
ขอนุญาต ชาวพันทิพทุกท่าน รีวิวหูฟังที่เพิ่งซื้อมาหน่อยนะครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายด้วยการวิ่งอย่างเป็นชีวิตจิตใจแล้ว ยิ่งถ้าได้ฟังเพลงที่เราชื่นชอบในขณะที่วิ่งไปด้วยเนี่ยนะ มันเป็นอะไรที่ทำให้การวิ่งออกกำลังกายของเราเป็นสิ่งที่ทำแล้วสนุกสุดยอด และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป จริงไหมครับ
วันนี้ผมจะมาทดสอบหูฟังบลูทูธสำหรับออกำลังกายตัวนี้กันครับ
Panasonic RP-BTS 10 ชื่อเหมือนรถไฟฟ้าประเทศนึงเลยนะ 555 เรามาเริ่มจากแกะกล่องกันเลยดีกว่าก็พบว่ามันในขนาดแพคเกจที่ดูก็รู้เลยว่าใช้สำหรับการออกกำลังกาย โดยเฉพาะจริงๆ ด้านบนเห็นชัดเจน Bluetooth ซึ่งรุ่นนี้เป็นเวอร์ชั่น 4.1 โอ้ววว...ไม่ธรรมดา
พร้อมกับภาพขาวดำของนักกีฬาและแถบสีฟ้าคาดกลางกล่องที่บอกคุณสมบัติที่น่าสนใจ เช่นการกันน้ำ การชาร์จที่รวดเร็ว แต่ใช้ได้นาน คือชาร์จเพียง 20 นาที ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 1 ชั่วโมงหรือชาร์จเต็มที่ก็ใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง 20 นาที เสียบชาร์จผ่านสาย USB ผมว่าแค่นี้ก็มากพอ สำหรับการวิ่งฝึกซ้อมที่บ้าน หรือตามที่ต่างได้สบาย ตัวที่ได้มาทำการทดสอบนี้ เราได้เจ้าตัวสีขาวนี้มา ซึ่งมีทั้งหมด 4 สี คือ ดำ ขาว น้ำเงิน และเขียว เห็นแล้วก็ อืมม...(เสียงครางเบาๆ ในลำคอ) เลยนะ
มันก็ดูดีเหมือนกันนะได้รับการออกแบบมาให้สามารถกันน้ำกระเซ็นได้ในระดับมาตรฐาน IPX2 เป็นหูฟังในแบบที่เรียกกันว่า Earbud ซึ่งมีลักษณะของก้านหูฟังที่ ดูคล้ายกับปีกนก Wings ซึ่งแน่นนอนว่ามันจะต้องเกี่ยวและคล้องกับใบหูเราได้กระชับ แน่นไม่หลุดง่าย แรกๆ สำหรับคนที่ไม่เคยใส่หูฟังแนวนี้ ก็อาจจะใส่ยากหน่อย แต่พอคุ้นชินแล้วก็ไม่ยากนะครับ และยังปรับให้มันกระชับพอดีได้อีกด้วยโดยการเลื่อนแถบสีเทาสะท้อนแสงที่มีโลโก้พานาโซนิค ขึ้นลง และสายคล้องคอ ก็ปรับความยาวได้อีกเช่นกันโดยมีที่ล็อคสายที่สามารถเลื่อนเข้า-ออก ได้ตามความต้องการกันเลยจ้า น้ำหนักเพียง 22 กรัมที่เบาจนทำให้เรารู้สึกเลยว่าเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ดังนั้นเวลาวิ่งก็จะไม่รู้สึกว่ามีแรงกดที่ใบหูเราเลยนะขอบอกหุหุ...
ตอนนี้ก็ได้เวลาเอามาใส่ทดสอบกันแล้ว เรื่องการจับคู่บลูทูธคงไม่ต้องบอกกันแล้วมั้งครับว่าทำอย่างไร เลือกจับคู่ที่มันจะขึ้นว่า RP-BTS 10 เลือกแค่นั้นก็ใช้งานได้ล่ะ ปุ่มปรับการใช้งานจะอยู่ที่ก้านใบหูด้านขวานะครับ จะมีด้วยกัน 3 ปุ่ม คือ ปุ่ม + เพิ่มเสียง และเล่นเพลงถัดไป ปุ่ม Power เปิดปิด รับสายวางสาย และปุ่ม - ลดเสียง และเล่นเพลงก่อนหน้า ในขั้นแรกใน ขอแนะนำการใช้งานง่ายๆ แค่นี้ก่อนนะครับ หรือจะเปิดคู่มือทำความเข้าใจก็ได้ไม่ยากจ้าาา
ก่อนอื่นเลือกเพลงที่จะใช้ฟังในการวิ่งของเรา ง่ายมากเลยครับ เอาเพลงที่ชอบและเป็นเพลงจังหวะสนุกๆ ความยาวเผื่อไว้ที่ 1 ชั่วโมงก็น่าจะพอ เพลงเศร้าซึ้งๆ ไม่เหมาะนะครับ เพราะเคยฟังแล้วมั่วแต่นึกถึงความหลังทำเอาฝีเท้าตกลงไปเหมือนกันนะครับ 555 เอาเป็นว่าจังหวะมีผลต่อการลงเท้าแล้วกันนะ เร่งวอลลุ่มไปจนเกือบสุด แล้วเริ่มฟัง….
แรกสัมผัสของเสียงเพลงที่ส่งผ่านออกมาบอกได้เลยว่ามันให้เสียงที่ Flat เอามากๆ เลยนะ คือไม่ปรุงแต่งอะไรเป็นพิเศษ บันทึกเสียงมายังไงก็ไปอย่างนั้น อันนนี้ชอบเป็นการส่วนตัว เสียงกลางโปร่งใสทำให้เสียงร้องออกมาได้ชัดกังวานและพุ่งออกมาข้างหน้าในตำแหน่ง Headtone มีปลายแหลม ที่กุ๋งกิ๋งน่ารัก สเตจของเสียงกว้างมากเลย เปรียบเหมือนเราวิ่งไปกับนักตรีที่วิ่งขนาบข้างๆ เราไปฝั่งละ 4-5 คน แม่เจ้า! นี่เราวิ่งหรือแห่ขันหมากกันแน่ (ฮา) แน่นอนครับเบสมีกลองมีนะ แต่ไม่มากจนหนาเทอะทะไปกวนย่านอื่น ของเพลงที่กำลังฟัง ลองฟังดีๆ เพราะเค้ามี Bass Boost Design เสียงเบสจะโฟกัสและลงลึก กระชับ ไม่แตกพร่านะจ๊ะ เพราะตัวไดร์เวอร์รุ่นนี้เค้าทำมาจากนีโอไดเมี่ยม 14.3 มม.เป็นวัสดุที่ให้เสียงที่ดีตัวนึง เอาจริงๆ จะบอกว่าการวิ่งในระยะทางที่ไกลๆ มากกว่า 10 Km. นี่เสียงเบสหนักๆ เราแทบจะไม่ต้องการกันเลยนะ เพราเคยฟังแล้ว มันกดดันคนวิ่งในขณะที่กำลังเหนื่อยสุดๆ ทำให้เหนื่อยขึ้นไปอีก เปิดเบาก็ไม่ได้ยิน แต่หูฟังตัวนี้ โดยส่วนตัวที่ได้ทดสอบมาแล้ว มันตอบโจทย์ของผมได้ดีมากเลยนะ เพราะ ด้วยความที่มันเป็นเอียร์บัด ก็มีข้อดีที่ทำให้เราได้ยินเสียงแวดล้อมรอบข้างได้ชัดอยู่ ทำให้เวลาวิ่งไปตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ก็จะช่วยให้เราหลบหลีกอันตรายจากรถราได้นะ อีกอย่างนึงของการเป็นเอียร์บัดก็คือเหงื่อออกแล้วไม่เข้าในหูฟังแน่นอนเพราะมันไม่ได้แนบจนชิดกับรูหูของเราจนทำให้เหงื่อไหลซึมเข้าง่ายๆ เพราะถ้ามันเข้าได้ เราจะวิ่งไปเหมือนคนดำน้ำไปด้วยวิ่งไปด้วย กลายเป็นนักวิ่งไตรกีฬาเลยนะ 555
แล้วข้อดีอีกอย่างที่ชอบมากก็คือเสียงกลางที่ชัดใสมากขนาดนี้เวลาเปิดเบาๆ ก็ยังฟังได้ชัดเจนอยู่นะ รู้เลยว่าเนื้อร้อง ร้องยังไง แล้วเวลาที่เปิด App สำหรับวิ่งจะมีเสียงบอกสถานะการวิ่ง ก็จะฟังได้ชัดแจ๋วเลยว่าอะไรยังไง แบบนี้แหละสำหรับคนที่วิ่งอยู่เป็นประจำ คุณก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเลยจริงไหม ยิ่งราคาและน้ำหนักที่เบาจนรู้สึกอืมมม...ต้องลองจัดมาใช้สักตัวแล้ววว..
ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ลำเอียง แต่ก็ไม่มีตังค์ด้วยเช่นกัน 555 เลยไปยืมหูฟังเพื่อนที่เล่นคนละค่ายมารีวิวเปรียบเทียบกันนะครับเอาแบบสั้นๆ ไม่ยาวมาก เพราะตอนนี้คนเขียนเองแรงเริ่มหมดแล้ว นานๆ จะวิ่งที 555
1. Sony MDR-XB50BS Bluetooth 4.1 กันน้ำ กันฝุ่น น้ำหนัก 22 กรัม ชาร์จ 2.5 ชม.
ฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน 8.5 ชม. ข้อดีของรุ่นนี้ คือนอกจากจะเชื่อมต่อกันด้วยบลูทูธแล้ว ยังเชื่อมต่อด้วย NFC สะดวกยิ่งขึ้น แต่อาจจะแลกมาด้วยการสูบแบตเตอรรี่ให้หมดไปไวกว่าปกติ การสวมใส่ก็แน่นกระชับได้ดีมากเลยทีเดียว และด้วยความที่ไปเน้นความหนักแน่นของเสียงเบสที่จัดเต็มมามากในรุ่นนี้ เสียงเบสที่ได้มา จึงมีความหนาและบวมอย่างชัดเจน จนบางที่ไปกวนย่านเสียงกลางและปลายเสียงแหลมในบางช่วงของการฟังเพลง ซึ่งแน่นอนว่าเพลงในแนวจังหวะสนุกๆ เร้าใจ แบบ EDM ก็ทำได้ถึงใจวัยรุ่นแน่นอน อย่างเช่นเพลง Panama ของ Matteo ก็สุกจนตัวโยกเลยนะ 555
แต่ถ้าเอามาฟังเพลงในแนวอคูสติก ก็จะไม่ไพเราะเท่าที่ควร เพราะเบสที่มากันค่อนข้างเยอะแบบนี้ จะมีเสียงกระพือเบาๆ จนสังเกตได้ เวลาที่เราเอามาใส่ออกไปวิ่ง ด้วยความที่เป็นหูฟังประเภทอินเอียร์ ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี แต่ก็จะได้ยินเสียงตัวเองหายใจฟืดฟาาด รวมทั้งเสียงของการลงเท้าเวลาวิ่งก็จะมีเสียงดัง..ปึกๆๆ ชัดเจน จนต้องเร่งเสียงให้ดังขึ้นไปกว่าเดิมอีกเล็กน้อยเพื่อกลบเสียงที่ว่านี้ แต่แน่ล่ะว่า..พอเพลงจบก็จะได้ยินเสียงหายใจบวกเสียงเท้ากลับมาอีกครั้งได้อย่างชัดเจน ดังนั้นถ้าจะให้ดีฟังเวลานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเงียบๆ น่าจะดีกว่า แต่นี่มันหูฟังเพื่อการออกกำลังกายนี่นา...555
2. JVC HA-F250BT Bluetooth 3.0 กันน้ำ กันฝุ่น น้ำหนัก 15 กรัม ชาร์จ 2 ชม. ฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน 7 ชม. เป็นหูฟังออกกำลังกายประเภทอินเอียร์ ที่ให้เสียงที่หม่นไม่สดใสท่าที่ควร เพราะทุกย่านของความถี่เสียงทำได้เท่าๆ กัน อาจจะตั้งใจให้ฟังได้ทุกแนวเพลง เลยขาดความโปร่งของเสียงร้อง และความเป็นประกายของปลายเสียงแหลมในเพลงที่ฟังไปอย่างที่ควรจะเป็น
ซาวด์เสตจถึงแม้จะกว้างขวางดีในระดับหนึ่งแต่เมื่อขาดความสดของเนื้อเสียง ยิ่งเป็นเสียงร้องอีกด้วย ก็ทำให้เพลงที่ได้ฟังกลายเป็นดาร์กมิวสิคไปเลยนะ 555 ทำให้ถ้าฟังไปนานๆ เกินครึ่งชั่วโมง อาจจะล้าหูได้ง่ายๆ เหมือนกันนะ แต่สิ่งที่ชอบเลยก็คือการออกแบบ ที่ทำออกมาเรียบง่าย ใช้งานสะดวก ติดแน่นหูพอสมควร ดูเหมือนจะหลุดง่าย แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยนะครับ อันนี้โอเคจ้าาา
ถ้าจะให้สรุปผลการทดสอบเป็นตารางดูกันง่ายๆ ก็จะได้ภาพประมาณนี้นะครับ และที่ผมให้พานาเป็นหลักเพราะผมซื้อเอง 555 (ล้อเล่นน่ะครับ

) เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะได้ค่าดาวประมาณนี้ครับ
อ่านกันมาถึงตอนนี้คงต้องอาศัยความชอบและรสนิยมในการฟังเพลงของแต่ละท่านแล้วล่ะครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการที่เราได้มีเวลาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองนั้นก็ถือว่าได้ให้ของขวัญกับตัวเองได้มีชีวิตยืนยาวกันต่อไป แค่ก้าวกันคนละก้าวสองก้าวก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย 555 และก็ขอส่งแรงใจตามเชียร์พี่ตูนให้วิ่งเพื่อ 11 โรงพยาบาลได้ครบสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้นะครับ สำหรับใครที่ถือเอาโอกาสนี้เป็นแรงบันดาลใจที่ปลุกให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายก็ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ท้าทายที่สุดแล้วล่ะจ้า ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อน สวัสดีครับ
[CR] วัดกันจะๆ กับหูฟังใส่ออกกำลังกายของพานา Review โลด!!!
ขอนุญาต ชาวพันทิพทุกท่าน รีวิวหูฟังที่เพิ่งซื้อมาหน่อยนะครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายด้วยการวิ่งอย่างเป็นชีวิตจิตใจแล้ว ยิ่งถ้าได้ฟังเพลงที่เราชื่นชอบในขณะที่วิ่งไปด้วยเนี่ยนะ มันเป็นอะไรที่ทำให้การวิ่งออกกำลังกายของเราเป็นสิ่งที่ทำแล้วสนุกสุดยอด และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป จริงไหมครับ
วันนี้ผมจะมาทดสอบหูฟังบลูทูธสำหรับออกำลังกายตัวนี้กันครับ Panasonic RP-BTS 10 ชื่อเหมือนรถไฟฟ้าประเทศนึงเลยนะ 555 เรามาเริ่มจากแกะกล่องกันเลยดีกว่าก็พบว่ามันในขนาดแพคเกจที่ดูก็รู้เลยว่าใช้สำหรับการออกกำลังกาย โดยเฉพาะจริงๆ ด้านบนเห็นชัดเจน Bluetooth ซึ่งรุ่นนี้เป็นเวอร์ชั่น 4.1 โอ้ววว...ไม่ธรรมดา
พร้อมกับภาพขาวดำของนักกีฬาและแถบสีฟ้าคาดกลางกล่องที่บอกคุณสมบัติที่น่าสนใจ เช่นการกันน้ำ การชาร์จที่รวดเร็ว แต่ใช้ได้นาน คือชาร์จเพียง 20 นาที ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 1 ชั่วโมงหรือชาร์จเต็มที่ก็ใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง 20 นาที เสียบชาร์จผ่านสาย USB ผมว่าแค่นี้ก็มากพอ สำหรับการวิ่งฝึกซ้อมที่บ้าน หรือตามที่ต่างได้สบาย ตัวที่ได้มาทำการทดสอบนี้ เราได้เจ้าตัวสีขาวนี้มา ซึ่งมีทั้งหมด 4 สี คือ ดำ ขาว น้ำเงิน และเขียว เห็นแล้วก็ อืมม...(เสียงครางเบาๆ ในลำคอ) เลยนะ
มันก็ดูดีเหมือนกันนะได้รับการออกแบบมาให้สามารถกันน้ำกระเซ็นได้ในระดับมาตรฐาน IPX2 เป็นหูฟังในแบบที่เรียกกันว่า Earbud ซึ่งมีลักษณะของก้านหูฟังที่ ดูคล้ายกับปีกนก Wings ซึ่งแน่นนอนว่ามันจะต้องเกี่ยวและคล้องกับใบหูเราได้กระชับ แน่นไม่หลุดง่าย แรกๆ สำหรับคนที่ไม่เคยใส่หูฟังแนวนี้ ก็อาจจะใส่ยากหน่อย แต่พอคุ้นชินแล้วก็ไม่ยากนะครับ และยังปรับให้มันกระชับพอดีได้อีกด้วยโดยการเลื่อนแถบสีเทาสะท้อนแสงที่มีโลโก้พานาโซนิค ขึ้นลง และสายคล้องคอ ก็ปรับความยาวได้อีกเช่นกันโดยมีที่ล็อคสายที่สามารถเลื่อนเข้า-ออก ได้ตามความต้องการกันเลยจ้า น้ำหนักเพียง 22 กรัมที่เบาจนทำให้เรารู้สึกเลยว่าเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ดังนั้นเวลาวิ่งก็จะไม่รู้สึกว่ามีแรงกดที่ใบหูเราเลยนะขอบอกหุหุ...
ตอนนี้ก็ได้เวลาเอามาใส่ทดสอบกันแล้ว เรื่องการจับคู่บลูทูธคงไม่ต้องบอกกันแล้วมั้งครับว่าทำอย่างไร เลือกจับคู่ที่มันจะขึ้นว่า RP-BTS 10 เลือกแค่นั้นก็ใช้งานได้ล่ะ ปุ่มปรับการใช้งานจะอยู่ที่ก้านใบหูด้านขวานะครับ จะมีด้วยกัน 3 ปุ่ม คือ ปุ่ม + เพิ่มเสียง และเล่นเพลงถัดไป ปุ่ม Power เปิดปิด รับสายวางสาย และปุ่ม - ลดเสียง และเล่นเพลงก่อนหน้า ในขั้นแรกใน ขอแนะนำการใช้งานง่ายๆ แค่นี้ก่อนนะครับ หรือจะเปิดคู่มือทำความเข้าใจก็ได้ไม่ยากจ้าาา
ก่อนอื่นเลือกเพลงที่จะใช้ฟังในการวิ่งของเรา ง่ายมากเลยครับ เอาเพลงที่ชอบและเป็นเพลงจังหวะสนุกๆ ความยาวเผื่อไว้ที่ 1 ชั่วโมงก็น่าจะพอ เพลงเศร้าซึ้งๆ ไม่เหมาะนะครับ เพราะเคยฟังแล้วมั่วแต่นึกถึงความหลังทำเอาฝีเท้าตกลงไปเหมือนกันนะครับ 555 เอาเป็นว่าจังหวะมีผลต่อการลงเท้าแล้วกันนะ เร่งวอลลุ่มไปจนเกือบสุด แล้วเริ่มฟัง….
แรกสัมผัสของเสียงเพลงที่ส่งผ่านออกมาบอกได้เลยว่ามันให้เสียงที่ Flat เอามากๆ เลยนะ คือไม่ปรุงแต่งอะไรเป็นพิเศษ บันทึกเสียงมายังไงก็ไปอย่างนั้น อันนนี้ชอบเป็นการส่วนตัว เสียงกลางโปร่งใสทำให้เสียงร้องออกมาได้ชัดกังวานและพุ่งออกมาข้างหน้าในตำแหน่ง Headtone มีปลายแหลม ที่กุ๋งกิ๋งน่ารัก สเตจของเสียงกว้างมากเลย เปรียบเหมือนเราวิ่งไปกับนักตรีที่วิ่งขนาบข้างๆ เราไปฝั่งละ 4-5 คน แม่เจ้า! นี่เราวิ่งหรือแห่ขันหมากกันแน่ (ฮา) แน่นอนครับเบสมีกลองมีนะ แต่ไม่มากจนหนาเทอะทะไปกวนย่านอื่น ของเพลงที่กำลังฟัง ลองฟังดีๆ เพราะเค้ามี Bass Boost Design เสียงเบสจะโฟกัสและลงลึก กระชับ ไม่แตกพร่านะจ๊ะ เพราะตัวไดร์เวอร์รุ่นนี้เค้าทำมาจากนีโอไดเมี่ยม 14.3 มม.เป็นวัสดุที่ให้เสียงที่ดีตัวนึง เอาจริงๆ จะบอกว่าการวิ่งในระยะทางที่ไกลๆ มากกว่า 10 Km. นี่เสียงเบสหนักๆ เราแทบจะไม่ต้องการกันเลยนะ เพราเคยฟังแล้ว มันกดดันคนวิ่งในขณะที่กำลังเหนื่อยสุดๆ ทำให้เหนื่อยขึ้นไปอีก เปิดเบาก็ไม่ได้ยิน แต่หูฟังตัวนี้ โดยส่วนตัวที่ได้ทดสอบมาแล้ว มันตอบโจทย์ของผมได้ดีมากเลยนะ เพราะ ด้วยความที่มันเป็นเอียร์บัด ก็มีข้อดีที่ทำให้เราได้ยินเสียงแวดล้อมรอบข้างได้ชัดอยู่ ทำให้เวลาวิ่งไปตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ก็จะช่วยให้เราหลบหลีกอันตรายจากรถราได้นะ อีกอย่างนึงของการเป็นเอียร์บัดก็คือเหงื่อออกแล้วไม่เข้าในหูฟังแน่นอนเพราะมันไม่ได้แนบจนชิดกับรูหูของเราจนทำให้เหงื่อไหลซึมเข้าง่ายๆ เพราะถ้ามันเข้าได้ เราจะวิ่งไปเหมือนคนดำน้ำไปด้วยวิ่งไปด้วย กลายเป็นนักวิ่งไตรกีฬาเลยนะ 555
แล้วข้อดีอีกอย่างที่ชอบมากก็คือเสียงกลางที่ชัดใสมากขนาดนี้เวลาเปิดเบาๆ ก็ยังฟังได้ชัดเจนอยู่นะ รู้เลยว่าเนื้อร้อง ร้องยังไง แล้วเวลาที่เปิด App สำหรับวิ่งจะมีเสียงบอกสถานะการวิ่ง ก็จะฟังได้ชัดแจ๋วเลยว่าอะไรยังไง แบบนี้แหละสำหรับคนที่วิ่งอยู่เป็นประจำ คุณก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเลยจริงไหม ยิ่งราคาและน้ำหนักที่เบาจนรู้สึกอืมมม...ต้องลองจัดมาใช้สักตัวแล้ววว..
ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ลำเอียง แต่ก็ไม่มีตังค์ด้วยเช่นกัน 555 เลยไปยืมหูฟังเพื่อนที่เล่นคนละค่ายมารีวิวเปรียบเทียบกันนะครับเอาแบบสั้นๆ ไม่ยาวมาก เพราะตอนนี้คนเขียนเองแรงเริ่มหมดแล้ว นานๆ จะวิ่งที 555
1. Sony MDR-XB50BS Bluetooth 4.1 กันน้ำ กันฝุ่น น้ำหนัก 22 กรัม ชาร์จ 2.5 ชม.
ฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน 8.5 ชม. ข้อดีของรุ่นนี้ คือนอกจากจะเชื่อมต่อกันด้วยบลูทูธแล้ว ยังเชื่อมต่อด้วย NFC สะดวกยิ่งขึ้น แต่อาจจะแลกมาด้วยการสูบแบตเตอรรี่ให้หมดไปไวกว่าปกติ การสวมใส่ก็แน่นกระชับได้ดีมากเลยทีเดียว และด้วยความที่ไปเน้นความหนักแน่นของเสียงเบสที่จัดเต็มมามากในรุ่นนี้ เสียงเบสที่ได้มา จึงมีความหนาและบวมอย่างชัดเจน จนบางที่ไปกวนย่านเสียงกลางและปลายเสียงแหลมในบางช่วงของการฟังเพลง ซึ่งแน่นอนว่าเพลงในแนวจังหวะสนุกๆ เร้าใจ แบบ EDM ก็ทำได้ถึงใจวัยรุ่นแน่นอน อย่างเช่นเพลง Panama ของ Matteo ก็สุกจนตัวโยกเลยนะ 555
แต่ถ้าเอามาฟังเพลงในแนวอคูสติก ก็จะไม่ไพเราะเท่าที่ควร เพราะเบสที่มากันค่อนข้างเยอะแบบนี้ จะมีเสียงกระพือเบาๆ จนสังเกตได้ เวลาที่เราเอามาใส่ออกไปวิ่ง ด้วยความที่เป็นหูฟังประเภทอินเอียร์ ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี แต่ก็จะได้ยินเสียงตัวเองหายใจฟืดฟาาด รวมทั้งเสียงของการลงเท้าเวลาวิ่งก็จะมีเสียงดัง..ปึกๆๆ ชัดเจน จนต้องเร่งเสียงให้ดังขึ้นไปกว่าเดิมอีกเล็กน้อยเพื่อกลบเสียงที่ว่านี้ แต่แน่ล่ะว่า..พอเพลงจบก็จะได้ยินเสียงหายใจบวกเสียงเท้ากลับมาอีกครั้งได้อย่างชัดเจน ดังนั้นถ้าจะให้ดีฟังเวลานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเงียบๆ น่าจะดีกว่า แต่นี่มันหูฟังเพื่อการออกกำลังกายนี่นา...555
2. JVC HA-F250BT Bluetooth 3.0 กันน้ำ กันฝุ่น น้ำหนัก 15 กรัม ชาร์จ 2 ชม. ฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน 7 ชม. เป็นหูฟังออกกำลังกายประเภทอินเอียร์ ที่ให้เสียงที่หม่นไม่สดใสท่าที่ควร เพราะทุกย่านของความถี่เสียงทำได้เท่าๆ กัน อาจจะตั้งใจให้ฟังได้ทุกแนวเพลง เลยขาดความโปร่งของเสียงร้อง และความเป็นประกายของปลายเสียงแหลมในเพลงที่ฟังไปอย่างที่ควรจะเป็น
ซาวด์เสตจถึงแม้จะกว้างขวางดีในระดับหนึ่งแต่เมื่อขาดความสดของเนื้อเสียง ยิ่งเป็นเสียงร้องอีกด้วย ก็ทำให้เพลงที่ได้ฟังกลายเป็นดาร์กมิวสิคไปเลยนะ 555 ทำให้ถ้าฟังไปนานๆ เกินครึ่งชั่วโมง อาจจะล้าหูได้ง่ายๆ เหมือนกันนะ แต่สิ่งที่ชอบเลยก็คือการออกแบบ ที่ทำออกมาเรียบง่าย ใช้งานสะดวก ติดแน่นหูพอสมควร ดูเหมือนจะหลุดง่าย แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยนะครับ อันนี้โอเคจ้าาา
ถ้าจะให้สรุปผลการทดสอบเป็นตารางดูกันง่ายๆ ก็จะได้ภาพประมาณนี้นะครับ และที่ผมให้พานาเป็นหลักเพราะผมซื้อเอง 555 (ล้อเล่นน่ะครับ
อ่านกันมาถึงตอนนี้คงต้องอาศัยความชอบและรสนิยมในการฟังเพลงของแต่ละท่านแล้วล่ะครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการที่เราได้มีเวลาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองนั้นก็ถือว่าได้ให้ของขวัญกับตัวเองได้มีชีวิตยืนยาวกันต่อไป แค่ก้าวกันคนละก้าวสองก้าวก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย 555 และก็ขอส่งแรงใจตามเชียร์พี่ตูนให้วิ่งเพื่อ 11 โรงพยาบาลได้ครบสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้นะครับ สำหรับใครที่ถือเอาโอกาสนี้เป็นแรงบันดาลใจที่ปลุกให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายก็ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ท้าทายที่สุดแล้วล่ะจ้า ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อน สวัสดีครับ