เหมือนจะทำได้ตามเป้าแต่ยังไม่ดีพอ...เพราะจุดอ่อนยังไม่ได้รับการแก้ไข
ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า...
หากนับเฉพาะผลงานการทำทีมผ่านเข้ารอบ16ทีมของฟุตบอลถ้วย UCL ของ JK ในปีนี้ ถือว่าสอบผ่านทั้งด้านมาตรฐานการพัฒนาทีมและการค้ำประกันรายได้ในปีหน้า ซึ่งจากจุดนี้ก็ถือได้ว่า JK พาตัวเองผ่านครึ่งหนึ่งของเป้าหมายที่ทั้งผู้บริหารและแฟนบอลต้องการไปได้ครึ่งทางแล้ว เพราะเป้าหมายที่ถูกตั้งไว้ด้วยความคาดหวังตั้งแต่ตอนก่อนเริ่มเปิดฤดูกาล มีอยู่ 2 อย่าง คือ
1.ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ UCL (การรันตรีรายได้ 50 ลป.)
2.ทำอันดับในพรีเมียร์ลีคติด 1 ใน 4 อันดับแรก ซึ่งผลงานตอนนี้ก็นับว่ายังอยู่บนเส้นทาง แม้จะยังต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยก็ตาม
และหากมองเนื้องานจริงๆของผู้จัดการทีม ที่ JK ได้ทำไปแล้วสำหรับฤดูกาลนี้ ก็ค่อนข้างชี้วัดได้ว่า กุนซือเฮฟวี่เมททอล ก็ทำได้ดีไม่ได้ขี้เหร่อะไร กับการคว้าผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ หากมองๆดูผลงานของตัวผู้เล่นใหม่แต่ละคนก็มีที่ทำได้ดีเกินคาดหมาย อย่างรายของ โม ซาล่าห์ ก็ร้อนแรงจนแซงขึ้นไปนำเป็นดาวซัลโวของลีคแล้ว หรือ ดิ อ็อค หรือ อ็อคเล็ค แชมเบอร์เลน ก็ไม่น่าเกลียด 3-4 เกมส์หลังที่ได้โอกาสลงมา ก็ดูวูบวาบดี แม้ผลงานยังไม่อาจจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน อย่างจำนวนประตู หรือ แอสซิสต์ แต่ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่ากลัวของทีมคู่ต่อสู้ไม่น้อยกว่าตัวหลักของทีมเลย
ส่วนโซลันกี้กับแอนดรู โรเบิร์ตสัน ต้องบอกว่าได้โอกาสน้อยไปหน่อย ที่จะเอามาใช้วัดผล แต่เท่าที่ได้ดู ก็ไม่มีจุดด้อยหรือข้อตำหนิให้ต้องเป็นห่วงอะไรนัก ซึ่งจากเท่าที่มองผลงานของตัวผู้เล่นใหม่ที่คล็อปคว้าเข้ามา ก็ต้องบอกว่า พาตัวเองให้สอบผ่านได้แบบเฉียดฉิว แม้จะลืมกาข้อสอบในกระดาษคำตอบไปแผ่นหนึ่ง(คือไม่ยอมซื้อเซนเตอร์คนอื่นทั้งๆที่พลาด ฟาน ไดร์)
มามองในเรื่องแทคติคกันบ้าง หากเทียบกับปีก่อน ก็ต้องถือว่า ปีนี้ JK เตรียมตัวมาดี มีแผน2 แผน3 กับเขาบ้างแล้ว (แม้ว่าที่เล่น 3-4-3 จะเป็นการจัดตัวเพราะความจำเป็นเพราะขาดเซ็นเตอร์อาชีพก็เถอะ) แต่ถ้ามองในเรื่องสมาธิและความนิ่ง ในจุดนี้ ค
ล็อปเองก็ยังปรับให้ลูกทีมหงส์แดงหายขาดจากอาการล่กและลนลานตอนโดนยิงคืนไม่ได้ กลายเป็นภาวะอาการยังหวาดกลัวแม้กระทั่งจะนำ 3 ลูกก็ตาม ซึ่งจุดนี้เอง ก็ทำให้การเตรียมแผนมาเพิ่มของคล็อป ก็ถูกบดบังความดีความชอบไปพอสมควร
แต่จากการเสริมผู้เล่นในเกมส์รุกถูกจุด จึงทำให้ไม่มีข้อสะดุดนักเวลามีผู้เล่นบาดเจ็บ อีกทั้งยังสามารถทำให้คล็อปมีตัวเลือกมากขึ้น เพื่อโรเตชั่น ถนอมสภาพร่างกายนักเตะ ซึ่งจุดนี้ 3-4 เกมส์หลัง ก็ทำให้คล็อปรับความดีความชอบไปเต็มๆ แต่ในตรรกะหลักการเดียวกัน การไม่เสริมผู้เล่นในเกมส์รับให้มากพอเท่าที่ควร ก็สร้างปัญหาในแนวรับของทีมได้ตลอดเวลา 15 นัดที่ผ่านมา คู่เซ็นเตอร์ตัวหลักจับคู่กันลงเล่นได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนเกมส์ที่ลงเตะ
ขอพูดส่วนตัวหน่อยเถอะ
ในเรื่องของคู่เซนเตอร์ตัวหลัก แม้ใครๆจะพากันด่า เดยัน ลอฟเร่น ว่าคลาสไม่ถึง ไม่ดีพอจะเป็นกำลังหลักของทีม แต่ผมกลับเชื่อใจมากกว่าผู้เล่นเซ็นเตอร์ตัวอื่นๆในทีมที่มี ว่านี้คือเซ็นเตอร์ที่ผมให้ความเชื่อมั่นที่สุด และหากนับจากตัวเซ็นเตอร์ที่ทีมมี เทียบกับผลงานของลอฟเร่น ก็ต้องพูดตรงๆว่าไอ้นัดที่ลอฟเร่นห่วยจนต้องด่าก็มีให้เห็น แต่ไอ้นัดที่แจ่มจรัสไล่อัดกองหน้าคู้ต่อสู้จนไปไม่เป็นก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มี และในช่วงหลัง ผลงานของกองหลังเลือดโครแอต ก็ถือว่ากลับมาจากการออกเรือหาปลากลับเข้าฝั่งแล้ว
และในทางกลับกัน โจเอล มาติป ที่ใครๆ อวยกันนักหนา ว่านี้แหละคือปราการหลังที่แข็งแกร่ง ผมกลับมองว่าไอ้ตัวนี้แหละที่ไม่ค่อยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คือจะดีก็ดีไม่สุด จะห่วยจนต้องออกปากด่าก็ทำได้ไม่เต็มปาก คล้ายลงเล่นไปครบ 11 คนไปงั้นๆแหละ ภาวะผู้นำก็ไม่มี และออกแนวลุกลี้ลุกลนเวลากดดันด้วย ซึ่งหากจะให้ผมมองว่าดีลมาติปในปีก่อนเป็นดีลที่คุ้มค่า สำหรับผมก็คงมีเหตุผลอยู่ข้อเดียวนั้นแหละ
คือได้มาฟรี ไม่ได้เล่นดีเด่จนต้องชื่นชมอะไร
หมายเหตุตรงนี้สักหน่อย เซ็นเตอร์ที่ดี ดูง่ายๆอย่างไร สำหรับผมมองง่ายๆ คือ คะแนนความสามารถโดยเฉลี่ยของผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งจนป่านนี้ผ่านมาแล้ว 15 นัด คู่เซนเตอร์อาชีพที่คล็อปใช้ลงเล่นมาทั้งหมด ยังไม่มีสักคนเล่น ที่ทำผลในงานสกิลแต่ละด้านในการป้องกันประตูติด 1 ใน 10 ของผู้เล่นแต่ละตำแหน่ง อย่างการ Tackles, Interceptions, Clearances, Blocked shots, Aerial duels won ,มีเพียงเอ็มเร่ ชาน คนเดียวเท่านั้น ที่ดันทำผลงานในสกิลด้านการอินเตอร์เซ็ปและการเล่นลูกกลางอากาศดีติดอันดับ 1 ใน10 ของผู้เล่นที่เคยลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ (หากเลื่อนลงไปดูอัน 11-20 ลอฟเร่น ติดอันดับ 1 ใน 20ของผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ทุกด้านด้าน ในขณะที่มาติปนั้นไม่ติดอันดับเลยแม้แต่สักสกิลเดียว)
แล้วหากไปดูตัวเซ็นเตอร์ของทีมคู่แข่งแย่งพื้นที่ถ้วยยุโรปล่ะ ก็พบว่า ทุกทีมตัวหลักของเขานั้น ทำผลงานในแต่ละด้าน ติด อันดับ 1-10 กันเป็นว่าเล่น ที่เจ็บใจก็คือ ตัวเป้าหมายหลักอย่าง ฟาน ไดร์ นั้นก็ติดอันดับ 1-10 กับเขาด้วยตั้ง 3 ด้าน
*ไม่มีภาพให้ดู อยากรู้ไปดูที่นี้
https://www.whoscored.com/Regions/252/Tournaments/2/Seasons/6829/Stages/15151/PlayerStatistics/England-Premier-League-2017-2018
กดเลือก รายละเอียดที่อยากรู้กันเองนะครับ
แต่ถึงลอฟเร่นจะดูดีกว่ามาติปในสายตาผม แต่ถ้าว่า อยากให้เปลี่ยนไหม ก็รีบตอบทันทีว่า ....อยาก...มั่ก..มั่ก เพราะถึงจะดูดียังไงแต่ขยันเล่นพลาดจนทีมบรรลัยหลายๆหน มันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน (อารมณ์เดียวกับโมเร่โน่ เติมเกมส์รุกดีแค่ไหน แต่รับไม่เอาอ่าว ก็เปลี่ยนๆไปเถอะ)
จะได้ทำผลงานที่ผ่านมาครึ่งทางแล้ว ให้เป็นไปตามเป้าหมายทั้ง2อย่างที่คาดหวัง
ก็ขอแค่นี้แหละ...จากคนที่เชียร์หงส์แดงมาตลอดชีวิต
ป.ล.วิพากษ์วิจารณ์ตามสบายนะครับ
เพราะข้อความของท่านจะแสดงให้คนอื่นรู้เอง ว่าท่านเป็นคนเช่นไร
มีสติปัญญาและวุฒิภาวะคู่ควรกับการสนทนาด้วยหรือไม่
ข้อความของท่านจะบอกเอง
ขอบคุณครับ
วิพากษ์ 15 นัดพรีเมียร์ลีค JK Do as expected. แต่ว่าทำได้เท่านี้ก็ยังไม่พอ
ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า...
หากนับเฉพาะผลงานการทำทีมผ่านเข้ารอบ16ทีมของฟุตบอลถ้วย UCL ของ JK ในปีนี้ ถือว่าสอบผ่านทั้งด้านมาตรฐานการพัฒนาทีมและการค้ำประกันรายได้ในปีหน้า ซึ่งจากจุดนี้ก็ถือได้ว่า JK พาตัวเองผ่านครึ่งหนึ่งของเป้าหมายที่ทั้งผู้บริหารและแฟนบอลต้องการไปได้ครึ่งทางแล้ว เพราะเป้าหมายที่ถูกตั้งไว้ด้วยความคาดหวังตั้งแต่ตอนก่อนเริ่มเปิดฤดูกาล มีอยู่ 2 อย่าง คือ
1.ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ UCL (การรันตรีรายได้ 50 ลป.)
2.ทำอันดับในพรีเมียร์ลีคติด 1 ใน 4 อันดับแรก ซึ่งผลงานตอนนี้ก็นับว่ายังอยู่บนเส้นทาง แม้จะยังต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยก็ตาม
และหากมองเนื้องานจริงๆของผู้จัดการทีม ที่ JK ได้ทำไปแล้วสำหรับฤดูกาลนี้ ก็ค่อนข้างชี้วัดได้ว่า กุนซือเฮฟวี่เมททอล ก็ทำได้ดีไม่ได้ขี้เหร่อะไร กับการคว้าผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ หากมองๆดูผลงานของตัวผู้เล่นใหม่แต่ละคนก็มีที่ทำได้ดีเกินคาดหมาย อย่างรายของ โม ซาล่าห์ ก็ร้อนแรงจนแซงขึ้นไปนำเป็นดาวซัลโวของลีคแล้ว หรือ ดิ อ็อค หรือ อ็อคเล็ค แชมเบอร์เลน ก็ไม่น่าเกลียด 3-4 เกมส์หลังที่ได้โอกาสลงมา ก็ดูวูบวาบดี แม้ผลงานยังไม่อาจจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน อย่างจำนวนประตู หรือ แอสซิสต์ แต่ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่ากลัวของทีมคู่ต่อสู้ไม่น้อยกว่าตัวหลักของทีมเลย
ส่วนโซลันกี้กับแอนดรู โรเบิร์ตสัน ต้องบอกว่าได้โอกาสน้อยไปหน่อย ที่จะเอามาใช้วัดผล แต่เท่าที่ได้ดู ก็ไม่มีจุดด้อยหรือข้อตำหนิให้ต้องเป็นห่วงอะไรนัก ซึ่งจากเท่าที่มองผลงานของตัวผู้เล่นใหม่ที่คล็อปคว้าเข้ามา ก็ต้องบอกว่า พาตัวเองให้สอบผ่านได้แบบเฉียดฉิว แม้จะลืมกาข้อสอบในกระดาษคำตอบไปแผ่นหนึ่ง(คือไม่ยอมซื้อเซนเตอร์คนอื่นทั้งๆที่พลาด ฟาน ไดร์)
มามองในเรื่องแทคติคกันบ้าง หากเทียบกับปีก่อน ก็ต้องถือว่า ปีนี้ JK เตรียมตัวมาดี มีแผน2 แผน3 กับเขาบ้างแล้ว (แม้ว่าที่เล่น 3-4-3 จะเป็นการจัดตัวเพราะความจำเป็นเพราะขาดเซ็นเตอร์อาชีพก็เถอะ) แต่ถ้ามองในเรื่องสมาธิและความนิ่ง ในจุดนี้ คล็อปเองก็ยังปรับให้ลูกทีมหงส์แดงหายขาดจากอาการล่กและลนลานตอนโดนยิงคืนไม่ได้ กลายเป็นภาวะอาการยังหวาดกลัวแม้กระทั่งจะนำ 3 ลูกก็ตาม ซึ่งจุดนี้เอง ก็ทำให้การเตรียมแผนมาเพิ่มของคล็อป ก็ถูกบดบังความดีความชอบไปพอสมควร
แต่จากการเสริมผู้เล่นในเกมส์รุกถูกจุด จึงทำให้ไม่มีข้อสะดุดนักเวลามีผู้เล่นบาดเจ็บ อีกทั้งยังสามารถทำให้คล็อปมีตัวเลือกมากขึ้น เพื่อโรเตชั่น ถนอมสภาพร่างกายนักเตะ ซึ่งจุดนี้ 3-4 เกมส์หลัง ก็ทำให้คล็อปรับความดีความชอบไปเต็มๆ แต่ในตรรกะหลักการเดียวกัน การไม่เสริมผู้เล่นในเกมส์รับให้มากพอเท่าที่ควร ก็สร้างปัญหาในแนวรับของทีมได้ตลอดเวลา 15 นัดที่ผ่านมา คู่เซ็นเตอร์ตัวหลักจับคู่กันลงเล่นได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนเกมส์ที่ลงเตะ
ขอพูดส่วนตัวหน่อยเถอะ
ในเรื่องของคู่เซนเตอร์ตัวหลัก แม้ใครๆจะพากันด่า เดยัน ลอฟเร่น ว่าคลาสไม่ถึง ไม่ดีพอจะเป็นกำลังหลักของทีม แต่ผมกลับเชื่อใจมากกว่าผู้เล่นเซ็นเตอร์ตัวอื่นๆในทีมที่มี ว่านี้คือเซ็นเตอร์ที่ผมให้ความเชื่อมั่นที่สุด และหากนับจากตัวเซ็นเตอร์ที่ทีมมี เทียบกับผลงานของลอฟเร่น ก็ต้องพูดตรงๆว่าไอ้นัดที่ลอฟเร่นห่วยจนต้องด่าก็มีให้เห็น แต่ไอ้นัดที่แจ่มจรัสไล่อัดกองหน้าคู้ต่อสู้จนไปไม่เป็นก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มี และในช่วงหลัง ผลงานของกองหลังเลือดโครแอต ก็ถือว่ากลับมาจากการออกเรือหาปลากลับเข้าฝั่งแล้ว
และในทางกลับกัน โจเอล มาติป ที่ใครๆ อวยกันนักหนา ว่านี้แหละคือปราการหลังที่แข็งแกร่ง ผมกลับมองว่าไอ้ตัวนี้แหละที่ไม่ค่อยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คือจะดีก็ดีไม่สุด จะห่วยจนต้องออกปากด่าก็ทำได้ไม่เต็มปาก คล้ายลงเล่นไปครบ 11 คนไปงั้นๆแหละ ภาวะผู้นำก็ไม่มี และออกแนวลุกลี้ลุกลนเวลากดดันด้วย ซึ่งหากจะให้ผมมองว่าดีลมาติปในปีก่อนเป็นดีลที่คุ้มค่า สำหรับผมก็คงมีเหตุผลอยู่ข้อเดียวนั้นแหละ คือได้มาฟรี ไม่ได้เล่นดีเด่จนต้องชื่นชมอะไร
หมายเหตุตรงนี้สักหน่อย เซ็นเตอร์ที่ดี ดูง่ายๆอย่างไร สำหรับผมมองง่ายๆ คือ คะแนนความสามารถโดยเฉลี่ยของผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งจนป่านนี้ผ่านมาแล้ว 15 นัด คู่เซนเตอร์อาชีพที่คล็อปใช้ลงเล่นมาทั้งหมด ยังไม่มีสักคนเล่น ที่ทำผลในงานสกิลแต่ละด้านในการป้องกันประตูติด 1 ใน 10 ของผู้เล่นแต่ละตำแหน่ง อย่างการ Tackles, Interceptions, Clearances, Blocked shots, Aerial duels won ,มีเพียงเอ็มเร่ ชาน คนเดียวเท่านั้น ที่ดันทำผลงานในสกิลด้านการอินเตอร์เซ็ปและการเล่นลูกกลางอากาศดีติดอันดับ 1 ใน10 ของผู้เล่นที่เคยลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ (หากเลื่อนลงไปดูอัน 11-20 ลอฟเร่น ติดอันดับ 1 ใน 20ของผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ทุกด้านด้าน ในขณะที่มาติปนั้นไม่ติดอันดับเลยแม้แต่สักสกิลเดียว)
แล้วหากไปดูตัวเซ็นเตอร์ของทีมคู่แข่งแย่งพื้นที่ถ้วยยุโรปล่ะ ก็พบว่า ทุกทีมตัวหลักของเขานั้น ทำผลงานในแต่ละด้าน ติด อันดับ 1-10 กันเป็นว่าเล่น ที่เจ็บใจก็คือ ตัวเป้าหมายหลักอย่าง ฟาน ไดร์ นั้นก็ติดอันดับ 1-10 กับเขาด้วยตั้ง 3 ด้าน
*ไม่มีภาพให้ดู อยากรู้ไปดูที่นี้
https://www.whoscored.com/Regions/252/Tournaments/2/Seasons/6829/Stages/15151/PlayerStatistics/England-Premier-League-2017-2018
กดเลือก รายละเอียดที่อยากรู้กันเองนะครับ
แต่ถึงลอฟเร่นจะดูดีกว่ามาติปในสายตาผม แต่ถ้าว่า อยากให้เปลี่ยนไหม ก็รีบตอบทันทีว่า ....อยาก...มั่ก..มั่ก เพราะถึงจะดูดียังไงแต่ขยันเล่นพลาดจนทีมบรรลัยหลายๆหน มันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน (อารมณ์เดียวกับโมเร่โน่ เติมเกมส์รุกดีแค่ไหน แต่รับไม่เอาอ่าว ก็เปลี่ยนๆไปเถอะ)
และถ้าจะเปลี่ยน ก็เปลี่ยนเซ็นเตอร์มันทั้งคู่เลยนะ งานนี้ น้องผลับขอ 2
จะได้ทำผลงานที่ผ่านมาครึ่งทางแล้ว ให้เป็นไปตามเป้าหมายทั้ง2อย่างที่คาดหวัง
ก็ขอแค่นี้แหละ...จากคนที่เชียร์หงส์แดงมาตลอดชีวิต
ป.ล.วิพากษ์วิจารณ์ตามสบายนะครับ
เพราะข้อความของท่านจะแสดงให้คนอื่นรู้เอง ว่าท่านเป็นคนเช่นไร
มีสติปัญญาและวุฒิภาวะคู่ควรกับการสนทนาด้วยหรือไม่
ข้อความของท่านจะบอกเอง