สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อชีวิตนักเตะของเขาก้าวมาสู่เวทีในระดับที่ใหญ่มากอย่างพรีเมียลีกส์ และยังได้อยู่ทีมระดับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ่งที่เขาต้องเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นในทุกเรื่อง สไตล์การเล่น ภาษาพูด วิธีใช้ชีวิต อาหารการกิน แต่สิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอามันออกไปจากลินเดอร์เลิฟได้ ไม่ใช่แค่ความ "ไอซ์แมน" แต่เป็น "ความอ่อนน้อม" ที่น่าชมเชยของคนหนุ่มแบบเขาด้วย ซลาตัน อิบราฮิโมวิค นักเตะสตาร์ดังแห่งยุค เพื่อนร่วมทีมของลินเดอร์เลิฟในตอนนี้และเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันในทีมชาติ เคยพูดถึงลินเดอร์เลิฟไว้ว่า
"ผมคิดว่าวิคเตอร์ทำได้ดีแล้ว เขาเล่นได้ดีตอนอยู่กับเบนฟิก้า และตอนนี้เขาก็มีภาระหน้าที่รับผิดชอบกับทีมชาติ ซึ่งเขาทำมันได้ดีมาก เขากำลังเติบโตขึ้นมาก เขาดีพอสำหรับยูไนเต็ดมั้ยน่ะเหรอ? วิคเตอร์ดีพอสำหรับทีมใหญ่ๆทุกทีม มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเลือกไปที่ไหนเท่านั้นเอง และที่ที่เขาเลือกนั่นคือที่ที่เขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว ผมรู้มาว่าเขาฮอตมากในตลาดซื้อขาย และเขาได้เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว"

แม้สตาร์ดังในประวัติศาสตร์ทีมชาติสวีเดนจะชื่นชมเขาไว้แค่ไหน แต่กับลินเดอร์เลิฟที่อายุห่างกว่า "พระเจ้า" ถึง 13 ปีกลับไม่อยากเทคเครดิตไว้ทั้งหมด รวมทั้งไม่อาจเอื้อมทำตัวสนิทสนมกับรุ่นพี่เกินไปด้วย แม้จะเป็นเพื่อนร่วมทีมกันแล้วก็ตาม
"แม้ผมกับพี่อิบราไม่ค่อยได้มีโอกาสได้พบกันบ่อยนักในเกมทีมชาติ แต่การที่ตอนนี้เราได้เป็นเพื่อนร่วมทีมกัน มันทำให้ผมรู้สึกดีมาก แน่นอนว่าคุณต้องดีใจอยู่แล้วหากมีคนสวีเดนสักคนอยู่ในทีมเดียวกันคุณ และนี่คือ ซลาตัน มันพิเศษยิ่งกว่า เขาช่วยเหลือผมเยอะมาก และเขาก็เป็นคนที่เป็นมิตรมากๆด้วย" โดยลินเดอร์เลิฟยังกล่าวอีกด้วยว่า แม้จะเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน แต่เขาก็ไม่ได้ขอคำแนะนำการใช้ชีวิตหรือเล่าเรื่องการปรับตัวในแมนเชสเตอร์ให้ซลาตันฟัง เพราะอายุที่ห่างกันมาก และเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สนิทกันมากขนาดนั้นนั่นเอง

ลินเดอร์เลิฟยังหยอดคำหวานด้วยว่า เขาเคยได้ยินว่าแฟนๆจะทำให้การใช้ชีวิตในแมนเชสเตอร์ง่ายขึ้น และตอนนี้เขาก็เชื่อแล้ว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่แฟนๆรวมทั้งสต๊าฟและเพื่อนร่วมทีม ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก และทุกวันมันยิ่งดียิ่งขึ้น
และถ้าจุดแข็งในการเล่นของลินเดอร์เลิฟคือ ความแข็งแกร่ง และความเยือกเย็น ความช้า และการออกบอลสั้นแบบไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังอยู่บ่อยๆ ก็คือจุดอ่อนของเขาซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ต้องพัฒนาและตอนนี้เขาก็ทำได้ดีมากแล้ว และถึงแม้จะเป็นกองหลัง แต่หน้าที่สำคัญของเขาสมัยอยู่เบนฟิก้า นอกจากการประสานเกมรับ คือเขามีหน้าที่ยิงลูกฟรีคิก และเขามีประตูอันสวยงามจากมันการันตีด้วย
"ผมไม่แน่ใจว่าจะได้รับหน้าที่นั้นที่ยูไนเต็ดหรือเปล่า แต่ถ้าเกิดทีมได้โอกาสฟรีคิก รับรองว่าผมจะไปอยู่ตรงนั้นแน่ๆ!!" ลินเดอร์เลิฟให้สัมภาษณ์ทีเล่นทีจริงในสัมภาษณ์แรกๆตอนที่เขามาร่วมทีม และเกมที่ยูไนเต็ดเอาชนะวัตต์ฟอร์ดได้ถึง 4 -2 เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาก็ได้ยืนยันความตั้งใจนั้นแล้ว เพราะมีเหตุการณ์นิดหน่อยในลูกฟรีคิกของแอชลีย์ ยัง ที่แรกเริ่มมันควรเป็นหน้าที่ของ พอล ป็อกบาที่ต้องยิงฟรีคิก แต่สุดท้ายกลับจบด้วยยังเป็นคนซัดประตูนั้น โดยพอล ป็อกบาเป็นคนเสียสละประตูนั้นให้ยัง แต่ยังมีเรื่องราวเบื้องหลังมากกว่านั้นอีกเล็กน้อย
"ผมถามยังตอนที่เราได้ลูกตั้งเตะว่า 'เฮ้ ให้ฉันเป็นคนยิงลูกนี้ก็ได้นะ' แต่เขาตอบว่า 'ฉันจะจัดการเองวิค' แน่นอนนายทำได้! และมันเป็นประตูที่ดีมาก นายเจ๋งไปเลยเพื่อน"

เจ้าหนุ่มสวีดิชยังคงไม่ยอมแพ้ต่อโอกาสการได้ยิงฟรีคิกของเขา และคาดว่าเขาคงจะได้โอกาสอีกมากในอนาคต นอกจากฉายา "ไอซ์แมน" ลินเดอร์เลิฟยังถูกตั้งเป้าหมายให้เป็น "New Rio Ferdinand" ด้วย ซึ่งริโอก็เคยออกมาพูดถึงแบ็กชาวสวีดิชคล้ายกับที่มูริณโญ่เคยว่าไว้ เขาต้องการปรับตัวอีกมาก และต้องเรียนรู้ทักษะในเกมรุกมากกว่านี้ แต่นี่ก็คือ วิคเตอร์ ลินเดอร์เลิฟ ฉายาไอ้น้ำแข็ง แต่กลับมีรอยยิ้มที่หวานจนสาวๆใจสั่น และเขาพึ่งอายุ 23 เส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ของเขาพึ่งจะเริ่มต้น

"ผมคิดว่าวิคเตอร์ทำได้ดีแล้ว เขาเล่นได้ดีตอนอยู่กับเบนฟิก้า และตอนนี้เขาก็มีภาระหน้าที่รับผิดชอบกับทีมชาติ ซึ่งเขาทำมันได้ดีมาก เขากำลังเติบโตขึ้นมาก เขาดีพอสำหรับยูไนเต็ดมั้ยน่ะเหรอ? วิคเตอร์ดีพอสำหรับทีมใหญ่ๆทุกทีม มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเลือกไปที่ไหนเท่านั้นเอง และที่ที่เขาเลือกนั่นคือที่ที่เขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว ผมรู้มาว่าเขาฮอตมากในตลาดซื้อขาย และเขาได้เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว"

แม้สตาร์ดังในประวัติศาสตร์ทีมชาติสวีเดนจะชื่นชมเขาไว้แค่ไหน แต่กับลินเดอร์เลิฟที่อายุห่างกว่า "พระเจ้า" ถึง 13 ปีกลับไม่อยากเทคเครดิตไว้ทั้งหมด รวมทั้งไม่อาจเอื้อมทำตัวสนิทสนมกับรุ่นพี่เกินไปด้วย แม้จะเป็นเพื่อนร่วมทีมกันแล้วก็ตาม
"แม้ผมกับพี่อิบราไม่ค่อยได้มีโอกาสได้พบกันบ่อยนักในเกมทีมชาติ แต่การที่ตอนนี้เราได้เป็นเพื่อนร่วมทีมกัน มันทำให้ผมรู้สึกดีมาก แน่นอนว่าคุณต้องดีใจอยู่แล้วหากมีคนสวีเดนสักคนอยู่ในทีมเดียวกันคุณ และนี่คือ ซลาตัน มันพิเศษยิ่งกว่า เขาช่วยเหลือผมเยอะมาก และเขาก็เป็นคนที่เป็นมิตรมากๆด้วย" โดยลินเดอร์เลิฟยังกล่าวอีกด้วยว่า แม้จะเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน แต่เขาก็ไม่ได้ขอคำแนะนำการใช้ชีวิตหรือเล่าเรื่องการปรับตัวในแมนเชสเตอร์ให้ซลาตันฟัง เพราะอายุที่ห่างกันมาก และเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สนิทกันมากขนาดนั้นนั่นเอง

ลินเดอร์เลิฟยังหยอดคำหวานด้วยว่า เขาเคยได้ยินว่าแฟนๆจะทำให้การใช้ชีวิตในแมนเชสเตอร์ง่ายขึ้น และตอนนี้เขาก็เชื่อแล้ว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่แฟนๆรวมทั้งสต๊าฟและเพื่อนร่วมทีม ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก และทุกวันมันยิ่งดียิ่งขึ้น
และถ้าจุดแข็งในการเล่นของลินเดอร์เลิฟคือ ความแข็งแกร่ง และความเยือกเย็น ความช้า และการออกบอลสั้นแบบไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังอยู่บ่อยๆ ก็คือจุดอ่อนของเขาซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ต้องพัฒนาและตอนนี้เขาก็ทำได้ดีมากแล้ว และถึงแม้จะเป็นกองหลัง แต่หน้าที่สำคัญของเขาสมัยอยู่เบนฟิก้า นอกจากการประสานเกมรับ คือเขามีหน้าที่ยิงลูกฟรีคิก และเขามีประตูอันสวยงามจากมันการันตีด้วย
"ผมไม่แน่ใจว่าจะได้รับหน้าที่นั้นที่ยูไนเต็ดหรือเปล่า แต่ถ้าเกิดทีมได้โอกาสฟรีคิก รับรองว่าผมจะไปอยู่ตรงนั้นแน่ๆ!!" ลินเดอร์เลิฟให้สัมภาษณ์ทีเล่นทีจริงในสัมภาษณ์แรกๆตอนที่เขามาร่วมทีม และเกมที่ยูไนเต็ดเอาชนะวัตต์ฟอร์ดได้ถึง 4 -2 เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาก็ได้ยืนยันความตั้งใจนั้นแล้ว เพราะมีเหตุการณ์นิดหน่อยในลูกฟรีคิกของแอชลีย์ ยัง ที่แรกเริ่มมันควรเป็นหน้าที่ของ พอล ป็อกบาที่ต้องยิงฟรีคิก แต่สุดท้ายกลับจบด้วยยังเป็นคนซัดประตูนั้น โดยพอล ป็อกบาเป็นคนเสียสละประตูนั้นให้ยัง แต่ยังมีเรื่องราวเบื้องหลังมากกว่านั้นอีกเล็กน้อย
"ผมถามยังตอนที่เราได้ลูกตั้งเตะว่า 'เฮ้ ให้ฉันเป็นคนยิงลูกนี้ก็ได้นะ' แต่เขาตอบว่า 'ฉันจะจัดการเองวิค' แน่นอนนายทำได้! และมันเป็นประตูที่ดีมาก นายเจ๋งไปเลยเพื่อน"

เจ้าหนุ่มสวีดิชยังคงไม่ยอมแพ้ต่อโอกาสการได้ยิงฟรีคิกของเขา และคาดว่าเขาคงจะได้โอกาสอีกมากในอนาคต นอกจากฉายา "ไอซ์แมน" ลินเดอร์เลิฟยังถูกตั้งเป้าหมายให้เป็น "New Rio Ferdinand" ด้วย ซึ่งริโอก็เคยออกมาพูดถึงแบ็กชาวสวีดิชคล้ายกับที่มูริณโญ่เคยว่าไว้ เขาต้องการปรับตัวอีกมาก และต้องเรียนรู้ทักษะในเกมรุกมากกว่านี้ แต่นี่ก็คือ วิคเตอร์ ลินเดอร์เลิฟ ฉายาไอ้น้ำแข็ง แต่กลับมีรอยยิ้มที่หวานจนสาวๆใจสั่น และเขาพึ่งอายุ 23 เส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ของเขาพึ่งจะเริ่มต้น

"ตอนผมย้ายมา มีแฟนๆส่งข้อความมาเยอะแยะว่า ดีใจที่ผมมาร่วมทีม
ผมก็มีความสุขมากเช่นกันที่ได้มาอยู่ที่นี่
และผมก็หวังว่าพวกคุณจะรู้สึกสนุกกับมันด้วยที่มีผมที่นี่"
เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่ามันจะสุขไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
แต่อย่างน้อยในตอนนี้แฟนๆยูไนเต็ดก็ต้องดีใจแน่ๆที่มีเขาอยู่ในทีม
นี่คือเรื่องราวของหนุ่มสวีดิชผู้เย็นชาแต่อบอุ่นไปด้วยรอยยิ้ม
นืคือเรื่องราวของ Victor Lindelöf
ผมก็มีความสุขมากเช่นกันที่ได้มาอยู่ที่นี่
และผมก็หวังว่าพวกคุณจะรู้สึกสนุกกับมันด้วยที่มีผมที่นี่"
เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่ามันจะสุขไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
แต่อย่างน้อยในตอนนี้แฟนๆยูไนเต็ดก็ต้องดีใจแน่ๆที่มีเขาอยู่ในทีม
นี่คือเรื่องราวของหนุ่มสวีดิชผู้เย็นชาแต่อบอุ่นไปด้วยรอยยิ้ม
นืคือเรื่องราวของ Victor Lindelöf
แสดงความคิดเห็น
... ภูเขาน้ำแข็งแห่งสวีเดน Victor Lindelöf ชายผู้แสนเยือกเย็นและอ่อนน้อม ...
นี่คือเรื่องราวของ ภูเขาน้ำแข็งแห่งสวีเดน Victor Lindelof
หนุ่มสวีดิชใบหน้าจืดจางแต่มีเค้าของความแข็งแกร่งประดับอยู่บนใบหน้าที่จัดได้ว่าหล่อเหลา เขาสร้างเสียงฮือฮาด้วยการเป็นหนึ่งในบิ๊กดีลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคสมัยของโชเซ่ มูริณโญ่ ในรายชื่อของปราการหลังอันแข็งแกร่งที่โชเซอยากคว้ามาร่วมทีมในลิสต์ของนักเตะชุดล่าแชมป์ในฤดูกาลนี้ ด้วยวัยเพียง 23 ปีกับการเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาคว้าแชมป์ลีกส์ในโปรตุเกสกับเบนฟิก้ามาถึงสามสมัย ทำให้ชื่อของ Victor Lindelof นั้นอยู่ในอันดับต้นๆของรายชื่อ และคนแบบมูริณโญ่ไม่ชอบการรีรอ เมื่อนักเตะมีท่าที เขาต้องรีบคว้าไว้ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน
และแม้จะเข้าร่วมทีมด้วยใบการันตีแชมป์จากลีกสูงสุด อายุน้อย หน้าตาดี และถูกใจมูรินโญ่ แต่เส้นทางของลินเดอร์ลอฟ “เจ้าไอซ์แมน” มันไม่ได้ง่ายดายเลย เขาเป็นนักเตะต่างชาติอีกคนที่เจอพิษสงของฟุตบอลแดนผู้ดี เมื่อเขารับโอกาสได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ฟอร์มลุ่มๆดอนๆ ทั้งดีสุดขั้ว และ ชั่วสุดขีดสลับกันไป จนแฟนๆเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มของกองหลังวัย 23 ว่า เขาดีพอจะอยู่ทีมอย่างยูไนเต็ดจริงๆหรือ ในอังกฤษไม่มีอะไรง่าย ใครๆก็รู้
หลังจากโชว์ฟอร์มอันไม่น่าพอใจและเป็นจุดอ่อนในเกมรับหลายหน ลินเดอร์เลิฟก็ไม่อาจอาศัยความอ่อนน้อมถ่อมตัวเอาตัวรอดจากแฟนๆได้อีกต่อไป เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และแฟนบอลอังกฤษนั้นไม่มีคำว่าปราณีอยู่แล้ว บรรดาคำวิพากษ์รุนแรงถูกยกขึ้นมาอธิบายฟอร์มเขามากมาย แต่มูริณโญ่กลับไม่คิดว่าเขาผิดพลาดในการคว้าตัวลินเดอร์เลิฟมา
"เขายังอายุน้อย และการได้เล่นในสโมสรใหญ่ๆอย่างเบนฟิก้ามาก่อน สิ่งที่เขามีคือความมั่นใจในการเล่น แต่ที่อังกฤษนั้นต่างออกไปทั้งในด้านรูปแบบและคุณภาพ เพราะฉะนั้นเราจะให้เวลาเขาปรับตัว เวลาเป็นสิ่งที่นักเตะอายุน้อยทุกคนต้องการมัน"
ย้อนกลับไปในสวีเดน เมือง Västerås เมืองอุตสาหกรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในสวีเดน ผู้คนพลุกพล่าน มีสาธารณูปโภคมากมาย รวมทั้งบรรดาความนิยมในด้านกีฬาต่างๆ ทั้งไอซ์ฮอคกี้, เทนนิส, แบนดี้ และฟุตบอล ซึ่งอย่างหลัง เป็นกีฬาที่ หนุ่มน้อยนามวิคเตอร์ ลินเดอเลิฟเลือกเล่น แทนที่จะไถลตัวไปตามพื้นน้ำแข็งกับลูกบอลในกีฬายอดนิยมของเมือง เขากลับเลือกลุยโคลนบนผืนหญ้าแทน
ในวัย 14 ปีลินเดอเลิฟได้สังกัดสโมสรท้องถิ่น และได้ขึ้นเล่นในทีมใหญ่จริงจังในวัยเพียง 15 ปี อายุเท่านี้กับการได้เป็นตัวจริงในฟุตบอลดิวิชั่น 3 ในสวีเดนอาจไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร แต่ถ้าเขาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพาทีมได้เลื่อนชั้นอยู่ดิวิชั่น 2 ด้วยวัยเพียง 15 ปีมันก็อีกเรื่องหนึ่ง และ หลังจากโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจกับทีมในระดับแค่ดิวิชั่น 2 แต่ก็ไปต้องตาบรรดาสเก๊าแถบสแกนดิเนเวียนเข้าจนได้ เขาได้รับข้อเสนอให้ย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่อย่างเบนฟิก้า แต่เพราะอายุและประสบการณ์เขาจะได้ลงเล่นในทีมเยาวชนและทีม Benfica B ก่อน
หนุ่มน้อยตกลงและย้ายไปหาประสบการณ์ลูกหนังต่อในโปรตุเกส และที่นี่เขาก็สร้างความประหลาดใจกับผู้คนได้อีกครั้ง ด้วยการปรับตัวเพียงไม่ถึงปีในทีม B และได้รับโอกาสได้เล่นในทีมใหญ่ทันทีในฤดูกาล 2013-14 แม้ตำแหน่งการเล่นในตอนนั้นจะเป็นกองกลางก็ตาม แต่นั่นหมายความว่าเขามีตำแหน่งการเล่นที่หลากหลายนั่นเอง
อันโตนิโอ โอลิเวร่า หรือ "โตนี่" ปรมาจารย์ลูกหนังของโปรตุเกส ผู้เป็นทั้งตำนานทีมชาติและตำนานของเบนฟิก้า เคยกล่าวชมลินเดอร์เลิฟว่า เขาสร้างความประหลาดใจให้กับโตนี่มาก
"เขาทำให้ผมประหลาดใจมากที่ปรับตัวกับทีมได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้น เขาแข็งแกร่งและยิ่งแกร่งในลูกกลางอากาศ และยิ่งมุ่งมั่นรวมทั้งสุขุมอย่างมากในการตามตัวประกบของเขา เขาเตรียมพร้อมเสมอกับทุกๆโอกาสในเกมและพร้อมหยิบฉวยจากมันให้ได้มากที่สุด"
ลินเดอร์เลฟใช้โอกาสที่ได้รับตอนยังอยู่ทีมบีอย่างเต็มที่ ในที่สุดเขาก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมใหญ่ในฤดูกาล 2015-16 และโชว์ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ ความดุดันแต่ไม่ใช่ด้วยความรุนแรงในการป้องกันแนวรับเป็นสัญลักษณ์ของเขา ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์มากนักในเกม ความสงบเยือกเย็นจากสไตล์การเล่นทำให้เขาได้รับฉายา "Iceman" ไอ้น้ำแข็งผู้แสนเย็นเยือกจากแฟนๆ และไอ้น้ำแข็งคนนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการพาเบนฟิก้าฉลองแชมป์และป้องกันแชมป์ได้ด้วย ในแผนการเล่นแบบ แบคโฟร์ที่เขาถนัด
และรังสีความเยือกเย็นของเดอะไอซ์แมนไม่ใช่จำกัดให้เฉพาะแค่เกมอันดุเดือดกับสโมสร แต่เพราะความเยือกเย็นและแข็งแกร่งของเขา เขาจึงสวมปลอกแขนกัปตันทีมในทีมชาติชุดเยาวชนของสวีเดนด้วย
"เขามีภาวะผู้นำโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ด้วยการตะโกนสั่งคน แต่เป็นการแสดงตัวอย่างที่ดีให้เห็น" แคลส์ เอริกซอน ผู้จัดการทีมชาติสวีเดนชุด U19 พูดถึงภาวะผู้นำที่ทำให้ลินเดอร์เลิฟได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมตั้งแต่ยังอายุน้อยกว่านี้ และเอริกเซ่นมั่นใจว่า การย้ายไปยูไนเต็ดจะช่วยพัฒนาศักยภาพเขาให้สูงได้อีกมากแน่ๆ สิ่งที่เขาเก่งมากคือการควบคุมความกดดัน เขาจะผ่านแรงปะทะทั้งจากบนสนามและนอกสนามไปได้แน่ๆ