สวัสดีคะ เรื่องดังต่อไปนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็นการมโนไปเองหรือมีจริงๆนะคะ
เราทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านสาทร มาเป็นเวลา 2 ปีแล้วคะ บริษัทก็โตขึ้นมาเรื่อยๆ จึงถึงวาระของการขยับขยาย พื้นที่การทำงาน ทางบริษัทได้มีการซื้อตึกเพื่อทำออฟฟิศใหม่ แต่ในระหว่างการตกแต่งนี้ เบริษัทจะต้องทำเรื่องย้ายที่อยู่คะ ต้องติดป้ายส่งเอกสารหลักฐานการย้าย ถ่ายภาพตึกต่างๆ
ตึกนี้มีทั้งหมด 5 ชั้นรวมดาดฟ้าคะ แบ่งให้เช่า อีกสามบริษัท อ่านถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะอยากรู้ละ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าที่ มันเกี่ยวตอนที่เราไปติดป้ายถ่ายรูปนี้ละคะ
วันหนึ่งวันทำงานปกติของเรา ตอนนี้ยังทำอยู่ที่เดิมของบริษัทนะคะ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตึกที่ซื้อใหม่มากนัก พี่บัญชีคนหนึ่ง ขอความช่วยเหลือให้เราไปถ่ายภาพตึกและภาพหลักฐานการย้าย พวกป้ายชั้นต่างๆคะ ช่วงนั้นงานเราก็เบาบางลงบ้าง จึงรับปากพี่เขาจะช่วย แต่ต้องไปด้วยกัน เมื่อตบปากรับคำเรียบร้อยก็ถึงการดำเนินการ ขอกุญแจตึกกับหัวหน้า แล้วนั่งตุ๊กๆ ไปกันสองคนพร้อมป้ายชื่อบริษัท
ถึงหน้าตึก ด้านหน้าจะเป็น ประตูไม้ และป้ายชื่อบริษัทเดิมที่เคยมีก่อนหน้านี้ หน้าที่คือต้องติดทะเบียนบ้านป้ายแล้วถ่าย เราและพี่เขาก็จัดการติดกาวที่ใช้ติดป้ายลงไปแล้วถ่ายด้านหน้าตึก มุมกด มุมกว้างมุมเอียงก็ว่าไป ติดทั้งหมด 4 บริษัท เพราะมีให้เขาเช่าด้วย ตอนแรกเราเข้าใจว่าถ่ายแค่ด้านนอกก็พอ แต่พอเราถ่ายเสร็จทุกป้ายหน้าตึก พี่บัญชีบอกว่า หัวหน้าบอกต้องเอาภาพด้านในตึกด้วย นั้นแสดงว่าเราจะต้องขึ้นไปบนตึกสองคน ที่ตอนนี้ โล่ง และใหญ่มากสำหรับคนสองคน มันจะหว่าเหว้หน่อยๆ
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไขกุญแจประตูหน้าตึก แล้วเดินเข้าไปด้านใน เลื่อนประตูหน้า ให้เห็นส่วนข้างในตึก มีช่องพนักงานต้อนรับ บานกระจกเมื่อมองไปข้างหน้า เหมือนจะเป็นห้องส่งของลงของ พื้นที่ตรงหน้าตอนนี้จอดรถได้ประมานสามคันคะ ด้านซ้ายมือคือทางขึ้นตึกไปชั้นต่างๆ ที่เป็นห้องกระจก มองเข้าไปด้านใน เจอศาลสีแดงของคนจีนอะคะ เราก็เรียกไม่ถูก อะไรจู้ๆนี้ละคะ ศาลใหญ่เลยนะคะ มีธูปปรากฎอยู่สามดอก ก่อนหน้านี้หัวหน้าน่าจะไหว้เจ้าที่ไว้ก่อนแล้ว เราและพี่ เดินมายังบานกระจกทางซ้ายมือแล้วไขเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่เรารู้สึกคือความอึดอัด เงียบมาก จนได้ยินเสียงหายใจของเราสองคน พี่บัญชีมองหน้ากับเราแล้วบอกว่า จะต้องบอกเจ้าที่ก่อนว่าเรามาทำอะไร พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย เราได้ยินดังนั้น พนมมือขึ้นและบอกกล่าว ว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่อยู่นะคะ วันนี้ขอมาถ่ายภาพติดป้ายเก็บหลักฐานเพื่อจะย้ายเข้าอยู่ พูดจบเราก็มองไปที่ศาล จากนั้นเดินขึ้นชั้นสอง ก็พูดบอกว่าจะไปชั้นสอง ไม่ได้มาบุกรุกนะคะพร้อมพนมมือ ด้วยอะไรก็ไม่รู้ทำให้เราขนลุกขึ้นทันทีเมื่อถึงชั้นสอง พี่คนข้างๆสะกิดให้เห็นขนที่แขนที่ตอนนี้กำลังตั้งชูอยู่ พี่เขาก็ขนลุกเหมือนกันนิ เรายิ้มให้พี่เล็กน้อย จากนั้น ก็หามุมเพื่อที่จะติดป้ายบริษัทแรกที่อยู่ชั้นสอง ลักษณะชั้นสองตอนนี้ก็เหมือนชั้นบริษัททั่วไป มีห้องใหญ่ให้นักงานนั่งพร้อมกับห้องด้านในสำหรับหัวหน้าที่เป็นห้องเล็กๆ แตกต่างแต่ว่าตอนนี้ไม่มีโต้ะหรือเก้าอี้หลงเหลืออยู่ จึงสามารถมองเห็นได้ทะลุทุกห้อง เราและพี่มองหาที่ติดป้ายพร้อมทั้งสวิทซ์ เปิดไฟ เพราะไม่เปิดไฟแล้วน่าจะถ่ายภาพยากอยู่ ในนี้มืดเล็กน้อยคะ ได้แสงจากไฟน่าจะดี แต่ว่าพอเจอสวิทซ์ไฟ กดเปิด ไฟไม่ติดคะ อาจจะต้องเปิดวาลหรืออะไรสักอย่างก่อนหรือป่าวไม่แน่ใจ
ไม่เป็นไรๆ เปิดม่านถ่ายก็ได้ พี่บัญชีเตรียมติดกาว และหามุมเสร็จเรียบร้อย ก็ติดกดป้ายลงไปบนผนังห้อง ที่เมื่อเราเดินขึ้นชั้นสองมาจะมองเห็นป้ายทันที เราในฐานะตากล้อง ตรวจเช็คความแน่นของป้ายว่าติดดีมั้ย ตอนถ่ายจะได้ไม่ต้องถ่ายใหม่ถ้าป้ายหลุดออกมา อีกอย่างถ้าร่วงลงมา เสียงที่ดัง อาจจะไปรบกวน สิ่งที่เรามองไม่เห็นก็เป็นไปได้คะ คิดมากไปมั้ยเนี่ยเรา กลัวแบบขึ้นสมองอะ ถือกล้องพร้อมถ่าย ปรากฎว่าถ่ายไม่ได้ ช่วงระยะของเลนส์แคบไปสำหรับถ่าบจุดนี้ เราเลยใช้มือถือถ่ายแทน บรรยากาศตอนนี้ เริ่มร้อนแล้วคะ หายใจหอบกันทั้งสองคน รีบถ่ายรีบไปกันดีกว่า ยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่าย หนึ่งภาพ สองภาพ เอาทุกมุม อ่ะเสร็จเรียบร้อย
เสร็งปุ๊บ สิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้น เพียงไม่กี่วินาทีที่เราถ่ายเสร็จ ป้ายที่ติดอยู่ห่างจากพื้น 2 เมตรกว่าๆ หล่นลงพื้นดัง ปังๆๆๆๆๆๆ เสียงเอฟเฟค แบบไมค์มีแอคโคล แล้วความเงียบก็กลับมาใหม่ พร้อมด้วยหัวใจที่เต้นแรง ขนลุกซู่ และรู้สึกว่าขนหัวจะตั้งด้วยเล็กน้อย พี่บัญชีรีบวิ่งไปเก็บป้ายทันที ส่วนเรายืนอึ้ง มองซ้ายขวา เอาไงดีๆๆ ยกมือพนม ขอโทษที่ทำเสียงดัง และมารบกวน เดี๋ยวจะรีบถ่ายรีบกลับนะคะ พอตั้งสติได้เลยเข้าไปช่วยพี่เก็บป้าย แต่คือด้วยที่เป็นกาวแบบพิเศษติดดีมากๆ ตอนป้ายตกลง ด้านที่ติดกาว หันลงพื้นจึงทำให้ติดแน่นกับพื้น แกะออกยากเข้าไปอีกด้วยแรงกระแทก ต้องเราคัตเตอร์ที่เตรียมมาค่อยๆงัดออกมา
แปลกมาก ติดพื้นยังติดแน่นขนาดนี้ ตอนก่อนถ่ายก็เช็คแล้วว่าแน่นพอ แล้วถ่าย แต่ทำไมป้ายถึงตกลงมาได้ พี่ที่มาด้วยกัน พูดกับเราว่า เจ้าที่แรงอยู่นะ
ตอนนั้นเราก็ใจดีสู้เสืออะ อาจจะไม่มีอะไรมั้งพี่ อาจจะติดไม่แน่น วัสดุที่เราเอามาติดอาจจะติดผนังไม่ได้
คิดแบบนี้ไปจะได้สบายใจเนอะ สิ้นเสียงพูดกันสองคน ความเงียบก็มาอีกแล้ว
ชั้นสองนี้ มีห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือคะ ด้วยความที่อยากรู้ว่าห้องน้ำโอเคมั้ย เพราะอีกไม่นานจะต้องย้ายมาอยู่แล้ว เราลองเดินเข้าไปดูคะ ใจก็เต้นแรง กล้าๆกลัวๆ แต่อยากดู 555 เดินเข้าไปได้สองก้าว ถึงอ่างล้างหน้าพอดี อยู่ดีๆก๊อกน้ำก็เปิดเองคะ
ทำไรต่อดีคะ เรากรี๊ดๆๆๆๆๆคะ กลัวมาก หลับตา พี่ที่มาด้วยบอกลืมตาๆๆ มันเป็น ก๊อกแบบมีเซนเซอร์
เฮ้อ น้ำน้อน้ำ ตกใจหมดเลย เอาแล้วหว่า เสียงของป้ายตก และเสียงกรี๊ด เสียงดังอีกแล้ว ตายๆๆๆ เขาต้องโกรธแน่ๆ คิดไปเรื่อย วนอยู่ในหัว ยกมือขอโทษเป็นรอบที่สอง หนูจะมาอยู่ที่นี้นะคะ ตอนนี้มาถ่ายป้ายบริษัทคะ ไม่ได้มาบุกรุก ถ้าทำเสียงดังต้องขอโทษด้วยนะคะ
ทีนี่เหลืออีกสามบริษัทที่ต้องถ่าย ชั้นละหนึ่งบริษัท ใจตอนนี้ไม่อยากจะถ่ายแล้ว อยากกลับเลย ร้อนก็ร้อนวังเวงอีกต่างหาก มันคืองานๆๆๆ ต้องทำให้สำเร็จเราและพี่ท่องไว้ ถ้ากลับไปแล้วถ่ายไม่ครบ เขาจะหาว่าเรางมงาย คิดไปเอง
เจ้าที่ ณ. ที่ทำงานใหม่
เราทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านสาทร มาเป็นเวลา 2 ปีแล้วคะ บริษัทก็โตขึ้นมาเรื่อยๆ จึงถึงวาระของการขยับขยาย พื้นที่การทำงาน ทางบริษัทได้มีการซื้อตึกเพื่อทำออฟฟิศใหม่ แต่ในระหว่างการตกแต่งนี้ เบริษัทจะต้องทำเรื่องย้ายที่อยู่คะ ต้องติดป้ายส่งเอกสารหลักฐานการย้าย ถ่ายภาพตึกต่างๆ
ตึกนี้มีทั้งหมด 5 ชั้นรวมดาดฟ้าคะ แบ่งให้เช่า อีกสามบริษัท อ่านถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะอยากรู้ละ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าที่ มันเกี่ยวตอนที่เราไปติดป้ายถ่ายรูปนี้ละคะ
วันหนึ่งวันทำงานปกติของเรา ตอนนี้ยังทำอยู่ที่เดิมของบริษัทนะคะ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตึกที่ซื้อใหม่มากนัก พี่บัญชีคนหนึ่ง ขอความช่วยเหลือให้เราไปถ่ายภาพตึกและภาพหลักฐานการย้าย พวกป้ายชั้นต่างๆคะ ช่วงนั้นงานเราก็เบาบางลงบ้าง จึงรับปากพี่เขาจะช่วย แต่ต้องไปด้วยกัน เมื่อตบปากรับคำเรียบร้อยก็ถึงการดำเนินการ ขอกุญแจตึกกับหัวหน้า แล้วนั่งตุ๊กๆ ไปกันสองคนพร้อมป้ายชื่อบริษัท
ถึงหน้าตึก ด้านหน้าจะเป็น ประตูไม้ และป้ายชื่อบริษัทเดิมที่เคยมีก่อนหน้านี้ หน้าที่คือต้องติดทะเบียนบ้านป้ายแล้วถ่าย เราและพี่เขาก็จัดการติดกาวที่ใช้ติดป้ายลงไปแล้วถ่ายด้านหน้าตึก มุมกด มุมกว้างมุมเอียงก็ว่าไป ติดทั้งหมด 4 บริษัท เพราะมีให้เขาเช่าด้วย ตอนแรกเราเข้าใจว่าถ่ายแค่ด้านนอกก็พอ แต่พอเราถ่ายเสร็จทุกป้ายหน้าตึก พี่บัญชีบอกว่า หัวหน้าบอกต้องเอาภาพด้านในตึกด้วย นั้นแสดงว่าเราจะต้องขึ้นไปบนตึกสองคน ที่ตอนนี้ โล่ง และใหญ่มากสำหรับคนสองคน มันจะหว่าเหว้หน่อยๆ
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไขกุญแจประตูหน้าตึก แล้วเดินเข้าไปด้านใน เลื่อนประตูหน้า ให้เห็นส่วนข้างในตึก มีช่องพนักงานต้อนรับ บานกระจกเมื่อมองไปข้างหน้า เหมือนจะเป็นห้องส่งของลงของ พื้นที่ตรงหน้าตอนนี้จอดรถได้ประมานสามคันคะ ด้านซ้ายมือคือทางขึ้นตึกไปชั้นต่างๆ ที่เป็นห้องกระจก มองเข้าไปด้านใน เจอศาลสีแดงของคนจีนอะคะ เราก็เรียกไม่ถูก อะไรจู้ๆนี้ละคะ ศาลใหญ่เลยนะคะ มีธูปปรากฎอยู่สามดอก ก่อนหน้านี้หัวหน้าน่าจะไหว้เจ้าที่ไว้ก่อนแล้ว เราและพี่ เดินมายังบานกระจกทางซ้ายมือแล้วไขเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่เรารู้สึกคือความอึดอัด เงียบมาก จนได้ยินเสียงหายใจของเราสองคน พี่บัญชีมองหน้ากับเราแล้วบอกว่า จะต้องบอกเจ้าที่ก่อนว่าเรามาทำอะไร พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย เราได้ยินดังนั้น พนมมือขึ้นและบอกกล่าว ว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่อยู่นะคะ วันนี้ขอมาถ่ายภาพติดป้ายเก็บหลักฐานเพื่อจะย้ายเข้าอยู่ พูดจบเราก็มองไปที่ศาล จากนั้นเดินขึ้นชั้นสอง ก็พูดบอกว่าจะไปชั้นสอง ไม่ได้มาบุกรุกนะคะพร้อมพนมมือ ด้วยอะไรก็ไม่รู้ทำให้เราขนลุกขึ้นทันทีเมื่อถึงชั้นสอง พี่คนข้างๆสะกิดให้เห็นขนที่แขนที่ตอนนี้กำลังตั้งชูอยู่ พี่เขาก็ขนลุกเหมือนกันนิ เรายิ้มให้พี่เล็กน้อย จากนั้น ก็หามุมเพื่อที่จะติดป้ายบริษัทแรกที่อยู่ชั้นสอง ลักษณะชั้นสองตอนนี้ก็เหมือนชั้นบริษัททั่วไป มีห้องใหญ่ให้นักงานนั่งพร้อมกับห้องด้านในสำหรับหัวหน้าที่เป็นห้องเล็กๆ แตกต่างแต่ว่าตอนนี้ไม่มีโต้ะหรือเก้าอี้หลงเหลืออยู่ จึงสามารถมองเห็นได้ทะลุทุกห้อง เราและพี่มองหาที่ติดป้ายพร้อมทั้งสวิทซ์ เปิดไฟ เพราะไม่เปิดไฟแล้วน่าจะถ่ายภาพยากอยู่ ในนี้มืดเล็กน้อยคะ ได้แสงจากไฟน่าจะดี แต่ว่าพอเจอสวิทซ์ไฟ กดเปิด ไฟไม่ติดคะ อาจจะต้องเปิดวาลหรืออะไรสักอย่างก่อนหรือป่าวไม่แน่ใจ
ไม่เป็นไรๆ เปิดม่านถ่ายก็ได้ พี่บัญชีเตรียมติดกาว และหามุมเสร็จเรียบร้อย ก็ติดกดป้ายลงไปบนผนังห้อง ที่เมื่อเราเดินขึ้นชั้นสองมาจะมองเห็นป้ายทันที เราในฐานะตากล้อง ตรวจเช็คความแน่นของป้ายว่าติดดีมั้ย ตอนถ่ายจะได้ไม่ต้องถ่ายใหม่ถ้าป้ายหลุดออกมา อีกอย่างถ้าร่วงลงมา เสียงที่ดัง อาจจะไปรบกวน สิ่งที่เรามองไม่เห็นก็เป็นไปได้คะ คิดมากไปมั้ยเนี่ยเรา กลัวแบบขึ้นสมองอะ ถือกล้องพร้อมถ่าย ปรากฎว่าถ่ายไม่ได้ ช่วงระยะของเลนส์แคบไปสำหรับถ่าบจุดนี้ เราเลยใช้มือถือถ่ายแทน บรรยากาศตอนนี้ เริ่มร้อนแล้วคะ หายใจหอบกันทั้งสองคน รีบถ่ายรีบไปกันดีกว่า ยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่าย หนึ่งภาพ สองภาพ เอาทุกมุม อ่ะเสร็จเรียบร้อย
เสร็งปุ๊บ สิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้น เพียงไม่กี่วินาทีที่เราถ่ายเสร็จ ป้ายที่ติดอยู่ห่างจากพื้น 2 เมตรกว่าๆ หล่นลงพื้นดัง ปังๆๆๆๆๆๆ เสียงเอฟเฟค แบบไมค์มีแอคโคล แล้วความเงียบก็กลับมาใหม่ พร้อมด้วยหัวใจที่เต้นแรง ขนลุกซู่ และรู้สึกว่าขนหัวจะตั้งด้วยเล็กน้อย พี่บัญชีรีบวิ่งไปเก็บป้ายทันที ส่วนเรายืนอึ้ง มองซ้ายขวา เอาไงดีๆๆ ยกมือพนม ขอโทษที่ทำเสียงดัง และมารบกวน เดี๋ยวจะรีบถ่ายรีบกลับนะคะ พอตั้งสติได้เลยเข้าไปช่วยพี่เก็บป้าย แต่คือด้วยที่เป็นกาวแบบพิเศษติดดีมากๆ ตอนป้ายตกลง ด้านที่ติดกาว หันลงพื้นจึงทำให้ติดแน่นกับพื้น แกะออกยากเข้าไปอีกด้วยแรงกระแทก ต้องเราคัตเตอร์ที่เตรียมมาค่อยๆงัดออกมา
แปลกมาก ติดพื้นยังติดแน่นขนาดนี้ ตอนก่อนถ่ายก็เช็คแล้วว่าแน่นพอ แล้วถ่าย แต่ทำไมป้ายถึงตกลงมาได้ พี่ที่มาด้วยกัน พูดกับเราว่า เจ้าที่แรงอยู่นะ
ตอนนั้นเราก็ใจดีสู้เสืออะ อาจจะไม่มีอะไรมั้งพี่ อาจจะติดไม่แน่น วัสดุที่เราเอามาติดอาจจะติดผนังไม่ได้
คิดแบบนี้ไปจะได้สบายใจเนอะ สิ้นเสียงพูดกันสองคน ความเงียบก็มาอีกแล้ว
ชั้นสองนี้ มีห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือคะ ด้วยความที่อยากรู้ว่าห้องน้ำโอเคมั้ย เพราะอีกไม่นานจะต้องย้ายมาอยู่แล้ว เราลองเดินเข้าไปดูคะ ใจก็เต้นแรง กล้าๆกลัวๆ แต่อยากดู 555 เดินเข้าไปได้สองก้าว ถึงอ่างล้างหน้าพอดี อยู่ดีๆก๊อกน้ำก็เปิดเองคะ
ทำไรต่อดีคะ เรากรี๊ดๆๆๆๆๆคะ กลัวมาก หลับตา พี่ที่มาด้วยบอกลืมตาๆๆ มันเป็น ก๊อกแบบมีเซนเซอร์
เฮ้อ น้ำน้อน้ำ ตกใจหมดเลย เอาแล้วหว่า เสียงของป้ายตก และเสียงกรี๊ด เสียงดังอีกแล้ว ตายๆๆๆ เขาต้องโกรธแน่ๆ คิดไปเรื่อย วนอยู่ในหัว ยกมือขอโทษเป็นรอบที่สอง หนูจะมาอยู่ที่นี้นะคะ ตอนนี้มาถ่ายป้ายบริษัทคะ ไม่ได้มาบุกรุก ถ้าทำเสียงดังต้องขอโทษด้วยนะคะ
ทีนี่เหลืออีกสามบริษัทที่ต้องถ่าย ชั้นละหนึ่งบริษัท ใจตอนนี้ไม่อยากจะถ่ายแล้ว อยากกลับเลย ร้อนก็ร้อนวังเวงอีกต่างหาก มันคืองานๆๆๆ ต้องทำให้สำเร็จเราและพี่ท่องไว้ ถ้ากลับไปแล้วถ่ายไม่ครบ เขาจะหาว่าเรางมงาย คิดไปเอง