
จากความที่เป็นคนชอบทุ่งนา ต้นไม้ สายน้ำ และ ภูเขา..... อยากหยุดพัก อยากไปสโลว์ไลฟ์ อยากจะไปนอนดูท้องนาที่มีฉากหลังเป็นภูเขา ง่าย ๆ คือ อยากลาพักร้ออนนนนนน 5555
แล้วจู่ ๆ ก็มีใครบางคนโพสต์ภาพนั้นขึ้นมา สะดุดสายตาจนต้องคลิ๊กเข้าไปดูว่ามันคือที่ไหน??
ปรากฎว่ามันคือที่
อ.ปัว จ.น่าน ไม่ต้องคิดมากเลย คลิ๊กๆๆๆ หาข้อมูล แล้วก็ไลน์บอกน้องร่วมก๊วน……
พี่จะไปน่าน ไปมั้ย? ทางโน้นก็ไม่คิดมา ตอบมาว่า "ไป" ....ก้อเลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา

และตามสไตล์เรา ไม่นอนหรู ขอนอนฟินกับที่พักแนว ๆ บรรยากาศดี ๆ ไม่ต้องมีอะไรมาก แอร์ไม่มี wifi ไม่ need
ก็เลยไปเจอ ที่พักเมืองน่าน ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง ……
“ตูบนาโฮมสเตย์” และ
“อุ่นไอมาง ณ สปัน” และระหว่างนั้น
“ภูลังกา รีสอร์ท” ก็แว้บเข้ามา เฮ้ย!!!! สวยอ่า ขอจัดหน่อยนะ ขับเลยไปหน่อย แค่พะเยาเอง ส่วนขากลับ จะดิ่งตรงเข้ากรุงเทพเลย ก็กระไรอยู่ ขอแวะหาที่นอนก่อนซักคืนจะได้ไม่ต้องขับรถยิงยาว
(เป็นเหมือนกันมั้ยคะ ขาไป ขับไกลแค่ไหนก็สบาย ๆ เพราะเรากำลังจะไปเที่ยว แต่ขากลับเนี่ย อะไร ๆ มันก็ไม่อยากไปหมด ขอแวะนั่นนอนนี่ ยื้อเวลาให้ถึงกรุงเทพช้า ๆ 5555)
หาไปหามา…..
"สุโขทัย" ซักนิดละกัน พักรถ พักคน และเราก็ยังไม่เคยไปสุโขทัยเลย ลงตัวแระ 5 วัน 4 คืน ทริปนี้ มีอะไร ตามมาเลยค่ะ……….

ทริปนี้ พวกเรา 4 ชีวิต รวมเจ้าลูกชายตัวแสบที่เริ่มเป็นวัยรุ่น ที่เหมือนโดนบังคับให้ไปเที่ยวด้วย 5555 แต่แม่ไม่สน ไปด้วยกันซะดี ๆ
วันแรก
ออกเดินทางกันตอนตี 4 คิดไว้แล้วว่าไปถึงเมืองน่านตอนเที่ยงและหาอะไรทานในเมืองค่ะ จากกรุงเทพไปน่าน ก็แค่ 600 กว่ากิโล แค่นั้นเอง ไปไม่ยาก เปิด Google Map ฉลาด พัฒนามาแล้วไม่มีหลงค่ะ
(ทริปนี้ใช้บริการตลอดเลย)
ขับไปเรื่อย ๆ กะว่าจะแวะหาอะไรทานตอนเช้าแถว ๆ นครสวรรค์
(แต่จริงๆ แล้วไปทานแถวพิษณุโลกเลยค่ะ ประมาณ 8 โมงกว่า ๆ ) จากถนนวงแหวนตะวันออก ไปอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ และน่าน ก็จะมีถนนบางช่วงที่กำลังก่อสร้างอยู่นะคะ บางช่วงก็มีชำรุดบ้าง ต้องระวัง ๆ หน่อย
มาถึงน่านก็ใกล้ ๆ เที่ยงค่ะ ตามที่คิดไว้ ว่าแล้วก็ไปหาอะไรทานตามการบ้านที่หามา ร้านนี้เลยค่ะ……
"ร้านเฮือนฮอม"

ร้านอยู่ในตัวเมืองใกล้ ๆ กับวัดภูมินทร์ จอดรถริมถนนหน้าร้านเลย ตอนที่ไป คนไม่เยอะมาก

หน้าตาอาหารที่พวกเราสั่ง..... เขาบอกกันว่าที่พลาดไม่ได้เลยต้อง “หมูทอดมะแขว่น” ตามรีวิว อืมมมมมม….อร่อยหรือเปล่าต้องมาลองนะคะ กลิ่นเครื่องเทศชัดเจน อร่อยแบบแปลก ๆ เพราะเป็นของแปลกที่ไม่เคยทานค่ะ

ท้องอิ่มก็ไปต่อ จุดหมายต่อไปคือ อ.ปัว ก่อนเข้าที่พัก จะแวะวัดภูเก็ต กับร้านกาแฟบ้านไทลื้อก่อน
อ่อ… ลืมบอกไปว่า ช่วงที่ไปเป็นปลายเดือนตุลาคม อากาศยังร้อนอยู่เลยนะคะ กลางวันแดดแรงมาก
ขับออกจากตัวเมืองน่าน มุ่งหน้าไปปัว ระหว่างทางเหลือบไปเห็น หอศิลป์ริมน่าน ที่จำได้ว่าตอนทำการบ้าน ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจเหมือนกัน หลังจากขอความเห็นจากเดอะแก๊งค์ ว่าแล้ว ก็ขอแวะซักหน่อยเถอะ

“หอศิลป์ริมน่าน” จะอยู่ทางขวามือ หากเรามาจากตัวเมืองน่านมุ่งหน้าไปปัว เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท เท่านั้นค่ะ
ข้างในร่มรื่นมาก มีที่จอดรถก็เหลือเฟือ

พอเราลงจากรถ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาและอธิบายให้เราฟังสั้น ๆ ถึงประวัติ ความเป็นมา และ อธิบายว่าอะไรเป็นอะไร จุดไหนคืออะไรบ้าง
เสร็จแล้วพวกเราก็พุ่งไปห้องน้ำก่อน ดูหน้าตาห้องน้ำค่ะ มันคือศิลปะ จริง ๆ นี่แค่ห้องน้ำ ยังดูดีขนาดนี้


มาดูด้านในกันบ้าง
ใครที่ชอบศิลปะ รับรองถูกใจแน่นอนค่ะ

ชั้นล่าง

ไปดูข้างบนบ้างค่ะ

มาน่าน ก็ต้องมีท่า "กระซิบ" ซิ
ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกด้วยนะคะ สถานที่สะอาด ได้รับการดูแลอย่างดี
น้องเจ้าหน้าที่บอกว่า คนไทยไม่ค่อยเข้ามาหรอกค่ะ ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ น่าเสียดายนะคะ ศิลปะดี ๆ อยากให้มาเที่ยวกันเยอะ ๆ ค่ะ บอกเลยว่า 20 บาท คุ้มมากๆ กับสิ่งที่ได้มาเห็น
"หอศิลป์ริมน่าน" เป็นหอแสดงงานศิลปะของเอกชน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ห่างจากตัวอำเภอเมืองน่านไปประมาณ 20 กิโลเมตร ก่อตั้งโดยศิลปินชาวน่าน วินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่าน
มีทั้งงานแสดงภาพวาดและประติมากรรมที่คุณวินัยสะสมไว้ และนิทรรศการหมุนเวียนที่นำผลงานของศิลปินแขนงต่าง ๆ มาจัดแสดง
เปิดบริการ : 09.00 น. – 17.00 น. ปิดบริการ :วันพุธ
ออกจากหอศิลป์ ฯ ไปต่อที่วัดภูเก็ตค่ะ ปรากฎว่า…..ขับเลย เพราะลืมเปิด Map เลยต้องวนกลับมา
น่าจะเข้าได้หลายทางนะคะ ส่วนเราไปตาม Google map เข้าทางเล็ก ๆ ทางนี้ไม่มีป้ายบอก ขับจากถนนใหญ่เข้าไปไม่ไกลค่ะ ขึ้นเขานิดหน่อยก็ถึงแล้ว
วัดนี้มีสามเณรมาเรียนหนังสือกันด้วยนะคะ จอดรถหน้าวัดเลยค่ะ

วิวจากจุดชมวิวบนวัด มองลงไปเป็นทุ่งนา เรามาหน้านี้ ข้าวบางส่วนเกี่ยวไปแล้ว ถ้ามาช่วงที่ข้าวเพิ่งขึ้น ทุ่งนาก็จะเขียว ๆ บรรยากาศก็จะต่างกัน สวยคนละแบบ

ใช้เวลาไม่นานมาก เพราะตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว เลยตกลงกันว่าเข้าที่พักเลยดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปร้านกาแฟบ้านไทลื้อ วันนี้ขอเข้าที่พัก ไปถ่ายรูปที่ที่พักก่อน เพราะวันนี้เราพักกันที่
“ตูบนา โฮมเสตย์” ซึ่งมีมุมให้เดินเล่นชมบรรยากาศและถ่ายรูปเยอะมาก หากไปถึงเย็นเกินไป เดี๋ยวถ่ายรูปไม่ทัน
จากวัดภูเก็ตไป
“ตูบนา โฮมเสตย์” ไม่ไกลค่ะ ข้างทางก็วิวดี ขับเพลิน ๆ ไม่ต้องกลัวหลง Google พาไปถูกค่ะ ถึงทางเข้าจะเล็กแค่ไหน ก็ไปถูก นับถือเลยค่ะ

ถึงแล้วค่ะ
“ตูบนา โฮมเสตย์” ที่พักในตำนาน
(ตั้งเอาเอง 555)

เสียดายที่เราไปถึง เกี่ยวข้าวไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีเหลือบางแปลงและก็ยังสวยอยู่ค่ะ

ห้องนอนของเราค่ะ
เราจอง 2 ห้อง คือ “ชมวิว” กับ “ชมนา 2” ค่ะ
อันนี้ “ชมวิว”

อันนี้ “ชมนา 2”

"ชมนา 2" ห้องกว้างกว่า แต่ "ชมวิว" มีดาดฟ้า ซึ่งเย็นนี้เราจะได้กินขันโตกกันบนดาดฟ้าที่พักกันค่ะ

ตอนเช้านั่งจิบกาแฟตรงนี้ สโลว์สุด ๆ

เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาสำรวจค่ะ
ข้าง ๆ กันคือ “ตูบน่าน” เป็นของญาติๆ กันกับ "ตูบนา" เนี่ยแหละ สวยเหมือนกันเลย

ขอลงรูปรัว ๆ นะคะ

ใครที่ไม่ได้มาพักที่นี่ สามารถเข้ามานั่งทานกาแฟ ถ่ายภาพได้นะคะ ที่มีมีร้านกาแฟด้วย

ถ่ายรูปกันเพลิน ใกล้ ๆ ค่ำ ทางที่พักก็มาถามว่าจะให้จัดอาหารเย็นที่ไหน ตรงล็อบบี้หรือจะทานที่บ้านพักบนดาดฟ้าก็ได้ เราเลือกบนดาดฟ้าค่ะ
ได้เวลา คนของที่พักก็เอาเสื่อมาปูให้บนดาดฟ้า และจัดอาหารเย็นมาให้ เราสั่งขันโตกไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะมาพักแล้วค่ะ คนละ 200 บาท
ตอนที่ทางที่พักยกอาหารมา เราแอบบ่นกับน้องว่า ทำไมน้อยจัง
แต่ได้ดูชัด ๆ เท่านั้นแหละ อึ้งค่ะ ทาน 4 คน หมดไปไม่ถึงครึ่ง เสียดายมาก ให้มาเหลือเฟือจริง ๆ จนน้องบอกว่า...... ไหนพี่บอกว่าน้อยไง กินให้หมดสิ …. เค้าขอโทษ 55555
หน้าตาขันโตก และ บรรยากาศ ที่ทำให้ขันโตกที่อร่อยอยู่แล้ว อร่อยมากขึ้นไปอีกหลายเท่า

คืนนี้ ขอนอนเอาแรงก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องขับรถขึ้นเขายาวๆ
ฝากบรรยากาศตอนค่ำคืนที่ตูบนาไว้ก่อนนอนค่ะ
(เราจองที่ตูบนาตั้งแต่เดือนเมษา มาพักเดือนตุลา ล่วงหน้า 6 เดือนนะคะ ไม่งั้นไม่ว่างแน่นอน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ใครจะมาที่นี่ต้องวางแผนล่วงหน้านิดนึง)
[CR] น่าน เที่ยวน่าน ทริปน่าน ไปนอนน่าน …. เที่ยวชิล ๆ นอนดูวิวหลักล้าน
แล้วจู่ ๆ ก็มีใครบางคนโพสต์ภาพนั้นขึ้นมา สะดุดสายตาจนต้องคลิ๊กเข้าไปดูว่ามันคือที่ไหน??
ปรากฎว่ามันคือที่ อ.ปัว จ.น่าน ไม่ต้องคิดมากเลย คลิ๊กๆๆๆ หาข้อมูล แล้วก็ไลน์บอกน้องร่วมก๊วน……
พี่จะไปน่าน ไปมั้ย? ทางโน้นก็ไม่คิดมา ตอบมาว่า "ไป" ....ก้อเลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา
และตามสไตล์เรา ไม่นอนหรู ขอนอนฟินกับที่พักแนว ๆ บรรยากาศดี ๆ ไม่ต้องมีอะไรมาก แอร์ไม่มี wifi ไม่ need
ก็เลยไปเจอ ที่พักเมืองน่าน ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง ……
“ตูบนาโฮมสเตย์” และ “อุ่นไอมาง ณ สปัน” และระหว่างนั้น “ภูลังกา รีสอร์ท” ก็แว้บเข้ามา เฮ้ย!!!! สวยอ่า ขอจัดหน่อยนะ ขับเลยไปหน่อย แค่พะเยาเอง ส่วนขากลับ จะดิ่งตรงเข้ากรุงเทพเลย ก็กระไรอยู่ ขอแวะหาที่นอนก่อนซักคืนจะได้ไม่ต้องขับรถยิงยาว (เป็นเหมือนกันมั้ยคะ ขาไป ขับไกลแค่ไหนก็สบาย ๆ เพราะเรากำลังจะไปเที่ยว แต่ขากลับเนี่ย อะไร ๆ มันก็ไม่อยากไปหมด ขอแวะนั่นนอนนี่ ยื้อเวลาให้ถึงกรุงเทพช้า ๆ 5555)
หาไปหามา….. "สุโขทัย" ซักนิดละกัน พักรถ พักคน และเราก็ยังไม่เคยไปสุโขทัยเลย ลงตัวแระ 5 วัน 4 คืน ทริปนี้ มีอะไร ตามมาเลยค่ะ……….
ทริปนี้ พวกเรา 4 ชีวิต รวมเจ้าลูกชายตัวแสบที่เริ่มเป็นวัยรุ่น ที่เหมือนโดนบังคับให้ไปเที่ยวด้วย 5555 แต่แม่ไม่สน ไปด้วยกันซะดี ๆ
วันแรก
ออกเดินทางกันตอนตี 4 คิดไว้แล้วว่าไปถึงเมืองน่านตอนเที่ยงและหาอะไรทานในเมืองค่ะ จากกรุงเทพไปน่าน ก็แค่ 600 กว่ากิโล แค่นั้นเอง ไปไม่ยาก เปิด Google Map ฉลาด พัฒนามาแล้วไม่มีหลงค่ะ (ทริปนี้ใช้บริการตลอดเลย)
ขับไปเรื่อย ๆ กะว่าจะแวะหาอะไรทานตอนเช้าแถว ๆ นครสวรรค์ (แต่จริงๆ แล้วไปทานแถวพิษณุโลกเลยค่ะ ประมาณ 8 โมงกว่า ๆ ) จากถนนวงแหวนตะวันออก ไปอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ และน่าน ก็จะมีถนนบางช่วงที่กำลังก่อสร้างอยู่นะคะ บางช่วงก็มีชำรุดบ้าง ต้องระวัง ๆ หน่อย
มาถึงน่านก็ใกล้ ๆ เที่ยงค่ะ ตามที่คิดไว้ ว่าแล้วก็ไปหาอะไรทานตามการบ้านที่หามา ร้านนี้เลยค่ะ……
"ร้านเฮือนฮอม"
ร้านอยู่ในตัวเมืองใกล้ ๆ กับวัดภูมินทร์ จอดรถริมถนนหน้าร้านเลย ตอนที่ไป คนไม่เยอะมาก
หน้าตาอาหารที่พวกเราสั่ง..... เขาบอกกันว่าที่พลาดไม่ได้เลยต้อง “หมูทอดมะแขว่น” ตามรีวิว อืมมมมมม….อร่อยหรือเปล่าต้องมาลองนะคะ กลิ่นเครื่องเทศชัดเจน อร่อยแบบแปลก ๆ เพราะเป็นของแปลกที่ไม่เคยทานค่ะ
ท้องอิ่มก็ไปต่อ จุดหมายต่อไปคือ อ.ปัว ก่อนเข้าที่พัก จะแวะวัดภูเก็ต กับร้านกาแฟบ้านไทลื้อก่อน
อ่อ… ลืมบอกไปว่า ช่วงที่ไปเป็นปลายเดือนตุลาคม อากาศยังร้อนอยู่เลยนะคะ กลางวันแดดแรงมาก
ขับออกจากตัวเมืองน่าน มุ่งหน้าไปปัว ระหว่างทางเหลือบไปเห็น หอศิลป์ริมน่าน ที่จำได้ว่าตอนทำการบ้าน ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจเหมือนกัน หลังจากขอความเห็นจากเดอะแก๊งค์ ว่าแล้ว ก็ขอแวะซักหน่อยเถอะ
“หอศิลป์ริมน่าน” จะอยู่ทางขวามือ หากเรามาจากตัวเมืองน่านมุ่งหน้าไปปัว เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท เท่านั้นค่ะ
ข้างในร่มรื่นมาก มีที่จอดรถก็เหลือเฟือ
พอเราลงจากรถ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาและอธิบายให้เราฟังสั้น ๆ ถึงประวัติ ความเป็นมา และ อธิบายว่าอะไรเป็นอะไร จุดไหนคืออะไรบ้าง
เสร็จแล้วพวกเราก็พุ่งไปห้องน้ำก่อน ดูหน้าตาห้องน้ำค่ะ มันคือศิลปะ จริง ๆ นี่แค่ห้องน้ำ ยังดูดีขนาดนี้
มาดูด้านในกันบ้าง
ใครที่ชอบศิลปะ รับรองถูกใจแน่นอนค่ะ
ชั้นล่าง
ไปดูข้างบนบ้างค่ะ
มาน่าน ก็ต้องมีท่า "กระซิบ" ซิ
ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกด้วยนะคะ สถานที่สะอาด ได้รับการดูแลอย่างดี
น้องเจ้าหน้าที่บอกว่า คนไทยไม่ค่อยเข้ามาหรอกค่ะ ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ น่าเสียดายนะคะ ศิลปะดี ๆ อยากให้มาเที่ยวกันเยอะ ๆ ค่ะ บอกเลยว่า 20 บาท คุ้มมากๆ กับสิ่งที่ได้มาเห็น
"หอศิลป์ริมน่าน" เป็นหอแสดงงานศิลปะของเอกชน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ห่างจากตัวอำเภอเมืองน่านไปประมาณ 20 กิโลเมตร ก่อตั้งโดยศิลปินชาวน่าน วินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่าน
มีทั้งงานแสดงภาพวาดและประติมากรรมที่คุณวินัยสะสมไว้ และนิทรรศการหมุนเวียนที่นำผลงานของศิลปินแขนงต่าง ๆ มาจัดแสดง
เปิดบริการ : 09.00 น. – 17.00 น. ปิดบริการ :วันพุธ
ออกจากหอศิลป์ ฯ ไปต่อที่วัดภูเก็ตค่ะ ปรากฎว่า…..ขับเลย เพราะลืมเปิด Map เลยต้องวนกลับมา
น่าจะเข้าได้หลายทางนะคะ ส่วนเราไปตาม Google map เข้าทางเล็ก ๆ ทางนี้ไม่มีป้ายบอก ขับจากถนนใหญ่เข้าไปไม่ไกลค่ะ ขึ้นเขานิดหน่อยก็ถึงแล้ว
วัดนี้มีสามเณรมาเรียนหนังสือกันด้วยนะคะ จอดรถหน้าวัดเลยค่ะ
วิวจากจุดชมวิวบนวัด มองลงไปเป็นทุ่งนา เรามาหน้านี้ ข้าวบางส่วนเกี่ยวไปแล้ว ถ้ามาช่วงที่ข้าวเพิ่งขึ้น ทุ่งนาก็จะเขียว ๆ บรรยากาศก็จะต่างกัน สวยคนละแบบ
ใช้เวลาไม่นานมาก เพราะตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว เลยตกลงกันว่าเข้าที่พักเลยดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปร้านกาแฟบ้านไทลื้อ วันนี้ขอเข้าที่พัก ไปถ่ายรูปที่ที่พักก่อน เพราะวันนี้เราพักกันที่ “ตูบนา โฮมเสตย์” ซึ่งมีมุมให้เดินเล่นชมบรรยากาศและถ่ายรูปเยอะมาก หากไปถึงเย็นเกินไป เดี๋ยวถ่ายรูปไม่ทัน
จากวัดภูเก็ตไป “ตูบนา โฮมเสตย์” ไม่ไกลค่ะ ข้างทางก็วิวดี ขับเพลิน ๆ ไม่ต้องกลัวหลง Google พาไปถูกค่ะ ถึงทางเข้าจะเล็กแค่ไหน ก็ไปถูก นับถือเลยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ “ตูบนา โฮมเสตย์” ที่พักในตำนาน (ตั้งเอาเอง 555)
เสียดายที่เราไปถึง เกี่ยวข้าวไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีเหลือบางแปลงและก็ยังสวยอยู่ค่ะ
ห้องนอนของเราค่ะ
เราจอง 2 ห้อง คือ “ชมวิว” กับ “ชมนา 2” ค่ะ
อันนี้ “ชมวิว”
อันนี้ “ชมนา 2”
"ชมนา 2" ห้องกว้างกว่า แต่ "ชมวิว" มีดาดฟ้า ซึ่งเย็นนี้เราจะได้กินขันโตกกันบนดาดฟ้าที่พักกันค่ะ
ตอนเช้านั่งจิบกาแฟตรงนี้ สโลว์สุด ๆ
เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาสำรวจค่ะ
ข้าง ๆ กันคือ “ตูบน่าน” เป็นของญาติๆ กันกับ "ตูบนา" เนี่ยแหละ สวยเหมือนกันเลย
ขอลงรูปรัว ๆ นะคะ
ใครที่ไม่ได้มาพักที่นี่ สามารถเข้ามานั่งทานกาแฟ ถ่ายภาพได้นะคะ ที่มีมีร้านกาแฟด้วย
ถ่ายรูปกันเพลิน ใกล้ ๆ ค่ำ ทางที่พักก็มาถามว่าจะให้จัดอาหารเย็นที่ไหน ตรงล็อบบี้หรือจะทานที่บ้านพักบนดาดฟ้าก็ได้ เราเลือกบนดาดฟ้าค่ะ
ได้เวลา คนของที่พักก็เอาเสื่อมาปูให้บนดาดฟ้า และจัดอาหารเย็นมาให้ เราสั่งขันโตกไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะมาพักแล้วค่ะ คนละ 200 บาท
ตอนที่ทางที่พักยกอาหารมา เราแอบบ่นกับน้องว่า ทำไมน้อยจัง
แต่ได้ดูชัด ๆ เท่านั้นแหละ อึ้งค่ะ ทาน 4 คน หมดไปไม่ถึงครึ่ง เสียดายมาก ให้มาเหลือเฟือจริง ๆ จนน้องบอกว่า...... ไหนพี่บอกว่าน้อยไง กินให้หมดสิ …. เค้าขอโทษ 55555
หน้าตาขันโตก และ บรรยากาศ ที่ทำให้ขันโตกที่อร่อยอยู่แล้ว อร่อยมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
คืนนี้ ขอนอนเอาแรงก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องขับรถขึ้นเขายาวๆ
ฝากบรรยากาศตอนค่ำคืนที่ตูบนาไว้ก่อนนอนค่ะ
(เราจองที่ตูบนาตั้งแต่เดือนเมษา มาพักเดือนตุลา ล่วงหน้า 6 เดือนนะคะ ไม่งั้นไม่ว่างแน่นอน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ใครจะมาที่นี่ต้องวางแผนล่วงหน้านิดนึง)