o.O....โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์.....ดาวยิงที่ไม่ได้รัก แต่ก็เกลียดไม่ลง

เสาไฟฟ้า หล่อเหลา ท่านประธาน หากเอ่ยฉายาเหล่านี้ในบรรดาเหล่ากันเนอร์ส คงหนีไม่พ้นที่จะหมายถึงโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ซึ่งที่มาที่ไปในความสากก็ไม่ได้เกินจริงมากนักแฟนปืนหลายคนอาจรู้จักและตั้งฉายาให้รูส่ายหน้าในความ”สาก” ของเขา หลายครั้งหลายคราวในสถานการณ์คับขันที่ทีมต้องการประตู เขากลับทำหน้าที่กองหน้าตัวความหวังไม่ได้ แต่ก็อีกหลายครั้งหลายคราว ที่เขาเป็นคนที่พาทีมผ่านสถาการณ์ลำบากคับขันนั้นมาได้ เช่น ในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาล 2015/2016 เมื่ออาร์เซนอลต้องชนะโอลิมปิกอส สองลูกขึ้นไปเพื่อผ่านเข้ารอบ และเป็นเสาไฟฟ้าผู้หล่อเหลาคนนี้ที่ยิงคนเดียว 3 ประตู ช่วยให้ทีมได้เข้ารอบต่อไป แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเพราะเจ้าเก่าหน้าประจำอย่างบาร์เซโลน่า


โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์  เคยให้สัมภาษณ์ว่าการที่เขาเคยเล่นในดิวิชั่นรองๆของฝรั่งเศสมาก่อน ส่งผลให้เขามีความแข็งแกร่ง ชิรูด์เริ่มอาชีพค้าแข้งกับสโมสรเกรน็อบส์ เป็นสโมสรเล็กๆที่เล่นในลีก2 ทางฝรั่งเศสตอนเหนือ เขาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเมื่ออายุ 21 ปี  ซึ่งนับว่าค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับนักฟุตบอลโดยทั่วไป ชิรูด์มีแรงบันดาลใจในการเป็นนักฟุตบอลมาจากพี่ชาย (Romain Giroud) ซึ่งเคยติดทีมชาติ U-15 และ U-17 รุ่นเดียวกับเธียร์รี่ อองรี ดาวิด เทรเซเก้ และ นิโคล่า อเนลก้า แต่ภายหลังผันตัวมาเป็นนักโภชนาการ นอกจากฟุตบอลแล้วชิรูด์สามารถเล่นกีฬาชนิดอื่นๆได้เป็นอย่างดี เช่น รักบี้ แฮนด์บอล บาสเก็ตบอล และ กีฬาฤดูหนาวต่างๆ เนื่องจากบ้านเกิดของเขาอยู่ในเขตเทือกเขาแอลป์นั่นเอง หลังจากนั้นเขาก็ย้ายทีมมาเล่นให้กับตูร์ในปี 2008 ซึ่งที่นั่นชิรูด์ได้พบกับโลร็องท์ กอสเชียลนี่ ที่หลังจากนั้นอีก 4 ปี ทั้งสองคนก็ได้มาร่วมงานกันอีกครั้งในอังกฤษ ชิรูด์กล่าวว่าเขาคิดว่ามันเป็นโชคชะตาที่เขาและกอสเซียลนี่ได้มาเจอกันอีกครั้งที่ลอนดอน ในฤดูกาล 2009/2010 เขาได้เป็นดาวซัลโวของลีก 2 กับตูร์


เมื่อฤดูกาลนั้นจบลง เขาตัดสินใจย้ายไปทีมมงเปลิเย่ร์ ซึ่งในชณะนั้นก็มีทีมอื่นๆอย่างมิดเดิลสโบรซ์และกลาสโกว์ เซลติกให้ความสนใจติดต่อให้เขามาร่วมทีม แต่ชิรูด์ต้องการเล่นให้กับสโมสรในลีกสูงสุดของฝรั่งเศสมากกว่า ในปีแรกชิรูด์กับมงเปลิเย่ร์ก็ยิงประตูชัยในนาทีที่ 117 นำทีมมงเปลิเย่ร์เข้าชิงแชมป์ฟุตบอลถ้วยของฝรั่งเศส (Coupe de France) แต่สุดท้ายก็ได้แค่รองแชมป์โดยการแพ้มาร์กเซยส์ แต่อีกหนึ่งปีต่อมา มงเปลิเย่ร์ก็คว้าแชมป์ลีกเอิงได้ ซึ่งชิรูด์ยิงไป 21 ประตู และ 9 แอสซิสต์ และกลายเป็นดาวซัลโวประจำปีนั้น แม้ว่าจะยิงประตูได้เท่ากับ เนเน่ ของ PSG แต่ชิรูด์สามารถทำประตูจาก open play ได้มากกว่า ชิรูด์เปรียบเทียบไว้ว่าปีนั้นมงเปลิเย่ร์สามารถคว้าแชมป์อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เหมือนกับเลสเตอร์ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงกับมงเปลิเย่ร์ ทำให้ชิรูด์ถูกเรียกตัวติดทีมชาติครั้งแรก ในเกมที่พบกับสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11/11/2011 นับจากวันนั้นถึงตอนนี้ 26/11/2017 ชิรูด์รับใช้ชาติไปแล้ว 69 นัด ยิงไป 29 ประตู นับเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาล ลำดับที่ 7 ชิรูด์กล่าวว่าในการเป็นตัวแทนทีมชาติทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นนักรบ และเขาจะทำทุกๆอย่างเพื่อประเทศชาติ


การเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นสิ่งที่ชิรูด์คิดฝันมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเล่นให้อาร์เซนอลถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งในวัยเด็ก ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2012 เมื่ออาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งขณะนั้นร่วมเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับทีวีช่องหนึ่งในฝรั่งเศส ได้ติดต่อเอเย่นต์ของชิรูด์ และ บอกว่าอยากได้ชิรูด์มาร่วมทีมอาร์เซนอล ภรรยาของชิรูด์ (เจนนิเฟอร์ ชิรูด์) ก็มาหาเขาที่แคมป์เก็บตัวทีมชาติฝรั่งเศสพร้อมกับแบบร่างสัญญาที่จะเซ็นกับอาร์เซนอล ซึ่งชิรูด์กล่าวว่าการเซ็นสัญญากับอาร์เซนอลเป็นความลับที่รู้กันสองคนระหว่างนั้น และเมื่อทีมชาติฝรั่งเศสตกรอบชิรูด์ก็ได้มาตรวจร่างกายและเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ แม้ว่าในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2012 ประธานสโมสรมงเปลิเย่ร์ออกมาประกาศอย่างหนักแน่นว่าจะขายชิรูด์ในราคา 50 หรือ 60 ล้านยูโร แต่อาร์เซนอลก็ซื้อโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์มาในราคาเพียง 12.4 ล้านยูโรเท่านั้น ว่ากันว่าโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ถูกเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตดาวซัลโวของทีมที่เลือกย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งในตลาดเดียวกันนี้อาร์แซน เวนเกอร์ก็ซื้อตัวลูคัส โพโดสกี้ ดาวยิงทีมชาติเยอรมันมาจาก เอฟซีโคโลญจน์ด้วย ซึ่งในขณะนั้นแฟนปืนใหญ่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับการมาของโพโดสกี้มากกว่า


ในฤดูกาลแรกกับอาร์เซนอล ชิรูด์อยู่ในนัดประวัติศาตร์ที่อาร์เซนอลกลับมาเอาชนะเรดดิ้ง 7-5 ในฟุตบอลลีกคัพ หลังจากโดนนำไปถึง 0-4 โดยชิรูด์เป็นคนยิงประตูที่ 2 ทำให้อาร์เซนอลผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็ไปแพ้ให้กับแบรดฟอร์ดซิตี้ในการดวลจุดโทษอย่างน่าเสียดาย ในฤดูกาล 2013/2014 เขาได้ตอกส้นส่งแอสซิสต์ให้อารอน แรมซีย์ยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาพิเศษของเกมรอบชิงชนะเลิศ FA CUP ซึ่งนับเป็นถ้วยแรกในรอบ 9 ปีของสโมสร หลังจากที่ทีมต้องตกเป็นรองฮัลล์ ซิตี้ 0-2 ตั้งแต่ต้นเกม แม้ว่าในตอนนั้น ชิรูด์ได้ถูกมรสุมข่าวฉาวในกรณีนอกใจภรรยาและหนีออกจากโรงแรมเก็บตัวก่อนแข่ง จนฟอร์มตกและถูกดร็อปไปเป็นตัวเลือกลำดับหลังต่อจากดาวยิงรุ่นน้องอย่าง ยาย่า ซาโนโก้เลยทีเดียว และมีข่าวว่าอาร์เซนอลจะขายทิ้งในช่วงปิดฤดูกาลนั้นทันที แต่สุดท้ายชิรูด์ได้ออกมาขอโทษภรรยาและผู้จัดการทีมผ่านทางทวิตเตอร์ หลังจากกลับตัวกลับใจ เขาทำงานหนักอีกครั้งในฤดูกาลถัดมาจนกลายเป็นตัวจริงของทีมอีกครั้งในฤดูกาล 2014/2015 และได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม 2015 และชิรูด์ก็มีส่วนร่วมในรอบชิงชนะเลิศ FA CUP กับแอสตัน วิลลา ชิรูด์เป็นคนยิงประตูที่ 4 เมื่อถูกส่งลงมาในช่วงสิบนาทีสุดท้าย ชิรูด์กล่าวว่านัดนี้เป็นเกมที่ง่ายกว่าปีก่อน แต่ความรู้สึกก็ดีไม่ต่างกัน


เมื่อฤดูกาล 2016/2017 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์มักจะถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง เนื่องจากอาร์แซน เวนเกอร์เปลี่ยนแนวทางการเล่นโดยใช้อเล็กซิส ซานเชสเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน แต่ชิรูด์ก็รอโอกาสของเขาอย่างอดทน และเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2017 ชิรูด์ได้ยิงประตูสกอร์เปี้ยนคิกสุดสวยในนัดที่เอาชนะคริสตัล พาเลช ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แม้ว่าจะลูกยิงลูกนี้จะมีคำครหาว่าเป็นการยิงแบบฟลุกๆ และไม่ได้รับการกล่าวถึงจาก FA และ BBC ของอังกฤษ แต่ก็สามารถทำให้เขาคว้ารางวัลปุสกัส อวอร์ด (Goal of the year) จากการร่วมมือร่วมใจกันโหวตของแฟนๆเดอะกันเนอร์สทั่วโลก


ในนัดชิง FA CUP ปี 2017 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่ถูกส่งลงมาในนาทีที่ 78 แทนที่แดนนี่ เวลเบ็กท่ามกลางเสียงกังขา เขาตวัดลูกออกมาจากวงล้อมของผู้เล่นเชลซีส่งให้อารอน แรมซีย์โหม่งประตูชัย ในนาทีที่ 79 ส่งให้อาร์เซนอลคว้าแชมป์ ครั้งที่ 13 ไปอย่างหักปากกาเซียนรอบสนาม และ ชิรูด์ก็ยิงจุดโทษเป็นคนที่ 4 ในการยิงจุดโทษแบบใหม่ (ABBA) ซึ่งเป็นประตูชัยทำให้อาร์เซนอลเอาชนะเชลซีอีกครั้งในศึกคอมมิวนิตี้ชิลด์ปี 2017 ในตลาดซื้อขายหน้าร้อนที่ผ่านมา อาร์เซนอลได้ทุ่มซื้อตัวอาแล็กซ็องร์ ลากาแซ็ตต์มาจากลียงเป็นสถิติสโมสรถึง 53 ล้านยูโร ทำให้มีหลายสโมสร เช่น เอฟเวอร์ตันติดต่อขอซื้อโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ไปร่วมทีม แต่ชิรูด์ยืนยันจะต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งในทีมอาร์เซนอลต่อไป โดยให้เหตุผลว่าอาร์แซน เวนเกอร์ยังสนับสนุนในตัวเขาอยู่ ซึ่งครั้งหนึ่งอาร์แซน เวนเกอร์เคยให้สัมภาษณ์ว่า ผู้คนมักจะมองถึงผู้เล่นที่เคลื่อนไหวได้เร็ว แต่ชิรูด์มีความแข็งแกร่ง เขาสามารถเอาชนะกองหลังได้ดี และการที่มีกองหน้าตัวเป้าสไตล์นี้ในทีมก็สามารถสร้างความแตกต่างในการเล่นได้


หากตัวอย่างข้างบน ชิรูด์รับบทเป็นพระเอก แต่เขาก็ไม่สามารถชนะใจแฟนๆปืนใหญ่ และ แฟนทีมชาติตราไก่ได้อย่างหมดจดงดงาม เช่นเดียวกับรุ่นพี่ทีมชาติของเขาอย่างเธียร์รี่ อองรีที่เป็นทั้งดาวซัลโวสูงสุดของทั้งอาร์เซนอล และ ทีมชาติฝรั่งเศส เนื่องจากบางครั้งในนัดความหวัง นัดที่ต้องการคนพิเศษที่ทำให้ทีมแตกต่าง ชิรูด์ยังไม่สามารถแบกทีมไว้ได้ เช่น ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลแห่งชาติยุโรปปี 2016 ชิรูด์เท้าบอดไม่สามารถทำประตูให้ทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ได้ในบ้านเกิดได้ หรืออย่างในช่วงหนึ่งที่ชิรูด์ก็ไม่สามารถยิงประตูได้เป็นเวลา 15 นัดติดต่อกัน ทำให้เธียร์รี่ อองรี ซึ่งเป็นคอมเมนเตเตอร์ของช่อง sky ได้ออกมาวิจารณ์เขาอย่างหนัก จนทำให้เขาฟอร์มหลุดไปพักใหญ่

สาเหตุหนึ่งที่ชิรูด์ไม่เป็นที่รักในหมู่แฟนปืนมากนัก เนื่องจากสไตล์การเล่นที่เจ้าตัวไม่มีความเร็ว และมักจะทำตัวเป็นกำแพงยืนพิงกองหลัง แล้วเล่นชิ่งให้เพื่อนๆในทีมเข้าไปทำประตู และบางครั้งเมื่อเจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งที่น่าจะได้ประตูแต่ก็ทำหมูหกไปแบบง่ายๆก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วนเช่นกัน

อย่างไรก็ตามโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์เคยกล่าวไว้ว่า...

I play football to make history, to make my family and friends proud. In several years, when my career is over, I would like to leave one or two good memories of my time with Arsenal.

ถึงวันนี้ แม้ว่าชิรูด์จะยังไม่สามารถพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์ลีกได้ แต่สัญชาติญาณนักสู้ของเขาที่ต้องต่อสู้ตำแหน่งตัวจริงผ่านยุคของมารูยาน ชาร์มัคห์ อังเดร อาชาวิน ลูคัส โพโดสกี้ อเล็กซิส ซานเชส จนมาถึงอาแล็กซ็องร์ ลากาแซ็ตต์ และประตูลูกยิงแมงป่องกลับหลังก็ทำให้เขาฝากความทรงจำดีๆในฐานะนักเตะคนหนึ่งในสีเสื้อของอาร์เซนอลไว้แล้ว

คุณล่ะ...เคยถามใจตัวเองไหมว่า รักหรือเกลียดกองหน้าเสาไฟฟ้าคนนี้???
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่