สวัสดีค่ะ
คือเรารู้สึกกังวลใจมากเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่คบกับแฟนเก่า เรามีประสบการณ์นี้มาแล้วคือ... "หลังจากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่"
แฟนบอกเราว่าผญคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมงาน เห็นเค้าเดินออกมาจากที่ทำงานมืดๆ เลยมีน้ำใจไปส่ง ปกติกลับไวมาก แต่อยู่ๆบางวันก็รถติดชม.กว่าซะงั้น
แฟนเก่าเราถ่ายรูปให้ดูทุกอย่าง บางวันเค้าก็ไม่กินข้าวกลางวัน เราก็งงนะ ยังถามเค้าว่าไม่หิวหรอ เวลาไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน ก็จะมีผญคนนี้อยู่ในรูปที่ส่งมาตลอด เราก็ถามนะว่าผญคนนี้เป็นใคร เค้าก็บอกว่าเพื่อนร่วมงาน บอกว่านางมีแฟนแล้ว สุดท้าย...
หลังเลิกกันไปเพราะว่า เค้าแอบไปมีอะไรกับคนอื่น อันนี้ถือว่าพี้คแล้วนะคะ ที่พี้คกว่าคือ...
หลังจากี่เลิกกันมาหลายเดือน เรามีแฟนใหม่ไปแล้ว พอดีแฟนที่คบปัจจุบันเค้ามีเฟส
เค้าเลยแคปรูปส่งมาบอกว่า " ไอนั่นมีแฟนใหม่ละนี่ " เราไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ก็เฉยๆไป เพราะคิดว่าดีแล้วที่เลิกกับคนเลวๆมาได้
แต่พอเห็นรูปเท่านั้นแหละ... ผ่าง‼ เราถึงกับพูดกับแฟนเลยว่า ... "หืมมม... นี่มันผญคนนั้นนี่หว่า" เราก็เล่าให้แฟนเราฟัง แฟนเราพูดเลยว่า
" ไอนี่มันนรกส่งมาเกิดโดยแท้ "
*** ผญที่เค้าแอบไปมีอะไรด้วยไม่ใช่คนนี้ แต่เป็นคนอื่นอีกหลายๆคน แต่คนนี้ก็ไม่แน่5555555 ***
นี่คือประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอมา...
ถ้าบอกว่าเราต้องเชื่อใจแฟนใหม่เราที่กำลังจะเปลี่นยนที่ทำงานมากๆ เราทำค่ะ
แต่เราก็ไม่รู้ว่า... นิสัยเบื้องลึกของแฟนใหม่เราจะกลับมาลูปเดิมรึป่าว เพราะขนาดแฟนเก่าเราคบมา3ปียังเลวได้ขนาดนี้
คือง่ายๆเราคิดหาคำตอบมาหลายวันมาก แต่เราได้มาแค่คำตอบเดียวคือ ... ไม่มีอะไรที่เราจะสามารถรู้ได้เลย เราก็เอาไปปรึกษาพ่อแม่เรานะ
พ่อเราบอกเราว่า "ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจเค้าล้วนๆ ถ้าคนมันจะอยู่กับเราจริงๆ เราไม่ต้องไปทำอะไรเลย ยังไงมันก็อยู่ เพราะก่อนที่เค้าจะเลือกคบกับเรา เค้าคุยกับผญตั้งหลายคน ผญส่วนมากก็อ่อย สร้างความประทับใจ เพื่อให้เค้าชอบ แต่เรา ตอนแรกที่เจอเราก็ชอบเค้า เค้าก็ชอบเรา เราไม่แสดงออกด้วยว่าชอบ แต่เราไม่คุยอะไรแบบคนจีบกันเลย ไม่หยอดอะไรทั้งนั้น คุยแบบเพื่อนเลย เพราะเราเจอแบบแฟนเก่าเข้าไปนี่เราถึงกับเลิกคุยแบบคนจีบกันเลยค่ะ คือเป็นตัวเองตั้งแต่ประโยคแรกที่เค้าทักมา " คือเราเปิดเผยเรื่องนี้กับที่บ้านมาก ส่วนฝั่งย้านแฟนเรา เค้าเรียกเราว่าหลานสะใภ้กันหมดเลยค่ะ ญาติพี่น้องเค้าทั้งหมด ส่วนพ่อแม่เค้าก็เรียกเราว่าลูก พ่อเค้าเคยพูดกับเราค่ะว่า พ่อกับแม่รักหนูเหมือนลูกแท้ๆเลยนะ พ่อแม่เรา2ฝ่ายเข้ากันได้ดีมากค่ะ พ่อแม่โอเคทั้งคู่ถ้าจะมาใช้ชีวิตร่วมกัน
ส่วนเหตุผลที่บ้านเค้าเอ็นดูเราขนาดนี้ก็เพราะว่า เราเป็นคนช่วยเหลือแฟนแทบทุกอย่างเวลาที่เค้าเดือดร้อน เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว งานบ้าน อาหารการกิน
เราสามารถจัดการได้ทุกอย่าง เวลาแฟนเราอยากลงทุนอะไร เราขะเป็นคนวางแผนการตลาดให้ตลอดจนการวางแผน Break even point ส่วนสิ่งที่เราไม่ช่วยเค้าคือ สิ่งที่เค้าสามารถแก้ปัญหาได้หรือสามารถทำได้ค่ะ เราจะบอกเค้าตลอดว่า ให้ลองทำลองแก้ก่อน ถ้าไม่ได้เราจะช่วยค่ะ คือถ้าพูดตรงๆคือ แฟนเราแทบไม่เก่งอะไรเลย สิ่งที่เค้าเก่งมากเลยคือการชงกาแฟค่ะ ทุกเมนูในร้านกาแฟเค้าทำได้หมดค่ะ และอร่อยด้วย
เพราะเป็นสิ่งที่เค้ารัก ถึงเค้าจะเป็นแบบนี้ แต่เชื่อมั้ยคะว่า เค้าไม่เคยทำให้เราลำบากหรือเหนื่อยเลย เวลาอยู่ด้วยกัน เราไม่เคยต้องร้องขอให้พาไปกินข้าว บางครั้งก่อนไปทำงานเค้าก็จะพาเราไปกินแล้วกลับมาส่งเราก่อนเค้าถึงไปทำงาน ไปกินข้าวทีก็ครึ่งทางกับที่ทำงานเค้าแล้ว เวลาเค้าอยากกินอะไรเราก็จะทำให้กินค่ะ หน้าที่เค้าคือขับรถพาเราไปซื้อของกับล้างจานล้างอุปกรณ์ที่ใช้ทำกับข้าว เก็บโต๊ะกินข้าวประมาณนี้คะ บางทีเราเห็นใจเค้านะ เราก็ไปกับเค้าเลย รอจนเลิกงานค่ะ ในระหว่างที่รอ เราก็ช่วยงานเค้าค้ะ งานในออฟฟิศของเค้า เพราะเค้าเป็นช่างภาพ เวลาหัวหน้าสั่งงานมาเราก็ช่วยเค้าทำตลอดค่ะ ยันทำความสะอาดออฟฟิศเลยค่ะ จนเราสนิทกับคนที่ที่ทำงานเค้า จนที่ทำงานเค้าจะจ้างเราไปทำงานในออฟฟิศด้วยแล้วค่ะตอนนี้ เวลาอยู่บ้านไม่เคยต้องร้องขอให้ซักผ้าให้ เพราะว่าเวลาซักผ้า เค้าไม่มาถามนะคะว่าซักตัวนี้มั้ยอะไรมั้ย ทุกอย่างเค้าเก็บซักให้หมดเลยค่ะ เราช่วยเค้าแค่พับใส่ตู้
*** ทุกอย่างที่เค้าทำ เค้าทำให้ด้วยตัวเองค่ะ เราไม่เคยร้องขอเลย ***
ส่วนตัวเรา ก็มีหน้าที่อยู่หลักๆเลยคือ เรียน ทำงาน (สอนพิเศษภาษาอังกฤษ) วันหยุดและเหลังเลิกเรียนบางวัน และช่วยแม่ขายของหลังเลิกเรียน ถ้าเลิกงานไวก็จะกลับมาช่วยแม่ขายของต่อ พอดีที่บ้านเราเปิดร้านอาหารค่ะ
ชีวิตประจำวันเราค่ะ (เรียน - ไปสอนหนังสือต่อ 6โมงเย็น-2ทุ่ม *บางวัน* - กลับมาช่วยแม่ต่อยันเก็บร้าน )
ตื่น7โมง เรียน+ทำงาน+ช่วยแม่ 9.00น.- 23.00น. นอนเที่ยงคืนไปแล้ว...
ปล. ตอนนี้เค้ากำลังเลือกว่าจะไปทำที่ไหน ซึ่ง1ในนั้นมีบริษัทของญาติห่างๆเราด้วย แล้วแฟนพี่สาวเราก็ทำงานอยู่ในนั้นแผนกเดียวกันกับที่เค้าอยากทำเลยค่ะ เราก็บอกเค้านะว่า เราอยากให้เค้าทำตรงนี้ ที่นี่มีหลายสิ่งที่เค้ารักอยู่ในงานคะ เค้าชอบเดินป่า ก็มีเข้าป่าไปถ่ายรูป ไปทะเล ก็มีไปทำงานที่ทะเล...
เป็นงานสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปกับเดินทางล้วนๆเลยค่ะ ถ้าโชคดีก็ได้ไปตปท.อีก เราว่ามันคือตัวตนเค้าเลยเพราะเราอยากสบายใจด้วย เราว่าเค้าน่าจะมีความสุขกับงานนี้ด้วยเพราะมีแต่สิ่งที่เค้ารัก อีกอย่างก็มีแฟนพี่เราเป็นเพื่อนไปเลยค่ะ เพราะเค้าเคยปรึกษาเรื่องงานกัน และเร็วๆนี้จะไปเที่ยวตปท.ด้วยกันอีกค่ะ เค้าก็บอกว่าเค้าเข้าใจเรานะ เค้ารู้ว่าเราเคยเจออะไรมา ทุกอย่างที่เราเคยเจอมาในอดีต เค้าเคยเจอเหมือนกันหมดค่ะ จากคนล่าสุดเหมือนกัน ส่วนพ่อเค้าพูดในทำนองที่สื่อว่าให้เราเป็นคนเลือกเลยค่ะ คือไม่ว่าเค้าจะทำอะไร เค้าจะมาปรึกษาเรา เอาเราเป็นหลักส่วนใหญ่ แล้วที่บ้านเค้าก็มีทัศนคติและความคิดไปในทางเดียวกันกับเราทุกอย่าง แต่เราก็จะให้เค้า50/50ค่ะ ความต้องการของเราแบบมีเหตุผล (มองถึงประโยชน์ถึงความสุขของเค้า) / ความต้องการของเค้า
เราไม่รู้ว่าเค้าจะไปเจอกับอะไรที่ทำให้จิตใจไขว้เขวรึป่าว ถ้ามันไม่เป็นแบบที่เราคิด เราจะรับมือกับมันอย่างไรดีคะ ถ้าใครมีประสบการณ์ก็มาแชร์กันได้นะคะ
ถามคนที่เคยมีประสบการณ์เรื่องแฟนเปลี่ยนที่ทำงาน และมีวิธีรับมืออย่างไรกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นเพศตรงข้ามที่ไม่น่าไว้ใจ
คือเรารู้สึกกังวลใจมากเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่คบกับแฟนเก่า เรามีประสบการณ์นี้มาแล้วคือ... "หลังจากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่"
แฟนบอกเราว่าผญคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมงาน เห็นเค้าเดินออกมาจากที่ทำงานมืดๆ เลยมีน้ำใจไปส่ง ปกติกลับไวมาก แต่อยู่ๆบางวันก็รถติดชม.กว่าซะงั้น
แฟนเก่าเราถ่ายรูปให้ดูทุกอย่าง บางวันเค้าก็ไม่กินข้าวกลางวัน เราก็งงนะ ยังถามเค้าว่าไม่หิวหรอ เวลาไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน ก็จะมีผญคนนี้อยู่ในรูปที่ส่งมาตลอด เราก็ถามนะว่าผญคนนี้เป็นใคร เค้าก็บอกว่าเพื่อนร่วมงาน บอกว่านางมีแฟนแล้ว สุดท้าย...
หลังเลิกกันไปเพราะว่า เค้าแอบไปมีอะไรกับคนอื่น อันนี้ถือว่าพี้คแล้วนะคะ ที่พี้คกว่าคือ...
หลังจากี่เลิกกันมาหลายเดือน เรามีแฟนใหม่ไปแล้ว พอดีแฟนที่คบปัจจุบันเค้ามีเฟส
เค้าเลยแคปรูปส่งมาบอกว่า " ไอนั่นมีแฟนใหม่ละนี่ " เราไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ก็เฉยๆไป เพราะคิดว่าดีแล้วที่เลิกกับคนเลวๆมาได้
แต่พอเห็นรูปเท่านั้นแหละ... ผ่าง‼ เราถึงกับพูดกับแฟนเลยว่า ... "หืมมม... นี่มันผญคนนั้นนี่หว่า" เราก็เล่าให้แฟนเราฟัง แฟนเราพูดเลยว่า
" ไอนี่มันนรกส่งมาเกิดโดยแท้ "
*** ผญที่เค้าแอบไปมีอะไรด้วยไม่ใช่คนนี้ แต่เป็นคนอื่นอีกหลายๆคน แต่คนนี้ก็ไม่แน่5555555 ***
นี่คือประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอมา...
ถ้าบอกว่าเราต้องเชื่อใจแฟนใหม่เราที่กำลังจะเปลี่นยนที่ทำงานมากๆ เราทำค่ะ
แต่เราก็ไม่รู้ว่า... นิสัยเบื้องลึกของแฟนใหม่เราจะกลับมาลูปเดิมรึป่าว เพราะขนาดแฟนเก่าเราคบมา3ปียังเลวได้ขนาดนี้
คือง่ายๆเราคิดหาคำตอบมาหลายวันมาก แต่เราได้มาแค่คำตอบเดียวคือ ... ไม่มีอะไรที่เราจะสามารถรู้ได้เลย เราก็เอาไปปรึกษาพ่อแม่เรานะ
พ่อเราบอกเราว่า "ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจเค้าล้วนๆ ถ้าคนมันจะอยู่กับเราจริงๆ เราไม่ต้องไปทำอะไรเลย ยังไงมันก็อยู่ เพราะก่อนที่เค้าจะเลือกคบกับเรา เค้าคุยกับผญตั้งหลายคน ผญส่วนมากก็อ่อย สร้างความประทับใจ เพื่อให้เค้าชอบ แต่เรา ตอนแรกที่เจอเราก็ชอบเค้า เค้าก็ชอบเรา เราไม่แสดงออกด้วยว่าชอบ แต่เราไม่คุยอะไรแบบคนจีบกันเลย ไม่หยอดอะไรทั้งนั้น คุยแบบเพื่อนเลย เพราะเราเจอแบบแฟนเก่าเข้าไปนี่เราถึงกับเลิกคุยแบบคนจีบกันเลยค่ะ คือเป็นตัวเองตั้งแต่ประโยคแรกที่เค้าทักมา " คือเราเปิดเผยเรื่องนี้กับที่บ้านมาก ส่วนฝั่งย้านแฟนเรา เค้าเรียกเราว่าหลานสะใภ้กันหมดเลยค่ะ ญาติพี่น้องเค้าทั้งหมด ส่วนพ่อแม่เค้าก็เรียกเราว่าลูก พ่อเค้าเคยพูดกับเราค่ะว่า พ่อกับแม่รักหนูเหมือนลูกแท้ๆเลยนะ พ่อแม่เรา2ฝ่ายเข้ากันได้ดีมากค่ะ พ่อแม่โอเคทั้งคู่ถ้าจะมาใช้ชีวิตร่วมกัน
ส่วนเหตุผลที่บ้านเค้าเอ็นดูเราขนาดนี้ก็เพราะว่า เราเป็นคนช่วยเหลือแฟนแทบทุกอย่างเวลาที่เค้าเดือดร้อน เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว งานบ้าน อาหารการกิน
เราสามารถจัดการได้ทุกอย่าง เวลาแฟนเราอยากลงทุนอะไร เราขะเป็นคนวางแผนการตลาดให้ตลอดจนการวางแผน Break even point ส่วนสิ่งที่เราไม่ช่วยเค้าคือ สิ่งที่เค้าสามารถแก้ปัญหาได้หรือสามารถทำได้ค่ะ เราจะบอกเค้าตลอดว่า ให้ลองทำลองแก้ก่อน ถ้าไม่ได้เราจะช่วยค่ะ คือถ้าพูดตรงๆคือ แฟนเราแทบไม่เก่งอะไรเลย สิ่งที่เค้าเก่งมากเลยคือการชงกาแฟค่ะ ทุกเมนูในร้านกาแฟเค้าทำได้หมดค่ะ และอร่อยด้วย
เพราะเป็นสิ่งที่เค้ารัก ถึงเค้าจะเป็นแบบนี้ แต่เชื่อมั้ยคะว่า เค้าไม่เคยทำให้เราลำบากหรือเหนื่อยเลย เวลาอยู่ด้วยกัน เราไม่เคยต้องร้องขอให้พาไปกินข้าว บางครั้งก่อนไปทำงานเค้าก็จะพาเราไปกินแล้วกลับมาส่งเราก่อนเค้าถึงไปทำงาน ไปกินข้าวทีก็ครึ่งทางกับที่ทำงานเค้าแล้ว เวลาเค้าอยากกินอะไรเราก็จะทำให้กินค่ะ หน้าที่เค้าคือขับรถพาเราไปซื้อของกับล้างจานล้างอุปกรณ์ที่ใช้ทำกับข้าว เก็บโต๊ะกินข้าวประมาณนี้คะ บางทีเราเห็นใจเค้านะ เราก็ไปกับเค้าเลย รอจนเลิกงานค่ะ ในระหว่างที่รอ เราก็ช่วยงานเค้าค้ะ งานในออฟฟิศของเค้า เพราะเค้าเป็นช่างภาพ เวลาหัวหน้าสั่งงานมาเราก็ช่วยเค้าทำตลอดค่ะ ยันทำความสะอาดออฟฟิศเลยค่ะ จนเราสนิทกับคนที่ที่ทำงานเค้า จนที่ทำงานเค้าจะจ้างเราไปทำงานในออฟฟิศด้วยแล้วค่ะตอนนี้ เวลาอยู่บ้านไม่เคยต้องร้องขอให้ซักผ้าให้ เพราะว่าเวลาซักผ้า เค้าไม่มาถามนะคะว่าซักตัวนี้มั้ยอะไรมั้ย ทุกอย่างเค้าเก็บซักให้หมดเลยค่ะ เราช่วยเค้าแค่พับใส่ตู้
*** ทุกอย่างที่เค้าทำ เค้าทำให้ด้วยตัวเองค่ะ เราไม่เคยร้องขอเลย ***
ส่วนตัวเรา ก็มีหน้าที่อยู่หลักๆเลยคือ เรียน ทำงาน (สอนพิเศษภาษาอังกฤษ) วันหยุดและเหลังเลิกเรียนบางวัน และช่วยแม่ขายของหลังเลิกเรียน ถ้าเลิกงานไวก็จะกลับมาช่วยแม่ขายของต่อ พอดีที่บ้านเราเปิดร้านอาหารค่ะ
ชีวิตประจำวันเราค่ะ (เรียน - ไปสอนหนังสือต่อ 6โมงเย็น-2ทุ่ม *บางวัน* - กลับมาช่วยแม่ต่อยันเก็บร้าน )
ตื่น7โมง เรียน+ทำงาน+ช่วยแม่ 9.00น.- 23.00น. นอนเที่ยงคืนไปแล้ว...
ปล. ตอนนี้เค้ากำลังเลือกว่าจะไปทำที่ไหน ซึ่ง1ในนั้นมีบริษัทของญาติห่างๆเราด้วย แล้วแฟนพี่สาวเราก็ทำงานอยู่ในนั้นแผนกเดียวกันกับที่เค้าอยากทำเลยค่ะ เราก็บอกเค้านะว่า เราอยากให้เค้าทำตรงนี้ ที่นี่มีหลายสิ่งที่เค้ารักอยู่ในงานคะ เค้าชอบเดินป่า ก็มีเข้าป่าไปถ่ายรูป ไปทะเล ก็มีไปทำงานที่ทะเล...
เป็นงานสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปกับเดินทางล้วนๆเลยค่ะ ถ้าโชคดีก็ได้ไปตปท.อีก เราว่ามันคือตัวตนเค้าเลยเพราะเราอยากสบายใจด้วย เราว่าเค้าน่าจะมีความสุขกับงานนี้ด้วยเพราะมีแต่สิ่งที่เค้ารัก อีกอย่างก็มีแฟนพี่เราเป็นเพื่อนไปเลยค่ะ เพราะเค้าเคยปรึกษาเรื่องงานกัน และเร็วๆนี้จะไปเที่ยวตปท.ด้วยกันอีกค่ะ เค้าก็บอกว่าเค้าเข้าใจเรานะ เค้ารู้ว่าเราเคยเจออะไรมา ทุกอย่างที่เราเคยเจอมาในอดีต เค้าเคยเจอเหมือนกันหมดค่ะ จากคนล่าสุดเหมือนกัน ส่วนพ่อเค้าพูดในทำนองที่สื่อว่าให้เราเป็นคนเลือกเลยค่ะ คือไม่ว่าเค้าจะทำอะไร เค้าจะมาปรึกษาเรา เอาเราเป็นหลักส่วนใหญ่ แล้วที่บ้านเค้าก็มีทัศนคติและความคิดไปในทางเดียวกันกับเราทุกอย่าง แต่เราก็จะให้เค้า50/50ค่ะ ความต้องการของเราแบบมีเหตุผล (มองถึงประโยชน์ถึงความสุขของเค้า) / ความต้องการของเค้า
เราไม่รู้ว่าเค้าจะไปเจอกับอะไรที่ทำให้จิตใจไขว้เขวรึป่าว ถ้ามันไม่เป็นแบบที่เราคิด เราจะรับมือกับมันอย่างไรดีคะ ถ้าใครมีประสบการณ์ก็มาแชร์กันได้นะคะ