กว่าจะมาลงเอยที่ประเทศ "รัสเซีย"
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมากระแสการเดินทางไปตามล่าแสงเหนือในหมู่คนรักการท่องเที่ยว มีให้เห็นเยอะมาก ทั้งกระทู้รีวิว และเฟสบุคเพจต่างๆ ประเทศที่อยู่ในกระแสก็คือไอซ์แลนด์ (Iceland) และนอร์เวย์ (Norway) ยอมรับเลยว่า มันเป็นสิ่งกระตุ้นความอยากของพวกเราจนเกิดเป็นทริปนี้ แล้วทำไมจากไอซ์แลนด์, นอร์เวย์ มาเป็นรัสเซียได้ละ 555 วันดีคืนดี เพื่อนเอาโบรชัวร์ "ทัวร์รัสเซีย ตามล่าแสงเหนือ" มาโพสในไลน์กรุ๊ป จึงเกิดประเด็นพูดคุยกันในกรุ๊ป หรือจะเปลี่ยนประเทศดีนะ" เหมือนทุกคนอยากไปเที่ยวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการเตรียม Statement เพื่อขอวีซ่า อาจจะช้าไปไม่ทันใจพวกเรา จุดหมายปลายทางของการเดินทางจึงมาจบที่ "ประเทศรัสเซีย" เพราะรัสเซียไม่ต้องใช้วีซ่า จากที่แพลนไปล่าแสงเหนือปี 2561 ก็เร็วขึ้นเป็นปี 2560 แทน
เมื่อจุดหมายปลายทางและวันเดินทางถูกกำหนด การหาตั๋วเครื่องบินก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงปลายปี 2559 มีโปรโมชั่นการบินไทย บินตรงลงมอสโคว ราคา 19,xxx บาท แต่พวกเราตัดสินใจกันช้าไป ตั๋วถูกในช่วงวันที่เราเดินทางหมดไวมาก เราเดินทางช่วงวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2560 ถ้าเลื่อนกลับช้าไปอีกหน่อยจะได้ราคาโปรฯ แต่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรามีวันพักร้อนจำกัด วันเดินทางจึงไม่สามารถยืดหยุ่นได้แล้ว เราเลยได้บินกับสายการบิน Aeroflot แทน บินตรง 9 ชั่วโมงกว่า ลงที่สนามบิน Sheremetyevo (SVO) ราคาตั๋ว 24,xxx บาท ราคานี้จองล่วงหน้า 10 เดือนนะจ๊ะ ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองภายในประเทศ ใช้สายการบิน Nordavia และ Aeroflot ราคาอยู่ระหว่าง 1,500 - 3,500 บาท
ทำยังไงให้ไม่พลาดแสงเหนือ...
ทริปนี้มีสมาชิกร่วมเดินทาง 7 คน เราไป 3 เมือง คือ มอสโคว (Moscow), เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St.petersburg) และ มูรมันสค์ (Murmansk) โดยเริ่มต้นเที่ยวมอสโควเป็นเมืองแรก อยู่ 2 คืน ต่อด้วยเมืองมูรมันสค์ 3 คืน แล้วปิดท้ายที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอีก 3 คืน การเรียงเมืองเที่ยวของเรามีความหมายนะ เพราะการไปถึงรัสเซียทั้งที แถมยังไปเมืองที่อยู่เหนือเส้น Arctic Circle ด้วย มีหรือจะให้พลาดแสงเหนือ แม้ว่าเราจะรู้อยู่แก่ใจว่าแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่มีเครื่องมืออะไรทำนายการเกิดแสงเหนือล่วงหน้าได้ แล้วจะทำยังไงให้ไม่พลาดแสงเหนือล่ะ??? แน่นอนว่า...นักท่องเที่ยวที่จะไปล่าแสงเหนือจะรู้ดีว่าเดือนกันยา-เมษา คือเวลาที่ดีสำหรับการล่าแสงเหนือ แล้ววันไหนล่ะ อันนี้ไม่มีอะไรบอกเราได้แน่ เราจึงต้องสร้างโอกาสที่ดีให้ตัวเอง จึงหาข้อมูลในอดีตมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ข้อมูลจากไหนนะเหรอ? เราเข้าไปดูเฟสบุคเพจหรือไอจีของทัวร์แสงเหนือ ที่ลงรูปแสงเหนือในช่วงเวลาเดียวกันกับที่จะไป ส่วนใหญ่เค้าจะระบุวันที่เกิดแสงเหนือไว้ เอาวันเหล่านั้นแหละ มาเป็นข้อมูลเลือกช่วงเวลาที่จะไปอยู่ที่เมืองมูรมันสค์ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของดวงล้วนๆ (มูรมันสค์ เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย อยู่เหนือเส้น Arctic Circle ซึ่งถือเป็นเขตที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือนั่นเอง)

เตรียมตัวดี...แล้วชีวิตจะดี๊ดี
เนื่องจากคนรัสเซียไม่พูดภาษาอังกฤษ รวมถึงป้ายตามตึกและถนนหนทางต่างๆ ที่เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีภาษาอังกฤษเลย การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองในประเทศนี้ จึงต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางมากเป็นพิเศษ
ตามที่เราเคยอ่านเจอในรีวิวท่องเที่ยว รวมถึงคอมเม้นที่คนไปเขียนรีวิวไว้ในเว็บไซต์จองที่พัก สำหรับที่พักประเภท Hostel หรือ Hotel ระดับสามดาวลงมา ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ การเสียเวลาไปกับการเดินหาที่พัก เนื่องจากตึกในรัสเซียจะเป็นตึกที่มีลักษณะเป็นบล็อกๆ โฮสเทลหรือโรงแรมจะอยู่ด้านใน (ต้องเปิดประตูเข้าไป และเดินเข้าไปในตึกประมาณนึงถึงจะเจอที่พัก) ซึ่งตัวตึกก็จะหน้าตาเหมือนกัน หรือคล้ายๆกัน ไม่ค่อยมีป้ายอะไรบอก จึงทำให้มีความยากในการเดินหาที่พัก ยิ่งใครเดินทางถึงรัสเซียในเวลาหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว รวมเวลาเดินทางเข้าเมืองอีกประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชม. การเดินหาที่พักก็อาจจะยากขึ้นไปอีก และอาจจะอันตรายด้วย ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เราต้องหาที่พักที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษค่ะ สะกดด้วยอักษรภาษาอังกฤษเลยนะค่ะ แล้วไปหารูปที่ตั้งโรงแรมเพื่อเช็คดูว่ามีป้ายหน้าตึกหรือไม่ และป้ายเป็นภาษาอังกฤษรึป่าว (ยกเว้นคุณเลือกที่พักพวก Business Hotel และโรงแรมเชนใหญ่ๆ ก็จะเป็นชื่อภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เช่น Holiday Inn, Ibis, Novotel ก็สบายไป) นอกจากเรื่องชื่อโรงแรม ก็ให้หาอ่านรีวิวเยอะๆ ค่ะ ว่าที่พักมีลิฟท์โดยสารหรือไม่ ถ้าคุณได้ห้องที่อยู่ชั้น 4 แล้วตึกไม่มีลิฟท์ แถมกระเป๋าเดินทางของคุณเป็นแบบล้อลากอีก... ไม่สนุกแน่ค่ะถ้าต้องแบกกระเป๋าขึ้นลง (ตึกส่วนใหญ่ที่รัสเซียไม่ใช่ตึกสูง มีแค่ 4-5 ชั้น)
บัตรอำนวยความสะดวก...คืออะไร ทำไมต้องมี
ทำไมต้องมีบัตรอำนวยความสะดวก? จากที่เราอ่านข้อมูลบนโลกออนไลน์มาประมาณนึง การต่อคิวซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง High Season อาจจะต่อคิวเป็นชั่วโมงเลยก็ว่าได้ บวกกับโปรแกรมเที่ยวของเราค่อนข้างเป๊ะ เลยไม่อยากพลาดสถานที่ซึ่งเป็นไฮไลท์ จึงได้หาข้อมูลบัตรอำนวยความสะดวก หรือ Pass ต่างๆ ดังนี้
Moscow City Pass บัตรนี้รวมอะไรบ้าง??? เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว 40 กว่าแห่ง "ฟรี" โดยไม่ต้องเข้าคิว มีไกด์บุ๊คและแผนที่ให้ด้วย รวมถึงการล่องเรือและชมวิวพาโนราม่าบนตึกสูง พร้อมด้วยส่วนลดร้านอาหารและคาเฟ่อีกกว่า 20 แห่ง และอื่นๆอีกมากมาย เหตุผลหลักๆ ที่เราเลือกใช้ Moscow City Pass คือ สถานที่เที่ยวที่เราไป มันอยู่ในแพคเกจของบัตรหมดเลย เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว และหลีกหนีความวุ่นวายจากทัวร์จีน เลยจัดมา 7 คน 7 ใบ ซื้อผ่านเว็บไซต์ ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเดินทาง ซื้อแบบ 1 Day Pass ราคา 50 USD ใส่ "Promocode : pagetiewrussia" ลดไปอีก 5% เมื่อเดินทางถึงรัสเซีย เอา Voucher ที่ได้ไปรับบัตรตามจุดที่เค้ากำหนด เราเลือกไปรับบัตรที่ห้าง GUM รายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์นี้
https://russiacitypass.com/en
Pertersburg Card บัตรนี้ได้สิทธิประโยชน์อะไร??? ก็คล้ายๆกับมอสโควซิตี้พาส แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ ใช้เป็นบัตรเติมเงินขึ้นรถไฟใต้ดินได้เลย เพียงนำบัตรไปเติมเงินที่ตู้ที่สถานีรถไฟ นอกจากนี้ การซื้อผ่านทางเว็บไซต์ มีให้ระบุด้วยว่าจะไปรับบัตรเองตาม Pick up point ที่กำหนด หรือให้มาส่งบัตรที่โรงแรม (หากชื่อที่จองโรงแรมไม่ตรงกับชื่อคนที่ซื้อตั๋วแจ้งเค้าด้วย ของจะได้ไม่สูญหาย) เราเลือกซื้อแบบ 2 Days Card ราคา 3,500 RUB และเลือกให้มาส่งบัตรที่โรงแรม มีค่าบริการเพิ่ม 300 RUB แต่ก็สะดวกดีเลยเราจัดไป 7 คน 7 ใบ อีกเช่นกัน รายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์นี้
https://petersburgcard.com/en/
แอพดีๆ ที่ควรมีติดตัว
..... อย่างที่บอกไปว่าคนรัสเซียไม่พูดภาษาอังกฤษ ในการถามเส้นทางหรือซื้อของ อาจจะมีความยากลำบากในสื่อสารเป็นอย่างมาก มีแอพ Google Translate ช่วยได้มาก แต่อย่าลืมโหลดภาษาที่จะใช้แบบออฟไลน์ไปด้วย (ไทย, อังกฤษ, รัสเซีย โหลดโลดเลยจ้า) ถัดมาเป็นแอพ Yandex Metro ใช้ค้นหา Route ในการเดินทางโดยรถไฟฟ้า การใช้งานเข้าไปที่ setting เลือกเมืองที่ต้องการ และเลือกภาษา แอพนี้เมื่อเลือกภาษาแล้วจะแสดงชื่อสถานีเป็นภาษานั้นๆ หากต้องการเทียบ 2 ภาษาในคราวเดียว ไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องไปโหลดมาอีกแอพ คือ Moscow Metro Map ซึ่งจะแสดงชื่อสถานีทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซีย นอกจากนี้ ก็มีแอพ Yandex Map แอพนี้ถ้าใช้คู่กับ Yandex Metro เมื่อค้นหา Route แล้ว สถานีปลายทางจะมีปุ่ม Show on Map กดเข้ามาก็จะลิงก์กับแอพนี้ แอพจะลงรายละเอียดเป็นภาพแผนที่ ว่าสถานีปลายทางอยู่ตรงตำแหน่งไหน แล้วก็จะแสดงตำแหน่งร้านอาหารและร้านค้าอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย ทำให้สะดวกในการวางแผนเรื่องกินและช้อปปิ้งจ้า แต่ถ้าใช้แอพ Yandex Map เดี่ยวๆ ก็สามารถค้นหาตำแหน่งของสถานที่จุดหมายปลายทางได้สะดวกดี มีจัดหมวดหมู่เป็น Categories ให้ด้วย อีกแอพที่เราว่าถ้ามีมันจะสะดวกขึ้นไปอีก คือ Aeroexpress เอาไว้ทำอะไรอ่ะเหรอ...เอาไว้แตะเข้าสถานีรถไฟไง โดยวิธีการ คือ เราซื้อตั๋ว Aeroexpress (รถไฟจากสนามบินเข้าเมือง) ผ่านทางเว็บไซต์
https://aeroexpress.ru/en/ ซึ่งราคาจะถูกกว่าซื้อหน้าเคาน์เตอร์ จาก 500 RUB เหลือ 420 RUB ราคานี้คือราคาต่อเที่ยวของ Standard Ticket (ไม่ว่าจะลงสนามบินไหนก็ราคาเท่ากัน) ตอนเข้าระบบไปทำรายการต้องลงทะเบียนก่อน ซึ่ง User ที่ใช้ลงทะเบียนนี้ ก็เอาไปเข้า Mobile Application ที่โหลดมาได้เลย มันลิงก์กัน แล้วข้อมูลตั๋วจะแสดงที่ My Tickets พอเปิดขึ้นมาจะเป็น QR Code ใช้สแกนเข้าสถานีรถไฟได้เลย ตั๋วไหนที่ใช้งานแล้วก็จะหายไปอยู่ในแถบ Used แต่สำหรับคนที่ไม่อยากโหลดแอพ หรือเมมมอรี่มือถือจะเต็ม ขอโหลดแอพที่จำเป็นพอ ก็สามารถพริ้นท์ตั๋วที่ส่งมาทางอีเมลล์ ซึ่งเป็น QR Code ใช้สแกนเข้าสถานีรถไฟได้เช่นกัน การซื้อตั๋วล่วงหน้าแบบนี้คุณจะไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์หรือเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติ ตรงดิ่งเข้าสถานีไปได้เลย แต่คุณต้องมีแผนการเดินทางที่แน่นอน เนื่องจากตั๋วใช้ได้ตามวันที่ระบุไว้เท่านั้น
ตั๋ว Aeroexpress >> Mobile App
ตั๋ว Aeroexpress >> SMS & Email

สุดท้าย...สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัว คือ เรื่องของ VISA Registration เนื่องจากเราเดินทางไปรัสเซียเกิน 7 วัน เลยไปศึกษาจากหลายๆ รีวิว ถามว่าได้คำตอบที่เคลียร์มั้ย...ก็ยังสร้างความสับสนไม่น้อย บ้างก็ไม่ทำ บ้างก็ทำแค่เมืองแรกที่ไปถึง หรือโดนตำรวจเรียกขอดูเอกสารบ้างก็มี เราเลยต้องหาแหล่งข้อมูลที่จะมาฟันธงคลายความสับสนงุนงงในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาในระหว่างเที่ยวเดี๋ยวจะหมดสนุก แล้วเราก็พบคำตอบที่เว็บไซต์นี้
http://th.thaiembassymoscow.com/ เป็นเว็บไซต์ของสถานทูตไทยในกรุงมอสโคว ระบุรายละเอียดไว้ว่า ตามกฎหมายรัสเซีย นักท่องเที่ยวที่อยู่ในประเทศรัสเซียเกิน 7 วัน ต้องทำการลงทะเบียนวีซ่าตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศรัสเซีย ซึ่งเราไม่ต้องทำเอง โรงแรมจะดำเนินการให้ เราจึงเขียนอีเมลล์ไปหาโรงแรมทุกแห่งเพื่อแจ้งเรื่องนี้ พร้อมกับสอบถามราคาค่าดำเนินการ โรงแรมที่เราพักคิดราคาอยู่ที่ 200-300 RUB ต่อคน แต่ถ้าเป็นโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป ทางโรงแรมจะดำเนินการให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เตรียมพร้อมขนาดนี้แล้ว...ก็ไปเที่ยวกันเลย โปรแกรมเที่ยวของเรามี ดังนี้
Day 1-2 Moscow : Arbat Street, Alexandrovsky Garden, Kremlin (พระราชวังเครมลิน), Red Square (จตุรัสแดง), State Historic Museum (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์), GUM Shopping Mall (ห้างกุม), St.Basil's Cathedral (โบสถ์หัวหอม), Cathedral of Christ the Savoir (โบสถ์โดมทอง) และล่องเรือแม่น้ำมอสโคว
Day 3-5 Murmansk : City Tour, Nuclear Ice Breaker (เรือตัดน้ำแข็ง), Sami Village, Husky Farm, Teriberka, Aurora Hunting (ล่าแสงเหนือ 2 คืน)
Day 6-8 St.Petersburg : Savior on the Spilled Blood (โบสถ์หยดเลือด), Kazan Cathedral (มหาวิหารคาซาน), Peterhop (พระราชวังฤดูร้อน), Hermitage (พระราชวังฤดูหนาว), Palace Square (จตุรัสพระราชวัง), St.Isaac Cathedral (โบสถ์เซนต์ไอแซค), Catherine Palace (พระราชวังแคทเธอรีน) และล่องเรือแม่น้ำเนวา
*** ทริปนี้ถ่ายรูปด้วยกล้อง Sony A5100, Sony A6300, SS GalaxyNote5, SS GalaxyS8, Olympus Pen7 **
[CR] Fall in Russia : พาตะลุยสุดแดนรัสเซียที่ขั้วโลก
กว่าจะมาลงเอยที่ประเทศ "รัสเซีย"
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมากระแสการเดินทางไปตามล่าแสงเหนือในหมู่คนรักการท่องเที่ยว มีให้เห็นเยอะมาก ทั้งกระทู้รีวิว และเฟสบุคเพจต่างๆ ประเทศที่อยู่ในกระแสก็คือไอซ์แลนด์ (Iceland) และนอร์เวย์ (Norway) ยอมรับเลยว่า มันเป็นสิ่งกระตุ้นความอยากของพวกเราจนเกิดเป็นทริปนี้ แล้วทำไมจากไอซ์แลนด์, นอร์เวย์ มาเป็นรัสเซียได้ละ 555 วันดีคืนดี เพื่อนเอาโบรชัวร์ "ทัวร์รัสเซีย ตามล่าแสงเหนือ" มาโพสในไลน์กรุ๊ป จึงเกิดประเด็นพูดคุยกันในกรุ๊ป หรือจะเปลี่ยนประเทศดีนะ" เหมือนทุกคนอยากไปเที่ยวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการเตรียม Statement เพื่อขอวีซ่า อาจจะช้าไปไม่ทันใจพวกเรา จุดหมายปลายทางของการเดินทางจึงมาจบที่ "ประเทศรัสเซีย" เพราะรัสเซียไม่ต้องใช้วีซ่า จากที่แพลนไปล่าแสงเหนือปี 2561 ก็เร็วขึ้นเป็นปี 2560 แทน
เมื่อจุดหมายปลายทางและวันเดินทางถูกกำหนด การหาตั๋วเครื่องบินก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงปลายปี 2559 มีโปรโมชั่นการบินไทย บินตรงลงมอสโคว ราคา 19,xxx บาท แต่พวกเราตัดสินใจกันช้าไป ตั๋วถูกในช่วงวันที่เราเดินทางหมดไวมาก เราเดินทางช่วงวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2560 ถ้าเลื่อนกลับช้าไปอีกหน่อยจะได้ราคาโปรฯ แต่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรามีวันพักร้อนจำกัด วันเดินทางจึงไม่สามารถยืดหยุ่นได้แล้ว เราเลยได้บินกับสายการบิน Aeroflot แทน บินตรง 9 ชั่วโมงกว่า ลงที่สนามบิน Sheremetyevo (SVO) ราคาตั๋ว 24,xxx บาท ราคานี้จองล่วงหน้า 10 เดือนนะจ๊ะ ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองภายในประเทศ ใช้สายการบิน Nordavia และ Aeroflot ราคาอยู่ระหว่าง 1,500 - 3,500 บาท
ทำยังไงให้ไม่พลาดแสงเหนือ...
ทริปนี้มีสมาชิกร่วมเดินทาง 7 คน เราไป 3 เมือง คือ มอสโคว (Moscow), เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St.petersburg) และ มูรมันสค์ (Murmansk) โดยเริ่มต้นเที่ยวมอสโควเป็นเมืองแรก อยู่ 2 คืน ต่อด้วยเมืองมูรมันสค์ 3 คืน แล้วปิดท้ายที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอีก 3 คืน การเรียงเมืองเที่ยวของเรามีความหมายนะ เพราะการไปถึงรัสเซียทั้งที แถมยังไปเมืองที่อยู่เหนือเส้น Arctic Circle ด้วย มีหรือจะให้พลาดแสงเหนือ แม้ว่าเราจะรู้อยู่แก่ใจว่าแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่มีเครื่องมืออะไรทำนายการเกิดแสงเหนือล่วงหน้าได้ แล้วจะทำยังไงให้ไม่พลาดแสงเหนือล่ะ??? แน่นอนว่า...นักท่องเที่ยวที่จะไปล่าแสงเหนือจะรู้ดีว่าเดือนกันยา-เมษา คือเวลาที่ดีสำหรับการล่าแสงเหนือ แล้ววันไหนล่ะ อันนี้ไม่มีอะไรบอกเราได้แน่ เราจึงต้องสร้างโอกาสที่ดีให้ตัวเอง จึงหาข้อมูลในอดีตมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ข้อมูลจากไหนนะเหรอ? เราเข้าไปดูเฟสบุคเพจหรือไอจีของทัวร์แสงเหนือ ที่ลงรูปแสงเหนือในช่วงเวลาเดียวกันกับที่จะไป ส่วนใหญ่เค้าจะระบุวันที่เกิดแสงเหนือไว้ เอาวันเหล่านั้นแหละ มาเป็นข้อมูลเลือกช่วงเวลาที่จะไปอยู่ที่เมืองมูรมันสค์ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของดวงล้วนๆ (มูรมันสค์ เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย อยู่เหนือเส้น Arctic Circle ซึ่งถือเป็นเขตที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือนั่นเอง)
เตรียมตัวดี...แล้วชีวิตจะดี๊ดี
เนื่องจากคนรัสเซียไม่พูดภาษาอังกฤษ รวมถึงป้ายตามตึกและถนนหนทางต่างๆ ที่เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีภาษาอังกฤษเลย การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองในประเทศนี้ จึงต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางมากเป็นพิเศษ
ตามที่เราเคยอ่านเจอในรีวิวท่องเที่ยว รวมถึงคอมเม้นที่คนไปเขียนรีวิวไว้ในเว็บไซต์จองที่พัก สำหรับที่พักประเภท Hostel หรือ Hotel ระดับสามดาวลงมา ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ การเสียเวลาไปกับการเดินหาที่พัก เนื่องจากตึกในรัสเซียจะเป็นตึกที่มีลักษณะเป็นบล็อกๆ โฮสเทลหรือโรงแรมจะอยู่ด้านใน (ต้องเปิดประตูเข้าไป และเดินเข้าไปในตึกประมาณนึงถึงจะเจอที่พัก) ซึ่งตัวตึกก็จะหน้าตาเหมือนกัน หรือคล้ายๆกัน ไม่ค่อยมีป้ายอะไรบอก จึงทำให้มีความยากในการเดินหาที่พัก ยิ่งใครเดินทางถึงรัสเซียในเวลาหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว รวมเวลาเดินทางเข้าเมืองอีกประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชม. การเดินหาที่พักก็อาจจะยากขึ้นไปอีก และอาจจะอันตรายด้วย ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เราต้องหาที่พักที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษค่ะ สะกดด้วยอักษรภาษาอังกฤษเลยนะค่ะ แล้วไปหารูปที่ตั้งโรงแรมเพื่อเช็คดูว่ามีป้ายหน้าตึกหรือไม่ และป้ายเป็นภาษาอังกฤษรึป่าว (ยกเว้นคุณเลือกที่พักพวก Business Hotel และโรงแรมเชนใหญ่ๆ ก็จะเป็นชื่อภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เช่น Holiday Inn, Ibis, Novotel ก็สบายไป) นอกจากเรื่องชื่อโรงแรม ก็ให้หาอ่านรีวิวเยอะๆ ค่ะ ว่าที่พักมีลิฟท์โดยสารหรือไม่ ถ้าคุณได้ห้องที่อยู่ชั้น 4 แล้วตึกไม่มีลิฟท์ แถมกระเป๋าเดินทางของคุณเป็นแบบล้อลากอีก... ไม่สนุกแน่ค่ะถ้าต้องแบกกระเป๋าขึ้นลง (ตึกส่วนใหญ่ที่รัสเซียไม่ใช่ตึกสูง มีแค่ 4-5 ชั้น)
บัตรอำนวยความสะดวก...คืออะไร ทำไมต้องมี
ทำไมต้องมีบัตรอำนวยความสะดวก? จากที่เราอ่านข้อมูลบนโลกออนไลน์มาประมาณนึง การต่อคิวซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง High Season อาจจะต่อคิวเป็นชั่วโมงเลยก็ว่าได้ บวกกับโปรแกรมเที่ยวของเราค่อนข้างเป๊ะ เลยไม่อยากพลาดสถานที่ซึ่งเป็นไฮไลท์ จึงได้หาข้อมูลบัตรอำนวยความสะดวก หรือ Pass ต่างๆ ดังนี้
Moscow City Pass บัตรนี้รวมอะไรบ้าง??? เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว 40 กว่าแห่ง "ฟรี" โดยไม่ต้องเข้าคิว มีไกด์บุ๊คและแผนที่ให้ด้วย รวมถึงการล่องเรือและชมวิวพาโนราม่าบนตึกสูง พร้อมด้วยส่วนลดร้านอาหารและคาเฟ่อีกกว่า 20 แห่ง และอื่นๆอีกมากมาย เหตุผลหลักๆ ที่เราเลือกใช้ Moscow City Pass คือ สถานที่เที่ยวที่เราไป มันอยู่ในแพคเกจของบัตรหมดเลย เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว และหลีกหนีความวุ่นวายจากทัวร์จีน เลยจัดมา 7 คน 7 ใบ ซื้อผ่านเว็บไซต์ ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเดินทาง ซื้อแบบ 1 Day Pass ราคา 50 USD ใส่ "Promocode : pagetiewrussia" ลดไปอีก 5% เมื่อเดินทางถึงรัสเซีย เอา Voucher ที่ได้ไปรับบัตรตามจุดที่เค้ากำหนด เราเลือกไปรับบัตรที่ห้าง GUM รายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์นี้ https://russiacitypass.com/en
Pertersburg Card บัตรนี้ได้สิทธิประโยชน์อะไร??? ก็คล้ายๆกับมอสโควซิตี้พาส แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ ใช้เป็นบัตรเติมเงินขึ้นรถไฟใต้ดินได้เลย เพียงนำบัตรไปเติมเงินที่ตู้ที่สถานีรถไฟ นอกจากนี้ การซื้อผ่านทางเว็บไซต์ มีให้ระบุด้วยว่าจะไปรับบัตรเองตาม Pick up point ที่กำหนด หรือให้มาส่งบัตรที่โรงแรม (หากชื่อที่จองโรงแรมไม่ตรงกับชื่อคนที่ซื้อตั๋วแจ้งเค้าด้วย ของจะได้ไม่สูญหาย) เราเลือกซื้อแบบ 2 Days Card ราคา 3,500 RUB และเลือกให้มาส่งบัตรที่โรงแรม มีค่าบริการเพิ่ม 300 RUB แต่ก็สะดวกดีเลยเราจัดไป 7 คน 7 ใบ อีกเช่นกัน รายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์นี้ https://petersburgcard.com/en/
แอพดีๆ ที่ควรมีติดตัว
..... อย่างที่บอกไปว่าคนรัสเซียไม่พูดภาษาอังกฤษ ในการถามเส้นทางหรือซื้อของ อาจจะมีความยากลำบากในสื่อสารเป็นอย่างมาก มีแอพ Google Translate ช่วยได้มาก แต่อย่าลืมโหลดภาษาที่จะใช้แบบออฟไลน์ไปด้วย (ไทย, อังกฤษ, รัสเซีย โหลดโลดเลยจ้า) ถัดมาเป็นแอพ Yandex Metro ใช้ค้นหา Route ในการเดินทางโดยรถไฟฟ้า การใช้งานเข้าไปที่ setting เลือกเมืองที่ต้องการ และเลือกภาษา แอพนี้เมื่อเลือกภาษาแล้วจะแสดงชื่อสถานีเป็นภาษานั้นๆ หากต้องการเทียบ 2 ภาษาในคราวเดียว ไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องไปโหลดมาอีกแอพ คือ Moscow Metro Map ซึ่งจะแสดงชื่อสถานีทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซีย นอกจากนี้ ก็มีแอพ Yandex Map แอพนี้ถ้าใช้คู่กับ Yandex Metro เมื่อค้นหา Route แล้ว สถานีปลายทางจะมีปุ่ม Show on Map กดเข้ามาก็จะลิงก์กับแอพนี้ แอพจะลงรายละเอียดเป็นภาพแผนที่ ว่าสถานีปลายทางอยู่ตรงตำแหน่งไหน แล้วก็จะแสดงตำแหน่งร้านอาหารและร้านค้าอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย ทำให้สะดวกในการวางแผนเรื่องกินและช้อปปิ้งจ้า แต่ถ้าใช้แอพ Yandex Map เดี่ยวๆ ก็สามารถค้นหาตำแหน่งของสถานที่จุดหมายปลายทางได้สะดวกดี มีจัดหมวดหมู่เป็น Categories ให้ด้วย อีกแอพที่เราว่าถ้ามีมันจะสะดวกขึ้นไปอีก คือ Aeroexpress เอาไว้ทำอะไรอ่ะเหรอ...เอาไว้แตะเข้าสถานีรถไฟไง โดยวิธีการ คือ เราซื้อตั๋ว Aeroexpress (รถไฟจากสนามบินเข้าเมือง) ผ่านทางเว็บไซต์ https://aeroexpress.ru/en/ ซึ่งราคาจะถูกกว่าซื้อหน้าเคาน์เตอร์ จาก 500 RUB เหลือ 420 RUB ราคานี้คือราคาต่อเที่ยวของ Standard Ticket (ไม่ว่าจะลงสนามบินไหนก็ราคาเท่ากัน) ตอนเข้าระบบไปทำรายการต้องลงทะเบียนก่อน ซึ่ง User ที่ใช้ลงทะเบียนนี้ ก็เอาไปเข้า Mobile Application ที่โหลดมาได้เลย มันลิงก์กัน แล้วข้อมูลตั๋วจะแสดงที่ My Tickets พอเปิดขึ้นมาจะเป็น QR Code ใช้สแกนเข้าสถานีรถไฟได้เลย ตั๋วไหนที่ใช้งานแล้วก็จะหายไปอยู่ในแถบ Used แต่สำหรับคนที่ไม่อยากโหลดแอพ หรือเมมมอรี่มือถือจะเต็ม ขอโหลดแอพที่จำเป็นพอ ก็สามารถพริ้นท์ตั๋วที่ส่งมาทางอีเมลล์ ซึ่งเป็น QR Code ใช้สแกนเข้าสถานีรถไฟได้เช่นกัน การซื้อตั๋วล่วงหน้าแบบนี้คุณจะไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์หรือเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติ ตรงดิ่งเข้าสถานีไปได้เลย แต่คุณต้องมีแผนการเดินทางที่แน่นอน เนื่องจากตั๋วใช้ได้ตามวันที่ระบุไว้เท่านั้น
ตั๋ว Aeroexpress >> Mobile App
ตั๋ว Aeroexpress >> SMS & Email
สุดท้าย...สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัว คือ เรื่องของ VISA Registration เนื่องจากเราเดินทางไปรัสเซียเกิน 7 วัน เลยไปศึกษาจากหลายๆ รีวิว ถามว่าได้คำตอบที่เคลียร์มั้ย...ก็ยังสร้างความสับสนไม่น้อย บ้างก็ไม่ทำ บ้างก็ทำแค่เมืองแรกที่ไปถึง หรือโดนตำรวจเรียกขอดูเอกสารบ้างก็มี เราเลยต้องหาแหล่งข้อมูลที่จะมาฟันธงคลายความสับสนงุนงงในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาในระหว่างเที่ยวเดี๋ยวจะหมดสนุก แล้วเราก็พบคำตอบที่เว็บไซต์นี้ http://th.thaiembassymoscow.com/ เป็นเว็บไซต์ของสถานทูตไทยในกรุงมอสโคว ระบุรายละเอียดไว้ว่า ตามกฎหมายรัสเซีย นักท่องเที่ยวที่อยู่ในประเทศรัสเซียเกิน 7 วัน ต้องทำการลงทะเบียนวีซ่าตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศรัสเซีย ซึ่งเราไม่ต้องทำเอง โรงแรมจะดำเนินการให้ เราจึงเขียนอีเมลล์ไปหาโรงแรมทุกแห่งเพื่อแจ้งเรื่องนี้ พร้อมกับสอบถามราคาค่าดำเนินการ โรงแรมที่เราพักคิดราคาอยู่ที่ 200-300 RUB ต่อคน แต่ถ้าเป็นโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป ทางโรงแรมจะดำเนินการให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เตรียมพร้อมขนาดนี้แล้ว...ก็ไปเที่ยวกันเลย โปรแกรมเที่ยวของเรามี ดังนี้
Day 1-2 Moscow : Arbat Street, Alexandrovsky Garden, Kremlin (พระราชวังเครมลิน), Red Square (จตุรัสแดง), State Historic Museum (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์), GUM Shopping Mall (ห้างกุม), St.Basil's Cathedral (โบสถ์หัวหอม), Cathedral of Christ the Savoir (โบสถ์โดมทอง) และล่องเรือแม่น้ำมอสโคว
Day 3-5 Murmansk : City Tour, Nuclear Ice Breaker (เรือตัดน้ำแข็ง), Sami Village, Husky Farm, Teriberka, Aurora Hunting (ล่าแสงเหนือ 2 คืน)
Day 6-8 St.Petersburg : Savior on the Spilled Blood (โบสถ์หยดเลือด), Kazan Cathedral (มหาวิหารคาซาน), Peterhop (พระราชวังฤดูร้อน), Hermitage (พระราชวังฤดูหนาว), Palace Square (จตุรัสพระราชวัง), St.Isaac Cathedral (โบสถ์เซนต์ไอแซค), Catherine Palace (พระราชวังแคทเธอรีน) และล่องเรือแม่น้ำเนวา
*** ทริปนี้ถ่ายรูปด้วยกล้อง Sony A5100, Sony A6300, SS GalaxyNote5, SS GalaxyS8, Olympus Pen7 **