
สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้มาหลายครั้ง ซึ่งผมก็มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าดูพอสมควร สัปดาห์นี้มีโอกาสก็เลยจัดซะหน่อย ภาพยนตร์อาชญากรรม/ลึกลับนอกกระแส ( ในบ้านเรา ) เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงในสหรัฐอเมริกาที่หญิงสาวชาวอินเดียนแดงได้หายตัวไปหลายรายโดยไม่ทราบสาเหตุ เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง เทเลอร์ เชอริดาน( Sicario (2015) , Hell or High Water (2016) ) นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดัง เจเรมี่ เรนเนอร์ ร่วมด้วย เอลิซาเบธ โอลเซ่น , เกรแฮม กรีน และ กิล เบอร์มิงแฮม

หนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปริศนาของเหตุฆาตกรรมหญิงสาวชาวอินเดียนแดงที่เธอได้เสียชีวิตอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บในวินด์ริเวอร์เขตสงวนของชาวอินเดียนแดงรัฐไวโอมิ่ง โดยผู้ที่พบศพของเธอเป็นคนแรกก็คือ คอรี่( เรนเนอร์ ) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของเขตสงวนในระหว่างที่เขากำลังตามล่าสิงโตอยู่ เขาจึงวิทยุไปหา เบน ( กรีน ) หัวหน้าตำรวจชาวอินเดียนแดงในเขตสงวน เบนจึงเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับ เจน( โอลเซ่น ) FBI หน้าใหม่ที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลคดีนี้ และเนื่องจากเหตุขัดข้องทางกฎหมายในบางประการจึงทำให้เจนไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากส่วนกลางได้ทำให้เธอต้องทำงานเพียงลำพังโดยมีเพียงตำรวจท้องถิ่นเท่านั้นที่ช่วยเหลือ เธอจึงขอให้คอรี่มาช่วยในการตามล่าหาตัวฆาตกร เนื่องจากคอรี่มีความชำนาญในพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
ในการดำเนินเรื่องของเรื่องนี้ในช่วงแรกถึงกลางเรื่องนั้นคนดูจะต้องทำใจเย็นๆ พอสมควร เนื่องจากว่ามันค่อนข้างจะเดินเรื่องไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าการเชื่องช้านั้นจะเป็นไปอย่างมีความหมายซึ่งจะเป็นการปูเรื่องให้เราค่อยๆ ทำความรู้จักกับตัวละครหลักของเรื่องอย่างคอรี่ ว่าเขามีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร นอกจากนั้นยังพาเราซึมซับดื่มด่ำไปกับความรู้สึกภายในจิตใจของตัวละครแต่ละตัว เรียกได้ว่าไม่หวือหวาแต่ทรงพลัง อีกทั้งเมื่อประกอบเข้ากับเพลงบรรเลงที่เป็นเสียงไวโอลิน มันช่างบีบคั้นหัวใจสุดๆ ราวกับว่าเราเองก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปพร้อมกับตัวละครนั้นด้วย ในส่วนของสถานที่ถ่ายทำนั้นผู้กำกับได้เลือกสถานที่ที่สามารถสร้างบรรยากาศให้คนดูได้มีความรู้สึกว่าหนาวเหน็บไปพร้อมกับตัวละครด้วย ทั้งเรื่องมองไปไหนก็เจอแต่หิมะยิ่งประกอบเข้ากับเนื้อเรื่องแล้วทำให้นึกว่าไปอยู่ที่ไวโอมิ่งด้วยเลย ส่วนฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้มีไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ทำได้สมจริงมากๆ และสามารถทำให้เราได้มีความรู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นไปด้วย

สำหรับการแสดงของตัวละครแต่ละตัวนั้น เริ่มที่ตัวละครหลักของหนังอย่าง คอรี่ โดย เรนเนอร์ ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่เรนเนอร์แสดงได้ดีที่สุดเท่าที่ผ่านมา เราสามารถสลัดภาพลักษณ์ของจ่าบ้าระห่ำผู้คลั่งสงครามใน The Hurt Locker(2008) หรือ ฮอว์คอาย สมาชิก The Avengers ไปเลย เรื่องนี้เขาแสดงให้เราได้เห็นถึงชายผู้ผ่านความสูญเสียที่มีความเศร้าอยู่ภายในจิตใจที่มีร่องรอยปรากฏออกมาทางสายตา เขานั้นเลือกที่จะยอมรับที่จะอยู่กับมันแทนที่จะหาทางออกเหมือนกับคนอื่นๆ ที่อาจจะหันหน้าเข้าหาเหล้า หรือยาเสพติด อีกทั้งเขายังแสดงให้คนอื่นๆ ได้เห็นว่าเขาสามารถเข้าอกเข้าใจผู้นั้นอย่างแท้จริงแลดูเป็นคนอบอุ่นสามารถเป็นที่พึ่งได้ นอกจากนั้นเขายังสวมบทเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้เชี่ยวชาญการแกะรอยและการตามล่าได้อย่างแนบเนียนดูสมจริงมากๆ ในส่วนการแสดงของ โอลเซ่น ในบทของ เจน แบนเนอร์ FBI สาวนั้น เธอเล่นได้ดีเหมาะสมมาก ทำให้เราสามารถเข้าใจได้เลยว่าเธอเป็นมือใหม่ที่ไม่ค่อยจะเข้าใจในสถานการณ์เท่าไหร่ ดูไปก็แอบอมยิ้มไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราต้องทึ่งก็คือความตั้งอกตั้งใจและทุ่มเทให้กับงาน แม้จะนำตัวเข้าไปเสี่ยงมากเท่าไหร่เธอก็ไม่หวั่นเรียกว่าใจเกินร้อย ในส่วนของ เบน หัวหน้าตำรวจชาวอินเดียนแดงที่แสดงโดย กรีน แกเล่นได้ดูอบอุ่นนะ แม้ว่าแกจะเป็นตำรวจที่ไม่ได้มีไฟแรงเหมือนหนุ่มๆ แต่ก็เป็นที่ปรึกษาให้กับเจนได้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหนก็พร้อมไปด้วยเสมอ อีกคนที่ผมค่อนข้างชอบก็คือ มาร์ติน พ่อของเด็กสาวที่ถูกฆาตกรรม แสดงโดย เบอร์มิงแฮม แม้จะปรากฏตัวไม่มากเท่าไรนักในเรื่องแต่ก็สร้างความจดจำให้กับเราได้พอสมควร โดยเฉพาะตอนที่ เจน ได้ไปสอบปากคำและมีการต่อปากต่อคำกันได้สนุก และฉากที่แสดงอารมณ์เศร้าอย่างสุดขั้วหัวใจที่ทำให้เราแทบจะร้องไห้ตามไปด้วย แถมในตอนท้ายๆ แอบมีปล่อยมุกเรียกเสียงหัวเราะได้ประปราย
ต้องยอมรับครับว่าหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเรียลมากๆ คือแสดงได้เหมือนเหตุการณ์จริงๆ สมจริงในทุกฉากทุกอารมณ์ หนังเรื่องนี้ได้แสดงให้เราเห็นถึงความทุกข์ความเจ็บปวดที่ครอบครัวของเหยื่อต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปตลอดกาล ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้เพียงแค่ยอมรับกับความสูญเสียและทนอยู่กับความเจ็บปวดให้ได้ หรืออีกทางเลือกนึงคือการหลีกหนีไปจากความเจ็บปวดนั้น ผมให้คะแนน 8.5 เต็ม 10 ครับ หักตรงที่ช่วงแรกชวนง่วงไปหน่อย กับการเฉลยเหตุการณ์ที่ให้ความรู้สึกว่า เอากันให้เห็นโต้งๆ แบบนี้เลยนะ น่าจะมีปริศนาสักนิดนึงสิ ประมาณนี้ครับ คอหนังดราม่าหนักๆ แนะนำให้ดูเลยครับห้ามพลาดเด็ดขาด น่าแปลกใจครับที่รอบฉายขอหนังเรื่องนี้มีน้อย อาจจะค่อนข้างนอกกระแส ใครที่อยากจะดูหนังดีๆ สักเรื่องให้รีบดูครับ ผมว่ารอบฉายน้อยขนาดนี้( วันนึงฉายโรงเดียว 4 รอบ ) ไม่นานอาจจะออกจากโรงครับ

การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/cineman95/ ขอบคุณครับ
[CR] [Review] Wind River (2017) ล่าเดือด เลือดเย็น
สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้มาหลายครั้ง ซึ่งผมก็มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าดูพอสมควร สัปดาห์นี้มีโอกาสก็เลยจัดซะหน่อย ภาพยนตร์อาชญากรรม/ลึกลับนอกกระแส ( ในบ้านเรา ) เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงในสหรัฐอเมริกาที่หญิงสาวชาวอินเดียนแดงได้หายตัวไปหลายรายโดยไม่ทราบสาเหตุ เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง เทเลอร์ เชอริดาน( Sicario (2015) , Hell or High Water (2016) ) นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดัง เจเรมี่ เรนเนอร์ ร่วมด้วย เอลิซาเบธ โอลเซ่น , เกรแฮม กรีน และ กิล เบอร์มิงแฮม
หนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปริศนาของเหตุฆาตกรรมหญิงสาวชาวอินเดียนแดงที่เธอได้เสียชีวิตอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บในวินด์ริเวอร์เขตสงวนของชาวอินเดียนแดงรัฐไวโอมิ่ง โดยผู้ที่พบศพของเธอเป็นคนแรกก็คือ คอรี่( เรนเนอร์ ) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของเขตสงวนในระหว่างที่เขากำลังตามล่าสิงโตอยู่ เขาจึงวิทยุไปหา เบน ( กรีน ) หัวหน้าตำรวจชาวอินเดียนแดงในเขตสงวน เบนจึงเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับ เจน( โอลเซ่น ) FBI หน้าใหม่ที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลคดีนี้ และเนื่องจากเหตุขัดข้องทางกฎหมายในบางประการจึงทำให้เจนไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากส่วนกลางได้ทำให้เธอต้องทำงานเพียงลำพังโดยมีเพียงตำรวจท้องถิ่นเท่านั้นที่ช่วยเหลือ เธอจึงขอให้คอรี่มาช่วยในการตามล่าหาตัวฆาตกร เนื่องจากคอรี่มีความชำนาญในพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
ในการดำเนินเรื่องของเรื่องนี้ในช่วงแรกถึงกลางเรื่องนั้นคนดูจะต้องทำใจเย็นๆ พอสมควร เนื่องจากว่ามันค่อนข้างจะเดินเรื่องไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าการเชื่องช้านั้นจะเป็นไปอย่างมีความหมายซึ่งจะเป็นการปูเรื่องให้เราค่อยๆ ทำความรู้จักกับตัวละครหลักของเรื่องอย่างคอรี่ ว่าเขามีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร นอกจากนั้นยังพาเราซึมซับดื่มด่ำไปกับความรู้สึกภายในจิตใจของตัวละครแต่ละตัว เรียกได้ว่าไม่หวือหวาแต่ทรงพลัง อีกทั้งเมื่อประกอบเข้ากับเพลงบรรเลงที่เป็นเสียงไวโอลิน มันช่างบีบคั้นหัวใจสุดๆ ราวกับว่าเราเองก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปพร้อมกับตัวละครนั้นด้วย ในส่วนของสถานที่ถ่ายทำนั้นผู้กำกับได้เลือกสถานที่ที่สามารถสร้างบรรยากาศให้คนดูได้มีความรู้สึกว่าหนาวเหน็บไปพร้อมกับตัวละครด้วย ทั้งเรื่องมองไปไหนก็เจอแต่หิมะยิ่งประกอบเข้ากับเนื้อเรื่องแล้วทำให้นึกว่าไปอยู่ที่ไวโอมิ่งด้วยเลย ส่วนฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้มีไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ทำได้สมจริงมากๆ และสามารถทำให้เราได้มีความรู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นไปด้วย
ต้องยอมรับครับว่าหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเรียลมากๆ คือแสดงได้เหมือนเหตุการณ์จริงๆ สมจริงในทุกฉากทุกอารมณ์ หนังเรื่องนี้ได้แสดงให้เราเห็นถึงความทุกข์ความเจ็บปวดที่ครอบครัวของเหยื่อต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปตลอดกาล ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้เพียงแค่ยอมรับกับความสูญเสียและทนอยู่กับความเจ็บปวดให้ได้ หรืออีกทางเลือกนึงคือการหลีกหนีไปจากความเจ็บปวดนั้น ผมให้คะแนน 8.5 เต็ม 10 ครับ หักตรงที่ช่วงแรกชวนง่วงไปหน่อย กับการเฉลยเหตุการณ์ที่ให้ความรู้สึกว่า เอากันให้เห็นโต้งๆ แบบนี้เลยนะ น่าจะมีปริศนาสักนิดนึงสิ ประมาณนี้ครับ คอหนังดราม่าหนักๆ แนะนำให้ดูเลยครับห้ามพลาดเด็ดขาด น่าแปลกใจครับที่รอบฉายขอหนังเรื่องนี้มีน้อย อาจจะค่อนข้างนอกกระแส ใครที่อยากจะดูหนังดีๆ สักเรื่องให้รีบดูครับ ผมว่ารอบฉายน้อยขนาดนี้( วันนึงฉายโรงเดียว 4 รอบ ) ไม่นานอาจจะออกจากโรงครับ
การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/cineman95/ ขอบคุณครับ