รักกัน.....แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้.....แล้วอยากให้จบแบบไหนดี

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่าน.....กระทู้นี้อาจเป็นกระทู้แรก  สำหรับเรา  แต่เรายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที
หากหลายๆ  คนอ่านกระทู้นี้  คงคิดว่าอ่านนิยายหรือเปล่า  หรือเรื่องที่แต่งขึ้น.....แต่มันคือเรื่องจริง...
อาจจะยาวหน่อยนะคะ...เริ่มเลยแล้วกันเนอะ

.....เราขอแทนตัวเราว่า “พี”  เขาคนนั้น  เราขอแทนเขาว่า “เจ” …..เมื่อ 20 ปีที่แล้ว พีและเจเคยคบหาเป็นแฟนกัน  ตอนนั้นยังอยู่ม.ปลายกันอยู่เลย  แต่ก็คบๆ เลิกๆ จนหายกันไป....วันนึงเจโทรศัพท์มาหาพี  ตอนนั้นน่าจะประมาณปี 2 ได้...กลับมาคบกันใหม่จนกระทั้งพีเรียนจบปริญญาโท ...  ระหว่างนั้นพีเองแค่รู้สึกว่าเจน่าจะมีคนอื่น  เลยตัดสินใจถามว่าเราสองคนยังรักกันเหมือนเดิม  หรือรู้สึกกันเหมือนเดิมมั้ย…..ณ ตอนนั้นเจไม่ได้รู้สึกกับพีแล้ว......และหลังจากวันนั้น พีก็เรียนต่อ..และไม่มีใครอีกเลย....ระหว่างนั้น (หลังจากที่ทราบเมื่อกลับมาคุยกันอีกครั้งว่า  ทั้งเจและพีก็อยากโทรหากัน  อยากกลับมาคุย....แต่  ความรู้สึกคือกลัว..ไม่กล้า  และมีทิฐิ กันทั้งสองคน)  จนเจได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนึง  ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียน.......มหาวิทยาลัย........
ระหว่างเขาสองคนนั้น.....เขาก็คบกันมาสักระยะหนึ่ง....เจไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากแต่งกับผู้หญิงคนนั้น...ถ้าไม่เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเร่งรัด....ซึ่งในใจของเจ  ผู้หญิงที่ทำให้รู้สึกว่าอยากแต่งงานด้วย  คือ “พี”

ระหว่างเขาสองคนนั้นก็มีสัญญาณว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้หลายครั้ง.....แต่เจก็ละเลยมันไป  แม้แต่งานแต่ง...กำลังเริ่มขึ้นอีก 2 วัน...เจ ถามผู้หญิงคนนั้นว่า...ยกเลิกงานแต่งก่อนดีมั้ย....แต่เขากลับตอบว่า  แล้วจะบอกผู้ใหญ่ว่ายังงัย......นี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เจเริ่มมีความทุกข์..........
แต่งงานกันมาสักพัก  ผู้หญิงอยากมีลูก....แต่เจไม่อยากมี.....จนแล้วจนรอดก็มีลูกชาย 1 คน....ระหว่างนั้นก็มีทั้งเรื่องทัศนคติต่างๆ  ความคิดเห็นเรื่องทั่วๆ ไป  คนในครอบครัว  ความเอาใจใส่....ไม่ค่อยเกิด......เรียกได้ว่ามีทุกข์มากกว่าสุข  จนคล้ายๆ กับว่าผู้หญิงรักเขาเหมือนที่เรียกว่า Poppy love รักเหมือนเด็กๆ...........หลายๆ เหตุการณ์ทำให้วันนึงเจนั่งคิดทบทวนว่า  เจประสบความสำเร็จในชีวิตทุกอย่าง......แต่สิ่งเดียวที่ทำผิดคือ  ผิดต่อพี....เจนั่งทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างว่าเกิดจากอะไร  ทำไมสถานการณ์ของเจกับผู้หญิงคนนั้นคือการชดใช้กรรม.....ยิ่งช่วงหลังๆ เจมักจะเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง......แล้วมันมักจะเกิดขึ้นจริง  เช่น  การเกิดอุบัติเหตุ   หรืออะไรก็แล้วแต่  ส่วนนี้มักจะเกิดเล่าที่เจมีสมาธิ.........(เรื่องการเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า....จำเป็นต้องเล่า  เพราะมันมีเหตุการณ์ต่อจากนั้น)  

หลังจากการทบทวนเรื่องราวต่างๆ แล้ว  ทำให้เจรู้ว่า  พีคือแฟนที่ดีที่สุด  ในใจอยากขอโทษพี  เริ่มต้นด้วยการแอบส่องเรื่องราวต่างๆ ใน Facebook ของพี  จนตัดสินใจขอ add friend ต่อพี.....สำหรับพีเองก็ตอบรับในเวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นเจมักจะกดไลต์ ในโพสต์ต่างๆ ของพี  จนเป็นที่มาของการเริ่มทักทายของพี.......เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา  พีเป็นคนเริ่มต้นทักก่อน....เจดีใจ...และขอโทษในทุกๆ อย่าง  พีเองก็บอกยกโทษให้......คุยกันมาเหมือนจะทุกวัน ทางโซเชียลต่างๆ  
จะด้วยความบังเอิญ  หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว หลังจากคุยกันได้สัก 3 สัปดาห์........พีจะต้องไปทำงานยังจังหวัดที่เจทำงานอยู่......เลยมีการนัดไปรับและไปส่งที่สนามบิน......ระหว่างนั้นมีการพูดคุยว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยและพาไปทานข้าวด้วย......  จนเวลานั้นมาถึง....ก่อนหน้านั้นเจเห็นว่า “เจจะได้กอดพีที่ห้องพัก”  ทำให้เจไม่ขึ้นไปส่งพีที่ห้องทั้งๆ ที่ทำได้  เพื่อหลีกเลี่ยง...การเกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็น...........
เมื่อพีเดินทางถึงจังหวัดดังกล่าว  เจเดินทางมารับ...ตามที่สัญญากันไว้  พาไปทานข้าว  ไปนั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่พีเป็นทุกข์...เรื่องราวที่ติดค้าง...เรื่องราวที่ทำให้รู้ว่ามันคือการชดใช้กรรม....รวมถึงเรื่องการมีลูก...ต้องบอกก่อนว่าเจมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก..เลยอาจเป็นปมในใจที่ทำให้รู้สึกว่า  ถ้าเขาไม่มีลูก  การตัดสินใจต่างๆ คงง่ายขึ้น  เพราะยังรักพีมาก  แต่ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอในสถานการณ์เดียวกับเจเอง. ....ทำให้อยู่กันเพราะเหตุผลนี้  ...เจร้องไห้  พีเองไม่ค่อยได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้จะร้องไห้ได้  แต่ก็เป็นไปแล้ว  ทำให้รู้สึกไดว่าเจคิดเห็นแบบนั้นจริงๆ  เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว  เจเลยพาพีไปส่งที่พัก......ก่อนแยกจากกัน  พีถามคำถามกับเจว่า  เจยังรักพีอยู่มั้ย  ไม่มีคำตอบใดๆ แต่......เจกลับกอดพีในรถ....แค่นั้น  น้ำตาของพีไหลมาอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้.....จนตัดสินใจ  ขับออกไปข้างนอกกันอีกครั้ง  เพื่อนั่งในรถเงียบๆ  ริมทะเล...........คุยกันอีกครั้ง  ว่าจริงๆ แล้วพีเองก็ไม่เคยลืมเจเลยเช่นกัน.....แล้วเจก็มาส่งพีถึงที่พักอีกครั้งนึง..........เจบอกพยายามหักห้ามใจไม่ให้ขึ้นไปห้องพักแล้ว...แต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในรถแทน....เหมือนจะต้องเกิดจนได้....
คืนนั้นพีเองก็ส่งข้อความต่างๆ  หาเจ  ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน  เผื่อจะได้คิดทบทวน  นั่งนิ่งๆ  ปล่อยให้สมองโล่งๆ   ไม่ต้องคิดอะไร..... เจสัญญาว่าจะดูแลพีในขอบเขตที่ทำได้  จนกว่าพีจะมีคนที่มีลักษณะความเข้าใจ  ความใส่ใจต่อพีทั้ง 7 ประการ (จริงๆ แล้วคือทุกอย่างที่เป็นเจ)....จากนั้นพีก็กลับมาทำงาน........และยังคุยกับเจตลอด  เจบอกว่าความสุขที่เจมีตอนนี้คือ  การคุยกับพี  และเล่นกับลูกเหมือนจะจบลงด้วยดี  แต่.........แม่ของลูกเจ...แอบอ่านข้อความทุกอย่างในทางโซเซียล  กลับกลายเป็นเรื่องทะเลาะจนเขาทะเลาะกันอีกครั้งจนถึงขั้นท้าหย่า....ความจริงเรื่องระหว่างเขาที่ความไม่เข้าใจกัน  หรือเรียกว่าศีลไม่เสมอกัน...รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ  ที่เจเป็นทุกข์นั้นเป็นเรื่องระหว่างเขาสองคน....แต่พีอาจจะเป็นแค่ชนวนเท่านั้น....เขาถามเจว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะแต่งกับเขามั้ย...เจตอบแต่เพียงว่า “คำตอบมันน่ากลัวน่ะ”  ฝ่ายหญิงขอให้เลิกยุ่ง  พูดคุยติดต่อกับพีอีก  พีพูดได้แต่เพียงว่า  นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้.......

แต่จนแล้วจนรอดเจเองก็ยังคงพยายามติดต่อพูดคุยกับพีตลอด  และบอกว่าอยากเจอพีมาก...เชื่อมั้ยค่ะว่าครั้งนี้มาจากความรู้สึกล้วนๆ  ไม่มีเหตุผลใดๆ เลย  เจบอกอยากเจอทันทีที่ถึง กทม.  เจขอให้พีพาไปเจอผู้หญิงคนนึง (ซึ่งก็คือพีนั่นแหละ)  ว่าได้มั้ย  พีบอกว่าได้...เราสองคนเลยนัดกัน  มาเจอะกันในจังหวัดใกล้ๆ กทม.  พีเลยบอกว่า  อยากให้พีนอนกอดนานๆ ได้มั้ย.....เจเลยให้สัญญา  ความจริงก่อนหน้าที่พีจะขอ  พีเห็นว่าเจกับพีกอดกัน  ก่อนที่พีจะขอเสียอีก.....และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ .......จนล่วงเลยจนมีอะไรกัน....เหตุการณ์ต่อไปนี้พีตั้งใจว่าจะพาเจไปเที่ยว  ไปไหว้พระองค์ใหญ่  สีทอง โดยที่เจยังไม่ทราบ   แต่เจกลับเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นก่อนหน้าที่จะเดินทางมา กทม. เห็นว่าเราสองคนอธิษฐานจิตต่อหน้าพระองค์ใหญ่ที่มีสีทอง  เพื่อถ้าเราสองคนเป็นคู่กันจริง  ขออย่าให้ผิดฝาผิดตัว  แต่ถ้าไม่ใช่ขอให้ลืมกันให้ได้โดยเร็ว  แต่ก็มีเสียงถามว่าจะเอาอย่างนั้นจริงๆ หรอ  แล้วเห็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นตามมา  คือ  การเกิดอุบัติเหตุกับผู้หญิงคนนั้น  เจเกิดอาการนอยส์มาก......แต่กลับตกใจยิ่งกว่าว่าพีจะพาเจไปไหว้พระองค์ที่มีลักษณะนั้นจริงๆ  และเล่าทุกอย่างที่เห็นให้พีฟัง  แต่พีบอกว่าอยากอธิฐานแบบนั้นจริงๆ  แต่สำหรับเหตุการณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้น ส่วนตัวพีเองคิดว่า  กรรมใครกรรมมัน  ถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด คงไม่เกี่ยวกับคำอธิฐานหรอก  สุดท้ายเราสองคนก็อธิฐานแบบนั้นต่อหน้าพระจริงๆ   และบอกกันว่าพีจะรอเจ  เชื่อว่าวันนึงเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน   จากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายกันไป.....

แต่ด้วยความรู้สึกหรืออะไรก็แล้วแต่......หลังจากนั้นไม่กี่วัน  พีบอกเจว่าคิดถึงและอยากเจอเจอีก.......  เราสองคนมาเจอกันจริงๆ  และแล้วก็มีอะไรกันอีกจนได้........แต่แล้ววันนี้เจเองกลับไปทำงานแล้ว........แล้วเรื่องเราจะเป็นยังงัยต่อ  คงต้องดูกันต่อไป...

สิ่งที่เราสองคนทำได้คือ......รักกัน...และเชื่อว่าวันนึงเราจะได้อยู่ด้วยกัน....วันนึงเจจะมาหาพีที่บ้านเอง....และพีจะรอเจ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่