
สวัสดีค่ะ พร หมูน้อยเรนเจอร์ ขอมารีวิวที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่พึ่งไปมา (ภูมิใจ) มากค่ะ
มีคู่หูเดินทางคือ รถสองล้อ Yamaha Exciter150 ขับจากปากเกร็ดแบบ ชิลล์ๆ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ก็ถึง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันนี้เลยอยากมาแชร์ สถานที่ (มรดก) ของประเทศไทย ที่นี้ คือ (วัดไชยวัฒนาราม) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านป้อม อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง

วัดไชยวัฒนาราม ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัดวัดไชยวัฒนารามเป็นวัดหลวงที่บำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์สืบต่อมาหลังจากนั้นทุกพระองค์ จึงได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชสมัย เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสิ้นพระชนม์ก็ได้ถวายพระเพลิงที่วัดนี้
ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง วัดไชยวัฒนารามได้ถูกปล่อยทิ้งให้ร้างเรื่อยมา บางครั้งมีผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ เศียรพระพุทธรูปถูกตัดขโมย มีการรื้ออิฐที่พระอุโบสถ และกำแพงวัดไปขาย แต่ในปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535

[CR] บิด ชิลล์ๆ ไป "เมืองเก่า"(อยุธยา)
สวัสดีค่ะ พร หมูน้อยเรนเจอร์ ขอมารีวิวที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่พึ่งไปมา (ภูมิใจ) มากค่ะ
มีคู่หูเดินทางคือ รถสองล้อ Yamaha Exciter150 ขับจากปากเกร็ดแบบ ชิลล์ๆ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ก็ถึง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันนี้เลยอยากมาแชร์ สถานที่ (มรดก) ของประเทศไทย ที่นี้ คือ (วัดไชยวัฒนาราม) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านป้อม อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง
ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง วัดไชยวัฒนารามได้ถูกปล่อยทิ้งให้ร้างเรื่อยมา บางครั้งมีผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ เศียรพระพุทธรูปถูกตัดขโมย มีการรื้ออิฐที่พระอุโบสถ และกำแพงวัดไปขาย แต่ในปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535