ผม และกรรมของเขา 4.ตอน พระผู้ให้ชีวิต

ผมจบตอน รอยสักอาคมเอาไว้ ตรงที่ ผมนอนสลบและได้ยินเสียงผีอิสลาม

ครับ เขาว่าผมไม่น่ารอดมาได้เลย ขนาดผียังชมเชยความเข้มแข็ง ตายยากของผม คุณพอจะนึกออกมั้ย? บางที ผีก็ตรงไปตรงมากับผมดีนะครับ ไอ้ที่ว่าผีหลอกผมเนี่ย ผมไม่ค่อยได้พบสักเท่าไร แต่คนหลอกผมเนี่ย เยอะ...5555 ครับ นอนสลบหลังจากโดนเอาคืนจากการพาตัวเองไปวัดพระแก้ว ทำให้ผมฮึดสู้ ที่จะพาตัวเองไปวัดพระแก้วอีก ครั้งต่อมาในการไปวัดพระแก้ว มันลำบากกว่าเดิมอีกนะครับ

มันมีอาการง่วงมาก เหมือนคุณโดนรมยาสลบ (ผมเคยผ่าตัดตอนเด็กๆยังจำได้ดีครับ ว่าการโดนวางยาสลบเป็นยังงัย) ผมฝืนลากซาก(ร่างกาย)ของผมขึ้นรถแท็กซี่ ฝืนอาการง่วงอย่างทรมาน ผ่านไปได้ครับ พอเข้าเขตวัดก็เหมือนเดิม คือ หายเป็นปลิดทิ้ง นั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิ เบิกบานใจในเวลาที่วัดพระแก้วเปิดให้เข้าชม และครับ พอขาก้าวออกจากวัดพระแก้วเท่านั้น ความเจ็บปวดแสนสาหัสก็เข้าจู่โจมผมทันที ผมมีความสุขมากครับ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ผมรอดพ้นจากสิ่งที่รังควานผม มันเหมือนชีวิตที่ต้องแลกเอา สุขชั่วคราวและออกมาเผชิญกับความจริงที่สุดยอดแห่งการทรมาน กลับมาวันที่ 2 ผมก็ได้รับการลงโทษเพิ่มครับ คือ อ้วกจนน้ำย่อยออกมา อ้วกเป็นสีเขียวๆล่ะครับ และอ้วกทุกๆ 30 นาที กินน้ำก็อ้วกครับ หรือจะขับของไม่ดีออกจากร่างของผมก็ไม่ทราบ แต่ไม่มีอะไรจะมาหยุดให้ผมไปวัดพระแก้วได้อีกแล้ว การนั่งแท็กซี่นั้น มันคงเป็นอะไรที่ทำได้ ไม่กี่ครั้ง เพราะงบน้อยมาก ผมเลือกจะขึ้นเรือไปครับ ก็อ้วกตรงโป๊ะนั่นแหละ ให้อาหารปลาไปด้วย (ใจบุญมั้ยครับ) ผมทานข้าวไม่ได้แล้ว ทานได้แต่แอมเวย์และผลไม้ประเภท แตงโม น้ำหวาน ที่เพิ่มเติมคืออาการปวดกระดูกเหมือนคนรุมซ้อมผมนั่นแหละ ปวดมากในตอนขาไป หายใจก็ไม่ออกครับ เรียกว่า ยิ่งไปก็ยิ่งเพิ่มอาการ ผมพกยาดมเป็น 10 หลอด ทังทา ทั้งดม เผื่อหาย ยังงัยผมต้องไปให้ได้ จนวันนึง ผมก็ไปนั่งสมาธิตามเคย

แต่คราวนี้ ผมแปลกใจตรงที่ ผมได้ยินเสียง พูดบอกผมว่า ให้เอาหนังสือสวดมนต์ ไปให้พี่ผู้ชายคนนึงที่นั่งสมาธิอยู่ ผมเฉยไม่ต่อต้าน ไม่สนใจ นั่งอยู่สักพัก มีอาการเหมือนมีพัดลมหมุนในอกครับ พัดลมทอร์นาโด หมุนๆๆๆๆ ผมหายใจไม่ออก และก็คล้ายคนจะเป็นลม มันทรมานมากๆ เหงื่อแตกจนเหงื่อไหลนองพื้นตรงที่ผมนั่งไปหมด ผมอดทน จนทนไม่ได้แล้วล่ะ จึงตั้งใจว่าจะเดินออกจากประตูโบสถ์ไปเลย พอลุกขึ้นเดินบริเวณที่พี่เขานั่งอยู่เท่านั้น เข่าผมทรุดพับลงเลยครับ มันเหมือนโดนคนเตะข้อพับ ล้มเข่ากระแทกพื้น เสียงดังจนคนมอง พี่ผู้ชายคนนั้นก็ออกจากสมาธิมามองผม แล้วถามผมว่า มีอะไรจะคุยกับพี่เขามั้ย? ผมอึ้งไปหลายอึดใจ ผมกลัวเขาว่าผมบ้าครับ ก็อึกๆ อัก ยกมือไหว้พี่เขา บอกว่า มีอะไรดลใจผมให้ผมมอบหนังสือเล่มนี้ให้พี่ ผมกลัวพี่ว่าผมบ้า แต่ พี่ครับ ถือว่าสงสารเมตตาผมนะครับ รับไปเถอะครับ หนังสือนี้ขอมอบให้พี่นะครับ เขาลุกขึ้น ให้ผมเดินตามเขาออกไปคุยข้างนอก และถือโอกาสกลับบ้านด้วย

เขาถามผม เหมือนยั่งเชิง ว่า ผมมีอะไรพวกนี้ นานรึยัง? ได้ยินเสียงนี่เป็นยังงัย? เป็นมานาน หรือว่าเพิ่งเป็น ผมก็ตอบไป และก็เล่าๆให้พี่เขาฟังครา่าวๆว่า ผมเจออะไรบ้าง คำถามเด็ดที่พี่เขาถาม คือ คิดว่าเคยเจอเขามาก่อนรึปล่าว? ผมอึ้งๆ เพราะผมเพิ่งจะคิดว่า ผมเคยเจอเขามาก่อน แต่ไม่ใช่ชาตินี้ และพี่เขาบอกว่า อยู่ในเขตวัดพระแก้ว ห้ามโกหกเขา ผมก็บอกไปตามที่รู้สึกแหละครับ ตรงไปตรงมา เล่าๆไป พี่เขาจึงบอกว่า เขาชื่อ พี่ชาติ เขาชอบไปวัดปฏิบัติภาวนา ตอนที่อยู่ในอุโบสถวัดพระแก้วนั้น เขาก็อยากจะกลับบ้านแล้ว แต่เหมือนยังกลับไม่ได้ ต้องรออะไรบางอย่าง นั่นก็คือ รอผมนั่นเอง พอผมเดินมาล้ม เขาก็รู้ทันทีว่า ผมคือคนที่พี่ชาติต้องมาให้ความช่วยเหลือ ฟังตรงนี้ดูดีแล้วใช่มั้ยครับ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมไม่ชอบเป็นภาระของใคร จริงที่อยู่ที่ผมค่อนข้างตื่นเต้นตรงที่พี่เขาปฏิบัติ มีอะไรที่ชวนน่าศึกษา แต่การที่ฟังว่าเขาต้องมาช่วยเหลือผม ผมฟังแล้ว วูบตรงที่ว่า ผมกำลังพาเขาเดือดร้อนแน่ๆ พี่เขาเดินคุยกับผมไป ก็บอกว่า เขาสัมผัสถึงสิ่งที่ไม่ดีในตัวของผมได้ จนเขาให้เบอร์โทรผม เพื่อที่ว่าหากมีปัญหาอะไรให้โทรหาเขาทันที แปลกนะครับ คนไม่เคยรู้จักกันเลย เขากลับจะช่วยเหลือผม เป็นสิ่งที่ดีที่ผมได้รับในตอนนั้น พอขึ้นรถ พี่เขาโทรหาผม ถามคำถามอะไรอีก ผมก็จำไม่ค่อยได้นัก แต่เป็นประมาณการลองเชิง ว่าผมเห็นอะไร รู้สึกว่า เป้นยังงัย และจบลงตรงที่ว่า พี่ชาติบอกว่า ผมมีของเก่าเยอะ ...แต่กรรมมากเหลือคณา 55555 ผมฟังคำว่า ของเก่า และกรรม ตอนนั้น ยังเด็ก ก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันคืออะไร ของเก่าที่ว่า กรรมเนี่ยพอเข้าใจว่า เป็นเรื่องร้ายๆในชีวิตของผม นั่นล่ะ

ผมกลับมาที่ห้อง ก็ปวดหัวสุดทรมานเลยครับ ทรมานจนเขาหัวโขกข้างฝาอีกแล้ว แต่คราวนี้ เขาเหมือนลงโทษผม ให้ผมรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น ผมปวดในลูกตาและปวดหัว ยังไม่พอ อ้วกเป็นสีเขียวๆ ออกมาทุก 15 นาที และก็ปวดกระดูกมาก จะนอนก็นอนไม่ได้ กอดโถส้วมเพื่อนรักเอาไว้อย่างเหนียวแน่น สรุปว่า วันที่ได้พบกับพี่ชาติครั้งแรก ผมต้องนอนในห้องน้ำครับ ตื่นมาก็ลากตัวเองขึ้นเตียง พร้อมๆกับสำรวจตัวเอง ตอนอาบน้ำว่า ผมมีรอยช้ำที่บริเวณชายโครง หลัง และที่ขา เหมือนถูกตีด้วยของแข็ง ล่ะครับ มันเป็นสีเขียวม่วงๆ วันนั้นผมก็ไม่ได้ออกจากห้องเลย เพราะไม่มีแรง วันนั้นพี่ชาติโทรหาผม เพื่อนัดเจอผม เขาถามลองเชิงผม ว่า เขาจะมอบบางอย่างให้ผม ให้ผมดูว่า เขาจะให้อะไรผม ตอนนั้น ผมก็ตอบประมาณว่า อะไรบางอย่างสีน้ำตาล ดำๆ เหมือนหนังสือนะพี่ พี่เขาชอบถามประมาณนี้กับผมครับ ผมก็ตอบไปไม่คิดอะไรหรอก อีกหลายวันที่นัดเจอกัน พี่ชาติก็เอาถุงให้ผมเลือกจับ ว่าอันไหนที่เขาจะมอบให้ผม อยากรู้ว่าผมจะเลือกถูกรึปล่าว? และข้างในถุงเป็นอะไร พี่เขาก็ทดสอบผมอีก ผมเลือกถูกครับ ตอบถูก ว่าเป้ฯหนังสือ ผมจับถุงแล้วร้องไห้เลยล่ะครับ เปิดออกดู เป็นหนังสือ เกจิท่านนึงที่มรณะภาพไปนานแล้ว น้ำตาผมไหลพรากเลย ผมไม่ได้เข้าใจอะไรหรอกครับ พี่ชาติก็อธิบายว่า ผมคงมีสายสัมพันธ์ กับครูบาอาจารย์ ท่านเมตตา จึงดลใจให้พี่ชาตินำมาให้ผมโดยเร็ว พี่ชาติให้ผมภาวนา นั่งสมาธิครับ และเล่าว่าวันที่เจอผม พี่ชาติมีอาการปวดหัวและปวดขามาก เมือ่กลับถึงบ้าน ผมได้แต่ไม่สบายใจมาก ถึงมากที่สุด ฟังพี่ชาติอีกสักพักก็ขอตัวกลับห้อง

วันนั้น พอผมกลับเข้าห้องมา ผมก็นำหนังสือพระขึ้นมาอ่าน แล้วก็ปวดหัว อ้วก และปวดตัวทรมานแบบเดิมๆ อาจจะมีอาการรุนแรงตรงที่ อ้วกจนเส้นประสาทที่หัวตีกัน อ้วกรุนแรงน่ะครับ เส้นประสาทตามันไม่ประสานกัน เวียนหัว และผมเจ็บปวดมากมากเสียจนเอาหัวโขกกำแพงห้องน้ำ หูได้ยินเสียง ทีวีบอกว่า วันนี้วันพระ และเป็ฯวันมาฆบูชา ผมนั่งกอดโถส้วมเพื่อนรักด้วยความรู้สึก หมดอาลัยตายอยากในชีวิตแล้วล่ะครับ หลายเดือนแล้วที่ผมเป็นแบบนี้ ผมไปรักษาหมอก็ไปนะครับ แต่หมอไม่ได้พบอะไรเลย หมอฉีดยาให้ผม 1 เข็ม ให้ผมหายเจ็บ และก็ แสกนดูหัวของผม MRI ก็ทำนะครับ จนมาถึงวันนั้นล่ะ ที่ผมหมดแล้ว ผมลากซาก(ร่าง)คลานไปหยิบหนังสือที่ได้รับจากพี่ชาติมากอดไว้ ในห้องน้ำ หยิบคัตเตอร์ที่ซื้อมาใหม่ๆ มาแกะเอาคัตเตอร์มาวางข้างตัว ผมก้มลงกราบพระ พ่อแม่ และญาติผู้มีพระคุณ ระลึกย้อนวันเวลาที่ผ่านมาในชีวิตทั้งหมดจนนาทีนี้ของผม ความเจ็บปวดทรมานอย่างสาหัสของผม ผมตัดมันออกไป แล้วยิ้มให้กับตัวเอง คิดถึงพระแก้ว พระประธาน หลวงปู่ต่างๆ กราบลาพ่อแม่ ขออภัยทุกท่าน และขอไม่จองเวรแก่ผู้ใด แล้วหยิบคัตเตอร์มาจรดตรงที่ข้อมือ คิดว่า จะปาดให้ลึกทีเดียว จะได้จบไปสักที ผมหายใจเข้าจรดคัตเตอร์ให้หนักขึ้น .....เตรียมพร้อม

ฉับพลันเสียงทีวีดังขึ้นอย่างน่าตกใจ ผมตกใจมากครับ หันมามองทีวี เป็นภาพที่สมเด็จโตวัดระฆัง (หนัง) ท่านกำลังพูดกับนายพรานว่า อาตมาขอบิณฑบาตรชีวิตนี้นะจ๊ะ ถ้าคุณต้องการเนื้อหนังของสัตว์นั้น คุณจงเอาชีวิตอาตมาไปแทนเถอะจ้ะ เพราะอาตมาปล่อยสัตว์ของโยมให้หนีไปแล้ว
เท่านั้นเอง เหมือนอะไรกระแทกหัวใจผมอย่างแรงเลยครับ คัตเตอร์หลุดมือ ร้องไห้เหมือนคนบ้าที่เสียสติ ผมตายไม่ได้ ผมตายไม่ได้ ผมจะไม่แพ้ ผมผิดไปแล้ว ผมพร่ำพูดไม่เป็นภาษา ผมขอชมาครับ ผมขอขมาครับหลวงปู่ ผมกราบ กราบ กราบ และกราบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมเอาหนังสือเกจิที่พี่ชาติมอบให้มากอดไว้ ที่สุดในชีวิตผมแล้วครับ ...นาทีนี้ผมเชื่อว่า ปาฏิหาริย์มีจริง เชื่อหมดหัวใจเลยครับ เพราะผมอยู่ในห้องน้ำที่ไม่ได้ปิดประตู รีโมตทีวีวางอยู่บนเตียง ผมเปิดช่องการ์ตูนตลอดเวลา เป็นการ์ตูนนารูโตะ เป็นไปไม่ได้ที่ ผมจะกดรีโมตทีวี และมันเปลี่ยนมาเป็นช่องหนังได้ยังงัย มีผมอยู่ในห้องเพียงคนเดียวครับ นาทีที่ผมรวบรวมสติได้ ผมคลานเอามีดไปทิ้งถังขยะ ล้างหน้า แล้วบอกกับตัวเองว่า ผมจะไม่มีวันทำร้ายร่างนี้อีก ผมเลือกพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรใหญ่กว่า พระของผมอีกแล้ว แม้อะไรเป็นอย่างไร ใครหน้าไหน ผีตัวไหน ผมไม่มีวันจะแพ้ใครอีกแล้วบนโลกใบนี้ และผมจะต่อสู้กับตัวผมเองอย่างที่สุด หากวันใดที่ผมแพ้ นั่นเพราะผมแพ้แก่ความกลัว ความขี้ขลาด ความอ่อนแอในใจของผมเอง ผมคลานขึ้นเดียงนอนสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร จนหลับไป

แปลกตรงที่ผมไม่อ้วกแล้วครับ ที่ปวด มันคงสุดแล้วล่ะ เพราะเส้นในตาผมแตก เหงื่อผมไม่ใช่ออกจะครับ เรียกว่า ยางตายออกจะเหมาะกว่า ที่สุดของความเจ็บปวดอย่างสาหัส ผมกล้าเรียกได้นะครับ เหมือนคนที่เป้นเนื้องอกในสมอง และโรคหัวใจรวมกัน วันต่อมาผมตื่นขึ้น ผมนอนกอดหนังสือที่พี่ชาติให้อยู่สักพักนึง ก็คลานมากินแอมเวย์ (สิ่งประทังชีพของผม) น้ำหวาน แล้วก้เตรียมตัวไปกอดโถส้วมเพื่อนรัก เพื่อรอจะอ้วกตามที่เคยจะเป็น เอาหนังสือที่พี่ชาติให้ห่อพลาสติกกอดไว้ ปรากฏว่าไม่อ้วกครับ แต่มีอาการเวียนหัว เพราะเส้นประสาทไม่ประสานกัน เวียนหัวบ้านหมุน เป็นมากจนต้องลากสังขารไปโรงพยาบาล ไปคนเดียวเลยครับ

แปลกใจมั้ย? ทำไมผมทำได้ ครับ ผมทำได้จริงๆ ผมใช้วิธี เกาะขอบกำแพงเดินไป มันทรมานมากกกกกก ในเวลาที่คุณเดินแล้วพื้นไม่เท่ากัน โลกหมุน ผมเอาถุงพลาสติกไปด้วยครับ กันอ้วก เรียกแท็กซี่ไปโรงพยบาลรัฐบาล ไปถึง ผมก็ต้องรอหมอถึง 2-3 ชั่วโมงกว่า หมอจะมาตรวจ ผมแอบหลับไปล่ะครับ อ้อ ... ต้องบอกว่า ผมมีสติดีมากจริงๆนะครับ  อาจจะเป็นเพราะผมทนความเจ็บปวดมานาน อาการพวกนี้ยังไม่เท่าตอนที่ผมปวดหัว ปวดตา ปวดกระดูกและอ้วกเลยล่ะครับ หลับไป ฝันว่าเลือดออกเต็มเตียงนอน ถูกปลุกเพราะพยาบาลมาตรวจเลือด แต่พยาบาลคุยกันเรื่องสามีครับ นึกออกมั้ย โรงพยาบาลรัฐ นอนเตียงข้างๆกัน รอหมอมาตรวจ พยาบาลคุยเรื่องสามีกัน แทงเข็มพลาด เลือดออกสาดเต็มเสื้อ เต็มเตียงผมเลย ฝันทีเป้นจริงมากครับ ผมเซ็งมากเลย เพราะพยาบาลไม่ได้ขอโทษผม แต่เลือกที่จะเอาผ้ามาปิดไว้ กันคนเห็น ถือว่า เป็นความซวยของผมเองก็ว่าได้ หมอมาครับ ตัดสินใจฉีดยาให้ผม 1 เข็ม รอดูอาการ ไม่มีคำพูดอะไร สัก ชั่วโมงก็กลับบ้านได้ แปลกใจมาก เพราะผมไม่โลกหมุนแล้ว แต่ไม่มีแรงครับ ก็ลากตัวเองขึ้นแท็กซี่กลับห้อง แบบโดดเดี่ยวสุดๆไปเลย

ครับ เป็นวันที่ดีของผม คือ อาการปวดหัวที่มันเป็น ผมไม่เป็นแล้วครับ ผมกลับมาหลับอย่างเอาเป็นเอาตายที่ห้อง ฝันไปหลากหลายต่างๆ นาๆ ฝันเหมือนจริงเสียจน แยกไม่ออก ถ้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ที่พี่ชาติโทรหาผม ครอบครัวโทรหาผม ....ผมไม่ได้เล่าให้พี่ชาติฟังหรอกครับ กลัวพี่เขาไม่สบายใจกับความโง่ของผม ...ผมก็บอกพี่ชาิตและครอบครัว  ไม่สบายนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากครับ....

ตอน พระผู้ให้ชีวิต ถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมเลยนะครับ จากที่ผมไม่เลือกที่จะรับขันธ์เทพ ที่ลุงหมอดู เคยบอกว่า ผมมีองค์สูงสุด ผมเลือกทำขันธ์พระแทน วันนี้ทุกสิ่งตอบคำถามในหัวใจผมได้พอสมควร ว่าผมเลือกสิ่งที่ถูกต้องให้กับชีวิตแล้วในตอนนั้น พระไม่เคยทอดทิ้งผม ในวันที่ผมละทิ้งตัวเองเพื่อหนีทุกข์ ท่านเมตตาผมอย่างปาฏิหาริย์ สมเด็จโตวัดระฆัง ท่านอยู่ในรัชกาลที่ 3-4-5 แต่ท่านสร้างปาฏิหาริย์ในหัวใจผม ในยุคของรัชกาลที่ 9 ผมอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุดครับ อย่างน้อย ผมก็ไม่โดดเดี่ยวในชีวิตจนเกินไป

จบตอนนะครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่