ในช่วงสุดสัปดาห์เปิดตัวของภาพยนตร์เรื่อง " Justice League " เมื่อวันที่ 17-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้หนังเปิดตัวด้วยรายได้ช่วงสุดสัปดาห์ในอเมริกาไม่เข้าเป้าสมกับความเป็นหนังรวมฮีโร่ฟอร์มใหญ่ แต่ก็ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งตามความคาดหมาย ทว่ามีความสำเร็จที่น่าสนใจของหนังฟอร์มเล็กกว่าที่เปิดตัวในสัปดาห์เดียวกับ Justice League อย่าง "Wonder" เกิดขึ้น
สัปดาห์แรก Wonder เปิดตัวด้วยรายได้อันดับสองเป็นรองเพียง Justice League
สัปดาห์ที่สองเป็นอันดับสามรองจาก Justice League และ Coco อนิเมชั่นเรื่องใหม่จากดิสนีย์/พิกซ่าร์
และสัปดาห์ที่สามเมื่อ 1-3 ธันวาคมที่ผ่านมาก็ยังอยู่อันดับสามเหมือนเดิมไม่ไปไหน แสดงให้เห็นว่าหนังฟอร์มเล็กเรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิด
Wonder
"ชีวิตมหัศจรรย์-Wonder" สร้างจากนิยายขายดีอันดับต้น ๆของอเมริกา เล่าเรื่องราวสุดอบอุ่นหัวใจของเด็กชาย "ออกัสต์ พูลแมน-August Pullman" หรือเรียกสั้น ๆว่า "อ๊อกกี้" ที่เกิดมาพร้อมใบหน้าผิดปกติ ทำให้เขาไม่กล้าเข้าสังคมหรือไปโรงเรียน
เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิต อ๊อกกี้ วัยสิบปีต้องรวบรวมความกล้าเข้าเรียนที่โรงเรียนเป็นครั้งแรก แม้ถูกล้อเลียน ,สังคมรังเกียจ แต่เมื่อครอบครัวของเขา เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ และสังคมรอบตัวต่างต้องการความเห็นอกเห็นใจและการยอมรับ จึงก่อให้เกิดการผจญภัยครั้งใหญ่ของ
อ๊อกกี้เพื่อรวมหัวใจของทุกคนเป็นหนึ่งเดียว
Wonder - Official Trailer 2 [ตัวอย่าง ซับไทย]
Wonder ได้นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง จูเลีย โรเบิร์ตส (นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก Erin Brockovich 2000 , Pretty Woman)
นักแสดงที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ โอเว่น วิลสัน (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , The Royal Tennenbaum 2001, The Grand Budapest Hotel, Midnight in Paris)
และนักแสดงเด็กที่เคยเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ เจค็อบ เทรมเบลย์ (Room) เป็น อ๊อกกี้ พูลแมน ที่เกิดมาพร้อมรอยแผลบนใบหน้าซึ่งการผ่าตัดแก้ไขหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาเข้าเรียนในโรงเรียนไม่ได้จนถึงตอนนี้ รวมถึงนักแสดงคุณภาพอีกหลายต่อหลายคน
ที่มาที่ไปของเรื่องราว
นิยายเรื่อง Wonder ของผู้แต่งหญิงชาวอเมริกา "อาร์.เจ. ปาลาซิโอ้-R.J. Palacio" ตีพิมพ์ในปี 2013 กล่าวถึงเด็กชายที่มี
ความผิดปกติทางพันธุกรรม เกิดมาพร้อมกับใบหน้าไม่สมประกอบที่พร้อมจะทำให้คนแปลกหน้าเบือนหน้าหนี แต่กลายเป็นว่าตัวอ๊อกกี้ พูลแมน นั้นมีเสน่ห์จนทำให้คนที่ได้ลองอ่านวางไม่ลง ปาลาซิโอ้เล่าชีวิตของอ๊อกกี้ออกมาด้วยอารมณ์ขัน สิ่งที่เธอเล่าออกมาผ่านสายตาของเด็กชายนั้นโดนใจหลายๆ คน สะท้อนโลกปัจจุบันที่คนเราสนใจแต่เปลือกนอกจนไม่ทันสังเกตความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายใน
อาร์.เจ. ปาลาซิโอ้
เรื่องอ๊อกกี้ได้ฉายาว่า "สิ่งที่ไม่น่ามอง" จากการที่สังคมรังเกียจ ทุกคนพากันเบือนหน้าหนีเมื่อได้เห็นนั้น ผู้เขียน
ได้แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครนี้จากเรื่องจริง อาร์.เจ. ปาลาซิโอ้ ยอมรับว่าเธอเคยเป็นคนที่เบือนหน้าหนีเหมือนกัน ในปี 2008 เธอบังเอิญพบกับเด็กที่มีใบหน้าผิดปกติที่คิวซื้อไอศกรีมขณะที่เธอพาลูกๆ ออกไปเที่ยว ซึ่งเธอได้ทำสิ่งที่เธอเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้
เธอกล่าว "เรานั่งติดกับเด็กที่มีใบหน้าผิดปกติ เหมือนกับที่ฉันบรรยายอ๊อกกี้ไว้ในหนังสือ ลูกชายฉันมองหน้าเด็กคนนั้นไม่ละสายตา ฉันรีบดึงลูกฉันออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะทำให้เด็กคนนั้นรู้สึกไม่ดี แต่กลายเป็นว่าตัวฉันเองนั่นแหละที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง"
ด้วยความละอายใจ ปาลาซิโอ้จึงต้องการรับผิดชอบกับเรื่องนี้ เธอมองมุมกลับโดยการเล่าผ่านสายตาของคนที่สำคัญที่สุด คือ เด็กที่มีใบหน้าแตกต่างคนนั้น
ปาลาซิโอ้ตัดสินใจที่จะให้อ๊อกกี้เป็นเด็กประถมปลาย แต่เพิ่งเข้าเรียนโรงเรียนเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านั้นแม่เขาสอนให้ที่บ้าน) มันเหมือนกับเขาเป็นมนุษย์อวกาศไปเยือนดาวเอเลี่ยนเลยทีเดียว (มีการสื่อถึงเรื่องนี้ในหนังด้วยการให้เขาสวมหมวกนักบินอวกาศเมื่อต้องการความสบายใจ เพราะมันช่วยซ่อนใบหน้าเขาจากโลกภายนอก ทำให้จิตใจเขามีอิสระ และกล้าหาญเหมือนฮีโร่ในดวงใจของเขาซึ่งนั่นคือทีมมนุษย์อวกาศของยานอพอลโล่ 11 ที่เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ก้าวเท้าลงบนดวงจันทร์)
จากกระแสปากต่อปากทำให้หนังสือเล่มนี้ขายได้กว่าห้าล้านเล่ม แต่มันยังมีอิทธิพลนอกเหนือจากการเป็นแค่นิยาย วลี "เลือกทำดี (Choose Kind)" เกิดเป็นกระแส มอบแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองออกมา ไม่นานความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้ก็เตะตาฮอลลีวู้ด โปรดิวเซอร์หนังอย่างทอดด์ ลีเบอร์แมน และเดวิด โฮเบอร์แมน ของบริษัท Mandeville Films อ่านบทพร้อมกันในคืนเดียวและไม่รีรอที่จะลงมือสร้างเป็นหนัง
โรค Treacher-Collins Syndrome
ปาลาซิโอ้เขียนให้อ๊อกกี้เกิดมาพร้อมกับโรค "ทรีเชอร์-คอลลินส์ ซินโดรม(Treacher-Collins Syndrome)" ที่เกิดจากการยีนผิดปกติแค่ตัวเดียว มันสามารถ
ทำให้การวางตัวของกระดูกโครงหน้าผิดปกติ ได้ บางคนที่เป็นโรคนี้อาจจะมีอาการน้อยมากจนไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ ส่วนบางคนอาจจะมีกระดูกงอกในกะโหลกจนส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ การมองเห็น และการได้ยิน ทำให้ต้องผ่านการผ่าตัดหลายครั้ง ,บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขตั้งแต่ก่อนอายุห้าขวบ
แม้ว่าจะมีปัญหาสุขภาพเพราะโรค Treacher-Collins เด็กๆ ที่เป็นโรคนี้ก็มีความเป็นเด็กเหมือนปกติทั่วไป ทั้งความอยากรู้อยากเห็น ความอ่อนไหว แต่ละครอบครัวของเด็กที่มีโรคนี้พบเจอประสบการณ์ต่างๆ กันไป แต่สิ่งที่ทุกครอบครัวรับมือได้ยากที่สุด คือ
ปฏิกิริยาจากผู้คนรอบข้าง
ปาลาซิโอ้หวังว่าสิ่งหนึ่งที่คนดูจะได้ความรู้เกี่ยวกับผู้ที่มีอาการใบหน้าผิดปกติหลังจากได้ชมหนังเรื่องนี้คือ "พวกเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ปัญหามันอยู่ที่พวกเราเนี่ยแหละที่ไม่ได้มองพวกเขาแบบที่พวกเขาเป็น"
เลือกทำดี (CHOOSE KIND)
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Wonder เป็นปรากฏการณ์ คือ การมอบพลังให้เยาวชนให้ลุกขึ้นมา
ต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน การถือตัว และการแบ่งแยก
"หนังสือเล่มนี้จุดประกายโครงการต่อต้านการกลั่นแกล้งขึ้นทั่วโลก" ลีเบอร์แมน(โปรดิวเซอร์หนัง) กล่าว
"หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดที่เรื่องนี้สื่อออกมาคือ มันมีหลายวิธีที่จะรังแกกัน การรังแกด้านจิตใจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมอินกับหนังสือ พฤติกรรมแย่ๆ พวกนี้มันมีมาตลอด ยิ่งบวกกับโซเชียลมีเดียทำให้มีคนถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกันมากขึ้น ดังนั้นนี่เป็นช่วงเวลาที่ควรเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปมากที่สุด"
ปาลาซิโอ้ได้พูดคุยกับเด็กทั่วประเทศอเมริกาเกี่ยวกับการรังแก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Choose Kind ตามที่ปรากฏในหนังสือ และมีเด็กเป็นพันๆ คน เซ็นปฏิญาณ Choose Kind ที่เธอทำขึ้นมาเพื่อเตือนใจเด็กๆ ว่ามุมมองที่พวกเขามีต่อคุณอื่น จะส่งผลต่อพวกเขาไปตลอดชีวิต
"ตอนที่ฉันคุยกับเด็กๆ เราคุยกันว่าพวกเขาอยากถูกจดจำว่าอะไรในอีก 80 ปีข้างหน้า ว่าพวกพวกอยากถูดจดจำในฐานะคนใจร้ายเหรอ ? หรือว่าอยากถูกจดจำในฐานะเป็นคนที่กล้าพอที่จะเข้าไปทักเด็กใหม่ในโรงเรียนและเป็นเพื่อนกับพวกเขา นั่นแหละคือตอนที่เด็กๆ เริ่มเข้าใจ พวกเขาเริ่มเห็นว่าสิ่งเล็กน้อยที่พวกเขาทำมันส่งผลในอนาคตระยะยาวได้"
แต่ปาลาซิโอ้กล่าวว่าการที่หนังสือของเธอต่อต้านการรังแกอยู่เล่มเดียวมันยังไม่พอ เธอหวังว่าหนังสือและภาพยนตร์ที่กำลังจะออกมาจะส่งเสริมในด้านนี้เช่นกัน ให้มันจุดประกายผู้คนให้ยอมเสียสละกันคนละเล็กน้อยเพื่อช่วยเหลือคนอื่น
"บางครั้งมันไม่ต้องใช้อะไรเยอะหรอกเพื่อเปลี่ยนแปลง" เธอชี้แจง
"คุณคงไม่รู้หรอกว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ อาจจะช่วยชีวิตคนคนนึงไว้ได้"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สมัยก่อนเวลาผมจะอ่านบทความหรือข้อมูลข่าวสารบันเทิงต่างประเทศต้องไปตามซื้อนิตยสารบนแผงหนังสือเป็นหลัก รองลงมาคือบทความตามกระทู้เกี่ยวกับหนังต่าง ๆในเว็บไซต์พันทิพซึ่งหลายครั้งเนื้อหาบทความดีเทียบเท่าหรือมากกว่าบทความตามนิตยสารที่วางแผงขายกันเสียอีก
จนกระทั่งมาถึงยุคอินเตอร์เน็ตที่ข่าวสารบทความบันเทิงต่างประเทศหาอ่านได้ง่ายขึ้น การซื้อนิตยสาร (ที่มักออกรายเดือนหรือรายปักษ์) เริ่มไม่ทันกับความรวดเร็วทันใจแบบวันต่อวันของอินเตอร์เน็ต และอีกหลาย ๆข้อเสียเปรียบจึงเข้าสู่ยุคถดถอยของนิตยสาร ส่วนการตามอ่านบทความในพันทิพนั้น หลังจากเข้าสู่ช่วงเปิดกว้างให้ใคร ๆก็ตั้งกระทู้สร้างบทความแสดงความเห็นของตัวเองได้ ผมพบว่าแม้มันจะคึกคักขึ้น แต่กลับหาบทความถูกใจยากขึ้น เพราะกระทู้เกิดใหม่ตลอดเวลา
ด้วยความที่หาอะไรตรงใจอ่านยาก ผมเลยเริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับหนังตามใจชอบออกมาเรื่อย ๆและได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีมาบ้าง
จึงเริ่มเขียนบล็อกรวบรวมบทความทั้งเก่าและใหม่ของตัวเอง https://filmaneo.blogspot.com/
รวมถึงเปิดเพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/Filmaneo/
เพื่อเป็นช่องทางให้คนติดตามการอัพเดตงานของผมครับ 
# จากนิยายสู่หนังน่าดู # ชีวิตมหัศจรรย์ Wonder (by Filmaneo)
สัปดาห์แรก Wonder เปิดตัวด้วยรายได้อันดับสองเป็นรองเพียง Justice League
สัปดาห์ที่สองเป็นอันดับสามรองจาก Justice League และ Coco อนิเมชั่นเรื่องใหม่จากดิสนีย์/พิกซ่าร์
และสัปดาห์ที่สามเมื่อ 1-3 ธันวาคมที่ผ่านมาก็ยังอยู่อันดับสามเหมือนเดิมไม่ไปไหน แสดงให้เห็นว่าหนังฟอร์มเล็กเรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิด
"ชีวิตมหัศจรรย์-Wonder" สร้างจากนิยายขายดีอันดับต้น ๆของอเมริกา เล่าเรื่องราวสุดอบอุ่นหัวใจของเด็กชาย "ออกัสต์ พูลแมน-August Pullman" หรือเรียกสั้น ๆว่า "อ๊อกกี้" ที่เกิดมาพร้อมใบหน้าผิดปกติ ทำให้เขาไม่กล้าเข้าสังคมหรือไปโรงเรียน
เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิต อ๊อกกี้ วัยสิบปีต้องรวบรวมความกล้าเข้าเรียนที่โรงเรียนเป็นครั้งแรก แม้ถูกล้อเลียน ,สังคมรังเกียจ แต่เมื่อครอบครัวของเขา เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ และสังคมรอบตัวต่างต้องการความเห็นอกเห็นใจและการยอมรับ จึงก่อให้เกิดการผจญภัยครั้งใหญ่ของ
อ๊อกกี้เพื่อรวมหัวใจของทุกคนเป็นหนึ่งเดียว
Wonder ได้นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง จูเลีย โรเบิร์ตส (นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก Erin Brockovich 2000 , Pretty Woman)
นักแสดงที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ โอเว่น วิลสัน (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , The Royal Tennenbaum 2001, The Grand Budapest Hotel, Midnight in Paris)
และนักแสดงเด็กที่เคยเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ เจค็อบ เทรมเบลย์ (Room) เป็น อ๊อกกี้ พูลแมน ที่เกิดมาพร้อมรอยแผลบนใบหน้าซึ่งการผ่าตัดแก้ไขหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาเข้าเรียนในโรงเรียนไม่ได้จนถึงตอนนี้ รวมถึงนักแสดงคุณภาพอีกหลายต่อหลายคน
นิยายเรื่อง Wonder ของผู้แต่งหญิงชาวอเมริกา "อาร์.เจ. ปาลาซิโอ้-R.J. Palacio" ตีพิมพ์ในปี 2013 กล่าวถึงเด็กชายที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม เกิดมาพร้อมกับใบหน้าไม่สมประกอบที่พร้อมจะทำให้คนแปลกหน้าเบือนหน้าหนี แต่กลายเป็นว่าตัวอ๊อกกี้ พูลแมน นั้นมีเสน่ห์จนทำให้คนที่ได้ลองอ่านวางไม่ลง ปาลาซิโอ้เล่าชีวิตของอ๊อกกี้ออกมาด้วยอารมณ์ขัน สิ่งที่เธอเล่าออกมาผ่านสายตาของเด็กชายนั้นโดนใจหลายๆ คน สะท้อนโลกปัจจุบันที่คนเราสนใจแต่เปลือกนอกจนไม่ทันสังเกตความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายใน
เรื่องอ๊อกกี้ได้ฉายาว่า "สิ่งที่ไม่น่ามอง" จากการที่สังคมรังเกียจ ทุกคนพากันเบือนหน้าหนีเมื่อได้เห็นนั้น ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครนี้จากเรื่องจริง อาร์.เจ. ปาลาซิโอ้ ยอมรับว่าเธอเคยเป็นคนที่เบือนหน้าหนีเหมือนกัน ในปี 2008 เธอบังเอิญพบกับเด็กที่มีใบหน้าผิดปกติที่คิวซื้อไอศกรีมขณะที่เธอพาลูกๆ ออกไปเที่ยว ซึ่งเธอได้ทำสิ่งที่เธอเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้
เธอกล่าว "เรานั่งติดกับเด็กที่มีใบหน้าผิดปกติ เหมือนกับที่ฉันบรรยายอ๊อกกี้ไว้ในหนังสือ ลูกชายฉันมองหน้าเด็กคนนั้นไม่ละสายตา ฉันรีบดึงลูกฉันออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะทำให้เด็กคนนั้นรู้สึกไม่ดี แต่กลายเป็นว่าตัวฉันเองนั่นแหละที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง"
ด้วยความละอายใจ ปาลาซิโอ้จึงต้องการรับผิดชอบกับเรื่องนี้ เธอมองมุมกลับโดยการเล่าผ่านสายตาของคนที่สำคัญที่สุด คือ เด็กที่มีใบหน้าแตกต่างคนนั้น
ปาลาซิโอ้ตัดสินใจที่จะให้อ๊อกกี้เป็นเด็กประถมปลาย แต่เพิ่งเข้าเรียนโรงเรียนเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านั้นแม่เขาสอนให้ที่บ้าน) มันเหมือนกับเขาเป็นมนุษย์อวกาศไปเยือนดาวเอเลี่ยนเลยทีเดียว (มีการสื่อถึงเรื่องนี้ในหนังด้วยการให้เขาสวมหมวกนักบินอวกาศเมื่อต้องการความสบายใจ เพราะมันช่วยซ่อนใบหน้าเขาจากโลกภายนอก ทำให้จิตใจเขามีอิสระ และกล้าหาญเหมือนฮีโร่ในดวงใจของเขาซึ่งนั่นคือทีมมนุษย์อวกาศของยานอพอลโล่ 11 ที่เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ก้าวเท้าลงบนดวงจันทร์)
จากกระแสปากต่อปากทำให้หนังสือเล่มนี้ขายได้กว่าห้าล้านเล่ม แต่มันยังมีอิทธิพลนอกเหนือจากการเป็นแค่นิยาย วลี "เลือกทำดี (Choose Kind)" เกิดเป็นกระแส มอบแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองออกมา ไม่นานความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้ก็เตะตาฮอลลีวู้ด โปรดิวเซอร์หนังอย่างทอดด์ ลีเบอร์แมน และเดวิด โฮเบอร์แมน ของบริษัท Mandeville Films อ่านบทพร้อมกันในคืนเดียวและไม่รีรอที่จะลงมือสร้างเป็นหนัง
ปาลาซิโอ้เขียนให้อ๊อกกี้เกิดมาพร้อมกับโรค "ทรีเชอร์-คอลลินส์ ซินโดรม(Treacher-Collins Syndrome)" ที่เกิดจากการยีนผิดปกติแค่ตัวเดียว มันสามารถทำให้การวางตัวของกระดูกโครงหน้าผิดปกติ ได้ บางคนที่เป็นโรคนี้อาจจะมีอาการน้อยมากจนไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ ส่วนบางคนอาจจะมีกระดูกงอกในกะโหลกจนส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ การมองเห็น และการได้ยิน ทำให้ต้องผ่านการผ่าตัดหลายครั้ง ,บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขตั้งแต่ก่อนอายุห้าขวบ
แม้ว่าจะมีปัญหาสุขภาพเพราะโรค Treacher-Collins เด็กๆ ที่เป็นโรคนี้ก็มีความเป็นเด็กเหมือนปกติทั่วไป ทั้งความอยากรู้อยากเห็น ความอ่อนไหว แต่ละครอบครัวของเด็กที่มีโรคนี้พบเจอประสบการณ์ต่างๆ กันไป แต่สิ่งที่ทุกครอบครัวรับมือได้ยากที่สุด คือ ปฏิกิริยาจากผู้คนรอบข้าง
ปาลาซิโอ้หวังว่าสิ่งหนึ่งที่คนดูจะได้ความรู้เกี่ยวกับผู้ที่มีอาการใบหน้าผิดปกติหลังจากได้ชมหนังเรื่องนี้คือ "พวกเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ปัญหามันอยู่ที่พวกเราเนี่ยแหละที่ไม่ได้มองพวกเขาแบบที่พวกเขาเป็น"
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Wonder เป็นปรากฏการณ์ คือ การมอบพลังให้เยาวชนให้ลุกขึ้นมาต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน การถือตัว และการแบ่งแยก
"หนังสือเล่มนี้จุดประกายโครงการต่อต้านการกลั่นแกล้งขึ้นทั่วโลก" ลีเบอร์แมน(โปรดิวเซอร์หนัง) กล่าว
"หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดที่เรื่องนี้สื่อออกมาคือ มันมีหลายวิธีที่จะรังแกกัน การรังแกด้านจิตใจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมอินกับหนังสือ พฤติกรรมแย่ๆ พวกนี้มันมีมาตลอด ยิ่งบวกกับโซเชียลมีเดียทำให้มีคนถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกันมากขึ้น ดังนั้นนี่เป็นช่วงเวลาที่ควรเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปมากที่สุด"
ปาลาซิโอ้ได้พูดคุยกับเด็กทั่วประเทศอเมริกาเกี่ยวกับการรังแก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Choose Kind ตามที่ปรากฏในหนังสือ และมีเด็กเป็นพันๆ คน เซ็นปฏิญาณ Choose Kind ที่เธอทำขึ้นมาเพื่อเตือนใจเด็กๆ ว่ามุมมองที่พวกเขามีต่อคุณอื่น จะส่งผลต่อพวกเขาไปตลอดชีวิต
"ตอนที่ฉันคุยกับเด็กๆ เราคุยกันว่าพวกเขาอยากถูกจดจำว่าอะไรในอีก 80 ปีข้างหน้า ว่าพวกพวกอยากถูดจดจำในฐานะคนใจร้ายเหรอ ? หรือว่าอยากถูกจดจำในฐานะเป็นคนที่กล้าพอที่จะเข้าไปทักเด็กใหม่ในโรงเรียนและเป็นเพื่อนกับพวกเขา นั่นแหละคือตอนที่เด็กๆ เริ่มเข้าใจ พวกเขาเริ่มเห็นว่าสิ่งเล็กน้อยที่พวกเขาทำมันส่งผลในอนาคตระยะยาวได้"
แต่ปาลาซิโอ้กล่าวว่าการที่หนังสือของเธอต่อต้านการรังแกอยู่เล่มเดียวมันยังไม่พอ เธอหวังว่าหนังสือและภาพยนตร์ที่กำลังจะออกมาจะส่งเสริมในด้านนี้เช่นกัน ให้มันจุดประกายผู้คนให้ยอมเสียสละกันคนละเล็กน้อยเพื่อช่วยเหลือคนอื่น
"บางครั้งมันไม่ต้องใช้อะไรเยอะหรอกเพื่อเปลี่ยนแปลง" เธอชี้แจง
"คุณคงไม่รู้หรอกว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ อาจจะช่วยชีวิตคนคนนึงไว้ได้"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้