จะดูแลให้คนที่อยู่ใน วาระสุดท้ายของชีวิตรู้สึก "ปล่อยวาง" ได้อย่างไรบ้างครับ

สวัสดีครับ พี่น้อง Pantip
วันนี้ผมมีเรื่องมาปรึกษา เผื่อว่าท่านใดเคยผ่านประสบการณ์คล้ายๆกันมา หรือท่านใดมีแนวคิดแนวปฏิบัติ อาจสามารถช่วยแนะแนวทางให้ผมได้บ้างครับ

***************************************
ขอเกลิ่นก่อน นะครับ

เรื่องมีอยู่ว่า ปลายปี 2559 ปีที่แล้ว ปู่ของผมในวัย 82 ได้ตรวจพบ ก้อนเนื้อ บริเวณเพดานปาก ซึ่งอยู่ในระยะ 3ไป 4 ได้เริ่มมีกรแพร่กระจาย บวมเป็นก้อนเนื้อออกมา ซึ่งทางครอบครัวได้ปรึกษาร่วมกับแพทย์ถึงแนวทางการรักษา  ได้ข้อสรุปว่า ต้องมีการผ่าตัด เลาะส่วนเพดานปาก และเจาะลำคอ เพื่อให้อาหารทางสายยาง ทางคุณปู่ท่านไม่ยอม โดยจะขอรักษาตามอาการ Palliative treatment เพราะท่านรู้สึกว่า ไม่ได้กระทบต่อการใช้ชีวิตของท่าน

ทางครอบครัวก็น้อมรับการตัดสินใจ และคอยดูแลประคับประคองแกมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง ตัวก้อนเนื้อมันใหญ่ขึ้นมาก บดบังช่องทางเดินอาหารและรูจมูก ทำให้ ท่านมีปัญหาในการใช้ชีวิตปกติ พอมาถึงจุดนี้ ท่านต้องการกลับไปรักษาให้หายขาด แต่ด้วยสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป ไม่พร้อมรับมือกับการผ่าตัด ซึ่งถ้าต้องการรักษาจริงๆ แพทย์ต้องทำการประเมินใหม่ทั้งหมด ดั้งนั้นแม้ว่าปู่ต้องการแต่ก็ไม่อาจรักษาได้

ปู่แกจะมีความต้องการ ผ่าตัดทุกครั้งที่มีอาการปวดหนัก
จนถึงตอนนี้ ได้ทำการให้ มอฟีน 10mg + ยานอนหลับ ทุกๆวันเพื่อให้แกไม่ต้องทนทรมาน

และต้นเดือน พย. ที่ผ่านมานี้ อาการแกทรุดลงหนัก ถึงขั้นแทบไม่สามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ เรียกได้ว่า ใกล้เข้าสู่ End stage ของชีวิตท่านแล้ว ทางผมที่ต้องลาออกงานมาดูแลท่านตั้งแต่ กลางปี ได้เฝ้าติดตามดูความเป็นไปของแก และพยายามทำให้แกมีความสุข และผ่อนคลายที่สุดแล้ว ทั้งในการพูดคุย เล่นมุขตลก หรือแม้กระทั่งให้ฟังคำสอนเกี่วกับเรื่อง ปล่อยวาง เพราะอยากให้บั้นปลายสุดท้ายชีวิตแก จากไปอย่างสงบสุข

แต่หลังจากแกทรุดหนัก แกมีอาการ acute confuse ร่วมจนถึงขั้น อัลไซเมอร์ ร่วมมาด้วย ผมแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลางวันแกจะพูดง่าย ว่าฟัง ดูแลง่ายมาก  แต่พอตกกลางดึก แกจะพยายาม ลุกเดิน จะพูดเพ้อถึงเรื่องอดีต แม้จะให้ยานอนหลับก็เอาแทบไม่อยู่  และตอนนี้ ปู่กลายเป็๋นคนหวงของ ทั้งๆที่เมื่อก่อน แกเป็นแต่ผู้ให้มาตลอด แกจะถามหาสมบัติแกทุกชั้น ให้เอามาไว้ใกล้ๆแก เงินที่ใครเอาไปไม่คืนแกก็จะถามหา ที่ดินหรือที่ทำกินที่เคยให้คนอื่นทำได้ฟรี แกก็จะทวงถามอยู่ตลอด

*** จริงๆแล้วปู่ท่านเป็นผู้ให้มาตลอด ท่านบวชเรียน เป็นที่รักของคนในชุมชน รวมถึงเป็นคนคอยประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ให้คนใยชุมชน เป็นที่พึ่งและผู้ให้ของคนในชุมชนมาตลอด ***

หนักสุดคือ บังคับ คุณย่าไป ถอนเงินมาให้ 1 แสน เพื่อเอามาไว้อยู่กับตัวแกที่ข้างเตียง แกให้เหตุผลว่าที่ต้องทำแบบนี้ เพราะ "ถ้าปู่ตายไปไม่มีเงินใช้จะทำยังไง" ผมสงสารแกมากครับ ผมพยายามหลายทางให้แก มีความรู้สึกปล่อยวางให้ได้ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแบบนี้ อยากให้ถ้าวันหนึ่งท่านต้องไปจริงๆ อยากให้ ณ ขณะนั้นแกได้จากไปอย่างสงบ

ผมทำใจได้นะครับหากวันหนึ่งท่านจะปุบปับ จากไปแต่ผมทำใจลำบากจริงๆ หากท่านจากไปโดยมีแต่ห่วง มีแต่ยึดติดกับวัตถุ
ผมคุยกับแม่ ท่านบอกว่า เราก็ต้องปล่อยวางด้วยเช่นกัน ว่านี่อาจเป็นสิ่งที่ท่านปู่ต้องเผชิญก่อนจากไป เราต้องยอมรับที่ท่านเป็นแบบนี้ให้ได้

***************************************
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกข้อคิดเห็นล่วงหน้านะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
ไม่ทราบว่าแพทย์ที่ให้ Morphine เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านความเจ็บปวดหรือเปล่าคะ? คาดว่าไม่ใช่ เพราะขนาดยาต่ำมาก และเป็นยาตัวเดียว อาจต้องปรับยา ยานอนหลับมีหลายตัว บางตัวยิ่งทำให้สับสน ให้ปรับยาใหม่ คุณ จขกท ไปปรึกษาแพทย์ดูค่ะ

เราดูพี่ชายซึ่งเป็นมะเร็งมาแล้ว 3 คน เข้าใจความรู้สึกดีค่ะ พี่คนแรกก็เป็นมะเร็งโคนลิ้น อาการคล้ายกันกับปู่ของคุณ รู้ก็ระยะ 4 ลามมาที่ปอดแล้ว ก็เลือกแค่ฉายแสงกับเคมีบำบัด แต่ดูแล้วเนื้อมะเร็งไม่ตอบสนองต่อการรักษา ก็ปรับเป็นแค่ Palliative เหมือนกัน

ก็ใส่สายให้อาหารทางจมูก เจาะคอให้หายใจ ตอนหลังก้อนใหญ่ขึ้น ปรับเป็นเจาะให้อาหารทางหน้าท้อง พากลับมาดูแลที่บ้าน ยาแก้ปวดให้เต็มที่ค่ะ มีบ้างที่เพ้อๆจาก Morphine

เราใช้วิธีเปิดเพลงให้ฟัง ใช้ Aroma therapy ช่วยด้วย ใช้ลาเวนเดอร์ค่ะ ประคบร้อน ประคบเย็น นวดตัว ครบเลย เพลงทีเปิดก็เพลงที่เขาชอบ พี่พูดไม่ได้แล้ว ต้องเขียนเอา คนดูแลไม่เข้าใจนี่ตีเลย กับพี่สะใภ้นี่พี่เราทั้งตีทังดุ แต่เราไม่มีปัญหานะ เราเข้าใจเขา ไม่บังคับ อยากนอนก็นอน ไม่ง่วงก็ตื่น ดูหนังฟังเพลงไปค่ะ ตอนเย็นอยากเดินเล่น ก็พาไป ตามใจ เดินเหนื่อยไหม กลางคืนหลับดีเลย

เราใช้วิธีสลับคนดูแล เราจะมีคนสลับกันช่วยดูให้ช่วงเย็นหลังเลิกงาน พี่สะใภ้จะไปหาอะไรกินไปเดินเล่นซื้ิอของ กลับมาคือค่ำละ พี่ชายเริ่มเข้านอน และพี่สะใภ้จะได้พักเต็มๆ 1 วัน ออกไปเลยแต่เช้ากลับมาก็มืดเลย

คนป่วยเครียด คนดูแลเครียดกว่าค่ะ

คนนี้เสียที่บ้าน  หลับไปเช้าปลุกไม่ตื่น เราก็เปิดเพลงตลอดเวลา ให้ยาตามปกติ แต่ไม่ได้ให้อาหาร ตามญาติมาล้อมเตียง นั่งคุยกันไป ไม่ให้ใครร้องไห้ ใครร้อง ออกจากห้องไป แล้วพี่เขาก็หลับไปอย่างนั้นค่ะ แต่ช่วงสุดท้ายแม่ก็ไม่อยู่ในห้องเลย เพราะแกเริ่มหอบหายใจ แม่ก็ทนดูไม่ได้ แต่ลูกคนป่วยนี่เราให้นั่งข้างเตียงจับมือตลอด

คนดูแลทำใจยังไง ทำใจว่าสักวันเราเป็นเหมือนเขา เราอยากได้อะไร อยากทำอะไร ก็ทำให้เขาอย่างนั้นค่ะ ความตายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเผชิญ ไม่ช้าก็เร็วค่ะ

มีอะไรสงสัย อยากได้คนคุย หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วงบั้นปลายของชีวิตพ่อเรา  มีผู้ใหญ๋สอนเรามาค่ะ
ให้ทำสังฆทานชุดใหญ่ เอาผ้าไตรมาให้พ่อเราอนุโมทนาค่ะ
เราบอกพ่อว่าของทั้งหมดนี้จะนำไปถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
ขออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของพ่อได้โมทนาและอโหสิกรรมให้พ่อเราด้วย

เอาเงินใส่ซองมาให้พ่ออนุโมทนา
บอกพ่อว่าเงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม
และขอให้เป็นทรัพย์ที่ให้พ่อได้มีใช้ไม่มีหมดในภพภูมิใหม่
ลองดูมั้ยคะ บอกท่านว่าให้ท่านอนุโมทนาบุญ  เงินแสนหนึงใช้ก็หมดแต่เงินที่คุณปู่โมทนาหยิบเท่าไหร่ก็ไม่หมดนะ  เผื่อท่านจะสบายใจขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่