่อ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยสิคะ ว่าคุณเจอปัญหาอะไรบ้างในยุคนี้
จุดต่อมาก็เรื่องเครื่องจักรค่ะ อันนี้เหมารวมทั้งเครื่องจักรผลิตและรถส่งของ เจ้าเครื่องพวกนี้ชอบผลัดกันเสียจังเลยค่ะ 55555 เสียแต่ละทีค่าซ่อมบานตะไท แต่ก็เอาเถอะนะคะ เราทำมาค้าขาย ของพวกนี้สร้างผลกำไรให้เรา เราพร้อมจ่าย แต่ที่ไม่ชอบคือมันชอบเสียตอนงานเร่ง ทำให้งานสะดุด จุดนี้ก็ต้องแก้ไขสถานะการณ์เฉพาะหน้ากันไป
ปัญหาต่อมาคิดว่าทุกคนก็คงเจอ5555 คือปัญหาเรื่องคนค่ะ ยุคนี้ถือว่าแจ๊คพอตนะคะ เพราะว่าเป็นยุคเปลี่ยนผ่านของแรงงาน คนไทยไม่ค่อยมาทำแรงงานถูกๆกัน เมื่อก่อนพี่ๆคนงานที่บ้านจะเป็นคนตจว. ทำงานเก่ง ขยัน รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก พอมายุคนี้ขอรับคนพม่าหรือมอญเถอะค่ะ คนไทยมาสมัครทำงานเช้าชามเย็นชามทั้งนั้น อันนี้เล่าจากปสก.ตรงนะคะ ใครจะไม่อยากรับคนไทย บัตรอะไรก็พร้อม ไม่ต้องทำเรื่องย้ายเข้า ทำบัตรชมพู บลาๆ พอคนทำงานไม่ทน ก็เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้เราต้องเหนื่อยมากขึ้น คือเป็นทั้งคนคุมและคนงานกับเบิ้ลมันไปเล้ยยยย ชิคๆ 5555 (ร้องไห้)
นอกจากเรื่องแรงงานขาดแล้ว ก็คนงานทะเลาะกัน คนนี้ทำกับคนโน้นไม่ได้ คนนี้แอบกิ๊กคนนี้ คนอื่นไปนินทาลับหลัง เราเป็นคนกลาง ฟังเรื่องพวกนี้ทีไรโมโหทุกที ปัญหาเราก็เยอะอยู่แล้ว พอมีปัญหาคนทะเลาะกัน สุดท้ายงานก็ติดขัด จุดนี้คิดว่าปัญหาคงมีเรื่อยๆ คงต้องแก้ไปทีละเคส เราเป็นเจ้านาย แต่เหมือนต้องคอยง้อลูกน้อง เราพูดจาดีกับทุกคน พยายามลดรอยลาดหมางลง เล่นมุขบ้างไรบ้าง ทำให้เราทำงานได้กับพี่คนงานทุกคน บางทีก็มีนะคะ เบื่อมากกกก แต่ต้องทำใจดีใจเย็น เอาเถอะค่ะ ขอให้งานโอเค ราบรื่น เราทนได้
ปัญหาเรื่องที่ก็มีนะคะ โรงงานเราไม่ใหญ่ พื้นที่เกือบไร่เท่านั้น แต่งานเยอะมาก(พี่ชายหาลูกค้าเก่งค่ะ) ทำให้เรามีปัญหาเรื่องพื้นที่ จะขยายที่เพิ่มก็ใช้ทุนมหาศาลเนอะ สินค้าเราเป็นสินค้าที่กำไรต่อชิ้นไม่เยอะ พนักงานประมาณ25คน ทำให้เราต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ การจะไปซื้อที่เพิ่มก็ดูจะเสี่ยงเกินไป เพราะปัจจัยในอนาคตที่จะเข้ามาแทรกก็ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาพื้นที่นี้ส่งผลโดยตรงกับรายได้หลักเรา คือ "การประมูล"ของสิ่งหนึ่งมาขาย การจะเข้าไปประมูลได้นั้น ต้องมีเอกสารสำคัญฉบับหนึ่งที่พื้นที่ๆเราอยู่ไม่สามารถขอได้ ทำให้เราต้อง"เช่า"เอกสารนั้น แน่นอนค่ะ การเช่าคือความไม่แน่นอน เพราะว่าเราไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น อนาคต อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้
มาถึงจุดไคลแม๊กซ์กันแล้วล่ะค่ะ เราคิดว่าปัญหานี้หลายบริษัทก็น่าจะปวดหัวเหมือนกันเนอะ แต่ของเราปวดหัวกว่าค่ะ 5555555 คือปัญหาเรื่อง "ภาษี"ค่ะ ยุคนี้สรรพากรตรวจกันจริงจังนะคะ ทุกอย่างเค้าจะพยายามทำให้มันเข้าระบบ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ก่อนบ้านเราค้าขายมาแบบบ้านๆ พอมาจดบริษัทก็ทำมาแบบงมๆตามทางมา จ้างสนง.บัญชีเอา เรามีความรู้แค่ว่า เราซื้อของมาเสียภาษี แล้วเราก็ขายเสียภาษี เอาภาษีมาหักลบกัน จ๊บบบ แต่เปล่าเลยค่ะ ธุรกิจอื่นเป็นยังไงเราไม่ทราบนะคะ แต่ธุรกิจเราเน้นผลิตสินค้ามาขายและซื้อมาขายไป ทำให้เราต้องทำการนับ "stock"สินค้า ไม่นานมานี้ทางสนง.บัญชีเรียกให้เข้าไปพบเพื่อแจ้งว่าทางเราควรทำสต๊อคสินค้าเองนะ เราฟังก็งงนะคะ ทำไมต้องนับหรอ ก็เห็นอยู่ว่ามี จะนับทำไมให้ยุ่งยาก(วะ?) 555 แต่เมื่อสรรพากรนัดเข้ามาตรวจ เราคิดว่าเค้าจะดูเรื่องภาษีซื้อขาย แต่ไม่เลยค่ะ เค้ามาบอกว่าขอดูใบสรุปสต็อค ตอนนั้นเรางงมากเพราะทุกเดือนเราส่งเอกสารให้ทางสนง.ก็นึกว่าทุกอย่างจบ แต่มันไม่ใช่ พี่สรรพากรแจ้งว่าสต็อคไม่ใช่ลงรายปี(แบบที่เราจ้างมาตลอด) แต่ต้องลงรายวัน(กรี๊ดด) ตอนนั้นเหมือนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม 555 แต่พี่เค้าแนะนำดีนะคะ บอกว่าให้ไปซื้อหนังสือมาอ่าน หรือไปลงเรียนเอาก็ได้ ถ้าเรารู้ เราจะค่อยๆทำได้เอง เค้าบอกอีกว่ายุคนี้เนี่ยเป็นยุคที่ลูกๆเจ้าของกิจการต่างๆเริ่มกลับมาดูแลต่อ แล้วก็เป็นยุคที่ทุกอย่างตรวจสอบได้ง่ายและเป็นระะบบ น้องจะเหนื่อยหน่อยนะ แต่ทำไปนานๆจะชินไปเอง (ยกมือทาบอก) เค้าไม่หวังอะไรกับรุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว เพราะยุคก่อนทุกอย่างมันเละมาก แต่ตอนนี้น้องต้อง"ปรับตัว" คำนี้ทำให้เรามึนมาจนตอนนี้เลยค่ะ งานที่ว่าเยอะอยู่แล้ว พอกขึ้นมาอีกเท่าตัว แต่เราก็คิดในแง่ดีนะคะ พอทุกอย่างมันเริ่มเข้าที่ มันจะไปต่อได้เอง
บ่นแต่ปัญหา จริงๆข้อดีก็มีเหมือนกันนะคะ 5555 งานเราก็ทำอยู่บ้านเนอะ ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยมี ตื่นมาก็ลงมาทำงานเลย เจ้านายก็ไม่มี ใหญ่สุดก็แม่ >< ทำให้ไม่ได้รับความกดดันเท่าไหร่ เงินเดือนก็กลางๆ ใช้จ่ายสบายๆ ถึงไม่เท่ากับคนเงินเดือนสูงๆ แต่เราก็มีกองกลาง เงินกองกลางนี้คือกำไรจากธุรกิจ ครอบครัวเราพยายามบริหารตรงนี้ให้งอกเงยขึ้น พอมีเยอะๆก็เอาไปต่อยอดลงทุนอย่างอื่นได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อดี เพราะเรามองว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กนั้นทำงานเหนื่อยมาก เราลงทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงสมอง ความเหนื่อยต้องแลกมาซึ่งผลตอบแทนที่มาก เรายอมทำงานหนักไม่กี่สิบปีเพื่ออนาคตตามที่วางแผนไว้
มองไปรอบตัวเพื่อนๆหลายคนทำงานประจำ ได้เงินเดือนดี มีวันหยุดที่แน่นอน(เราทำงานจ-ส) ที่สำคัญทำงานแบบรับผิดชอบตัวเอง ไม่ต้องแบกความเสี่ยงเยอะ บอกตรงๆเราอิจฉานะคะ ฮี่ๆ แต่เลือกแล้วค่ะ ต้องทำให้ดี
ปีหน้าเราจะยื่นเรียนป.โทบริหารไว้ด้วยค่ะ (จบตรีภาษา) เผื่อว่าจะได้นำความรู้ว่าช่วยให้งานดูเป็นระบบมากขึ้น ทั้งงาน ทั้งเรียน ต้องบ้านบึ้มแน่เลยทุ๊กกค๊นนนนนน
เพื่อนๆมีปัญหาเยอะเหมือนเรามั้ยคะ หรือว่าเราเยอะอยู่คนเดียว 5555