สิทธิลดหย่อนภาษีใหม่ ของคนมีลูก!


เหตุผลในการตัดสินใจที่จะมีลูกสักคน หลายคนคงจะคิดกันไปมากมาย โดยเฉพาะ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งเรื่องของใช้ของเด็ก ค่าดูแล ค่าเล่าเรียน โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ในอดีตรัฐบาลอนุญาตให้สามารถนำลูกมาลดหย่อนภาษีได้คนละ 15,000 บาท จำนวนสูงสุด 3 คน บวกกับค่าลดหย่อนการศึกษาลูกในประเทศอีกคนละ 2,000 บาท

มาในปี 2560 นี้มีการปรับสิทธิลดหย่อนในส่วนการมีลูกให้มากขึ้นตามค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในปัจจุบัน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนลูกได้คนละ 30,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวน และยกเลิกค่าลดหย่อนการศึกษาลูกคนละ 2,000 บาทออกไป อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนลูกได้มากขึ้นจากคนละ 15,000 หรือ 17,000 บาท เป็นคนละ 30,000 บาท

แต่ก่อนจะนำลูกมาลดหย่อนภาษี มาลองมาเช็กเงื่อนไข 4 ข้อหลักๆ กันหน่อยว่ามีอะไรกันบ้าง K-EXPERT ขออธิบายง่ายๆ ดังนี้

เงื่อนไขแรก ด้านอายุของลูกที่สามารถนำมาลดหย่อนได้คือ อายุไม่เกิน 20 ปี คือ เป็นผู้เยาว์ หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่หากอยู่ระหว่าง อายุ 20-25 ปี หรือบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือชั้นอุดมศึกษา ในประเทศหรือต่างประเทศก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนได้

เงื่อนไขที่สอง ด้านสายสัมพันธ์ พูดง่ายๆ ก็คือ ความเกี่ยวข้องกันนั่นเอง โดยลูกที่สามารถนำมาลดหย่อนได้นั้นต้องเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นกรณีของคุณแม่ จะถือว่าลูกเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณแม่เสมอ แม้จะมีการจดทะเบียนสมรสกับคุณพ่อหรือไม่ก็ตาม จะต่างกับคุณพ่อตรงที่ว่า ลูกจะเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต่อเมื่อ คุณพ่อและคุณแม่จดทะเบียนสมรสกัน หรือคุณพ่อจดทะเบียนรับรองลูก หรือมีคำสั่งศาล

ในกรณีมีบุตรบุญธรรม จะใช้สิทธิลดหย่อนได้หรือไม่ ต้องดูว่า มีลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรวมทั้งที่ใช้สิทธิลดหย่อนได้และใช้สิทธิลดหย่อนไม่ได้ ครบ 3 คนแล้วหรือไม่ ถ้ามีตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะไม่สามารถนำบุตรบุญธรรมมาลดหย่อนภาษีได้อีก แต่หากมีลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ครบ 3 คน สามารถรวมกับบุตรบุญธรรมแล้วลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน เช่น มีลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย 2 คน และบุตรบุญธรรมอีก 2 คนที่อยู่ในเกณฑ์ กรณีแบบนี้สามารถลดหย่อนลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ 2 คน และบุตรบุญธรรมได้เพียง 1 คนเท่านั้น แต่เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ คือ ต้องจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมก่อน จึงลดหย่อนภาษีได้ และหากพ่อแม่ตัวจริงใช้สิทธิแล้ว พ่อแม่บุญธรรมก็จะใช้สิทธิไม่ได้

เงื่อนไขที่สาม ด้านรายได้ของลูกที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ต้องไม่มีรายได้ หรือรายได้ทั้งปีไม่ถึง 30,000 บาทเท่านั้น ทั้งนี้รายได้ดังกล่าวไม่รวมรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ เช่น เงินที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินรางวัลเพื่อการศึกษา รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้ในการประกวดหรือแข่งขัน หากรายได้ในส่วนนี้เกินกว่า 30,000 ก็ให้ถือว่ายังสามารถนำมาลดหย่อนได้

เงื่อนไขสุดท้าย ด้านถิ่นที่อยู่ของคุณพ่อคุณแม่ หากไม่ได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยไม่ถึง 180 วัน) จะใช้สิทธิลดหย่อนลูกได้เฉพาะลูกที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ยกเว้น คุณพ่อหรือคุณแม่เป็นข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ประจำสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนลูกได้ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม

นอกจากนี้ หากลูกกลายเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ คิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ถ้าเกิดขึ้นและได้รับบัตรประจำตัวคนพิการ โดยมีชื่อคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นผู้ดูแล หรือมีใบรับรองแพทย์หรือหนังสือรับรองการเป็นผู้เลี้ยงดูคนพิการ คุณพ่อหรือคุณแม่ยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพได้อีกคนละ 60,000 บาทครับ

หวังว่าคงเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่นำไปวางแผนในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกันในปีนี้นะครับ สิทธิเราต้องห้ามพลาดแต่อย่าลืมเช็กเงื่อนไขกันด้วยน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่