สวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่าน.....กระทู้นี้อาจเป็นกระทู้แรก สำหรับเรา แต่เรายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที
หากหลายๆ คนอ่านกระทู้นี้ คงคิดว่าอ่านนิยายหรือเปล่า หรือเรื่องที่แต่งขึ้น.....แต่มันคือเรื่องจริง...
อาจจะยาวหน่อยนะคะ...เริ่มเลยแล้วกันเนอะ
.....เราขอแทนตัวเราว่า “พี” เขาคนนั้น เราขอแทนเขาว่า “เจ” …..เมื่อ 20 ปีที่แล้ว พีและเจเคยคบหาเป็นแฟนกัน ตอนนั้นยังอยู่ม.ปลายกันอยู่เลย แต่ก็คบๆ เลิกๆ จนหายกันไป....วันนึงเจโทรศัพท์มาหาพี ตอนนั้นน่าจะประมาณปี 2 ได้...กลับมาคบกันใหม่จนกระทั้งพีเรียนจบปริญญาโท ... ระหว่างนั้นพีเองแค่รู้สึกว่าเจน่าจะมีคนอื่น เลยตัดสินใจถามว่าเราสองคนยังรักกันเหมือนเดิม หรือรู้สึกกันเหมือนเดิมมั้ย…..ณ ตอนนั้นเจไม่ได้รู้สึกกับพีแล้ว......และหลังจากวันนั้น พีก็เรียนต่อ..และไม่มีใครอีกเลย....ระหว่างนั้น (หลังจากที่ทราบเมื่อกลับมาคุยกันอีกครั้งว่า ทั้งเจและพีก็อยากโทรหากัน อยากกลับมาคุย....แต่ ความรู้สึกคือกลัว..ไม่กล้า และมีทิฐิ กันทั้งสองคน) จนเจได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียน.......มหาวิทยาลัย........
ระหว่างเขาสองคนนั้น.....เขาก็คบกันมาสักระยะหนึ่ง....เจไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากแต่งกับผู้หญิงคนนั้น...ถ้าไม่เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเร่งรัด....ซึ่งในใจของเจ ผู้หญิงที่ทำให้รู้สึกว่าอยากแต่งงานด้วย คือ “พี”
ระหว่างเขาสองคนนั้นก็มีสัญญาณว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้หลายครั้ง.....แต่เจก็ละเลยมันไป แม้แต่งานแต่ง...กำลังเริ่มขึ้นอีก 2 วัน...เจ ถามผู้หญิงคนนั้นว่า...ยกเลิกงานแต่งก่อนดีมั้ย....แต่เขากลับตอบว่า แล้วจะบอกผู้ใหญ่ว่ายังงัย......นี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เจเริ่มมีความทุกข์..........
แต่งงานกันมาสักพัก ผู้หญิงอยากมีลูก....แต่เจไม่อยากมี.....จนแล้วจนรอดก็มีลูกชาย 1 คน....ระหว่างนั้นก็มีทั้งเรื่องทัศนคติต่างๆ ความคิดเห็นเรื่องทั่วๆ ไป คนในครอบครัว ความเอาใจใส่....ไม่ค่อยเกิด......เรียกได้ว่ามีทุกข์มากกว่าสุข จนคล้ายๆ กับว่าผู้หญิงรักเขาเหมือนที่เรียกว่า Poppy love รักเหมือนเด็กๆ...........หลายๆ เหตุการณ์ทำให้วันนึงเจนั่งคิดทบทวนว่า เจประสบความสำเร็จในชีวิตทุกอย่าง......แต่สิ่งเดียวที่ทำผิดคือ ผิดต่อพี....เจนั่งทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างว่าเกิดจากอะไร ทำไมสถานการณ์ของเจกับผู้หญิงคนนั้นคือการชดใช้กรรม.....ยิ่งช่วงหลังๆ เจมักจะเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง......แล้วมันมักจะเกิดขึ้นจริง เช่น การเกิดอุบัติเหตุ หรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนนี้มักจะเกิดเล่าที่เจมีสมาธิ.........(เรื่องการเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า....จำเป็นต้องเล่า เพราะมันมีเหตุการณ์ต่อจากนั้น)
หลังจากการทบทวนเรื่องราวต่างๆ แล้ว ทำให้เจรู้ว่า พีคือแฟนที่ดีที่สุด ในใจอยากขอโทษพี เริ่มต้นด้วยการแอบส่องเรื่องราวต่างๆ ใน Facebook ของพี จนตัดสินใจขอ add friend ต่อพี.....สำหรับพีเองก็ตอบรับในเวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นเจมักจะกดไลต์ ในโพสต์ต่างๆ ของพี จนเป็นที่มาของการเริ่มทักทายของพี.......เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา พีเป็นคนเริ่มต้นทักก่อน....เจดีใจ...และขอโทษในทุกๆ อย่าง พีเองก็บอกยกโทษให้......คุยกันมาเหมือนจะทุกวัน ทางโซเชียลต่างๆ
จะด้วยความบังเอิญ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว หลังจากคุยกันได้สัก 3 สัปดาห์........พีจะต้องไปทำงานยังจังหวัดที่เจทำงานอยู่......เลยมีการนัดไปรับและไปส่งที่สนามบิน......ระหว่างนั้นมีการพูดคุยว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยและพาไปทานข้าวด้วย...... จนเวลานั้นมาถึง....ก่อนหน้านั้นเจเห็นว่า “เจจะได้กอดพีที่ห้องพัก” ทำให้เจไม่ขึ้นไปส่งพีที่ห้องทั้งๆ ที่ทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยง...การเกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็น...........
เมื่อพีเดินทางถึงจังหวัดดังกล่าว เจเดินทางมารับ...ตามที่สัญญากันไว้ พาไปทานข้าว ไปนั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่พีเป็นทุกข์...เรื่องราวที่ติดค้าง...เรื่องราวที่ทำให้รู้ว่ามันคือการชดใช้กรรม....รวมถึงเรื่องการมีลูก...ต้องบอกก่อนว่าเจมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก..เลยอาจเป็นปมในใจที่ทำให้รู้สึกว่า ถ้าเขาไม่มีลูก การตัดสินใจต่างๆ คงง่ายขึ้น เพราะยังรักพีมาก แต่ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอในสถานการณ์เดียวกับเจเอง. ....ทำให้อยู่กันเพราะเหตุผลนี้ ...เจร้องไห้ พีเองไม่ค่อยได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้จะร้องไห้ได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ทำให้รู้สึกไดว่าเจคิดเห็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว เจเลยพาพีไปส่งที่พัก......ก่อนแยกจากกัน พีถามคำถามกับเจว่า เจยังรักพีอยู่มั้ย ไม่มีคำตอบใดๆ แต่......เจกลับกอดพีในรถ....แค่นั้น น้ำตาของพีไหลมาอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้.....จนตัดสินใจ ขับออกไปข้างนอกกันอีกครั้ง เพื่อนั่งในรถเงียบๆ ริมทะเล...........คุยกันอีกครั้ง ว่าจริงๆ แล้วพีเองก็ไม่เคยลืมเจเลยเช่นกัน.....แล้วเจก็มาส่งพีถึงที่พักอีกครั้งนึง..........เจบอกพยายามหักห้ามใจไม่ให้ขึ้นไปห้องพักแล้ว...แต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในรถแทน....เหมือนจะต้องเกิดจนได้....
คืนนั้นพีเองก็ส่งข้อความต่างๆ หาเจ ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน เผื่อจะได้คิดทบทวน นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้สมองโล่งๆ ไม่ต้องคิดอะไร..... เจสัญญาว่าจะดูแลพีในขอบเขตที่ทำได้ จนกว่าพีจะมีคนที่มีลักษณะความเข้าใจ ความใส่ใจต่อพีทั้ง 7 ประการ (จริงๆ แล้วคือทุกอย่างที่เป็นเจ)....จากนั้นพีก็กลับมาทำงาน........และยังคุยกับเจตลอด เจบอกว่าความสุขที่เจมีตอนนี้คือ การคุยกับพี และเล่นกับลูกเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่.........แม่ของลูกเจ...แอบอ่านข้อความทุกอย่างในทางโซเซียล กลับกลายเป็นเรื่องทะเลาะจนเขาทะเลาะกันอีกครั้งจนถึงขั้นท้าหย่า....ความจริงเรื่องระหว่างเขาที่ความไม่เข้าใจกัน หรือเรียกว่าศีลไม่เสมอกัน...รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่เจเป็นทุกข์นั้นเป็นเรื่องระหว่างเขาสองคน....แต่พีอาจจะเป็นแค่ชนวนเท่านั้น....เขาถามเจว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะแต่งกับเขามั้ย...เจตอบแต่เพียงว่า “คำตอบมันน่ากลัวน่ะ” ฝ่ายหญิงขอให้เลิกยุ่ง พูดคุยติดต่อกับพีอีก พีพูดได้แต่เพียงว่า นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้.......
แต่จนแล้วจนรอดเจเองก็ยังคงพยายามติดต่อพูดคุยกับพีตลอด และบอกว่าอยากเจอพีมาก...เชื่อมั้ยค่ะว่าครั้งนี้มาจากความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ เลย เจบอกอยากเจอทันทีที่ถึง กทม. เจขอให้พีพาไปเจอผู้หญิงคนนึง (ซึ่งก็คือพีนั่นแหละ) ว่าได้มั้ย พีบอกว่าได้...เราสองคนเลยนัดกัน มาเจอะกันในจังหวัดใกล้ๆ กทม. พีเลยบอกว่า อยากให้พีนอนกอดนานๆ ได้มั้ย.....เจเลยให้สัญญา ความจริงก่อนหน้าที่พีจะขอ พีเห็นว่าเจกับพีกอดกัน ก่อนที่พีจะขอเสียอีก.....และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ .......จนล่วงเลยจนมีอะไรกัน....เหตุการณ์ต่อไปนี้พีตั้งใจว่าจะพาเจไปเที่ยว ไปไหว้พระองค์ใหญ่ สีทอง โดยที่เจยังไม่ทราบ แต่เจกลับเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นก่อนหน้าที่จะเดินทางมา กทม. เห็นว่าเราสองคนอธิษฐานจิตต่อหน้าพระองค์ใหญ่ที่มีสีทอง เพื่อถ้าเราสองคนเป็นคู่กันจริง ขออย่าให้ผิดฝาผิดตัว แต่ถ้าไม่ใช่ขอให้ลืมกันให้ได้โดยเร็ว แต่ก็มีเสียงถามว่าจะเอาอย่างนั้นจริงๆ หรอ แล้วเห็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ การเกิดอุบัติเหตุกับผู้หญิงคนนั้น เจเกิดอาการนอยส์มาก......แต่กลับตกใจยิ่งกว่าว่าพีจะพาเจไปไหว้พระองค์ที่มีลักษณะนั้นจริงๆ และเล่าทุกอย่างที่เห็นให้พีฟัง แต่พีบอกว่าอยากอธิฐานแบบนั้นจริงๆ แต่สำหรับเหตุการณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้น ส่วนตัวพีเองคิดว่า กรรมใครกรรมมัน ถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด คงไม่เกี่ยวกับคำอธิฐานหรอก สุดท้ายเราสองคนก็อธิฐานแบบนั้นต่อหน้าพระจริงๆ และบอกกันว่าพีจะรอเจ เชื่อว่าวันนึงเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน จากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายกันไป.....
แต่ด้วยความรู้สึกหรืออะไรก็แล้วแต่......หลังจากนั้นไม่กี่วัน พีบอกเจว่าคิดถึงและอยากเจอเจอีก....... เราสองคนมาเจอกันจริงๆ และแล้วก็มีอะไรกันอีกจนได้........แต่แล้ววันนี้เจเองกลับไปทำงานแล้ว........แล้วเรื่องเราจะเป็นยังงัยต่อ คงต้องดูกันต่อไป...
สิ่งที่เราสองคนทำได้คือ......รักกัน...และเชื่อว่าวันนึงเราจะได้อยู่ด้วยกัน....วันนึงเจจะมาหาพีที่บ้านเอง....และพีจะรอเจ...
รักกัน.....แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้.....แล้วอยากให้จบแบบไหนดี
หากหลายๆ คนอ่านกระทู้นี้ คงคิดว่าอ่านนิยายหรือเปล่า หรือเรื่องที่แต่งขึ้น.....แต่มันคือเรื่องจริง...
อาจจะยาวหน่อยนะคะ...เริ่มเลยแล้วกันเนอะ
.....เราขอแทนตัวเราว่า “พี” เขาคนนั้น เราขอแทนเขาว่า “เจ” …..เมื่อ 20 ปีที่แล้ว พีและเจเคยคบหาเป็นแฟนกัน ตอนนั้นยังอยู่ม.ปลายกันอยู่เลย แต่ก็คบๆ เลิกๆ จนหายกันไป....วันนึงเจโทรศัพท์มาหาพี ตอนนั้นน่าจะประมาณปี 2 ได้...กลับมาคบกันใหม่จนกระทั้งพีเรียนจบปริญญาโท ... ระหว่างนั้นพีเองแค่รู้สึกว่าเจน่าจะมีคนอื่น เลยตัดสินใจถามว่าเราสองคนยังรักกันเหมือนเดิม หรือรู้สึกกันเหมือนเดิมมั้ย…..ณ ตอนนั้นเจไม่ได้รู้สึกกับพีแล้ว......และหลังจากวันนั้น พีก็เรียนต่อ..และไม่มีใครอีกเลย....ระหว่างนั้น (หลังจากที่ทราบเมื่อกลับมาคุยกันอีกครั้งว่า ทั้งเจและพีก็อยากโทรหากัน อยากกลับมาคุย....แต่ ความรู้สึกคือกลัว..ไม่กล้า และมีทิฐิ กันทั้งสองคน) จนเจได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียน.......มหาวิทยาลัย........
ระหว่างเขาสองคนนั้น.....เขาก็คบกันมาสักระยะหนึ่ง....เจไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากแต่งกับผู้หญิงคนนั้น...ถ้าไม่เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเร่งรัด....ซึ่งในใจของเจ ผู้หญิงที่ทำให้รู้สึกว่าอยากแต่งงานด้วย คือ “พี”
ระหว่างเขาสองคนนั้นก็มีสัญญาณว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้หลายครั้ง.....แต่เจก็ละเลยมันไป แม้แต่งานแต่ง...กำลังเริ่มขึ้นอีก 2 วัน...เจ ถามผู้หญิงคนนั้นว่า...ยกเลิกงานแต่งก่อนดีมั้ย....แต่เขากลับตอบว่า แล้วจะบอกผู้ใหญ่ว่ายังงัย......นี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เจเริ่มมีความทุกข์..........
แต่งงานกันมาสักพัก ผู้หญิงอยากมีลูก....แต่เจไม่อยากมี.....จนแล้วจนรอดก็มีลูกชาย 1 คน....ระหว่างนั้นก็มีทั้งเรื่องทัศนคติต่างๆ ความคิดเห็นเรื่องทั่วๆ ไป คนในครอบครัว ความเอาใจใส่....ไม่ค่อยเกิด......เรียกได้ว่ามีทุกข์มากกว่าสุข จนคล้ายๆ กับว่าผู้หญิงรักเขาเหมือนที่เรียกว่า Poppy love รักเหมือนเด็กๆ...........หลายๆ เหตุการณ์ทำให้วันนึงเจนั่งคิดทบทวนว่า เจประสบความสำเร็จในชีวิตทุกอย่าง......แต่สิ่งเดียวที่ทำผิดคือ ผิดต่อพี....เจนั่งทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างว่าเกิดจากอะไร ทำไมสถานการณ์ของเจกับผู้หญิงคนนั้นคือการชดใช้กรรม.....ยิ่งช่วงหลังๆ เจมักจะเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง......แล้วมันมักจะเกิดขึ้นจริง เช่น การเกิดอุบัติเหตุ หรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนนี้มักจะเกิดเล่าที่เจมีสมาธิ.........(เรื่องการเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า....จำเป็นต้องเล่า เพราะมันมีเหตุการณ์ต่อจากนั้น)
หลังจากการทบทวนเรื่องราวต่างๆ แล้ว ทำให้เจรู้ว่า พีคือแฟนที่ดีที่สุด ในใจอยากขอโทษพี เริ่มต้นด้วยการแอบส่องเรื่องราวต่างๆ ใน Facebook ของพี จนตัดสินใจขอ add friend ต่อพี.....สำหรับพีเองก็ตอบรับในเวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นเจมักจะกดไลต์ ในโพสต์ต่างๆ ของพี จนเป็นที่มาของการเริ่มทักทายของพี.......เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา พีเป็นคนเริ่มต้นทักก่อน....เจดีใจ...และขอโทษในทุกๆ อย่าง พีเองก็บอกยกโทษให้......คุยกันมาเหมือนจะทุกวัน ทางโซเชียลต่างๆ
จะด้วยความบังเอิญ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว หลังจากคุยกันได้สัก 3 สัปดาห์........พีจะต้องไปทำงานยังจังหวัดที่เจทำงานอยู่......เลยมีการนัดไปรับและไปส่งที่สนามบิน......ระหว่างนั้นมีการพูดคุยว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยและพาไปทานข้าวด้วย...... จนเวลานั้นมาถึง....ก่อนหน้านั้นเจเห็นว่า “เจจะได้กอดพีที่ห้องพัก” ทำให้เจไม่ขึ้นไปส่งพีที่ห้องทั้งๆ ที่ทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยง...การเกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็น...........
เมื่อพีเดินทางถึงจังหวัดดังกล่าว เจเดินทางมารับ...ตามที่สัญญากันไว้ พาไปทานข้าว ไปนั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่พีเป็นทุกข์...เรื่องราวที่ติดค้าง...เรื่องราวที่ทำให้รู้ว่ามันคือการชดใช้กรรม....รวมถึงเรื่องการมีลูก...ต้องบอกก่อนว่าเจมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก..เลยอาจเป็นปมในใจที่ทำให้รู้สึกว่า ถ้าเขาไม่มีลูก การตัดสินใจต่างๆ คงง่ายขึ้น เพราะยังรักพีมาก แต่ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอในสถานการณ์เดียวกับเจเอง. ....ทำให้อยู่กันเพราะเหตุผลนี้ ...เจร้องไห้ พีเองไม่ค่อยได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้จะร้องไห้ได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ทำให้รู้สึกไดว่าเจคิดเห็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว เจเลยพาพีไปส่งที่พัก......ก่อนแยกจากกัน พีถามคำถามกับเจว่า เจยังรักพีอยู่มั้ย ไม่มีคำตอบใดๆ แต่......เจกลับกอดพีในรถ....แค่นั้น น้ำตาของพีไหลมาอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้.....จนตัดสินใจ ขับออกไปข้างนอกกันอีกครั้ง เพื่อนั่งในรถเงียบๆ ริมทะเล...........คุยกันอีกครั้ง ว่าจริงๆ แล้วพีเองก็ไม่เคยลืมเจเลยเช่นกัน.....แล้วเจก็มาส่งพีถึงที่พักอีกครั้งนึง..........เจบอกพยายามหักห้ามใจไม่ให้ขึ้นไปห้องพักแล้ว...แต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในรถแทน....เหมือนจะต้องเกิดจนได้....
คืนนั้นพีเองก็ส่งข้อความต่างๆ หาเจ ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน เผื่อจะได้คิดทบทวน นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้สมองโล่งๆ ไม่ต้องคิดอะไร..... เจสัญญาว่าจะดูแลพีในขอบเขตที่ทำได้ จนกว่าพีจะมีคนที่มีลักษณะความเข้าใจ ความใส่ใจต่อพีทั้ง 7 ประการ (จริงๆ แล้วคือทุกอย่างที่เป็นเจ)....จากนั้นพีก็กลับมาทำงาน........และยังคุยกับเจตลอด เจบอกว่าความสุขที่เจมีตอนนี้คือ การคุยกับพี และเล่นกับลูกเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่.........แม่ของลูกเจ...แอบอ่านข้อความทุกอย่างในทางโซเซียล กลับกลายเป็นเรื่องทะเลาะจนเขาทะเลาะกันอีกครั้งจนถึงขั้นท้าหย่า....ความจริงเรื่องระหว่างเขาที่ความไม่เข้าใจกัน หรือเรียกว่าศีลไม่เสมอกัน...รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่เจเป็นทุกข์นั้นเป็นเรื่องระหว่างเขาสองคน....แต่พีอาจจะเป็นแค่ชนวนเท่านั้น....เขาถามเจว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะแต่งกับเขามั้ย...เจตอบแต่เพียงว่า “คำตอบมันน่ากลัวน่ะ” ฝ่ายหญิงขอให้เลิกยุ่ง พูดคุยติดต่อกับพีอีก พีพูดได้แต่เพียงว่า นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้.......
แต่จนแล้วจนรอดเจเองก็ยังคงพยายามติดต่อพูดคุยกับพีตลอด และบอกว่าอยากเจอพีมาก...เชื่อมั้ยค่ะว่าครั้งนี้มาจากความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ เลย เจบอกอยากเจอทันทีที่ถึง กทม. เจขอให้พีพาไปเจอผู้หญิงคนนึง (ซึ่งก็คือพีนั่นแหละ) ว่าได้มั้ย พีบอกว่าได้...เราสองคนเลยนัดกัน มาเจอะกันในจังหวัดใกล้ๆ กทม. พีเลยบอกว่า อยากให้พีนอนกอดนานๆ ได้มั้ย.....เจเลยให้สัญญา ความจริงก่อนหน้าที่พีจะขอ พีเห็นว่าเจกับพีกอดกัน ก่อนที่พีจะขอเสียอีก.....และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ .......จนล่วงเลยจนมีอะไรกัน....เหตุการณ์ต่อไปนี้พีตั้งใจว่าจะพาเจไปเที่ยว ไปไหว้พระองค์ใหญ่ สีทอง โดยที่เจยังไม่ทราบ แต่เจกลับเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นก่อนหน้าที่จะเดินทางมา กทม. เห็นว่าเราสองคนอธิษฐานจิตต่อหน้าพระองค์ใหญ่ที่มีสีทอง เพื่อถ้าเราสองคนเป็นคู่กันจริง ขออย่าให้ผิดฝาผิดตัว แต่ถ้าไม่ใช่ขอให้ลืมกันให้ได้โดยเร็ว แต่ก็มีเสียงถามว่าจะเอาอย่างนั้นจริงๆ หรอ แล้วเห็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ การเกิดอุบัติเหตุกับผู้หญิงคนนั้น เจเกิดอาการนอยส์มาก......แต่กลับตกใจยิ่งกว่าว่าพีจะพาเจไปไหว้พระองค์ที่มีลักษณะนั้นจริงๆ และเล่าทุกอย่างที่เห็นให้พีฟัง แต่พีบอกว่าอยากอธิฐานแบบนั้นจริงๆ แต่สำหรับเหตุการณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้น ส่วนตัวพีเองคิดว่า กรรมใครกรรมมัน ถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด คงไม่เกี่ยวกับคำอธิฐานหรอก สุดท้ายเราสองคนก็อธิฐานแบบนั้นต่อหน้าพระจริงๆ และบอกกันว่าพีจะรอเจ เชื่อว่าวันนึงเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน จากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายกันไป.....
แต่ด้วยความรู้สึกหรืออะไรก็แล้วแต่......หลังจากนั้นไม่กี่วัน พีบอกเจว่าคิดถึงและอยากเจอเจอีก....... เราสองคนมาเจอกันจริงๆ และแล้วก็มีอะไรกันอีกจนได้........แต่แล้ววันนี้เจเองกลับไปทำงานแล้ว........แล้วเรื่องเราจะเป็นยังงัยต่อ คงต้องดูกันต่อไป...
สิ่งที่เราสองคนทำได้คือ......รักกัน...และเชื่อว่าวันนึงเราจะได้อยู่ด้วยกัน....วันนึงเจจะมาหาพีที่บ้านเอง....และพีจะรอเจ...