5D4N ภูทับเบิก - ภูกระดึง - เขาค้อ


สวัสดีครับเพื่อนนักเดินทาง ไม่ใช่สิ เพื่อนผู้ชอบศึกษาการเดินทางก่อนจะเดินทางจริงมากกว่า ก็กลุ่มผู้อ่านเป็นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ เพราะผมก็อ่านนะ
รอบนี้ขึ้นเหนือไปนิดนึง ในระนาบจังหวัดพิษณุโลก-เพชรบูรณ์-เลย ด้วยเวลาที่มีคือ 5 วัน 4 คืน ซึ่งก็แน่นอนว่า เวลาผมจัดทริปมันก็จะโหดๆหน่อย
ทริปนี้คืนแรกจะนอนที่ภูทับเบิก คืนที่2-3 นอนที่ภูกระดึง และคืนสุดท้ายนอนที่เขาค้อ อ้อผมลงเครื่องที่พิษณุโลก


|||ภูทับเบิก|||
จริงๆเราเริ่มการเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตครับ ณ ตอนนี้สนามบิณกำลังปรับปรุง (อยู่นานมาก) เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ในภาพคือมารอเปลี่ยนเครื่องที่ดอนเมืองเพื่อไปพิษณุโลกครับ

ผมเช่ารถ Toyota Yaris 1.2 ใช้ในการเดินทางตลอดทริปนี้ เนื่องจากเคยเอาขึ้นดอยอ่างขางมาแล้ว เลยไม่ห่วงว่ามันจะขึ้นภูไม่ไหว ขับรถต่ออีก 2 ชั่วโมงกว่าๆ จากพิษณุโลกไปปถึงภูทับเบิกจังหวัดเพชรบูรณ์ ช่วงการเดินทางนั้นฝนตกเล็กน้อย ทำเอาผมใจหวิวว่าจะไม่ได้เห็นทะเลหมอก เพราะมันจะเป็นหมอกฟุ้ง

ระหว่างทางก็แวะเข้าวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อน ดูจากเมฆฝนแล้วค่อนข้างน่ากลัว คนก็ค่อนข้างเยอะครับ และแล้ว....

ฝนก็ตกลงมาแบบวิ่งหลบไม่ทัน เอาเข้าจริงที่นี่ไม่ค่อยมีที่หลบฝนนะ ตกมาซะแรงเลย เปียกไปถึงเอว ฝนเริ่มจะซาแล้วเลยขับรถต่อไปให้ถึงที่หมายก่อนจะมืด

ถึงที่พักตอน 5 โมงเย็นครับ หาอยู่นาน รถเยอะด้วยไม่มีที่จะจอด ที่พักชื่อบ้านกลางแสดงดาว อยู่กลางไร่กะหล่ำเลยครับ อากาศดีมากเลยประมาณ 17-18 องศา ลมเย็นประทะหน้าพร้อมไอหมอกตลอดเวลา
ไม่ได้ถ่ายภาพบ้านพักไว้เลย เป็นบ้านน๊อคดาวน์ มีระเบียงบนดาดฟ้า ราคาหลังละ 2500 บาทต่อคืน

ตื่นเช้ามา(ก็ไม่เช้านะ 8.00) เดินขึ้นไปข้างบนตลาดรับ เดินดูความวุ่นวายของคน และรถที่ติดนาน เดินวนไปวนมามันไม่ร้อนง่ายๆ เพราะหมอกพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา หลอกเราว่ามันยังเช้าอยู่


มีสตินึกได้ว่าที่ต่อไปคือภูกระดึง ซึ่งต้องขับจากภูทับเบิกไปอีก 3 ชั่วโมง ก็เลยต้องรีบกลับห้องมาอาบน้ำเตรียมเดินทาง เพราะตอนนั้นเป็นเวลา 9.30 แล้ว

ขาลงรถติดมาก เนื่องจากถนนแคบ วันเสาร์ มีรถจ่อขึ้นมามาก พร้อมกับรถที่ขับลงไป จอดนิ่งๆอยู่หลายนาที
ลืมเล่าไปว่าจากที่ได้ลองสมรรถนะของรถที่อ่างขางมาก่อนทำให้มั่นใจมาก แต่ความมั่นใจมาหมดในไร่กะหล่ำที่ภูทับเบิกนี่แหละ เพราะลืมไปว่าตอนไปอ่างขางนั่ง 2 คน ภูทับเบิกนั่ง 4 คน จากจุดที่รถหยุดนิ่งและขึ้นไปถึงปลายหมู่บ้านมันต้องใช้แรงส่งค่อนข้างเยอะ แต่รอบนี้มันไม่มีแรงส่ง เหยียบคันเร่งจนแทบจะทะลุไปห้องเครื่อง เจ้ารถเค้นแรงออกมาแค่ล้อพอหมุน จนมีคุนป้าเดินแซงรถไป และความกลัวคือมันช้าลง! พร้อมที่จะหยุดนิ่งได้ตลอดเวลาที่ถอนคันเร่งออก แต่เราก็ไม่หยุด เพราะไม่จำเป็นต้องสงสาร ในเมื่อเป็นรถเช่า ไม่ใช่รถเรา ก็เอาเต็มที่ ผู้โดยสารในรถ และผู้คนรอบๆไร่กะหล่ำ แทบกลั้นหายใจกับการลุ้นให้รถขึ้นไปข้างบน และแล้วก็ขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็ต้องขับแบบให้มีแรงส่งตลอดเวลาไม่งั้นค้างอีกแน่

|||ภูกระดึง|||

เรามาถึงตีนเขาภูกระดึงเวลา 13.30 ครับ เนื่องจากรถติด ฝนตก ทำให้ไม่สามารขับเร็วได้ ซึ่งที่ขับเร็วไม่ได้เพราะที่ปัดน้ำฝนระดับเร็วสุดมันไม่เร็วพอที่จะกวาดน้ำออกไปจนสามารถมองเห็นทางได้ดี ข่าวดีของการมาเวลานี้คือเราเป็นกลุ่มเกือบสุดท้ายที่จะขึ้นไปข้างบน เพราะปิดให้ขึ้นตอบบ่าย2 และข่าวที่ดีกว่านั้นคือ ลูกหาบหมดล้ว  แทบร้องไห้...

แต่ไหนๆก็มาถึงแล้ว ก็ไปเถอะ พยายามเอาของไม่จำเป็นออก และเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็เจอคนเดินลงมาตลอด ทักทายกันตลอด แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน บอกเส้นทางตามที่แต่ละคนเจอมา

ผมไปช่วงกลางเดือน ต.ค. 2560 ซึ่งเพิ่งจะเปิดอุทยานให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้แค่สิบกว่าวัน ฝนก็ตกด้วย ตอนแรกกก็เลือกรองเท้าผ้าใบดีๆเลยครับ เพราะว่ามันจะได้เดินนาน แต่ที่จริงแล้ว สภาพเส้นทางหลังฝนตกมันไม่เหมาะเลยกับการเอารองเท้าพวกนั้นมาเดิน ไม่ใช่เพราะทางมันสกปรกนะ แต่มันลื่น

พอถึงซัมแฮ่ก สิ่งแรกที่ทำคือหาน้ำกิน เออมันแฮกจริงๆครับ นั่งประชุมกันนิดนึงจึงตัดสินใจกันว่า จะสละกระเป๋าและของที่ไม่จำเป็นไว้ที่นี่ ฝากไว้ที่ร้านแม่ค้า และถามแม่ค้าว่าข้างบนมีอะไรขายบ้าง แม่ค้าก็บอกว่ามีทุกอย่างแหละ เสื้อผ้าก็มี งั้นทิ้งหมดครับ เอาไปแค่เสื้อผ้าคนละชุด อุปกรณเข้าหน้องน้ำ ทิชชู่เปียก เพาเวอร์แบงค์ กล้องถ่ายรูป ส่วนรองเท้าซื้อใหม่กันหมดครับ ใช้เป็นรองเท้ายางที่เรียกว่าสะตั๊ดดอย คู่ละ 150 บาท ไม่เลอะ และไม่ลื่นด้วย แล้วก็ฝากรองเท้าแบรนด์ของเราไว้ที่ร้านพ่อค้า ค่อยมาเอาขากลับ และเดินทางต่อ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ มีกลุ่มเพื่อนร่วมเดินทางกลุ่มสุดท้ายอีก 4 คนเดินไล่หลังมา

หนึ่งในนั้นชื่อคุณนัท ผมไม่ได้แลกเบอร์ติดต่อไว้ ขอพื้นที่นี้เป็นที่ขอบคุณทุกข้อแนะนำในการเที่ยวภูกระดึงแล้วกัน ที่จำขึ้อมูลได้คือ คุณนัทอายุ 25 ทำงาน รร.ที่กรุงเทพ บ้านแม่อยู่ปากพะนัง มาครังที่ 3 ครั้งนี้มาคนเดียว เพราะโดนเพื่อนเท จะมาอีกเดือนธันวา หากมีใครพบเบาะแสฝากแท๊กคุณนัทให้ด้วยครับ

เรามาถึงหลังแปตอนทุ่มครึ่งแล้วครับ อากาศไม่ได้หนาวมาก แต่แฉะ ยังต้องใช้เวลาอีกนิด (เดินทางเรียบ 4 กม.) เพื่อไปถึงวังกวาง

หลังจากได้เต้นท์แล้ว ก็รีบวิ่งไปหาข้าวกินครับ หิวมากๆ และเรารับรู้ได้เลยครับว่าทากเยอะมาก เพราะฝนเพิ่งตก หน้าเต้นท์ที่นอนนี่น้ำนองเลยครับ ต้องไปซื้อยาฉุน ปูนขาวมาโรยรอบๆเต้นท์ ข้างบนมีขายครับ ไม่ต้องขนขึ้นมาให้หนัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่