ใต้เงาของต้นไม้สูงใหญ่
บนพื้นดินเบื้องล่างเป็นที่ตั้งของเพิงพักชั่วคราว และภายใต้หลังคาสังกะสีปีกเดียวนั้น มีหลอดไฟส่องสว่างจากแรงขับส่งของเครื่องปั่นไฟ มีชายฉกรรจ์สามคนภายในเพิงพักกำลังจ้องมองการมาเยือนของยิปซีทะเลสองคนพี่น้อง
เมื่อพากันก้าวเท้าเดินมาถึงเพิงพักตรงหน้า เสียงของหนึ่งในชายฉกรรจ์ก็ดังขึ้น
“มาหาที่หลบพายุเหรอ เข้ามาสิ”
เสียงเชื้อเชิญอย่างมีไมตรี ทำให้ทั้งซายอและละมอ ก้าวเข้าไปในเพิงพักนั้นทันที แม้จะยังงุนงงแปลกใจ ที่ได้พบเจอคนบนเกาะร้างแห่งนี้ แต่ลมแรงแห่งพายุก็ทำให้ตัดสินใจเข้าไปหลบพักอาศัยในเพิงนั้น จนลืมความแปลกหน้าต่อกันไปชั่วครู่
ภายใต้หลังคาสังกะสี แสงไฟเหลืองนวลสี่ดวงที่ติดครบสี่มุมเสาของที่พัก ขับให้เห็นหน้าของคนแปลกหน้าได้ชัดเจนขึ้น เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้สวมใส่ ท่าทางและภาษาพูดจาคือคนบนฝั่งเมืองชัดๆ ความแปลกใจระคนสงสัย มีมากขึ้นในความคิดของซายอ..
“พวกมาจากฝั่งเมืองทางโน้นหรอกหรือ”
เสียงของซายอดังขึ้น ขณะที่สายตาของเขายังจ้องมองชายฉกรรจ์ตรงหน้าทั้งสาม ซายอพยายามออกเสียงภาษาของคนฝั่งเมือง ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ได้พอรู้มา
“ใช่ แล้วพวกละ คนทะเลแถวนี้เหรอ”
ชายฉกรรจ์ผู้ดูมีอำนาจและอายุเยอะที่สุดในกลุ่มตั้งคำถาม
“ใช่”
คำตอบของซายอคือการยอมรับสถานภาพของตน แวบหนึ่งความคิดวกวนไปถึงเรื่องราวเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ซายอเริ่มตระหนักรู้ในบางสิ่ง “แล้วพวกขึ้นมาทำอะไรที่เกาะนี้”
“พวกกูจะมาสร้างที่พัก ทำรีสอร์ท”
“พวกจะมาทำที่ทาง เหมือนบนฝั่งทางโน้นหรอกหรือ”
ความคิดคำนึงคาดเดาบางอย่าง เป็นจริงหรอกหรือนี่
ความคิดของซายอเริ่มสับสน
“ก็ใช่ ทำไมหรือ”
ชายฉกรรจ์คนเดิม จ้องมองคนทะเลตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในท่าทีอันเริ่มจะแข็งขืน
“พวกจะขึ้นมาปลูกที่ทางบนเกาะนี้ได้ยังไง ในเมื่อทั่วท้องทะเลแห่งนี้มันเป็นที่ทางของพวกกู”
ถ้อยคำของซายอแข็งขืนขึ้น การถูกรุกรานเป็นหนที่สอง ทำให้มีแวบความคิดที่จะปกป้องบางสิ่งเอาไว้ หรือถึงเวลาที่จะต้องทำ
“โอ้ย.. กูไม่รู้ด้วยหรอก พวกกูก็แค่คนรับจ้างมาสร้างบ้านให้พวกเขา”
ชายฉกรรจ์คนเดิมให้เหตุผล ทั้งๆที่ก็งงเหตุผลของคนป่าทะเลตรงหน้า แต่ก็คร้านที่จะถามเพราะไม่ใช่ธุระเรื่องของเขา และไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเสียด้วย
“แล้วใครเป็นคนบอกให้พวกมาสร้างที่แถวนี้”
ซายอเหมือนต้องการจะหาคนต้นเริ่มให้ได้ในทันที อีไอ้พวกนั้นเป็นใครกัน ที่คิดสั่งให้คนพวกนี้มาสร้างที่ทางบนพื้นแผ่นดินของชนเผ่าอย่างพวกเขา
“พรุ่งนี้เช้าเจ้าของเขาจะมาที่เกาะนี้ รอคุยกับเขาแล้วกัน”
ชายฉกรรจ์คนเดิมพูดตัดบท ในใจกำลังนึกอยู่ว่าคำของคนป่าทะเลตรงหน้าช่างไร้สาระสิ้นดี เขาหันไปบอกกล่าวเพื่อนคนงานอีกสองคน ให้แยกย้ายกันเข้านอนตามมุมที่แต่ละคนเลือกจัดไว้ ก่อนหันมาบอกกล่าวคนป่าตรงหน้าทั้งสอง
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะ กูยกมุมโน้นให้พวกสองคนละ ท่าทางพายุคงจะหนักไปทั้งคืน พรุ่งนี้เช้าพวกค่อยเดินเรือต่อ จะปลอดภัยกว่า”
สิ้นคำชายฉกรรจ์คู่สนทนา..
ทุกคน ก็แยกย้ายไปพักผ่อนยังมุมของตัวเอง ปล่อยให้ซายอและละมอยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองพากันไปนั่งหลบมุมด้านหน้าเพิงพักที่ชายฉกรรจ์เป็นคนชี้ให้
อ่านต่อในครั้งหน้า
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 3 (ปฐมบท ทะเลแห่งชีวิต) / ตรีวิทย์ นฤดม
ใต้เงาของต้นไม้สูงใหญ่
บนพื้นดินเบื้องล่างเป็นที่ตั้งของเพิงพักชั่วคราว และภายใต้หลังคาสังกะสีปีกเดียวนั้น มีหลอดไฟส่องสว่างจากแรงขับส่งของเครื่องปั่นไฟ มีชายฉกรรจ์สามคนภายในเพิงพักกำลังจ้องมองการมาเยือนของยิปซีทะเลสองคนพี่น้อง
เมื่อพากันก้าวเท้าเดินมาถึงเพิงพักตรงหน้า เสียงของหนึ่งในชายฉกรรจ์ก็ดังขึ้น
“มาหาที่หลบพายุเหรอ เข้ามาสิ”
เสียงเชื้อเชิญอย่างมีไมตรี ทำให้ทั้งซายอและละมอ ก้าวเข้าไปในเพิงพักนั้นทันที แม้จะยังงุนงงแปลกใจ ที่ได้พบเจอคนบนเกาะร้างแห่งนี้ แต่ลมแรงแห่งพายุก็ทำให้ตัดสินใจเข้าไปหลบพักอาศัยในเพิงนั้น จนลืมความแปลกหน้าต่อกันไปชั่วครู่
ภายใต้หลังคาสังกะสี แสงไฟเหลืองนวลสี่ดวงที่ติดครบสี่มุมเสาของที่พัก ขับให้เห็นหน้าของคนแปลกหน้าได้ชัดเจนขึ้น เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้สวมใส่ ท่าทางและภาษาพูดจาคือคนบนฝั่งเมืองชัดๆ ความแปลกใจระคนสงสัย มีมากขึ้นในความคิดของซายอ..
“พวกมาจากฝั่งเมืองทางโน้นหรอกหรือ”
เสียงของซายอดังขึ้น ขณะที่สายตาของเขายังจ้องมองชายฉกรรจ์ตรงหน้าทั้งสาม ซายอพยายามออกเสียงภาษาของคนฝั่งเมือง ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ได้พอรู้มา
“ใช่ แล้วพวกละ คนทะเลแถวนี้เหรอ”
ชายฉกรรจ์ผู้ดูมีอำนาจและอายุเยอะที่สุดในกลุ่มตั้งคำถาม
“ใช่”
คำตอบของซายอคือการยอมรับสถานภาพของตน แวบหนึ่งความคิดวกวนไปถึงเรื่องราวเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ซายอเริ่มตระหนักรู้ในบางสิ่ง “แล้วพวกขึ้นมาทำอะไรที่เกาะนี้”
“พวกกูจะมาสร้างที่พัก ทำรีสอร์ท”
“พวกจะมาทำที่ทาง เหมือนบนฝั่งทางโน้นหรอกหรือ”
ความคิดคำนึงคาดเดาบางอย่าง เป็นจริงหรอกหรือนี่
ความคิดของซายอเริ่มสับสน
“ก็ใช่ ทำไมหรือ”
ชายฉกรรจ์คนเดิม จ้องมองคนทะเลตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในท่าทีอันเริ่มจะแข็งขืน
“พวกจะขึ้นมาปลูกที่ทางบนเกาะนี้ได้ยังไง ในเมื่อทั่วท้องทะเลแห่งนี้มันเป็นที่ทางของพวกกู”
ถ้อยคำของซายอแข็งขืนขึ้น การถูกรุกรานเป็นหนที่สอง ทำให้มีแวบความคิดที่จะปกป้องบางสิ่งเอาไว้ หรือถึงเวลาที่จะต้องทำ
“โอ้ย.. กูไม่รู้ด้วยหรอก พวกกูก็แค่คนรับจ้างมาสร้างบ้านให้พวกเขา”
ชายฉกรรจ์คนเดิมให้เหตุผล ทั้งๆที่ก็งงเหตุผลของคนป่าทะเลตรงหน้า แต่ก็คร้านที่จะถามเพราะไม่ใช่ธุระเรื่องของเขา และไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเสียด้วย
“แล้วใครเป็นคนบอกให้พวกมาสร้างที่แถวนี้”
ซายอเหมือนต้องการจะหาคนต้นเริ่มให้ได้ในทันที อีไอ้พวกนั้นเป็นใครกัน ที่คิดสั่งให้คนพวกนี้มาสร้างที่ทางบนพื้นแผ่นดินของชนเผ่าอย่างพวกเขา
“พรุ่งนี้เช้าเจ้าของเขาจะมาที่เกาะนี้ รอคุยกับเขาแล้วกัน”
ชายฉกรรจ์คนเดิมพูดตัดบท ในใจกำลังนึกอยู่ว่าคำของคนป่าทะเลตรงหน้าช่างไร้สาระสิ้นดี เขาหันไปบอกกล่าวเพื่อนคนงานอีกสองคน ให้แยกย้ายกันเข้านอนตามมุมที่แต่ละคนเลือกจัดไว้ ก่อนหันมาบอกกล่าวคนป่าตรงหน้าทั้งสอง
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะ กูยกมุมโน้นให้พวกสองคนละ ท่าทางพายุคงจะหนักไปทั้งคืน พรุ่งนี้เช้าพวกค่อยเดินเรือต่อ จะปลอดภัยกว่า”
สิ้นคำชายฉกรรจ์คู่สนทนา..
ทุกคน ก็แยกย้ายไปพักผ่อนยังมุมของตัวเอง ปล่อยให้ซายอและละมอยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองพากันไปนั่งหลบมุมด้านหน้าเพิงพักที่ชายฉกรรจ์เป็นคนชี้ให้
อ่านต่อในครั้งหน้า
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008