สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้แรกของผมครับ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ
การได้เห็นผี ก็เหมือนการได้ถูกหวยรางวัลที่ 1 ครับ
รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันทุกคน
ถ้าคำว่า"ผี"หมายถึงวิญญาณ,ชีวิตหลังความตาย
นั้นตัวผมเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้หรอกนะว่ามันจะต้องเป็น อย่างที่กล่าวมา และสิ่งนั้นที่ผมได้มีโอกาส
ได้พบเจอโดยบังเอิญว่ามันคืออะไร อาจไม่ใช่ผีแต่
มันคือสิ่งลี้ลับอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่ไม่เคยรู้จัก
มันผมก็ต้องเรียกมันว่าผีแหละครับ แต่ผมไม่ขอเล่า
นะครับ เล่าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหลักฐานก็ไม่มี
จะถูกสบประมาทซะเปล่าๆนะ เพราะจินตนาการ
สำคัญกว่าความรู้จริงๆ เหมือนกับว่าเราให้ข้อมูล
สิ่งที่เราพบเจอด้วยปากเปล่าก็จะมีนักวิเคราะห์
ความน่าจะเป็นผสมจินตนาการส่วนตัวลงไปเพื่อ
เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงไป คือจริงๆแล้วผมก็เห็นด้วย
กับเจตนาของผู้ไม่เห็นด้วยนะ ว่าเราไม่ควรเชื่อ
อะไรง่ายๆเกินไปโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด เพราะ
มันอาจเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อและผม
ก็เห็นด้วยว่าเราไม่ควรงมงายเช่นกัน ไม่งั้นจะมีคำ
ว่า"ควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง"เหรอครับ
คือสรุปนะครับ ของอย่างนี้เรียกว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวที่ไม่สามารถแบ่งปัน
ให้ใครเข้าใจได้หรอกครับ แต่ผมขอยืนยันเลย
ครับว่าผมเคยได้พบเจอสิ่งลี้ลับ(โดยบังเอิญคน
เดียว)และไม่ได้มีการจัดฉากจากผู้ใดทั้งสิ้น
แล้วทำให้ผมรู้ว่าเรื่องบางเรื่องคนโบราณไม่ได้
โกหก คือมันมหัศจรรย์มากสำหรับตัวผมเองนะ
คือไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วครับ ขอพูดแค่ว่ามันมี
พฤติกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิต มีความคิดเป็นของ
ตัวเองรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเอกลักษณ์มีความ
ชัดเจน เป็นตัวเป็นตน ซึ่งดูแล้วเหมือนกับโลกไม่ได้สร้างมันขึ้นมา- แปลกประหลาด สวยงาม ลึกลับ
และน่าสงสารและถูกกำหนดไม่ให้เจอผู้คน เหมือนมี
ตราบาปแต่ก็ต้องอยู่และต้องหากินคือมันมีวิถีชีวิต
ด้วยนะครับ ผมได้มีโอกาสได้แอบดูและสังเกตุ
มันอยู่หลายวันนะครับ ชอบมากลางดึกถามว่า
จะรู้ได้ยังไงว่ามันจะมา หมาจะหอนครับจริงๆครับ
ผมแค่มองจากหน้าต่างห้องออกไปข้างนอก ก็เห็น
แล้วครับ แถวบ้านผมเมื่อก่อนเป็นทุ่งครับ มีขี้วัว
มีกองขยะครับ
คือไอ้ตัวเนี้ยนะครับมันมีในตำราของคนโบราณด้วยครับ
ว่าจะไม่เล่าแล้วนะ ไหนๆก็มาแล้ว
ประกอบกับว่างๆแล้ว ก็เอาสักหน่อย
คือขนาดมันประมาณกำปั้นมือของเรา
ลอยไปมาได้ตามต้องการ คล้ายตัวอสุจิเป็นแสงสี
ขาวนาลทั้งตัวแต่ไม่สว่างและไม่กระพริบ คือนึกภาพพฤติกรรมดูแล้วเหมือนปลาทองหางพลิ้วๆ กำลัง
ตอดกินอาหารตามพื้น(ขี้วัว,กองขยะ)อย่างช้าๆ
ดูแล้วเพลินตาเลยครับ
เนี้ย ผมขออนุญาตแทคห้องวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ
ดูสิจะว่ากันอย่างไร จะหามุขอะไรมาหักล้างกัน
สนุกๆได้ครับไม่ว่ากันครับ ผมก็พยายามสื่อสารให้ตรงไปตรงมา
ที่สุดครับ(เมื่อ20ปีที่แล้ว)
ถ้ามองในหลักวิทยาศาสตร์จะเป็นไปได้ไหมครับ ว่ามันเป็นแค่สิ่งมีชีวิต
ที่เราไม่เคยอยากรู้จัก และไม่อยากจะพบเจอ
รบกวนเพื่อนๆพี่ๆห้องหว้ากอที่มีเวลาว่างช่วยวิเคราะห์ครับ
ปล สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อที่ผมเล่ามา หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องโกหก ก็ไม่เป็นไรครับ เชื่อในอุดมการณ์ต่อไปครับ
ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ แต่ผมก็อยากให้เผื่อใจ
ไว้บ้าง ส่วนผมก็เผื่อใจไว้แล้วว่าอาจจะกลายเป็นคนขาดความน่าเชื่อถือไปเลย
ถ้าผมยืนยันอย่างเสียงแข็ง ว่ามันมีสิ่งลี้ลับ(ผี)บนโลกนี้อยู่จริงล่ะ ช่วยวิเคราะห์ให้ทีครับ ?
การได้เห็นผี ก็เหมือนการได้ถูกหวยรางวัลที่ 1 ครับ
รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันทุกคน
ถ้าคำว่า"ผี"หมายถึงวิญญาณ,ชีวิตหลังความตาย
นั้นตัวผมเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้หรอกนะว่ามันจะต้องเป็น อย่างที่กล่าวมา และสิ่งนั้นที่ผมได้มีโอกาส
ได้พบเจอโดยบังเอิญว่ามันคืออะไร อาจไม่ใช่ผีแต่
มันคือสิ่งลี้ลับอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่ไม่เคยรู้จัก
มันผมก็ต้องเรียกมันว่าผีแหละครับ แต่ผมไม่ขอเล่า
นะครับ เล่าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหลักฐานก็ไม่มี
จะถูกสบประมาทซะเปล่าๆนะ เพราะจินตนาการ
สำคัญกว่าความรู้จริงๆ เหมือนกับว่าเราให้ข้อมูล
สิ่งที่เราพบเจอด้วยปากเปล่าก็จะมีนักวิเคราะห์
ความน่าจะเป็นผสมจินตนาการส่วนตัวลงไปเพื่อ
เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงไป คือจริงๆแล้วผมก็เห็นด้วย
กับเจตนาของผู้ไม่เห็นด้วยนะ ว่าเราไม่ควรเชื่อ
อะไรง่ายๆเกินไปโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด เพราะ
มันอาจเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อและผม
ก็เห็นด้วยว่าเราไม่ควรงมงายเช่นกัน ไม่งั้นจะมีคำ
ว่า"ควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง"เหรอครับ
คือสรุปนะครับ ของอย่างนี้เรียกว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวที่ไม่สามารถแบ่งปัน
ให้ใครเข้าใจได้หรอกครับ แต่ผมขอยืนยันเลย
ครับว่าผมเคยได้พบเจอสิ่งลี้ลับ(โดยบังเอิญคน
เดียว)และไม่ได้มีการจัดฉากจากผู้ใดทั้งสิ้น
แล้วทำให้ผมรู้ว่าเรื่องบางเรื่องคนโบราณไม่ได้
โกหก คือมันมหัศจรรย์มากสำหรับตัวผมเองนะ
คือไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วครับ ขอพูดแค่ว่ามันมี
พฤติกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิต มีความคิดเป็นของ
ตัวเองรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเอกลักษณ์มีความ
ชัดเจน เป็นตัวเป็นตน ซึ่งดูแล้วเหมือนกับโลกไม่ได้สร้างมันขึ้นมา- แปลกประหลาด สวยงาม ลึกลับ
และน่าสงสารและถูกกำหนดไม่ให้เจอผู้คน เหมือนมี
ตราบาปแต่ก็ต้องอยู่และต้องหากินคือมันมีวิถีชีวิต
ด้วยนะครับ ผมได้มีโอกาสได้แอบดูและสังเกตุ
มันอยู่หลายวันนะครับ ชอบมากลางดึกถามว่า
จะรู้ได้ยังไงว่ามันจะมา หมาจะหอนครับจริงๆครับ
ผมแค่มองจากหน้าต่างห้องออกไปข้างนอก ก็เห็น
แล้วครับ แถวบ้านผมเมื่อก่อนเป็นทุ่งครับ มีขี้วัว
มีกองขยะครับ
คือไอ้ตัวเนี้ยนะครับมันมีในตำราของคนโบราณด้วยครับ
ว่าจะไม่เล่าแล้วนะ ไหนๆก็มาแล้ว
ประกอบกับว่างๆแล้ว ก็เอาสักหน่อย
คือขนาดมันประมาณกำปั้นมือของเรา
ลอยไปมาได้ตามต้องการ คล้ายตัวอสุจิเป็นแสงสี
ขาวนาลทั้งตัวแต่ไม่สว่างและไม่กระพริบ คือนึกภาพพฤติกรรมดูแล้วเหมือนปลาทองหางพลิ้วๆ กำลัง
ตอดกินอาหารตามพื้น(ขี้วัว,กองขยะ)อย่างช้าๆ
ดูแล้วเพลินตาเลยครับ
เนี้ย ผมขออนุญาตแทคห้องวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับ
ดูสิจะว่ากันอย่างไร จะหามุขอะไรมาหักล้างกัน
สนุกๆได้ครับไม่ว่ากันครับ ผมก็พยายามสื่อสารให้ตรงไปตรงมา
ที่สุดครับ(เมื่อ20ปีที่แล้ว)
ถ้ามองในหลักวิทยาศาสตร์จะเป็นไปได้ไหมครับ ว่ามันเป็นแค่สิ่งมีชีวิต
ที่เราไม่เคยอยากรู้จัก และไม่อยากจะพบเจอ
รบกวนเพื่อนๆพี่ๆห้องหว้ากอที่มีเวลาว่างช่วยวิเคราะห์ครับ
ปล สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อที่ผมเล่ามา หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องโกหก ก็ไม่เป็นไรครับ เชื่อในอุดมการณ์ต่อไปครับ
ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ แต่ผมก็อยากให้เผื่อใจ
ไว้บ้าง ส่วนผมก็เผื่อใจไว้แล้วว่าอาจจะกลายเป็นคนขาดความน่าเชื่อถือไปเลย