คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ข้อมูลในกระทู้ link แรกเก่าไปแล้ว เป็นสมัยลิเธี่ยม Li-ion ออกมาแทนที่ Ni-MH ได้ไม่นาน Li-Po ก็เพิ่งตั้งไข่ สมัยนั้นมีแค่เทคนิคกระแสคงที่อย่างเดียว
ทุกวันนี้เทคนิคการชาร์จมีหลากหลาย ของแอนดรอยด์ด้วย โดยเฉพาะการชาร์จไว ชาร์จด่วนทั้งหลาย มักให้กระแส-แรงดันเป็น dynamic ไม่ใช่ตัวเลขแค่ 1C 2C (constant current) อะไรแบบเดิมอีกแล้ว
แต่ละรุ่นจะมี curve เทคนิคคการชาร์จ แบ่งเป็นช่วงๆ ว่า % ขนาดนี้ ใช้กระแสเท่าไหร่หรือแรงดันเท่าไหร่ (มีการเพิ่มแรงดัน-แล้วค่อยๆ ลดแรงดัน มีเปลี่ยนไปเป็นควบคุมแรงดันคงที่ (constant voltage) ช่วงปลายอีก)
แต่ก็ไม่ใช่ตะบี้ตะบันชาร์จเลย เขาตรวจวัดอุณหภูมิด้วย ถ้าร้อนก็จะไม่ให้กระแสมาก-แรงดันมาก เท่ากับแบตที่ถูกชาร์จอุณหภูมิปกติ
จริงๆ ต้องระบุรุ่น ว่า iphone ไหน ถึงจะรู้ว่าใช้เทคนิคไหน อย่างรุ่นล่าสุดใช้ USB-C/USB-PD แบบเดียวกับ Mac Book
แต่โดยสรุป จะใช้คำแทนพฤติกรรมการชาร์จยุคปัจจุบันได้ว่าเป็น Intelligent charging หรือ Smart charging system จะเข้าใจได้ว่า ไม่ใช่ชาร์จแบบบื้อๆ แบบรุ่นเก่า จริงๆ ผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่มันต่างกันเยอะเหมือนยุคทีวี Analog ภาพเป็นเส้นๆ กลายเป็น digital HD เห็นสิวพิธีกรนี่เอง
การชาร์จด่วน มีผลต่ออายุบ้างจริง แต่ก่อนจะะอกมาสู่ตลาด เขาทดลองกันมาหลายระดับสูงมั่ง ต่ำมั่งใน Lab ปรับแต่งไม่ให้เกิน ลองมาจนได้แล้วว่าอยู่ในระดับยอมรับได้ ไม่ได้กระทบจนเกิดผลเสียหายหนัก (ภาษาเทคนิคเรียกว่า optimize)
เขาอุตส่าห์เปลืองค่า R&D ในการคิดค้นการชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพสูงที่เหมาะสมแล้ว แล้วหันมาชาร์จเงินค่าเครื่อง ค่า accessories ล้วงกระเป๋าลูกค้ามาแพงๆ (จนเป็นบริษัทมีเงินสดในมือมากที่สุดในตลาดหุ้นอเมริกา) ลูกค้าคนไหนไม่ใช้ ถือว่าไม่คุ้ม นะเออ
ดังนั้น เขาสร้างให้มาชาร์จไว โดยไม่กลัวพังไวมาแบบก่อน ใช้ๆ ชาร์จๆ ไปเถอะ เหมือนซื้อรถมอเตอร์ไซค์มา แต่กลัวพัง เลยบอกว่า ขอจูงรถเดินช้าๆ บ้าง หรือขอขี่เอื่อยๆ ความเร็วแค่จักรยานละกัน จะได้พังช้าลง... จะเอางั้นก็ไม่มีใครว่า
ทุกวันนี้เทคนิคการชาร์จมีหลากหลาย ของแอนดรอยด์ด้วย โดยเฉพาะการชาร์จไว ชาร์จด่วนทั้งหลาย มักให้กระแส-แรงดันเป็น dynamic ไม่ใช่ตัวเลขแค่ 1C 2C (constant current) อะไรแบบเดิมอีกแล้ว
แต่ละรุ่นจะมี curve เทคนิคคการชาร์จ แบ่งเป็นช่วงๆ ว่า % ขนาดนี้ ใช้กระแสเท่าไหร่หรือแรงดันเท่าไหร่ (มีการเพิ่มแรงดัน-แล้วค่อยๆ ลดแรงดัน มีเปลี่ยนไปเป็นควบคุมแรงดันคงที่ (constant voltage) ช่วงปลายอีก)
แต่ก็ไม่ใช่ตะบี้ตะบันชาร์จเลย เขาตรวจวัดอุณหภูมิด้วย ถ้าร้อนก็จะไม่ให้กระแสมาก-แรงดันมาก เท่ากับแบตที่ถูกชาร์จอุณหภูมิปกติ
จริงๆ ต้องระบุรุ่น ว่า iphone ไหน ถึงจะรู้ว่าใช้เทคนิคไหน อย่างรุ่นล่าสุดใช้ USB-C/USB-PD แบบเดียวกับ Mac Book
แต่โดยสรุป จะใช้คำแทนพฤติกรรมการชาร์จยุคปัจจุบันได้ว่าเป็น Intelligent charging หรือ Smart charging system จะเข้าใจได้ว่า ไม่ใช่ชาร์จแบบบื้อๆ แบบรุ่นเก่า จริงๆ ผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่มันต่างกันเยอะเหมือนยุคทีวี Analog ภาพเป็นเส้นๆ กลายเป็น digital HD เห็นสิวพิธีกรนี่เอง
การชาร์จด่วน มีผลต่ออายุบ้างจริง แต่ก่อนจะะอกมาสู่ตลาด เขาทดลองกันมาหลายระดับสูงมั่ง ต่ำมั่งใน Lab ปรับแต่งไม่ให้เกิน ลองมาจนได้แล้วว่าอยู่ในระดับยอมรับได้ ไม่ได้กระทบจนเกิดผลเสียหายหนัก (ภาษาเทคนิคเรียกว่า optimize)
เขาอุตส่าห์เปลืองค่า R&D ในการคิดค้นการชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพสูงที่เหมาะสมแล้ว แล้วหันมาชาร์จเงินค่าเครื่อง ค่า accessories ล้วงกระเป๋าลูกค้ามาแพงๆ (จนเป็นบริษัทมีเงินสดในมือมากที่สุดในตลาดหุ้นอเมริกา) ลูกค้าคนไหนไม่ใช้ ถือว่าไม่คุ้ม นะเออ
ดังนั้น เขาสร้างให้มาชาร์จไว โดยไม่กลัวพังไวมาแบบก่อน ใช้ๆ ชาร์จๆ ไปเถอะ เหมือนซื้อรถมอเตอร์ไซค์มา แต่กลัวพัง เลยบอกว่า ขอจูงรถเดินช้าๆ บ้าง หรือขอขี่เอื่อยๆ ความเร็วแค่จักรยานละกัน จะได้พังช้าลง... จะเอางั้นก็ไม่มีใครว่า
สมาชิกหมายเลข 3926012 ถูกใจ, Orange Marmalade ถูกใจ, rrgg ถูกใจ, heart_of_andaman ถูกใจ, Partita ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
ถามเรื่องการชาร์จแบตไอโฟนที่ถูกต้อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อยากจะทราบว่า
1.การชาร์จมีแรงดัน3ระดับ ซึ่งระดับ C1 ดีสุดที่65-75% แล้วถ้าตั้งแต่76-99 จะไม่ดีเท่า C3 ไหม
2.การชาตแบตทิ้งไว้ทั้งคืนถึงจะมีการตัดไฟอัตโนมัติ แต่จะเริ่มชาร์จเมื่อลด1% ก็แปลว่าเริ่มชาร์จตั้งแต่ 99% ตลอดทั้งคืนใช่ไหม
3.ถ้าเราใช้หัวชาร์จที่มีความดันไฟต่ำ(ชาร์จช้า)จะช่วยถนอมแบตได้ดีกว่าใช้หัวชาร์จที่มีความดันไฟสูง(ชาร์จเร็ว)ไหม