พุทธวจน
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไรเล่า สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุจจริตทางกาย วาจา ใจ ของสัตว์ทั้งหลายมีอยู่ เมื่อพิจารณาฐานะนั้นเนือง ๆ ก็จะละทุจจริตได้สิ้นเชิง หรือทุจจริตนั้น จะลดน้อยลงไปเพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น."
ภิกษุ ท. ! สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กระทำกรรมใดไว้ดีก็ตามชั่วก็ตาม
จักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น.
ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ละปาณาติบาต
เว้นขาดจากปาณาติบาต
วางท่อนไม้ วางศัสตรา มีความละอาย
ถึงความเอ็นดูกรุณาเกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลาย.
เขาไม่ดิ้นรนด้วย (กรรมทาง) กาย
ไม่ดิ้นรนด้วยด้วย (กรรมทาง) วาจา
ไม่ดิ้นรนด้วยด้วย (กรรมทาง) ใจ;
กายกรรมของเขาตรง
วจีกรรมของเขาตรง
มโนกรรมของเขาตรง :
คติของเขาตรง
อุปบัติของเขาตรง.
ภิกษุ ท. ! สำหรับผู้มีคติตรง
มีอุปบัติตรงนั้น
เรากล่าวคติ
อย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาคติสองอย่างแก่เขา
คือเหล่า
สัตว์ผู้มีสุขโดยส่วนเดียว๑
หรือว่า ตระกูลอันสูง ตระกูลขัตติยมหาศาล
ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือ
ตระกูลคหบดีมหาศาลอันมั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก
มีอุปกรณ์แห่งทรัพย์มาก.
ภิกษุ ท. ! สัตว์ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
คืออุปบัติ(การเข้าถึงภพ) ย่อมมีแก่สัตว์,
เขาทำกรรมใดไว้ เขาย่อมอุปบัติด้วยกรรมนั้น,
ผัสสะทั้งหลายย่อมถูกต้องภูตสัตว์นั้นผู้อุบัติแล้ว.
ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า
สัตว์ทั้งหลาย
เป็นทายาทแห่งกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
ผู้รู้อยู่เห็นอยู่ ย่อมถึงความสิ้นทุกข์ อาศัยอำนาจประโยชน์อะไรเล่า สตรี บุรุษ จึงควรพิจารณาเนือง ๆว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไรเล่า สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุจจริตทางกาย วาจา ใจ ของสัตว์ทั้งหลายมีอยู่ เมื่อพิจารณาฐานะนั้นเนือง ๆ ก็จะละทุจจริตได้สิ้นเชิง หรือทุจจริตนั้น จะลดน้อยลงไปเพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น."
ภิกษุ ท. ! สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กระทำกรรมใดไว้ดีก็ตามชั่วก็ตาม
จักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น.
ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ละปาณาติบาต
เว้นขาดจากปาณาติบาต
วางท่อนไม้ วางศัสตรา มีความละอาย
ถึงความเอ็นดูกรุณาเกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลาย.
เขาไม่ดิ้นรนด้วย (กรรมทาง) กาย
ไม่ดิ้นรนด้วยด้วย (กรรมทาง) วาจา
ไม่ดิ้นรนด้วยด้วย (กรรมทาง) ใจ;
กายกรรมของเขาตรง
วจีกรรมของเขาตรง
มโนกรรมของเขาตรง :
คติของเขาตรง
อุปบัติของเขาตรง.
ภิกษุ ท. ! สำหรับผู้มีคติตรง
มีอุปบัติตรงนั้น
เรากล่าวคติ
อย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาคติสองอย่างแก่เขา
คือเหล่า
สัตว์ผู้มีสุขโดยส่วนเดียว๑
หรือว่า ตระกูลอันสูง ตระกูลขัตติยมหาศาล
ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือ
ตระกูลคหบดีมหาศาลอันมั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก
มีอุปกรณ์แห่งทรัพย์มาก.
ภิกษุ ท. ! สัตว์ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
คืออุปบัติ(การเข้าถึงภพ) ย่อมมีแก่สัตว์,
เขาทำกรรมใดไว้ เขาย่อมอุปบัติด้วยกรรมนั้น,
ผัสสะทั้งหลายย่อมถูกต้องภูตสัตว์นั้นผู้อุบัติแล้ว.
ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า
สัตว์ทั้งหลาย
เป็นทายาทแห่งกรรม
ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.