สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน
ก็คือพอดีตอนนี้เราก็กำลังคุยๆกับผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงอยู่ค่ะ
เราก็ได้มารู้จักกับผู้ชายคนนี้แบบงงๆคือขอเท้าความกลับไปตอนที่เราไปเที่ยวฮอกไกโดอยู่ตอนช่วงเดือนสิงหาคม
ก็เที่ยวตามปกติประสาคนเห่อ2017 ถ่ายรูปลงไอจี ลงสตอรี่ถี่จนเป็นตะเข็บไปเรื่อยๆ
ก็เห็นว่า เอ้อ ผู้ชายญี่ปุ่นนี่มันก็งานดีเหมือนกันนะเว้ย เลยลองปัดทินเดอร์เสี่ยงทายดูแบบขำๆไปเรื่อยๆ
แล้วก็ไม่ได้ค่ะ 5555555 คือก็แมชท์นะ แต่ก็คุยไม่รู้เรื่อง เลยไปบายค่ะ ไม่อะไร ก็เที่ยวต่อไปเรื่อยๆสนุกๆ
จนกลับมาที่ไทยสักพัก ก็มีขึ้นเตือน ติ๊งงงงงง You've got a new match ขึ้นมา กดไปดูโปร์ไฟล์ก็แบบ เอิ่ม
ชื่อเป็นตัว あ (อะ) แค่ตัวเดียว ไม่เขียนโปรไฟล์อะไรทั้งนั้น รูปดิสเป็นร้านขนม เราก็แบบ เออ นี่ชั้นไปปัดขวาแกตอนไหนวะ 555555
สักพักเค้าก็ทักมาค่ะ (ขอแทนตัวเองว่า ม แล้วแทนเค้ามา ห นะคะ เพราะตอนนี้เค้าเรียกเราว่ามะเขือเทศ เลยล้างแค้นเรียกเค้าว่าหัวหอมซะเลย 55555)
ปล. มีการเติมอรรถรสขำๆนะคะ แทนอารมณ์และความรู้สึกเราในตอนนั้นค่ะ อยู่ๆก็ทักมาแบบงงๆ เลยรู้สึกแบบว่าไงจ๊ะคุณพี่ไรงี้ค่ะ 5555555
First Conversation
ห : สวัสดีครับ (ทักมาเป็นภาษาญี่ปุ่น)
ม : สวัสดีค่ะ (ว่าไงจ๊ะะะะะ บุรุษนิรนาม)
ห : เป็นคนไทยรึเปล่าครับ
ม : อ่า ใช่ค่ะๆ เป็นคนไทยค่ะ
ห : ผมเป็นคนญี่ปุ่นครับ! ผมมาเรียนที่ไทยครับ
ม : โอ้ววววว จริงเหรอคะ (อู๊วววว จริงอะ จ้อจี้ป้ะ)
ห : ใช่ครับ!
ม : งั้น ยินดีต้อนรับสู่ไทยแลนด์นะคะ ^___^
ห : ขอบคุณครับ!
ห : ผมอยากถามว่าปกติคนไทยที่เป็นเกย์เล่นแอปนี้เยอะมั้ยครับ
ม : ... (รับประทานจุดสิคะ เปิดมาพี่แกก็เล่นถามเราแบบนี้เลย อะไรของคุณพี่อะ แต่ก็นะ ความเป็นตุ๊ดไทยใจงามก็เลยจะตอบให้ค่ะ
จะไปเกรี้ยวกราดใส่เค้าก็แลดูจะรุนแรงไปหน่อย)
ม : เอ่อ... ก็ไม่ชัวร์เหมือนกันนะคะ (เอาล่ะ ตรูตันละ พูดญี่ปุ่นได้แค่นี้แหละ ยิงประโยคเด็ดเลยละกัน)
ม : ごめんなさい, 私は日本語が少ししか話せません (ขออภัยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เดี๊ยนพูดญี่ปุ่นได้แค่งูๆปลาๆ อะอิอุเอะโอะแค่นี้เองค่า จอบอ
เป็นการกระทำความป้องกันตัวเองไปด้วย ถ้าฮีแกพูดอังกฤษหรือไทยไม่ได้ ก็จะได้พอค่ะ คนอะไรอยู่ๆก็โผล่มาถามแบบนี้ ไปบายจ่ะ)
ห : เอ่อ ขอโทษครับที่พูดญี่ปุ่นเยอะเกินไปนะครับ... (ยังคงพิมพ์เป็นญี่ปุ่นอยู่ มีกู๋ช่วยแปลให้ก็รอดไปค่ะ)
ห : Then... Thai people use Instagram rather than twitter?
ถ้างั้นคนไทยส่วนใหญ่ก็ชอบเล่นอินสตาแกรมมากกว่าทวิตเตอร์ใช่มั้ยครับ? (สรุปฟาดอิ้งใส่ หนีไม่รอดแล้วจ้ะพี่จ๋า ต้องสู้ อย่าให้เสียชื่อที่ร่ำเรียนมา)
ม : เอ่อ ก็ประมาณนั้นนะคะ (ลองเข้าทวิตคนไทยสิจ๊ะพี่จ๋า พี่จะเจอโลกของติ่งและด้อมทั้งหลายที่พี่อ่านไม่ออกแน่นอน 555555)
ม : อ้อ เราชื่อมะเขือเทศนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ (เราบอกชื่อจริงเราไปค่ะ แต่ที่ใช้ชื่อมะเขือเทศเพราะว่าพี่แกตั้งให้ค่ะ ชอบล้อเรา ชอบแซวเรา55555)
ห : อ๋อ โทษทีครับ ผมชื่อหัวหอมครับ (อันนี้เราตั้งให้ค่ะ)
หลังจากนั้นก็คุยกันเราก็เลยแบบ อ๋อ เราเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นมา ไปเที่ยวครั้งแรก สนุกดีนะ ชอบๆ เค้าก็เลยถามว่าเราไปทำอะไร
ไปที่ไหนมา เราก็ตอบว่าอ๋อไปเที่ยวมาอาทิตย์นึงค่ะ ครั้งแรกเลยที่ฮอกไกโดนี่แหละ ปรากฏว่าเค้าก็บอกเรา อ้าว ผมมาจากฮอกไกโดครับ บังเอิญมากจริงๆ
ก็เลยย้ายไปคุยกันในไลน์ มีเรื่องให้คุยกันเล่นๆละ ส่งรูปตอนไปเที่ยวให้เค้าดู นี่นะ เราชอบที่นี่นู่นนั่นมากเลย ฮาโกะดาเตะ ทะเลสาบโทยะ
โนโบริเบทสึ ซัปโปโร ฟุราโนะ ชอบมันทุกที่ อากาศเย็นมากฉันชอบบบบบบ อยากกลับไปอีก
(ปกติเดือนสิงหาคมที่ฮอกไกโดจะเป็นหน้าร้อน แต่กลายเป็นว่าวันที่เราไปถึงที่ชิโตเสะ วันนั้นเหลือ 14 องศาแบบงงๆค่ะ ดีที่พกเสื้อหนาวไปตัวนึง)
สักพักเค้าก็ถามว่าบ้านอยู่แถวไหน ใกล้หอเค้ามั้ย เค้าอยากให้เราพาไปกินอาหารไทยหน่อย เค้าชอบอาหารไทยมากๆ เราก็แบบ ฮื่อ ไม่ใกล้อะ
แล้วก็เป็นไปตามคาดค่ะ พี่แกอายุ 25 แล้ว (เราอายุ 20 ค่ะ )
เป็นเด็กสัตวแพทย์มาแลกเปลี่ยนที่ มก 3 เดือน จะกลับประมาณต้นเดือนธันวาคมค่ะ (ใกล้แล้วอะ ฮือ)
เค้าก็อิดออด ประมาณว่าไม่กล้าไปกินของข้างทาง กลัวจะท้องเสียถ้าไปกินของข้างทาง ผมอยากไปกับคุณ คุณคงช่วยผมได้
(โถ่ พ่อคุณเอ๋ยยยยยยย ข้างทางนี่แหละที่สุดแล้ว อย่าให้เจ้พูด) เราก็ไม่ว่างไปเจอด้วยไงคะ วันธรรมดาเราก็มีเรียน ก็เลยแนะนำไปว่าลองดูสตรีทฟู้ดสิ แถวนั้นมีมหาลัยน่าจะมีเยอะนะเธอ ไม่อดตาย หาไม่ยากหรอกเธอ (เราอยู่อารีย์ค่ะ เรียนมหาลัยแถวอโศก ไม่ได้ไกลเท่าไรหรอก แต่ขี้เกียจไปเจอ 55555)
เค้าก็แบบ อืมๆ โอเคๆ ไม่เป็นไร แต่ยังไงผมก็อยากไปกับคุณนะ เราก็แบบค่ะๆๆ ถ้าว่างก็จะไปละกันนะ แต่จริงๆคือไม่ว่างค่ะ มีทำงาน มีเรียนด้วย
อีกอย่างคือเราคิดว่า มาแลกเปลี่ยนทั้งทีมันจะไม่มีนิสิตนักศึกษาไทยช่วยเลยมันก็ไม่น่าเป็นไปได้แมะ ไม่ไปกับเราเธอก็ไม่ตายหรอก เลยเลี่ยงๆไปค่ะ
ก็ยังคุยในไลน์ไปเรื่อยๆ ทักมาคุยกับเราทุกวัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี่นู่นนั่น ไปเที่ยวไหน ไปเจออะไรมาก็ถ่ายรูปมาให้เราดู มาถามเราว่านี่คืออะไรครับ ผมอยู่ที่นี่นะ ผมอยากไปเที่ยวด้วยกันกับคุณบ้างจัง เราก็ค่ะๆๆๆ อยากไปเหมือนกันแต่ไม่ว่างจริงๆ 555555
แล้วพอต้นเดือนกันยายน เราก็หายไปค่ะเพราะงานยุ่งมาก เค้าก็เริ่มหายๆไป เราเลยคิดว่าเค้าคงไม่อยากคุยกับเราหรอกมั้ง มันต่างคนต่างภาษาต่างวัฒนธรรมอะนะ แล้วคือเราเป็นคนที่ค่อนข้างพูดตรงด้วยไง คิดอะไร รู้สึกอย่างไร มีมุมมองต่อเรื่องนี่นู่นนั่นแบบไหนเราก็พูดตรงๆออกมาเลย
ผิดกับคนญี่ปุ่นตรงที่ว่าเค้ารู้สึกอะไรเค้าก็จะไม่พูดออกมา เพราะมันเสียมารยาท รักษาน้ำใจไรงี้
ก็แบบ คุยๆไปถ้าเค้าเหวอกับความคิดเราเดี๋ยวเค้าก็ไปเองแหละ ก็คงเข้ากันไม่ได้แม้แต่จะเป็นคนรู้จัก เราก็เลยเทๆไปเกือบเดือน งานก็เยอะ
พอกลับมาช่วงเดือนตุลาคม เค้าก็ทักมาอีกครั้งค่ะ เราก็คุยกันปกติ สวัสดีจ้ะ สวัสดีนะ เป็นไงบ้าง หายไปนานเลย สบายดีป่าว
ปรากฏว่า เค้าหายไปเพราะโทรศัพท์เค้าจ๋อมน้ำ ไปสู่ขิตแล้วเป็นที่เรียบร้อยตอนเค้าไปเที่ยวหัวหินค่ะ เพิ่งซื้อโทรศัพท์ใหม่เลยหาทางติดต่อเรา
เราก็แบบ โอ๋ๆ แย่จังๆ แล้วนี่เป็นไงบ้าง ก็เข้าฟอร์มเดิมต่ะ ส่งรูปที่เที่ยว ทะเล วัด ของตั่งต่างมาให้ดู ผมไปเที่ยวมาครับ อยากไปเที่ยวกับคุณบ้างครับ
ช่วงนั้นเราเริ่มว่างพอดี ก็เลยบอกๆไปว่า เอ้อ เธอๆ เดือนพฤศจิกาเราเริ่มว่างแล้วนะ เดี๋ยวเราลองไปหาอะไรกินดูมั้ย
ปรากฏว่าพี่แกย้ายไปเรียนที่กำแพงแสนแล้วเรียบร้อย แป่วววววววว แต่เค้าก็บอกนะคะว่า ผมไปหาคุณที่กรุงเทพได้นะ ไอ้เราก็กลัวจะลำบากไง
ก็เกรงใจเค้า ก็เลยบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ลำพังตัวเราถ้าอยู่กำแพงแสน จะเข้ามากรุงเทพวันหยุดเรายังขี้เกียจเลย เหนื่อย ร้อน 5555555
เค้าก็ยังยืนยันว่าอยากจะเจอกับเรา ตอนนั้นเราก็เริ่มๆจะรู้สึกโอเคกับเค้านะ ก็ชอบนิดนึงแล้วล่ะ เราก็เลยบอกว่า เดี๋ยวจะนัดวันล่วงหน้านะ แล้วเราก็หายไปจากเค้าอีกอาทิตย์นึงค่ะ เพราะโทรศัพท์โดนขโมย -_____-" เค้าก็มาตามตัวเราอีกค่ะ เป็นไงบ้าง ฮัลโหลววววว โทสับหายเหรอ แย่จังเลย เสียใจด้วยนะ
เราก็เลย เออออออออ ก็ได้เว้ย ชั้นขอฉาบแก!!!! เอ้ย ชั้นขอนัดเจอเธอ วันที่ 19 พฤศจิกาฯนะจ๊ะ เค้าก็ตอบตกลงค่ะ
หลังจากวันนั้นก็คุยกันทุกวันเหมือนเดิมค่ะ (ซื้อโทรศัพท์ใหม่แล้ว คุยต่อได้ค่ะะะะะะะ) เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน ถามไถ่เรื่องต่างๆ ตื่นยัง นอนยัง ฝันดีนะ ไรงี้ค่ะ แต่เค้าตอบเร็วมากๆเลยค่ะ แปลกดีเหมือนกัน เพราะได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นจะตอบช้าถึงช้ามากๆ เร็วสุดคือสามสี่ชั่วโมง แต่ของเราคือส่งไปปุ๊บ ตอบเราทันทีเลย
พอถึงวันนัด ก็ไปนัดเจอที่ MRT จตุจักรค่ะ ฮีแกอยากไปเดินตลาดนัดจตุจักร เราก็คิดว่าถ้าเจอครั้งนี้แล้วไม่เวิร์คจริงๆก็คงหยุดคุยแหละค่ะ
เคยเห็นหน้าค่าตากันมั้ย ก็ไม่ รูปโปรไฟล์ก็ไม่ตั้งเป็นรูปตัวเอง ก็ไปแบบแทบไม่คาดหวังอะไรเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยค่ะ
สักพักเค้าก็มาถึง ก็ได้เจอกับเค้าครั้งแรกจริงๆ ผิดคาดไปมากจริงๆ ฮีแกตัวผอม สูง 181 (เราสูง 178) หน้าตาน่ารักมาก สะอาดสะอ้าน
ในไลน์คือเหมือนเป็นคนตึงๆนิดๆ แต่ตัวจริงคุยดีมากๆค่ะ น่ารัก ยิ้มแย้ม พูดอังกฤษเก่งมาก (ฮีแกเคลมตัวเองว่าโง่อังกฤษมาก จ้อจี้นี่หว่าาาา)
ช่วงเช้ายังมีเขินๆอยู่บ้าง พอตอนเที่ยงก็พาไปทานข้าวกับคุณแม่เราค่ะ เค้าก็เริ่มสบายๆกับเรามากขึ้น
ช่วงหลังเที่ยงบ่ายๆไปก็ไม่เขินไม่เกร็งกันแล้ว สบายๆค่ะ เริ่มมีหยอกเล่นกันบ้างแล้ว (จุดเริ่มต้นของความshiplostมันเริ่มต้นตรงนี้แหละค่ะคุณขา 55555)
ตอนเย็นๆเราก็ไปส่งเค้า ตอนอยู่ในรถเค้าก็ชวนเราคุยค่ะ เค้าก็ถามเราว่าชอบดื่มบ้างมั้ย เราก็บอกว่า อื้ม ก็ดื่มได้นะ แบบ social drinker ไรงี้
ไม่ได้ดื่มเป็นลำยองขนาดนั้น เค้าก็บอกว่าที่ไทยนี่ดีนะ เหล้า เบียร์ ประเทศเค้าแพงมากเลย ภาษีแอลกอฮอล์แพง ที่ไทยนี่ถูกกว่าพอสมควรเลย
เราก็เลยพูดถึงเรื่องภาษีน้ำตาลค่ะ ว่าแบบ เอ้อ ที่นี่อะ เหมือนกับว่าอีกไม่นานจะมีภาษีน้ำตาลแล้วนะ เพราะว่ากระทรวงสาธารณสุขของไทยกลัว
คนไทยจะเป็นเบาหวาน จะอ้วนกันไรงี้ เราก็พูดๆไป ก็สังเกตว่า เค้าก็ยิ้มอ่อนๆค่ะ แล้วก็มองต่ำ เราก็แบบ เดี๋ยวนะ นี่พี่มองอะไรของพี่อะ
ก็จับสายตาได้ว่ามองมาที่พุงเราอยู่ เราก็แบบ เอาละสิ จะเล่นอะไรตรูล่ะเนี่ย เค้าก็จิ้มๆพุงเราค่ะ แล้วก็ถามว่า แล้วนี่เนี่ย ถ้าตีเป็นภาษีคงเสียเยอะน่าดูเลยนะ
เราก็แบบ อีพี่หัวหอมมมมมม เมิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ทำไมร้ายจังวะ TT____TT จบวันนั้นเราก็นัดเค้าอีกในอาทิตย์ถัดไป (เสาร์ที่ผ่านมา)
แต่เค้าไม่ว่างเค้าเลยนัดเราไปเจออีกวันที่ 4 ธันวาค่ะ ก็ตอบตกลงไป
พอกลับมาบ้านก็มาเล่าให้แม่ ให้เพื่อนฟังเรื่องภาษีน้ำตาล ก็ขำกันสิคะ ลั่นบ้านเลย แม่เรายังบอกเลยค่ะว่าเห็นติ๋มๆอย่างนี้ปากร้ายเหมือนกันนะ
ฮือออออ ไม่มีใครช่วยหนูเลยยยยย ขำกันหมด หลังจากวันนั้นก็ได้ชื่อใหม่อีกค่ะ เค้าก็ล้อเราว่าเป็นมะเขือเทศ เพราะเราเล่าให้ฟังว่าเราตากแดดแล้วตัวจะแดงๆ แดงเป็นมะเขือเทศเลย พี่แกก็บอก "เหมือนมะเขือเทศด้วยใช่มะ? กลมเหมือนมะเขือเทศน่ะ อิอิ" ไอ้เราก็โกรธสิคะ
ก็ส่งอีโมจิหน้าโกรธสีแดงๆไป เค้าก็บอกอีก อีโมจิตัวนี้ก็เหมือนเธอเลยนะเนี่ย กลมๆ แดงๆ เออ เอาเข้าไปสิ โดนเล่นอีกแล้วววววว
เราก็แบบ บอกไปว่า เราไม่ชอบกินมะเขือเทศ มันแหยงๆ พี่แกก็เอาอีกละค่ะ อ้าว ทำไมไม่ชอบกินล่ะ อ๋อ กินตัวเองไม่ได้
แล้วปรากฏว่าวันเสาร์ที่ผ่านมา เราก็ไปเที่ยวไปแจ๊ดแจ๋กับเพื่อนที่สยามเพราะว่าเค้าไม่ว่าง ไม่ได้นัดกับเค้า อยู่ๆเค้าก็ทักมาหาเราว่า นี่ๆ ผมอยู่กรุงเทพนะ ผมมาซื้อของกับกลุ่มเพื่อนที่มาแลกเปลี่ยนด้วยน่ะ เราก็อ้าว เฮ้ย แต่เราอยู่สยามนะ เราอยู่กับเพื่อน เธอก็อยู่กับเพื่อน ไม่เหมาะจะเจอกันตอนนี้หรอก
เค้าก็บอก อ๋อๆ เปล่าครับ ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว ผมแยกมานั่งเล่นที่สยามดิสคนเดียว เพื่อนคนอื่นไปซื้อของกันหมด พอดีผมเหนื่อยเลยมานั่งพัก
เราก็เลย อ่ะๆ เดี๋ยวแวะไปทักหน่อยละกัน ก็เลยไปเจอกันมาค่ะ ไปๆมาๆ ฮีแกบอกว่าขอตามมาเที่ยวกับเราและเพื่อนเราด้วย เลยได้ไปเที่ยวกันอีกแบบงงๆค่ะ
ไปเดินสยามดิส สยามเซ็น พารากอน สยามสแควร์ แล้วก็ไป เซ็นทรัลเวิล์ด สรุปคือเพื่อนลวงให้เรากับเค้าไปไหว้พระตรีมูรติด้วยกันค่ะ แหะๆ
วันนั้นอากาศมันสบายๆ ลมมันเย็นดีไงคะ เราก็เลยชวนคุย เอ้อ วันนี้อากาศดีนะ เริ่มเย็นนิดนึงละ
เค้าก็เลยถามว่า เธอๆ รู้จักเสื้อ Heattech ของ Uniqlo มั้ย เราก็อื้มๆ รู้จักๆ ทำไมเหรอ เค้าก็บอกว่า เนี่ย เสื้อ Heattech เค้าจะใส่หนาๆไว้กันหนาว เธอก็ใส่อยู่ใช่มั้ย? แล้วก็ยิ้มอ่อน นั่นไงคะ โดนอีกดอกแล้วค่ะ แถมยังบอกด้วยนะคะว่าไม่ใช่ Heattech แต่เป็น Meattech ฮ่วยยยยยย
สรุปคือ เราแค่อยากรู้จริงๆค่ะว่าผู้ชายคนนี้มันต้องการอะไรจากเรา ถึงได้ตามล้อตามราวีเราขนาดนี้ 55555
จากตอนแรกที่เหวอๆเค้า รู้ตัวอีกทีก็คุยกันทุกวัน ด่ากันทุกวันไปแล้วค่ะ -/////-
ถามเพื่อน พี่ แม่ เค้าก็บอกไปทางเดียวกันคือ เค้าน่าจะชอบแกนะ แต่ที่ชัวร์เลยคือเห็นติ๋มๆแต่จริงๆคือร้ายมาก 55555555
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้ขำๆ งงๆของเราค่า สวัสดีค่า 5555555555
[เล่าเรื่องขำๆ+ปรึกษา] ผู้ชายญี่ปุ่นทำแบบนี้กับเราคือเค้ารู้สึกยังไงกับเราคะ?
ก็คือพอดีตอนนี้เราก็กำลังคุยๆกับผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงอยู่ค่ะ
เราก็ได้มารู้จักกับผู้ชายคนนี้แบบงงๆคือขอเท้าความกลับไปตอนที่เราไปเที่ยวฮอกไกโดอยู่ตอนช่วงเดือนสิงหาคม
ก็เที่ยวตามปกติประสาคนเห่อ2017 ถ่ายรูปลงไอจี ลงสตอรี่ถี่จนเป็นตะเข็บไปเรื่อยๆ
ก็เห็นว่า เอ้อ ผู้ชายญี่ปุ่นนี่มันก็งานดีเหมือนกันนะเว้ย เลยลองปัดทินเดอร์เสี่ยงทายดูแบบขำๆไปเรื่อยๆ
แล้วก็ไม่ได้ค่ะ 5555555 คือก็แมชท์นะ แต่ก็คุยไม่รู้เรื่อง เลยไปบายค่ะ ไม่อะไร ก็เที่ยวต่อไปเรื่อยๆสนุกๆ
จนกลับมาที่ไทยสักพัก ก็มีขึ้นเตือน ติ๊งงงงงง You've got a new match ขึ้นมา กดไปดูโปร์ไฟล์ก็แบบ เอิ่ม
ชื่อเป็นตัว あ (อะ) แค่ตัวเดียว ไม่เขียนโปรไฟล์อะไรทั้งนั้น รูปดิสเป็นร้านขนม เราก็แบบ เออ นี่ชั้นไปปัดขวาแกตอนไหนวะ 555555
สักพักเค้าก็ทักมาค่ะ (ขอแทนตัวเองว่า ม แล้วแทนเค้ามา ห นะคะ เพราะตอนนี้เค้าเรียกเราว่ามะเขือเทศ เลยล้างแค้นเรียกเค้าว่าหัวหอมซะเลย 55555)
ปล. มีการเติมอรรถรสขำๆนะคะ แทนอารมณ์และความรู้สึกเราในตอนนั้นค่ะ อยู่ๆก็ทักมาแบบงงๆ เลยรู้สึกแบบว่าไงจ๊ะคุณพี่ไรงี้ค่ะ 5555555
First Conversation
ห : สวัสดีครับ (ทักมาเป็นภาษาญี่ปุ่น)
ม : สวัสดีค่ะ (ว่าไงจ๊ะะะะะ บุรุษนิรนาม)
ห : เป็นคนไทยรึเปล่าครับ
ม : อ่า ใช่ค่ะๆ เป็นคนไทยค่ะ
ห : ผมเป็นคนญี่ปุ่นครับ! ผมมาเรียนที่ไทยครับ
ม : โอ้ววววว จริงเหรอคะ (อู๊วววว จริงอะ จ้อจี้ป้ะ)
ห : ใช่ครับ!
ม : งั้น ยินดีต้อนรับสู่ไทยแลนด์นะคะ ^___^
ห : ขอบคุณครับ!
ห : ผมอยากถามว่าปกติคนไทยที่เป็นเกย์เล่นแอปนี้เยอะมั้ยครับ
ม : ... (รับประทานจุดสิคะ เปิดมาพี่แกก็เล่นถามเราแบบนี้เลย อะไรของคุณพี่อะ แต่ก็นะ ความเป็นตุ๊ดไทยใจงามก็เลยจะตอบให้ค่ะ
จะไปเกรี้ยวกราดใส่เค้าก็แลดูจะรุนแรงไปหน่อย)
ม : เอ่อ... ก็ไม่ชัวร์เหมือนกันนะคะ (เอาล่ะ ตรูตันละ พูดญี่ปุ่นได้แค่นี้แหละ ยิงประโยคเด็ดเลยละกัน)
ม : ごめんなさい, 私は日本語が少ししか話せません (ขออภัยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เดี๊ยนพูดญี่ปุ่นได้แค่งูๆปลาๆ อะอิอุเอะโอะแค่นี้เองค่า จอบอ
เป็นการกระทำความป้องกันตัวเองไปด้วย ถ้าฮีแกพูดอังกฤษหรือไทยไม่ได้ ก็จะได้พอค่ะ คนอะไรอยู่ๆก็โผล่มาถามแบบนี้ ไปบายจ่ะ)
ห : เอ่อ ขอโทษครับที่พูดญี่ปุ่นเยอะเกินไปนะครับ... (ยังคงพิมพ์เป็นญี่ปุ่นอยู่ มีกู๋ช่วยแปลให้ก็รอดไปค่ะ)
ห : Then... Thai people use Instagram rather than twitter?
ถ้างั้นคนไทยส่วนใหญ่ก็ชอบเล่นอินสตาแกรมมากกว่าทวิตเตอร์ใช่มั้ยครับ? (สรุปฟาดอิ้งใส่ หนีไม่รอดแล้วจ้ะพี่จ๋า ต้องสู้ อย่าให้เสียชื่อที่ร่ำเรียนมา)
ม : เอ่อ ก็ประมาณนั้นนะคะ (ลองเข้าทวิตคนไทยสิจ๊ะพี่จ๋า พี่จะเจอโลกของติ่งและด้อมทั้งหลายที่พี่อ่านไม่ออกแน่นอน 555555)
ม : อ้อ เราชื่อมะเขือเทศนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ (เราบอกชื่อจริงเราไปค่ะ แต่ที่ใช้ชื่อมะเขือเทศเพราะว่าพี่แกตั้งให้ค่ะ ชอบล้อเรา ชอบแซวเรา55555)
ห : อ๋อ โทษทีครับ ผมชื่อหัวหอมครับ (อันนี้เราตั้งให้ค่ะ)
หลังจากนั้นก็คุยกันเราก็เลยแบบ อ๋อ เราเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นมา ไปเที่ยวครั้งแรก สนุกดีนะ ชอบๆ เค้าก็เลยถามว่าเราไปทำอะไร
ไปที่ไหนมา เราก็ตอบว่าอ๋อไปเที่ยวมาอาทิตย์นึงค่ะ ครั้งแรกเลยที่ฮอกไกโดนี่แหละ ปรากฏว่าเค้าก็บอกเรา อ้าว ผมมาจากฮอกไกโดครับ บังเอิญมากจริงๆ
ก็เลยย้ายไปคุยกันในไลน์ มีเรื่องให้คุยกันเล่นๆละ ส่งรูปตอนไปเที่ยวให้เค้าดู นี่นะ เราชอบที่นี่นู่นนั่นมากเลย ฮาโกะดาเตะ ทะเลสาบโทยะ
โนโบริเบทสึ ซัปโปโร ฟุราโนะ ชอบมันทุกที่ อากาศเย็นมากฉันชอบบบบบบ อยากกลับไปอีก
(ปกติเดือนสิงหาคมที่ฮอกไกโดจะเป็นหน้าร้อน แต่กลายเป็นว่าวันที่เราไปถึงที่ชิโตเสะ วันนั้นเหลือ 14 องศาแบบงงๆค่ะ ดีที่พกเสื้อหนาวไปตัวนึง)
สักพักเค้าก็ถามว่าบ้านอยู่แถวไหน ใกล้หอเค้ามั้ย เค้าอยากให้เราพาไปกินอาหารไทยหน่อย เค้าชอบอาหารไทยมากๆ เราก็แบบ ฮื่อ ไม่ใกล้อะ
แล้วก็เป็นไปตามคาดค่ะ พี่แกอายุ 25 แล้ว (เราอายุ 20 ค่ะ )
เป็นเด็กสัตวแพทย์มาแลกเปลี่ยนที่ มก 3 เดือน จะกลับประมาณต้นเดือนธันวาคมค่ะ (ใกล้แล้วอะ ฮือ)
เค้าก็อิดออด ประมาณว่าไม่กล้าไปกินของข้างทาง กลัวจะท้องเสียถ้าไปกินของข้างทาง ผมอยากไปกับคุณ คุณคงช่วยผมได้
(โถ่ พ่อคุณเอ๋ยยยยยยย ข้างทางนี่แหละที่สุดแล้ว อย่าให้เจ้พูด) เราก็ไม่ว่างไปเจอด้วยไงคะ วันธรรมดาเราก็มีเรียน ก็เลยแนะนำไปว่าลองดูสตรีทฟู้ดสิ แถวนั้นมีมหาลัยน่าจะมีเยอะนะเธอ ไม่อดตาย หาไม่ยากหรอกเธอ (เราอยู่อารีย์ค่ะ เรียนมหาลัยแถวอโศก ไม่ได้ไกลเท่าไรหรอก แต่ขี้เกียจไปเจอ 55555)
เค้าก็แบบ อืมๆ โอเคๆ ไม่เป็นไร แต่ยังไงผมก็อยากไปกับคุณนะ เราก็แบบค่ะๆๆ ถ้าว่างก็จะไปละกันนะ แต่จริงๆคือไม่ว่างค่ะ มีทำงาน มีเรียนด้วย
อีกอย่างคือเราคิดว่า มาแลกเปลี่ยนทั้งทีมันจะไม่มีนิสิตนักศึกษาไทยช่วยเลยมันก็ไม่น่าเป็นไปได้แมะ ไม่ไปกับเราเธอก็ไม่ตายหรอก เลยเลี่ยงๆไปค่ะ
ก็ยังคุยในไลน์ไปเรื่อยๆ ทักมาคุยกับเราทุกวัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี่นู่นนั่น ไปเที่ยวไหน ไปเจออะไรมาก็ถ่ายรูปมาให้เราดู มาถามเราว่านี่คืออะไรครับ ผมอยู่ที่นี่นะ ผมอยากไปเที่ยวด้วยกันกับคุณบ้างจัง เราก็ค่ะๆๆๆ อยากไปเหมือนกันแต่ไม่ว่างจริงๆ 555555
แล้วพอต้นเดือนกันยายน เราก็หายไปค่ะเพราะงานยุ่งมาก เค้าก็เริ่มหายๆไป เราเลยคิดว่าเค้าคงไม่อยากคุยกับเราหรอกมั้ง มันต่างคนต่างภาษาต่างวัฒนธรรมอะนะ แล้วคือเราเป็นคนที่ค่อนข้างพูดตรงด้วยไง คิดอะไร รู้สึกอย่างไร มีมุมมองต่อเรื่องนี่นู่นนั่นแบบไหนเราก็พูดตรงๆออกมาเลย
ผิดกับคนญี่ปุ่นตรงที่ว่าเค้ารู้สึกอะไรเค้าก็จะไม่พูดออกมา เพราะมันเสียมารยาท รักษาน้ำใจไรงี้
ก็แบบ คุยๆไปถ้าเค้าเหวอกับความคิดเราเดี๋ยวเค้าก็ไปเองแหละ ก็คงเข้ากันไม่ได้แม้แต่จะเป็นคนรู้จัก เราก็เลยเทๆไปเกือบเดือน งานก็เยอะ
พอกลับมาช่วงเดือนตุลาคม เค้าก็ทักมาอีกครั้งค่ะ เราก็คุยกันปกติ สวัสดีจ้ะ สวัสดีนะ เป็นไงบ้าง หายไปนานเลย สบายดีป่าว
ปรากฏว่า เค้าหายไปเพราะโทรศัพท์เค้าจ๋อมน้ำ ไปสู่ขิตแล้วเป็นที่เรียบร้อยตอนเค้าไปเที่ยวหัวหินค่ะ เพิ่งซื้อโทรศัพท์ใหม่เลยหาทางติดต่อเรา
เราก็แบบ โอ๋ๆ แย่จังๆ แล้วนี่เป็นไงบ้าง ก็เข้าฟอร์มเดิมต่ะ ส่งรูปที่เที่ยว ทะเล วัด ของตั่งต่างมาให้ดู ผมไปเที่ยวมาครับ อยากไปเที่ยวกับคุณบ้างครับ
ช่วงนั้นเราเริ่มว่างพอดี ก็เลยบอกๆไปว่า เอ้อ เธอๆ เดือนพฤศจิกาเราเริ่มว่างแล้วนะ เดี๋ยวเราลองไปหาอะไรกินดูมั้ย
ปรากฏว่าพี่แกย้ายไปเรียนที่กำแพงแสนแล้วเรียบร้อย แป่วววววววว แต่เค้าก็บอกนะคะว่า ผมไปหาคุณที่กรุงเทพได้นะ ไอ้เราก็กลัวจะลำบากไง
ก็เกรงใจเค้า ก็เลยบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ลำพังตัวเราถ้าอยู่กำแพงแสน จะเข้ามากรุงเทพวันหยุดเรายังขี้เกียจเลย เหนื่อย ร้อน 5555555
เค้าก็ยังยืนยันว่าอยากจะเจอกับเรา ตอนนั้นเราก็เริ่มๆจะรู้สึกโอเคกับเค้านะ ก็ชอบนิดนึงแล้วล่ะ เราก็เลยบอกว่า เดี๋ยวจะนัดวันล่วงหน้านะ แล้วเราก็หายไปจากเค้าอีกอาทิตย์นึงค่ะ เพราะโทรศัพท์โดนขโมย -_____-" เค้าก็มาตามตัวเราอีกค่ะ เป็นไงบ้าง ฮัลโหลววววว โทสับหายเหรอ แย่จังเลย เสียใจด้วยนะ
เราก็เลย เออออออออ ก็ได้เว้ย ชั้นขอฉาบแก!!!! เอ้ย ชั้นขอนัดเจอเธอ วันที่ 19 พฤศจิกาฯนะจ๊ะ เค้าก็ตอบตกลงค่ะ
หลังจากวันนั้นก็คุยกันทุกวันเหมือนเดิมค่ะ (ซื้อโทรศัพท์ใหม่แล้ว คุยต่อได้ค่ะะะะะะะ) เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน ถามไถ่เรื่องต่างๆ ตื่นยัง นอนยัง ฝันดีนะ ไรงี้ค่ะ แต่เค้าตอบเร็วมากๆเลยค่ะ แปลกดีเหมือนกัน เพราะได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นจะตอบช้าถึงช้ามากๆ เร็วสุดคือสามสี่ชั่วโมง แต่ของเราคือส่งไปปุ๊บ ตอบเราทันทีเลย
พอถึงวันนัด ก็ไปนัดเจอที่ MRT จตุจักรค่ะ ฮีแกอยากไปเดินตลาดนัดจตุจักร เราก็คิดว่าถ้าเจอครั้งนี้แล้วไม่เวิร์คจริงๆก็คงหยุดคุยแหละค่ะ
เคยเห็นหน้าค่าตากันมั้ย ก็ไม่ รูปโปรไฟล์ก็ไม่ตั้งเป็นรูปตัวเอง ก็ไปแบบแทบไม่คาดหวังอะไรเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยค่ะ
สักพักเค้าก็มาถึง ก็ได้เจอกับเค้าครั้งแรกจริงๆ ผิดคาดไปมากจริงๆ ฮีแกตัวผอม สูง 181 (เราสูง 178) หน้าตาน่ารักมาก สะอาดสะอ้าน
ในไลน์คือเหมือนเป็นคนตึงๆนิดๆ แต่ตัวจริงคุยดีมากๆค่ะ น่ารัก ยิ้มแย้ม พูดอังกฤษเก่งมาก (ฮีแกเคลมตัวเองว่าโง่อังกฤษมาก จ้อจี้นี่หว่าาาา)
ช่วงเช้ายังมีเขินๆอยู่บ้าง พอตอนเที่ยงก็พาไปทานข้าวกับคุณแม่เราค่ะ เค้าก็เริ่มสบายๆกับเรามากขึ้น
ช่วงหลังเที่ยงบ่ายๆไปก็ไม่เขินไม่เกร็งกันแล้ว สบายๆค่ะ เริ่มมีหยอกเล่นกันบ้างแล้ว (จุดเริ่มต้นของความshiplostมันเริ่มต้นตรงนี้แหละค่ะคุณขา 55555)
ตอนเย็นๆเราก็ไปส่งเค้า ตอนอยู่ในรถเค้าก็ชวนเราคุยค่ะ เค้าก็ถามเราว่าชอบดื่มบ้างมั้ย เราก็บอกว่า อื้ม ก็ดื่มได้นะ แบบ social drinker ไรงี้
ไม่ได้ดื่มเป็นลำยองขนาดนั้น เค้าก็บอกว่าที่ไทยนี่ดีนะ เหล้า เบียร์ ประเทศเค้าแพงมากเลย ภาษีแอลกอฮอล์แพง ที่ไทยนี่ถูกกว่าพอสมควรเลย
เราก็เลยพูดถึงเรื่องภาษีน้ำตาลค่ะ ว่าแบบ เอ้อ ที่นี่อะ เหมือนกับว่าอีกไม่นานจะมีภาษีน้ำตาลแล้วนะ เพราะว่ากระทรวงสาธารณสุขของไทยกลัว
คนไทยจะเป็นเบาหวาน จะอ้วนกันไรงี้ เราก็พูดๆไป ก็สังเกตว่า เค้าก็ยิ้มอ่อนๆค่ะ แล้วก็มองต่ำ เราก็แบบ เดี๋ยวนะ นี่พี่มองอะไรของพี่อะ
ก็จับสายตาได้ว่ามองมาที่พุงเราอยู่ เราก็แบบ เอาละสิ จะเล่นอะไรตรูล่ะเนี่ย เค้าก็จิ้มๆพุงเราค่ะ แล้วก็ถามว่า แล้วนี่เนี่ย ถ้าตีเป็นภาษีคงเสียเยอะน่าดูเลยนะ
เราก็แบบ อีพี่หัวหอมมมมมม เมิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ทำไมร้ายจังวะ TT____TT จบวันนั้นเราก็นัดเค้าอีกในอาทิตย์ถัดไป (เสาร์ที่ผ่านมา)
แต่เค้าไม่ว่างเค้าเลยนัดเราไปเจออีกวันที่ 4 ธันวาค่ะ ก็ตอบตกลงไป
พอกลับมาบ้านก็มาเล่าให้แม่ ให้เพื่อนฟังเรื่องภาษีน้ำตาล ก็ขำกันสิคะ ลั่นบ้านเลย แม่เรายังบอกเลยค่ะว่าเห็นติ๋มๆอย่างนี้ปากร้ายเหมือนกันนะ
ฮือออออ ไม่มีใครช่วยหนูเลยยยยย ขำกันหมด หลังจากวันนั้นก็ได้ชื่อใหม่อีกค่ะ เค้าก็ล้อเราว่าเป็นมะเขือเทศ เพราะเราเล่าให้ฟังว่าเราตากแดดแล้วตัวจะแดงๆ แดงเป็นมะเขือเทศเลย พี่แกก็บอก "เหมือนมะเขือเทศด้วยใช่มะ? กลมเหมือนมะเขือเทศน่ะ อิอิ" ไอ้เราก็โกรธสิคะ
ก็ส่งอีโมจิหน้าโกรธสีแดงๆไป เค้าก็บอกอีก อีโมจิตัวนี้ก็เหมือนเธอเลยนะเนี่ย กลมๆ แดงๆ เออ เอาเข้าไปสิ โดนเล่นอีกแล้วววววว
เราก็แบบ บอกไปว่า เราไม่ชอบกินมะเขือเทศ มันแหยงๆ พี่แกก็เอาอีกละค่ะ อ้าว ทำไมไม่ชอบกินล่ะ อ๋อ กินตัวเองไม่ได้
แล้วปรากฏว่าวันเสาร์ที่ผ่านมา เราก็ไปเที่ยวไปแจ๊ดแจ๋กับเพื่อนที่สยามเพราะว่าเค้าไม่ว่าง ไม่ได้นัดกับเค้า อยู่ๆเค้าก็ทักมาหาเราว่า นี่ๆ ผมอยู่กรุงเทพนะ ผมมาซื้อของกับกลุ่มเพื่อนที่มาแลกเปลี่ยนด้วยน่ะ เราก็อ้าว เฮ้ย แต่เราอยู่สยามนะ เราอยู่กับเพื่อน เธอก็อยู่กับเพื่อน ไม่เหมาะจะเจอกันตอนนี้หรอก
เค้าก็บอก อ๋อๆ เปล่าครับ ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว ผมแยกมานั่งเล่นที่สยามดิสคนเดียว เพื่อนคนอื่นไปซื้อของกันหมด พอดีผมเหนื่อยเลยมานั่งพัก
เราก็เลย อ่ะๆ เดี๋ยวแวะไปทักหน่อยละกัน ก็เลยไปเจอกันมาค่ะ ไปๆมาๆ ฮีแกบอกว่าขอตามมาเที่ยวกับเราและเพื่อนเราด้วย เลยได้ไปเที่ยวกันอีกแบบงงๆค่ะ
ไปเดินสยามดิส สยามเซ็น พารากอน สยามสแควร์ แล้วก็ไป เซ็นทรัลเวิล์ด สรุปคือเพื่อนลวงให้เรากับเค้าไปไหว้พระตรีมูรติด้วยกันค่ะ แหะๆ
วันนั้นอากาศมันสบายๆ ลมมันเย็นดีไงคะ เราก็เลยชวนคุย เอ้อ วันนี้อากาศดีนะ เริ่มเย็นนิดนึงละ
เค้าก็เลยถามว่า เธอๆ รู้จักเสื้อ Heattech ของ Uniqlo มั้ย เราก็อื้มๆ รู้จักๆ ทำไมเหรอ เค้าก็บอกว่า เนี่ย เสื้อ Heattech เค้าจะใส่หนาๆไว้กันหนาว เธอก็ใส่อยู่ใช่มั้ย? แล้วก็ยิ้มอ่อน นั่นไงคะ โดนอีกดอกแล้วค่ะ แถมยังบอกด้วยนะคะว่าไม่ใช่ Heattech แต่เป็น Meattech ฮ่วยยยยยย
สรุปคือ เราแค่อยากรู้จริงๆค่ะว่าผู้ชายคนนี้มันต้องการอะไรจากเรา ถึงได้ตามล้อตามราวีเราขนาดนี้ 55555
จากตอนแรกที่เหวอๆเค้า รู้ตัวอีกทีก็คุยกันทุกวัน ด่ากันทุกวันไปแล้วค่ะ -/////-
ถามเพื่อน พี่ แม่ เค้าก็บอกไปทางเดียวกันคือ เค้าน่าจะชอบแกนะ แต่ที่ชัวร์เลยคือเห็นติ๋มๆแต่จริงๆคือร้ายมาก 55555555
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้ขำๆ งงๆของเราค่า สวัสดีค่า 5555555555