
นี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกค่ะ ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
เกริ่นยาวยาวววววก่อนไปขอผู้
เมื่อปลาย ต.ค. ที่ผ่านมา เรากับน้องสาวได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นทริปสั้นๆ มาค่ะ แรกเริ่มเดิมที ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเป็นทริปขอผู้เลย ตั้งใจว่าเป็นทริปพาน้องสาวไปเปิดประสบการณ์การขึ้นเครื่องบินและเที่ยวต่างประเทศ เพราะน้องสาวเพิ่งเริ่มทำงาน และงานของนางมีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องพาผู้ประกอบการในไทยไปออกงานต่างประเทศ แต่นางไม่มีประสบการณ์ในการไปต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบิน กรอกเอกสารต่างๆ และผ่าน ตม. เลย นางเลยขอให้พานางไปลองดู ตอนไปทำงานจะได้ไม่เอ๋อ
เรา : แล้วหนูลางานได้กี่วัน แม่จะได้เตรียมแพลนถูก (หลังจากแม่เสียเมื่อต้นปี น้องสาวเรียก เราว่าแม่ค่ะ)
น้อง : หนูยังไม่มีลาพักร้อนอ่ะแม่ น่าจะลาได้แค่ 1-2 วัน ใช้เป็นลาป่วยเอา
เรา: ถ้าหนูลางานไม่ได้ งั้นไปสิงคโปร์มั้ย ไปศุกร์เย็น กลับวันอาทิตย์ได้ ไม่ต้องลางาน
น้อง : หนูไม่อยากไปสิงคโปร์อ่ะ มันไม่มีอะไรให้ซื้อ
เรา : (อ่าวอินี่) แล้วหนูอยากไปไหน
น้อง : หนูอยากไปญี่ปุ่น
เรา : ห้ะ!! หนูจะไปญี่ปุ่นแค่ 4-5 วัน แค่เดินทางก็เสียไป 1-2 วันแล้วนะ มีเวลาเที่ยวแค่ 2-3 วันเอง คุ้มค่าตั๋วเหรอ ไปสิงคโปร์ก็พอม้าง
น้อง : (ย้ำ) หนูอยากไปญี่ปุ่นอ่าแม่
เรา : หนูจะมีเวลาเที่ยวน้อยมากนะ จะคุ้มค่าตั๋วเหรอ
น้อง : หนูถือเป็นค่าซื้อประสบการณ์ ไหนๆ ก็ต้องเสียตังแล้ว ก็อยากไปที่ๆ อยากไป ไม่ต้องเที่ยวเยอะก็ได้ พาหนูไปปล่อยร้าน 100 เยนพอ หนูจะไปกวาดของร้าน 100 เยนนนน นะแม่นะ ไปญี่ปุ่นกัน
สรุปว่าหวยมาออกที่ประเทศญี่ปุ่นแบบงงๆ เวลาน้อยแค่นี้คงต้องเป็นโตเกียวล่ะนะ เดินทางสะดวก ที่เที่ยวไม่ไกลกันมาก และมีแหล่งให้น้องซื้อของ ประกอบกับ เราเองเคยแบ็คแพ็คไปโตเกียวมาครั้งนึง น่าจะเสียเวลาหลงน้อยกว่าไปที่อื่น (เหรออออ) ว่าแล้วก็จัดการหาราคาตั๋ว+ที่พัก โดยตั้งงบไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ได้สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ต่อเครื่องที่โฮจิมินห์ (น้องจะได้มีประสบการณ์ต่อเครื่องด้วยเลย) พักที่ชินจุกุ 2 คืน นอนสนามบินโฮจิมินห์ตอนขากลับอีก 1 คืน ศิริ14,000 นิดๆ ไม่เกินงบ (จริงๆแบบถูกสุดคือประมาณ 12,000 กว่าบาท แต่เวลาไม่ค่อยโอเค มีเวลาเที่ยวน้อยลงไปอีก เลยยอมบวกเงินเพิ่ม) ตั้งใจว่าจะพานางไปเที่ยวตามแลนด์มาร์คต่างๆ เท่าที่พอทำได้
แต่............................
ไม่รู้ว่าฟ้าประทานหรือกลั่นแกล้ง วันหนึ่งเปิดไปเจอรีวิวศาลเจ้า HiKawa ที่ Kawagoe ที่พี่ม้ารีวิวไว้ (ขอกราบขอบพระคุณแทบแผงขนของพี่ม้า มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) ตามลิงค์นี้
https://pantip.com/topic/36718742 เห็นว่าไม่ไกลจากโตเกียว เลยส่งลิงค์ให้น้องสาวดู ได้เรื่องเลยค่ะทีนี้ เย็นนั้นนางกลับถึงบ้านปุ๊บ ก็รีบส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาเลย
"แม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ หนูรู้แล้วว่าจะไปเที่ยวอะไรที่ญี่ปุ่น หนูจะไปขอผู้!!!"
หลังจากนั้นนางก็จัดแจงหาขอมูลศาลเจ้าต่างๆ ที่ขึ้นชื่อด้านการขอพรเรื่องความรัก ส่งมาให้ เราเป็นหางว่าว ไอ้เราก็มีหน้าที่ตัดอันที่อยู่ไกลๆ ออก และพยายามจัดให้มันพอดีๆ กับเวลากระจิ๊ดริดที่มี
นั่นแหละค่ะ ทริปขอผู้จึงเริ่มต้นด้วยประการฉะนี้ รูปทั้งหมดในทริป ถ่ายจากกล้องมือถือ Samsung Galaxy S7 บวกฝีมือกากๆ บ้านๆ ของเราเองนะคะ ภาพทั้งหมดไม่ได้ปรับแต่งแต่อย่างใดค่ะ
เกริ่นมาซะยาวเลย ได้เวลาแล้วค่ะ ป่ะ! ไปขอผู้กัน!
วันแรก
เราขอข้ามขั้นตอนการเดินทางไปเลยนะคะ เพราะเราว่ามีคนรีวิวเยอะแล้ว เดี๋ยวจะเบื่อกัน แต่ขอแอบยืนยันว่าเกี้ยมอี๋หมูสับที่เลาน์จของ King Power กับบะหมี่เนื้อของสายการบินเวียดนามอร่อยสมคำร่ำลือค่ะ

ถึงโตเกียวประมาณ 8.00น. (ตามเวลาที่ญี่ปุ่น) หลังจากผ่าน ตม. และศุลกากรแล้ว ก็หาห้องน้ำรีบจัดการล้างหน้าแปรงฟัน เช็ดเนื้อเช็ดตัวกันก่อนค่ะ (ก่อนที่จะเน่าอีกทั้งวัน) แล้วก็ไปจัดแจงซื้อตั๋วรถเข้าเมืองกัน เนื่องจากคราวนี้เราเน้นเที่ยวในโตเกียว เราจึงใช้บริการของ Keisei skyliner เพื่อเข้าเมืองค่ะ เพราะเค้ามีแพ็คเกจขายพร้อมบัตรรถไฟใต้ดินแบบ 24/48/72 ชม. ด้วย เราเลือกซื้อแบบขาเข้าเมืองรอบเดียว + ตั๋วรถไฟใต้ดิน 72 ชม. ราคา 3,500 เยนค่ะ ที่ซื้อขาไปแค่รอบเดียว เพราะขากลับมีคูปองขึ้นรถบัสฟรีจากสถานีโตเกียวไปสนามบินนาริตะ ซึ่งคูปองนี้ได้จากการสมัครบัตร JMB ของเว็ปไซต์ Fun Japan สามารถใช้ขึ้นรถบัสรับส่งระหว่างสนามบินนาริตะ - สถานีโตเกียว ได้ 1 เที่ยวค่ะ เราเลยเลือกใช้ตอนขากลับ เพราะขาไปต้องรีบทำเวลา
รถ Keisei skyliner

บัตร Voucher Tokyo Shuttle Bus
หลังจากนั่งรถไฟมาลงที่อุเอโนะ แพลนตอนแรกคือจะฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์ในสถานีเคย์เซย์แล้วเที่ยวฝั่งอาซากุซะก่อน แล้วค่อยไปเช็คอินที่โรงแรมในชินจูกุ แต่เนื่องจากสายแล้ว ล็อคเกอร์ขนาดใหญ่เต็มทุกตู้เลยค่ะ ครั้นจะไปฝากความหวังที่สถานีอาซากุสะก็ริบหรี่ เลยตัดสินใจต่อรถไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเที่ยวแบบสบายๆ ดีกว่า (รู้งี้นั่ง NEX ไปลงชินจูกุเลยก็ดี แล้วค่อยซื้อบัตรรถใต้ดินแยกต่างหาก แต่พลาดแล้วช่างมัน ชีวิตต้องไปต่อค่ะ) จากสถานีอุเอโนะ ขึ้นรถไฟสายสีเทา Hibiya Line (H17) ไปลงอากิฮาบาระ (H15) แล้วเดินไปขึ้นสายสีเขียวอ่อน Shinjuku Line สถานี Iwamotocho (S08) ไปลงสถานีชินจูกุ (S01) แล้วไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม ทริปนี้เราพักกันที่ Shinjuku Prince Hotel ค่ะ ฝากกระเป๋าเสร็จแล้ว ไปลุยที่แรกกันค่ะ
ขอผู้ที่ 1 วัดอาซากุสะ
จากโรงแรมเดินกลับมาขึ้นรถไฟสายเดิม Shinjuku Line จากสถานีชินจูกุ (S01) ไปลงสถานี Bakuro-yokoyama (S09) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีชมพูอ่อน Asakusa Line สถานี Higashi-nihombashi (A15) ไปลงสถานี Asakusa (A18) ออกทางออกที่ 3
(ที่สถานีอาซากุสะทีรถใต้ดินผ่าน 2 สายนะคะ คือสายสีชมพูอ่อน Asakusa Line ที่นั่งมา กับสายสีส้ม Ginza Line สายสีส้มจากสถานีเดินไปวัดใกล้กว่าค่ะ แต่ถ้าเดินทางจากชินจูกุมันอ้อมกว่าประมาณ 10 นาที เลยเลือกเส้นทางที่มาสายสีชมพูแทนค่ะ) โผล่ออกมาจากสถานีก็บ่ายโมงกว่าแล้ว สองพี่น้องก็เริ่มหิว เพราะทานมื้อเช้าบนเครื่องมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า พอดีเราจำได้ว่าซอยข้างวัดมีร้าน Isomaru Suisan เลยได้ฝากท้องมื้อแรกไว้ที่ร้านนี้ค่ะ
มาร้านนี้ก็ต้อง Kani Miso กับ Hotate สินะคะ

Hotate ตัวใหญ่ หวานอร่อยจริงจัง

จานหลักค่ะ

ใกล้ๆ มีร้านสะดวกซื้อพอดี เลยได้ลองน้ำรสชานม อืมมมมมม เหมือนชานมจริงค่ะ
หลังจากฟาดของคาวแล้ว เราก็เดินไปยังประตูคามินาริ (Kaminari-mon) หาของหวานทานระหว่างเดินเข้าวัด จัดซอฟท์เสิร์ฟมันม่วง กับซาลาเปาทอดเข้าไป จุกเลยค่ะ 555



ไอศครีมมันม่วง หวานหอมดีค่ะ

ซาลาเปาทอด เราว่าเฉยๆ นะคะ

ร้านค้าสองข้างทางคนยังแน่นเหมือนเดิม มีทั้งทัวร์นานาชาติ และนักเรียนที่มาทัศนศึกษาด้วย เราก็ค่อยๆ แหวกประชาชนเข้าบริเวณวัด จัดการล้างมือล้างไม้ให้เรียบร้อย แล้วเข้าไปไหว้พระขอพรขอผู้กัน ที่วัดอาซากุซะนี่อาจจะไม่ได้โด่งดังเรื่องความรักซะทีเดียวนะคะ เน้นเรื่องขอให้ประสบความสำเร็จซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เคยได้ยินว่าเครื่องรางเรื่องความรักของที่นี่ก็แซ่บอยู่ เสียดายที่ไม่ได้ซื้อเครื่องรางของที่นี่มา แค่มาไหว้ขอพรเฉยๆ ถ้าใครมีโอกาสมาขอผู้ อย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือกลับมาด้วยก็ดีนะคะ



จากวัดอาซากุซะ เราจะเดินไปศาลเจ้าแมวกวักคู่ Imado กันค่ะ จากวัดอาซากุสะ เราเดินออกทางหลังวัดมาแวะจัดไอศครีมชาเชียวเจ้มจ้นกันก่อนค่ะ จากประตูหลังวัด เดินข้ามถนน แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ เราจัดความเข้มระดับ 5 มาค่ะเราว่ารสเข้มกำลังดี ใจจริงอยากลองรสโฮจิฉะด้วย แต่พุงตึงมากเพราะซอฟท์เสิร์ฟมันม่วง กับซาลาเปาทอดยังนอนสงบนิ่งอยู่ในกระเพาะ ส่วนน้องสาวนางอยากลองของ จัดระดับ 7 มา กินเข้าไปคำแรกถึงกับทำหน้าเบี้ยว บ่นว่ารสชาติขมเหมือนสบู่ 5555 แล้วก็ตักมาโปะให้เรารับผิดชอบร่วมกะนางซะงั้น ในร้านมีที่ให้ยืนทานนะคะ เค้ามีน้ำชาให้ทานล้างปากด้วย


ซัดไอศครีมแล้ว เดินดุ่ยๆ ตามแผนที่ไปยังศาลเจ้าแมวเหมียวกันค่ะ
ขอผู้ที่ 2 ศาลเจ้าแมวกวักคู่ Imado
ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องการขอคู่ครองค่ะ (ชื่อเค้าก็บอกว่าแมวกวักคู่อ่ะเนอะ) ไปถึงก็โยนเหรียญ สั่นกระดิ่ง ขอพรกัน



ด้านข้างมีขายเครื่องราง และเซียมซีค่ะ เซียมซีเป็นรูปนุ้งแมวด้วย น่ารักดีค่ะ คุณป้าที่ขายเครื่องรางใจดีมากๆ พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย นางพูด "สวัสดีค่า" แล้วยื่นขนมเซมเบ้มาให้ทานด้วย เรียกให้ชิมหลายรสเลยค่ะ สองศรีพี่น้องก็ตะกละชิมกะเค้าไปเรื่อย พลางถามว่าเครื่องรางแต่ละอันช่วยเรื่องอะไรบ้าง แฮ่!!



เซียมซีแมวเหมียว

รูปปั้นแมวคู่


ซื้อเครื่องรางและเซียมซีเสร็จแล้วก็เดินเล่นดูรอบๆ สักพักก็ระลึกได้ว่าเริ่มเย็นแล้ว เลยรีบออกไปยังอีกที่หมายนึงค่ะ
แก้ไขภาพกลับหัวกลับหางนะคะ
[รีวิว] Tokyo จ๋าาา พี่มาขอผู้
นี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกค่ะ ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
เกริ่นยาวยาวววววก่อนไปขอผู้
เมื่อปลาย ต.ค. ที่ผ่านมา เรากับน้องสาวได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นทริปสั้นๆ มาค่ะ แรกเริ่มเดิมที ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเป็นทริปขอผู้เลย ตั้งใจว่าเป็นทริปพาน้องสาวไปเปิดประสบการณ์การขึ้นเครื่องบินและเที่ยวต่างประเทศ เพราะน้องสาวเพิ่งเริ่มทำงาน และงานของนางมีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องพาผู้ประกอบการในไทยไปออกงานต่างประเทศ แต่นางไม่มีประสบการณ์ในการไปต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบิน กรอกเอกสารต่างๆ และผ่าน ตม. เลย นางเลยขอให้พานางไปลองดู ตอนไปทำงานจะได้ไม่เอ๋อ
เรา : แล้วหนูลางานได้กี่วัน แม่จะได้เตรียมแพลนถูก (หลังจากแม่เสียเมื่อต้นปี น้องสาวเรียก เราว่าแม่ค่ะ)
น้อง : หนูยังไม่มีลาพักร้อนอ่ะแม่ น่าจะลาได้แค่ 1-2 วัน ใช้เป็นลาป่วยเอา
เรา: ถ้าหนูลางานไม่ได้ งั้นไปสิงคโปร์มั้ย ไปศุกร์เย็น กลับวันอาทิตย์ได้ ไม่ต้องลางาน
น้อง : หนูไม่อยากไปสิงคโปร์อ่ะ มันไม่มีอะไรให้ซื้อ
เรา : (อ่าวอินี่) แล้วหนูอยากไปไหน
น้อง : หนูอยากไปญี่ปุ่น
เรา : ห้ะ!! หนูจะไปญี่ปุ่นแค่ 4-5 วัน แค่เดินทางก็เสียไป 1-2 วันแล้วนะ มีเวลาเที่ยวแค่ 2-3 วันเอง คุ้มค่าตั๋วเหรอ ไปสิงคโปร์ก็พอม้าง
น้อง : (ย้ำ) หนูอยากไปญี่ปุ่นอ่าแม่
เรา : หนูจะมีเวลาเที่ยวน้อยมากนะ จะคุ้มค่าตั๋วเหรอ
น้อง : หนูถือเป็นค่าซื้อประสบการณ์ ไหนๆ ก็ต้องเสียตังแล้ว ก็อยากไปที่ๆ อยากไป ไม่ต้องเที่ยวเยอะก็ได้ พาหนูไปปล่อยร้าน 100 เยนพอ หนูจะไปกวาดของร้าน 100 เยนนนน นะแม่นะ ไปญี่ปุ่นกัน
สรุปว่าหวยมาออกที่ประเทศญี่ปุ่นแบบงงๆ เวลาน้อยแค่นี้คงต้องเป็นโตเกียวล่ะนะ เดินทางสะดวก ที่เที่ยวไม่ไกลกันมาก และมีแหล่งให้น้องซื้อของ ประกอบกับ เราเองเคยแบ็คแพ็คไปโตเกียวมาครั้งนึง น่าจะเสียเวลาหลงน้อยกว่าไปที่อื่น (เหรออออ) ว่าแล้วก็จัดการหาราคาตั๋ว+ที่พัก โดยตั้งงบไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ได้สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ต่อเครื่องที่โฮจิมินห์ (น้องจะได้มีประสบการณ์ต่อเครื่องด้วยเลย) พักที่ชินจุกุ 2 คืน นอนสนามบินโฮจิมินห์ตอนขากลับอีก 1 คืน ศิริ14,000 นิดๆ ไม่เกินงบ (จริงๆแบบถูกสุดคือประมาณ 12,000 กว่าบาท แต่เวลาไม่ค่อยโอเค มีเวลาเที่ยวน้อยลงไปอีก เลยยอมบวกเงินเพิ่ม) ตั้งใจว่าจะพานางไปเที่ยวตามแลนด์มาร์คต่างๆ เท่าที่พอทำได้
แต่............................
ไม่รู้ว่าฟ้าประทานหรือกลั่นแกล้ง วันหนึ่งเปิดไปเจอรีวิวศาลเจ้า HiKawa ที่ Kawagoe ที่พี่ม้ารีวิวไว้ (ขอกราบขอบพระคุณแทบแผงขนของพี่ม้า มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) ตามลิงค์นี้ https://pantip.com/topic/36718742 เห็นว่าไม่ไกลจากโตเกียว เลยส่งลิงค์ให้น้องสาวดู ได้เรื่องเลยค่ะทีนี้ เย็นนั้นนางกลับถึงบ้านปุ๊บ ก็รีบส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาเลย
"แม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ หนูรู้แล้วว่าจะไปเที่ยวอะไรที่ญี่ปุ่น หนูจะไปขอผู้!!!"
หลังจากนั้นนางก็จัดแจงหาขอมูลศาลเจ้าต่างๆ ที่ขึ้นชื่อด้านการขอพรเรื่องความรัก ส่งมาให้ เราเป็นหางว่าว ไอ้เราก็มีหน้าที่ตัดอันที่อยู่ไกลๆ ออก และพยายามจัดให้มันพอดีๆ กับเวลากระจิ๊ดริดที่มี
นั่นแหละค่ะ ทริปขอผู้จึงเริ่มต้นด้วยประการฉะนี้ รูปทั้งหมดในทริป ถ่ายจากกล้องมือถือ Samsung Galaxy S7 บวกฝีมือกากๆ บ้านๆ ของเราเองนะคะ ภาพทั้งหมดไม่ได้ปรับแต่งแต่อย่างใดค่ะ
เกริ่นมาซะยาวเลย ได้เวลาแล้วค่ะ ป่ะ! ไปขอผู้กัน!
วันแรก
เราขอข้ามขั้นตอนการเดินทางไปเลยนะคะ เพราะเราว่ามีคนรีวิวเยอะแล้ว เดี๋ยวจะเบื่อกัน แต่ขอแอบยืนยันว่าเกี้ยมอี๋หมูสับที่เลาน์จของ King Power กับบะหมี่เนื้อของสายการบินเวียดนามอร่อยสมคำร่ำลือค่ะ
ถึงโตเกียวประมาณ 8.00น. (ตามเวลาที่ญี่ปุ่น) หลังจากผ่าน ตม. และศุลกากรแล้ว ก็หาห้องน้ำรีบจัดการล้างหน้าแปรงฟัน เช็ดเนื้อเช็ดตัวกันก่อนค่ะ (ก่อนที่จะเน่าอีกทั้งวัน) แล้วก็ไปจัดแจงซื้อตั๋วรถเข้าเมืองกัน เนื่องจากคราวนี้เราเน้นเที่ยวในโตเกียว เราจึงใช้บริการของ Keisei skyliner เพื่อเข้าเมืองค่ะ เพราะเค้ามีแพ็คเกจขายพร้อมบัตรรถไฟใต้ดินแบบ 24/48/72 ชม. ด้วย เราเลือกซื้อแบบขาเข้าเมืองรอบเดียว + ตั๋วรถไฟใต้ดิน 72 ชม. ราคา 3,500 เยนค่ะ ที่ซื้อขาไปแค่รอบเดียว เพราะขากลับมีคูปองขึ้นรถบัสฟรีจากสถานีโตเกียวไปสนามบินนาริตะ ซึ่งคูปองนี้ได้จากการสมัครบัตร JMB ของเว็ปไซต์ Fun Japan สามารถใช้ขึ้นรถบัสรับส่งระหว่างสนามบินนาริตะ - สถานีโตเกียว ได้ 1 เที่ยวค่ะ เราเลยเลือกใช้ตอนขากลับ เพราะขาไปต้องรีบทำเวลา
รถ Keisei skyliner
บัตร Voucher Tokyo Shuttle Bus
หลังจากนั่งรถไฟมาลงที่อุเอโนะ แพลนตอนแรกคือจะฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์ในสถานีเคย์เซย์แล้วเที่ยวฝั่งอาซากุซะก่อน แล้วค่อยไปเช็คอินที่โรงแรมในชินจูกุ แต่เนื่องจากสายแล้ว ล็อคเกอร์ขนาดใหญ่เต็มทุกตู้เลยค่ะ ครั้นจะไปฝากความหวังที่สถานีอาซากุสะก็ริบหรี่ เลยตัดสินใจต่อรถไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเที่ยวแบบสบายๆ ดีกว่า (รู้งี้นั่ง NEX ไปลงชินจูกุเลยก็ดี แล้วค่อยซื้อบัตรรถใต้ดินแยกต่างหาก แต่พลาดแล้วช่างมัน ชีวิตต้องไปต่อค่ะ) จากสถานีอุเอโนะ ขึ้นรถไฟสายสีเทา Hibiya Line (H17) ไปลงอากิฮาบาระ (H15) แล้วเดินไปขึ้นสายสีเขียวอ่อน Shinjuku Line สถานี Iwamotocho (S08) ไปลงสถานีชินจูกุ (S01) แล้วไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม ทริปนี้เราพักกันที่ Shinjuku Prince Hotel ค่ะ ฝากกระเป๋าเสร็จแล้ว ไปลุยที่แรกกันค่ะ
ขอผู้ที่ 1 วัดอาซากุสะ
จากโรงแรมเดินกลับมาขึ้นรถไฟสายเดิม Shinjuku Line จากสถานีชินจูกุ (S01) ไปลงสถานี Bakuro-yokoyama (S09) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีชมพูอ่อน Asakusa Line สถานี Higashi-nihombashi (A15) ไปลงสถานี Asakusa (A18) ออกทางออกที่ 3
(ที่สถานีอาซากุสะทีรถใต้ดินผ่าน 2 สายนะคะ คือสายสีชมพูอ่อน Asakusa Line ที่นั่งมา กับสายสีส้ม Ginza Line สายสีส้มจากสถานีเดินไปวัดใกล้กว่าค่ะ แต่ถ้าเดินทางจากชินจูกุมันอ้อมกว่าประมาณ 10 นาที เลยเลือกเส้นทางที่มาสายสีชมพูแทนค่ะ) โผล่ออกมาจากสถานีก็บ่ายโมงกว่าแล้ว สองพี่น้องก็เริ่มหิว เพราะทานมื้อเช้าบนเครื่องมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า พอดีเราจำได้ว่าซอยข้างวัดมีร้าน Isomaru Suisan เลยได้ฝากท้องมื้อแรกไว้ที่ร้านนี้ค่ะ
มาร้านนี้ก็ต้อง Kani Miso กับ Hotate สินะคะ
Hotate ตัวใหญ่ หวานอร่อยจริงจัง
จานหลักค่ะ
ใกล้ๆ มีร้านสะดวกซื้อพอดี เลยได้ลองน้ำรสชานม อืมมมมมม เหมือนชานมจริงค่ะ
หลังจากฟาดของคาวแล้ว เราก็เดินไปยังประตูคามินาริ (Kaminari-mon) หาของหวานทานระหว่างเดินเข้าวัด จัดซอฟท์เสิร์ฟมันม่วง กับซาลาเปาทอดเข้าไป จุกเลยค่ะ 555
ไอศครีมมันม่วง หวานหอมดีค่ะ
ซาลาเปาทอด เราว่าเฉยๆ นะคะ
ร้านค้าสองข้างทางคนยังแน่นเหมือนเดิม มีทั้งทัวร์นานาชาติ และนักเรียนที่มาทัศนศึกษาด้วย เราก็ค่อยๆ แหวกประชาชนเข้าบริเวณวัด จัดการล้างมือล้างไม้ให้เรียบร้อย แล้วเข้าไปไหว้พระขอพรขอผู้กัน ที่วัดอาซากุซะนี่อาจจะไม่ได้โด่งดังเรื่องความรักซะทีเดียวนะคะ เน้นเรื่องขอให้ประสบความสำเร็จซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เคยได้ยินว่าเครื่องรางเรื่องความรักของที่นี่ก็แซ่บอยู่ เสียดายที่ไม่ได้ซื้อเครื่องรางของที่นี่มา แค่มาไหว้ขอพรเฉยๆ ถ้าใครมีโอกาสมาขอผู้ อย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือกลับมาด้วยก็ดีนะคะ
จากวัดอาซากุซะ เราจะเดินไปศาลเจ้าแมวกวักคู่ Imado กันค่ะ จากวัดอาซากุสะ เราเดินออกทางหลังวัดมาแวะจัดไอศครีมชาเชียวเจ้มจ้นกันก่อนค่ะ จากประตูหลังวัด เดินข้ามถนน แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ เราจัดความเข้มระดับ 5 มาค่ะเราว่ารสเข้มกำลังดี ใจจริงอยากลองรสโฮจิฉะด้วย แต่พุงตึงมากเพราะซอฟท์เสิร์ฟมันม่วง กับซาลาเปาทอดยังนอนสงบนิ่งอยู่ในกระเพาะ ส่วนน้องสาวนางอยากลองของ จัดระดับ 7 มา กินเข้าไปคำแรกถึงกับทำหน้าเบี้ยว บ่นว่ารสชาติขมเหมือนสบู่ 5555 แล้วก็ตักมาโปะให้เรารับผิดชอบร่วมกะนางซะงั้น ในร้านมีที่ให้ยืนทานนะคะ เค้ามีน้ำชาให้ทานล้างปากด้วย
ซัดไอศครีมแล้ว เดินดุ่ยๆ ตามแผนที่ไปยังศาลเจ้าแมวเหมียวกันค่ะ
ขอผู้ที่ 2 ศาลเจ้าแมวกวักคู่ Imado
ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องการขอคู่ครองค่ะ (ชื่อเค้าก็บอกว่าแมวกวักคู่อ่ะเนอะ) ไปถึงก็โยนเหรียญ สั่นกระดิ่ง ขอพรกัน
ด้านข้างมีขายเครื่องราง และเซียมซีค่ะ เซียมซีเป็นรูปนุ้งแมวด้วย น่ารักดีค่ะ คุณป้าที่ขายเครื่องรางใจดีมากๆ พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย นางพูด "สวัสดีค่า" แล้วยื่นขนมเซมเบ้มาให้ทานด้วย เรียกให้ชิมหลายรสเลยค่ะ สองศรีพี่น้องก็ตะกละชิมกะเค้าไปเรื่อย พลางถามว่าเครื่องรางแต่ละอันช่วยเรื่องอะไรบ้าง แฮ่!!
เซียมซีแมวเหมียว
รูปปั้นแมวคู่
ซื้อเครื่องรางและเซียมซีเสร็จแล้วก็เดินเล่นดูรอบๆ สักพักก็ระลึกได้ว่าเริ่มเย็นแล้ว เลยรีบออกไปยังอีกที่หมายนึงค่ะ
แก้ไขภาพกลับหัวกลับหางนะคะ