ประสบการณ์ขับรถเที่ยวทะเลสาบทั้ง 5 ของฟูจิ และเมื่อฟูจิตามฉันมาถึงโตเกียว

สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่เขียนขึ้นมาค่ะ เป็นมือใหม่หัดรีวิว เนื่องจากอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้มีโอกาสได้สัมผัสในแบบเดียวกันค่ะ ทริปนี้เป็นทริปด่วนค่อนข้างไฟไหม้ มีเวลาในการวางแผนไม่ถึง 2 สัปดาห์ จึงคิดว่าไปญี่ปุ่นครั้งนี้ควรจะต้องไปเก็บแลนด์มาร์คที่สำคัญๆ ประมาณว่าฉันถึงญี่ปุ่นละนะ และก็คงไม่พ้นการเดินทางไปชมความงามของภูเขาไฟฟูจินั่นเอง เราและครอบครัวรวม 4 คนจึงมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 – 25 พฤศจิกายน 60 ที่ผ่านมาค่ะ วันที่ 18-20 เราเที่ยวในโตเกียวก่อน และไปดูประดับไฟที่รปปงหงิ เป็นถนนประดับไฟที่มีฉากหลังเป็นโตเกียวทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ที่เราฝันว่าจะต้องมาดูให้ได้ค่ะ และฝันก็เป็นจริง พิกัด 六本木けやき坂通り(天橋) Japan, 〒106-0045 Tokyo, Minato, Azabujuban, 1 Chome−5, 35°39'33. 139°43'47.
พล่ามเพ้อมาซะยาวขอเข้าเรื่องเลยนะคะ เช้าวันที่ 21 เราเช็คเอ้าท์และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม (ที่เขายอมให้ฝากกระเป๋าเพราะเมื่อกลับมาโตเกียวเราจะพักที่เดิมค่ะ ) และออกเดินทางไป Kawaguchiko ด้วยรถบัสที่ขึ้นตรงชั้น 4 ห้าง Newoman (วิธีมาคือ นั่ง JR มาลงสถานีชินจูกุ ออกทาง South Exit หรือ New South Exit ค่ะ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 – 2 ชม.ค่ะ ซึ่งรถบัสนี้เราจองและจ่ายค่าตั๋วทั้งขาไปและขากลับมาจากประเทศไทย มาถึงท่ารถบัส ก็เดินดูหน้าจอว่ารถเราอยู่ชานชาลาไหน แล้วไปรอแถวๆนั้นล่วงหน้า 10-15 นาที พอรถมาก็ยื่นตั๋วที่เรา Print มาให้เจ้าหน้าที่และขึ้นรถนั่งตามเลขที่นั่งที่ระบุในตั๋วค่ะ สะดวกทั้งขาไปและขากลับ (จองจากลิ้งค์นี้ค่ะ  http://highway-buses.jp/thai/course/kawaguchiko.php )
การมาฟูจิครั้งแรกของเรานี้เราค่อนข้างกังวลมาก เพราะคุยกับเพื่อนหลายคนและอ่านจากที่ต่างๆว่าฟูจิซังมักจะขี้อาย ต่อให้อากาศใส แต่ถ้าเจอเมฆมาก ฟูจิซังก็พร้อมจะหลบหน้าเราได้เสมอประกอบกับเราดูพยากรณ์ล่วงหน้า เห็นว่ามีวันนี้วันเดียวที่อากาศ Mostly Clear วันอื่นๆจะมีเมฆมากและมีฝนตก เราเลยทำใจมาเบาๆว่ามา 3 วันได้เห็นสักแว่บนึงก็ยังดี แต่เหมือนฟ้าเป็นใจค่ะ เริ่มออกจากโตเกียวเราก็เห็นฟูจิมาตลอดทางที่นั่งรถค่ะ แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายของคนขับค่ะ ถ้าฟ้าใสจะมองเห็นยอดฟูจิซังได้จากบน Expressway เลยค่ะ
เมื่อถึง Kawaguchiko station ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายภาพในมุมสุดคลาสสิค ด้วยความขี้กังวลของเรา ก่อนมาที่นี่เราจะเปิดเพจของโรงแรม Kawaguchiko Station Inn ทุกวันเลยค่ะ เพื่อเปรียบเทียบกับพยากรณ์อากาศที่ดูมา ได้ข้อสังเกตเล็กๆคือ ไม่ว่าพยากรณ์จะบอกว่าอากาศดีหรือแย่ๆขนาดไหนก็ตาม เราจะมีโอกาสเห็นฟูจิซังได้แน่นอนคือ ไม่ช่วงเช้าก็เย็นไปเลยค่ะ มีโอกาสน้อยมากที่จะไม่ได้เห็น เลยตั้งใจว่ายังไงก็ตามจะยอมตื่นเช้ามารอดูทุกวัน ถ้าเช้าไม่เห็นก็จะรอดูตอนเย็นแทนค่ะ
จากนั้นก็ทานกลางวันที่ร้านฝั่งตรงข้ามสถานี และเดินไปรับรถที่เราเช่าไว้ เรามีกำหนดการในคาวานี้ 3 วัน 2 คืน จึงตัดสินใจเช่ารถ โดยเลือกเช่าของบริษัทนี้ค่ะ https://www2.tocoo.jp/en  เป็นรถโตโยต้า สถานที่รับส่งรถก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก Search google map ว่า Toyota rental car แล้วเดินตาม เดินชิวๆชมวิวฟูจิไปพลางๆก็ถึง เรานัดรับรถตอน 13.00 น.ค่ะ และมีกำหนดคืนในเวลาเดียวกันของวันมะรืนขั้นตอนไม่ยาก เราทำการจองรถใน Website แล้วพิมพ์เอกสารการจองออกมา พอถึงก็นำเอกสารนี้ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะขอใบขับขี่สากล (ทำได้ที่สำนักงานขนส่งบ้านเรา ไม่ยากค่ะ) พาสปอร์ต และเสนอเรื่องราคารถที่รวมประกัน เราเลือกแผนที่มีความคุ้มครองครบถ้วนที่สุด จ่ายเงินประมาณ 16,600 เยน เจ้าหน้าจะอธิบายวิธีการใช้รถ วิธีการแจ้งเหตุฉุกเฉิน โดยที่นี่จะให้เราโทรแจ้งตำรวจเบอร์ 110 แล้วตำรวจจะเป็นผู้จัดการต่อค่ะ  ( วิธีการเข้า https://www2.tocoo.jp/en   ช่อง Pick Up Location ให้เลือก Search by Area  แล้วเลือก  Yamanashi  ค่ะ ) นี่คือหน้าตาของรถ เล็กๆกะทัดรัด
คนญี่ปุ่นจะขับรถกันน่ารักมากค่ะ ขับกันใจเย็น เวลาที่เจอคนข้ามทางม้าลายจะหยุดให้คนเดินข้ามก่อน เวลาจะเลี้ยวก็จะเปี่ยมไปด้วยความเกรงใจกัน ให้ทางรถทางหลักก่อน รวมทั้งเวลาจอดรถก็ต้องจอดในสถานที่ที่กำหนดไว้ค่ะ บางที่เก็บเงินค่าจอด แต่ส่วนใหญ่ตามสถานที่ท่องเที่ยวจะจอดรถฟรีค่ะ ตลอดทริปเราไม่เสียค่าจอดรถเลยสักเยน ดังนั้น ถ้าใครจะเช่ารถแนะนำให้ศึกษากฎจราจรของที่นี่ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องที่จอดรถกับโรงแรมที่พักค่ะ.....เมื่อได้รถแล้ว แฟนเราผู้ทำหน้าที่เป็นสารถีประจำทริปนี้ก็รีบบึ่งไปยังเจดีย์ชูเรโต Chureto Pagoda ค่ะ ที่เก็บภาพความสวยงาม ถนนค่อนข้างเล็กนะคะ แต่ดอยสูงบ้านเราขับยากกว่าค่ะด้านบนมีที่จอดรถเล็กๆ พอดีเรามากับคุณพ่อคุณแม่ที่สว.แล้ว ท่านเดินขึ้นบันไดสูงๆไม่ไหว การขับรถจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับท่านค่ะ
สวยงาม อลังการ เห็นแล้วตะลึงมากค่ะ เห็นวิวเมืองคาวาด้วยค่ะเมื่อชูเรโตเต็มอิ่มเราก็มาเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุชิโกะ แวะดู Maple Corridor และไปจบที่ Bus Stop 22 ค่ะ อากาศวันนี้ประมาณ 8 – 10 องศาค่ะ บวกกับลม หน้าชา หูชา เย็นชากันเลยเทีเดียว
เวลา 17.00 น. ก็เริ่มค่ำจึงขับรถมาเช็คอินที่โรงแรมค่ะ เราพักที่  Hotel Route Inn Kawaguchi เป็นโรงแรมที่มีสาขาอยู่หลายที่ อาจจะเก่าๆหน่อยแต่เราว่าโอเคนะ ด้วยราคา และโลเคชันที่ห้องพักเราสามารถมองเห็นฟูจิในราคาที่ถูกกว่าโรงแรมข้างเคียง เราจองผ่าน web Agoda : 2 ห้อง 2 คืน = 19,818.12 บาท เฉลี่ยคืนละประมาณ 5,000 บาท วิวจากห้องพักค่ะ
ค่ำๆกินบุฟเฟต์ขาปู ตกคนละ 3000 เยน ส่วนตัวเราว่าปูม้าบ้านเราอร่อยกว่า
ที่โรงแรมนี้มีออนเซนด้วยนะคะ แนะนำให้ไปดึกๆ ไม่มีคนใช้บริการเลย แล้วห้องออนเซนนั้นจะตกเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว แช่ฟินๆไม่เขินดี แต่กลัวผีเล็กๆ.....เช้าวันต่อมา ด้วยความที่กลัวจะไม่ได้เห็นฟูจิ เราตื่นตั้งแต่ 05.30 น.ออกมาเดินริมทะเลสาบหน้าโรงแรมที่อุณหภูมิ –4องศา ได้วิวฟูจิยามเช้าที่สวยสดใส ที่ประทับใจคือ ได้เห็นหมอกที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบยามเช้า กับฝูงเป็ดเจ้าถิ่น (ข้อดีของโรงแรมริมทะเลสาบคือจะได้เห็นระบบนิเวศของทะเลสาบยามเช้าค่ะ)
ช่วงเช้าน้ำนิ่ง เห็นเงาสะท้อนฟูจิ
หมอกที่ลอยเหนือผิวน้ำยามเช้าค่ะ
หมอกจางๆ
เช้าๆมีแม่คะนิ้ง
มีใบไม้แดงให้ได้ดู
นั่งมองแล้วเพลินจนลืมไปเลยค่ะว่า -4 องศา
เดินกลับโรงแรม ทานอาหารเช้าแล้วรีบออกมาทะเลสาบอีกแห่งคือ ทะเลสาบ Yamanaka เป็นทะเลสาบที่อยู่ใกล้ฟูจิซังมากที่สุด สามารถ Search หาได้ใน Google map เราเลือกเดินทางด้วยถนนธรรมดาที่ไม่ใช่ Expressway ถนนจะเป็นสี่เลนและค่อยๆลดลงมาเป็นเลนค่ะ
โชคไม่เข้าข้างตอนลงรถเมฆมาพอดีถ่ายมุมสวยไม่ทัน...ถ้าเทียบแล้วเราชอบทะเลสาบนี้ที่สุด เนื่องจากตรงฐานไม่มีบ้านเรือนมาบดบังทำให้เห็นความอลังการของฟูจิซังได้ชัดเจนมาก บรรยากาศก็เงียบสงบ มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าค่ะ....คุ้มค่าต่อการมา Recommend !!!! ที่นี่ค่ะ
ซูมให้ดูความอลังการกันชัดๆ
ถัดจากจุดนี้เราก็ไปชมวิวในบริเวณเนินเขาใกล้ๆกัน มีทางขึ้นเขาเล็กๆ ด้านบนจะเห็นวิวทะเลสาบจากมุมสูง แต่ตอนเรามาฝนตกพอดีจึงพลาดโอกาสได้เห็นฟูจิซัง
ลงมาจากจุดชมวิวก็ขับรถชมทะเลสาบอีกฝั่งหนึ่ง แวะร้านค้าริมทาง แล้วมายังจุดต่อไป คือ Yamanakako hananomiyako park
เนื่องจากมาในช่วงที่ไม่มีงาน เลยไม่ได้เห็นดอกไม้สวย แต่โชคดีที่ฟูจิซังไม่อาย เลยได้เก็บภาพกันจุใจ
แล้วไปต่อที่หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่มีอะไรนอกจากน้ำใสค่ะ ยอมรับในความใสของน้ำค่ะ ใสสะอาดจริงๆ ขนาดบ่อลึก 8 เมตรยังมองเห็นปลาว่ายน้ำ เห็นฟูจิซังด้วย
จากหมู่บ้านน้ำใสเราไปสถานีฟูจิขั้นที่ 5 แต่โชคร้ายเขาปิดทำการเนื่องจากมีหิมะตก เราเลยเปลี่ยนแผนกลับมาทะเลสาบคาวากุชิโกะอีกครั้งค่ะ (แถมเส้นทางให้ค่ะ)
จึงย้อนกลับมาทะเลสาบคาวากุจิแทนและมุ่งตรงไปยังทะเลสาบที่ 3 -5 ถ้าสังเกตทะเลสาบจะเรียงต่อกันอยู่ 4 ทะเลสาบค่ะ โดยเริ่มจากทะเลสาบ Saiko
ซึ่งฝนตกตลอดทางเลยค่ะ มองไม่เห็นฟูจิเลย
จึงขับต่อไปยังทะเลสาบที่ 4 Lake Shoji เป็นทะเลสาบที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับทะเลสาบอื่นๆ ก็ใช้การขับรถวนรอบทะเลสาบแทนค่ะ
และจบด้วยทะเลสาบที่ 5 คือ Lake Motosu จุดเด่นของทะเลสาบนี้คือ ถ้าเดินขึ้นเนินไปเล็กน้อยจะเห็นภาพทะเลสาบมีฟูจิเป็นฉากหลังเหมือนที่ปรากฏอยู่ในธนบัตรใบละ 1000 เยนค่ะ เสียดายว่าฝนตก เลยไม่ได้ชมความงามตรงจุดนี้
ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีคือ ฝนตกทำให้ใบไม้ที่กำลังผลัดใบมีสีที่สดใสมากยิ่งขึ้น สวยไปอีกแบบค่ะ ขับวนรอบ Lake Motosu ใช้เวลานานพอสมควรถึงจะวนครบรอบ จากนั้นเราก็กลับทะเลสาบคาวากุจิโกะค่ะ โดยเปลี่ยนเส้นทางลองผ่านหน้าทางเข้าป่า Aokigahara ที่มองเผินๆเหมือนป่ายางตามต่างจังหวัดบ้านเรา ต่างตรงที่ป่านี้มีประวัติสุดหลอนนั่นเอง แล้วยิ่งบรรยากาศฝนตกปรอยๆ มีหมอกลอยฟุ้ง ทั้งถนนมีรถเราอยู่คันเดียวให้ความรู้สึกถึง Silent Hill หลอนไปอีกกกกกกกกก แต่ก็รอดมาได้นะคะ
ช่องเล็กนั่นคือทางเข้าค่ะ
ต่อในคอมเมนท์นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่