Die Tomorrow (2017) แอบดูเป็น...แอบดูตาย
...
Daniandays ชวนคุยภาพยนตร์เรื่อง Die Tomorrow ผลงานเรื่องล่าสุดจาก เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ (Nawapol Thamrongrattanarit) ที่ไม่ต้องบรรยาสรรพคุณอะไรมาก เพราะมาฐานแฟนๆที่ติตามอยู่พอสมควร โดยเรื่องนี้ถือเป็นการรวมตัวของนักแสดงที่เคยร่วมงานกับ นวพล ไม่ว่าจะเป็น เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ (จาก มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนเกลียดเมธาวี), ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และวิโอเลต วอเทียร์ (จาก ฟรีแลนซ์), พัชชา พูนพิริยะ และชนนิกานต์ เนตรจุ้ย (จาก Mary Is Happy, Mary Is Happy), กรมิษฐ์ วัชรเสถียร (จาก 36), ต้นหลิว มรกต หลิว, ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ, ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, พลอย รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล และพาย กัญญภัค วุธรา (นักร้องนำวง My Life As Ali Thomas) เรียกว่าคับคั่งจริงๆครับ
..
ที่จั่วหัวว่า 'แอบดูเป็น แอบดูตาย' ไม่รู้ว่าแต่ละท่านเคยได้ยินกันหรือไม่? ประโยคนี้เป็นชื่อหนังสารคดีสมัยก่อนที่เคยฉายที่บ้านเรา (Face of Dead) โดยเป็นการเก็บภาพความตายรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพจริง แน่นอนว่าการเห็นภาพตายจะๆบนจอนั้น สรา้งความสะเทือนอารมณ์ได้อย่างรุนแรงมากๆ ซึ่งที่เกริ่นมาแค่จะบอกว่า ระหว่างที่ดูหนังเรื่อง Die Tomorrow มันทำให้เรารู้สึกสะเทือนอารมณ์ได้ไม่แพ้กันเลยล่ะครับ
...
นวพล ได้พาเราไปสำรวจความตายในหลากหลายแง่มุมจาก 6 เหตุการณ์จำลอง บวกกับการสัมภาษณ์เด็ก ชายหนุ่ม-หญิงสาว(ได้ยินแต่เสียง) และชายสูงอายุวัย 103 ปี (ในขณะที่ถูกสัมภาษณ์) หนังถูกนำเสนอในรูปแบบไม่เน้นเล่าเรื่อง แต่ไม่ถึงกับไร้โครงสร้าง เน้นถ่าย Long Take เคลื่อนกล้องช้าๆ แต่ไม่รู้สึกถึงความน่าเบื่อ โดยแต่ละซีนนั้นจะถูกเล่าในแบบที่เป็นธรรมชาติมากๆ เสมือนหนังในตระกูล Realism หรือแนวสัจนิยม (เทคนิคในการถ่ายทำภาพยนตร์แนวสัจนิยม คือการพยายามจะนำเสนอโลก โดยผ่านกระบวนการประกอบสร้างให้น้อยที่สุด และพยายามที่จะไม่บิวท์อารมณ์ร่วมให้เกิดกับคนดู แต่จะให้คนดูเเกิดความรู้สึกจาก 'เนื้อหา' ของหนังที่สมจริงที่สุดผ่านการนำเสนอแบบอัตวิสัยนั่นเอง Credit: fmstudy.blogspot)
...
จากที่ได้อ่านเพิ่มใน Booklet นวพล บอกว่า ให้กล้องเสมือนผี ยมทูต ที่เฝ้ามองตัวละครในวันสุดท้าย ก่อนที่จะมาเอาวิญญาณไปในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นคนดูจะรู้สึกเหมือนเราได้เฝ้ามองชีวิตมนุษย์ที่เกิดขึ้นจริงๆในขณะนั้น (นี่แหละ แอบดูเป็น แอบดูตาย ที่แท้ทรู) และที่เลือกถ่ายทอดออกมาเป็นเฟรมสี่เหลี่ยมก็เพราะว่าเป็น Scale ของภาพ portrait ที่สามารถโฟกัสเฉพาะบุคคลได้ดี ซึ่งระหว่างดูผมก็รู้สึกใกล้ชิดกับตัวละครมากจริงๆ
...
น่าสนใจตัวละครแต่ละคนจะมี Business ให้ทำอะไรสักอย่างในซีนตลอด เช่น กินเบียร์ อ่านหนังสือ เก็บผ้า ดูดบุหรี่ ตัดเล็บ กินขนม รวมไปถึงการ'หายใจ' ที่ตลอดเวลาที่ได้ยินจะรู้สึกอึดอัน เหมือนจะหายใจไม่ออกตามตลอด
...
ในหนังจะมีการเล่นกับตัวเลขสถิติ ที่บอกว่าทุกวินาทีจะมีคนตาย ซึ่งตัวเลขเวลาที่มุมจอระหว่างคัตซีน จะขึ้นคือไปกับจำนวนคนที่ตายไปด้วยตลอด ทำให้ฉุกคิดตลอดเวลา มีการโชว์ภาพถ่ายต่อๆกัน ซึ่งน่าสนใจที่หนังเลือกที่จะเอามาให้ดูก่อนโดยไม่บอกว่าเกี่ยวอะไรจนกระทั่งได้ทราบว่าเป็นภาพจริงที่ผู้เสียชีวิตในพาร์ทนั้นได้ถ่ายเอาไว้ก่อนเสีย นอกจากนี้ยังมีสัญญะที่ถูกสอดแทรกเข้ามา เช่น สิงโตสตาฟ ดอกไม้ ฯลฯ ล้วนชวนให้ตีความ (ลองไปชมแล้วคิดดู เพราะผมก็ตอบไม่ได้ ฮ่าๆๆ)
...
ในพาร์ทของการสัมภาษณ์ นั้นเรียกว่าหลายๆประโยคที่ถูกพูดออกมาทำให้เราต้องเก็บมานั่งคิดว่า แท้จริงแล้ว ความตาย มันใกล้ตัวเรามากๆ และเราเคยคิดถึงมันจริงๆจังๆบ้างหรือไม่ ซึ่งเด็กที่ให้สัมภาษณ์ที่ได้เห็นในตัวอย่างไปบ้างแล้ว ต้องบอกเลยว่าน้องมีมุมมองเกี่ยวกับความตายได้น่าสนใจจริงๆ รวมถึงคุณลุงอายุ 103 ปี ก็มีความประชดประชันความตายได้อย่างน่าสนใจ
...
นอกจากองค์ประกอบด้านภาพจะ 'น้อยแต่มาก' แล้ว การแสดงของนักแสดงต่างๆก็ 'น้อยแต่มาก' เช่นเดียวกัน ที่ประทับใจที่สุดคงเป็นเต้ย-จรินทร์พร ในเรื่องที่แทบจะไม่ได้พูดเลย แต่แสดงได้มีมิติมาก นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ดูหนังที่ 'น้าค่อม' แสดง โดยที่ไม่ได้โวยวาย หรือผรุสวาท อะไรใดๆ
...
โดยรวมนับเป็นประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ไม่ได้พบบ่อยๆ ถึงการเล่าเรื่องจะไม่ได้หวือหวา แต่เรียกว่าทุกรายละเอียดมีอะไรให้เก็บไปคิดมากมาย สำหรับท่านที่ต้องการความบันเทิงอาจจะไม่ได้รับมันกลับไปเท่าที่ควร แต่ก็เชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้ชม น่าจะตระหนัก อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ ชีวิต และความตาย อยู่บ้าง ที่แน่ๆอาจจะหันไปบอกรักคนใกล้ตัวที่ยังมีชีวิตอยู่กับคุณก็ได้ ขอให้ ⭐⭐⭐⭐ ดาวครับ

ติดตามการรีวิวอื่นๆได้ที่
Facebook : www.facebook.com/daniandaysreviews
Youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCwDvcvJOnTeUPnmTnFfvljg
ขอบคุณครับ
[CR] Die Tomorrow (2017) แอบดูเป็น...แอบดูตาย [Review : No spoil]
...
Daniandays ชวนคุยภาพยนตร์เรื่อง Die Tomorrow ผลงานเรื่องล่าสุดจาก เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ (Nawapol Thamrongrattanarit) ที่ไม่ต้องบรรยาสรรพคุณอะไรมาก เพราะมาฐานแฟนๆที่ติตามอยู่พอสมควร โดยเรื่องนี้ถือเป็นการรวมตัวของนักแสดงที่เคยร่วมงานกับ นวพล ไม่ว่าจะเป็น เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ (จาก มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนเกลียดเมธาวี), ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และวิโอเลต วอเทียร์ (จาก ฟรีแลนซ์), พัชชา พูนพิริยะ และชนนิกานต์ เนตรจุ้ย (จาก Mary Is Happy, Mary Is Happy), กรมิษฐ์ วัชรเสถียร (จาก 36), ต้นหลิว มรกต หลิว, ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ, ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, พลอย รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล และพาย กัญญภัค วุธรา (นักร้องนำวง My Life As Ali Thomas) เรียกว่าคับคั่งจริงๆครับ
..
ที่จั่วหัวว่า 'แอบดูเป็น แอบดูตาย' ไม่รู้ว่าแต่ละท่านเคยได้ยินกันหรือไม่? ประโยคนี้เป็นชื่อหนังสารคดีสมัยก่อนที่เคยฉายที่บ้านเรา (Face of Dead) โดยเป็นการเก็บภาพความตายรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพจริง แน่นอนว่าการเห็นภาพตายจะๆบนจอนั้น สรา้งความสะเทือนอารมณ์ได้อย่างรุนแรงมากๆ ซึ่งที่เกริ่นมาแค่จะบอกว่า ระหว่างที่ดูหนังเรื่อง Die Tomorrow มันทำให้เรารู้สึกสะเทือนอารมณ์ได้ไม่แพ้กันเลยล่ะครับ
...
นวพล ได้พาเราไปสำรวจความตายในหลากหลายแง่มุมจาก 6 เหตุการณ์จำลอง บวกกับการสัมภาษณ์เด็ก ชายหนุ่ม-หญิงสาว(ได้ยินแต่เสียง) และชายสูงอายุวัย 103 ปี (ในขณะที่ถูกสัมภาษณ์) หนังถูกนำเสนอในรูปแบบไม่เน้นเล่าเรื่อง แต่ไม่ถึงกับไร้โครงสร้าง เน้นถ่าย Long Take เคลื่อนกล้องช้าๆ แต่ไม่รู้สึกถึงความน่าเบื่อ โดยแต่ละซีนนั้นจะถูกเล่าในแบบที่เป็นธรรมชาติมากๆ เสมือนหนังในตระกูล Realism หรือแนวสัจนิยม (เทคนิคในการถ่ายทำภาพยนตร์แนวสัจนิยม คือการพยายามจะนำเสนอโลก โดยผ่านกระบวนการประกอบสร้างให้น้อยที่สุด และพยายามที่จะไม่บิวท์อารมณ์ร่วมให้เกิดกับคนดู แต่จะให้คนดูเเกิดความรู้สึกจาก 'เนื้อหา' ของหนังที่สมจริงที่สุดผ่านการนำเสนอแบบอัตวิสัยนั่นเอง Credit: fmstudy.blogspot)
...
จากที่ได้อ่านเพิ่มใน Booklet นวพล บอกว่า ให้กล้องเสมือนผี ยมทูต ที่เฝ้ามองตัวละครในวันสุดท้าย ก่อนที่จะมาเอาวิญญาณไปในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นคนดูจะรู้สึกเหมือนเราได้เฝ้ามองชีวิตมนุษย์ที่เกิดขึ้นจริงๆในขณะนั้น (นี่แหละ แอบดูเป็น แอบดูตาย ที่แท้ทรู) และที่เลือกถ่ายทอดออกมาเป็นเฟรมสี่เหลี่ยมก็เพราะว่าเป็น Scale ของภาพ portrait ที่สามารถโฟกัสเฉพาะบุคคลได้ดี ซึ่งระหว่างดูผมก็รู้สึกใกล้ชิดกับตัวละครมากจริงๆ
...
น่าสนใจตัวละครแต่ละคนจะมี Business ให้ทำอะไรสักอย่างในซีนตลอด เช่น กินเบียร์ อ่านหนังสือ เก็บผ้า ดูดบุหรี่ ตัดเล็บ กินขนม รวมไปถึงการ'หายใจ' ที่ตลอดเวลาที่ได้ยินจะรู้สึกอึดอัน เหมือนจะหายใจไม่ออกตามตลอด
...
ในหนังจะมีการเล่นกับตัวเลขสถิติ ที่บอกว่าทุกวินาทีจะมีคนตาย ซึ่งตัวเลขเวลาที่มุมจอระหว่างคัตซีน จะขึ้นคือไปกับจำนวนคนที่ตายไปด้วยตลอด ทำให้ฉุกคิดตลอดเวลา มีการโชว์ภาพถ่ายต่อๆกัน ซึ่งน่าสนใจที่หนังเลือกที่จะเอามาให้ดูก่อนโดยไม่บอกว่าเกี่ยวอะไรจนกระทั่งได้ทราบว่าเป็นภาพจริงที่ผู้เสียชีวิตในพาร์ทนั้นได้ถ่ายเอาไว้ก่อนเสีย นอกจากนี้ยังมีสัญญะที่ถูกสอดแทรกเข้ามา เช่น สิงโตสตาฟ ดอกไม้ ฯลฯ ล้วนชวนให้ตีความ (ลองไปชมแล้วคิดดู เพราะผมก็ตอบไม่ได้ ฮ่าๆๆ)
...
ในพาร์ทของการสัมภาษณ์ นั้นเรียกว่าหลายๆประโยคที่ถูกพูดออกมาทำให้เราต้องเก็บมานั่งคิดว่า แท้จริงแล้ว ความตาย มันใกล้ตัวเรามากๆ และเราเคยคิดถึงมันจริงๆจังๆบ้างหรือไม่ ซึ่งเด็กที่ให้สัมภาษณ์ที่ได้เห็นในตัวอย่างไปบ้างแล้ว ต้องบอกเลยว่าน้องมีมุมมองเกี่ยวกับความตายได้น่าสนใจจริงๆ รวมถึงคุณลุงอายุ 103 ปี ก็มีความประชดประชันความตายได้อย่างน่าสนใจ
...
นอกจากองค์ประกอบด้านภาพจะ 'น้อยแต่มาก' แล้ว การแสดงของนักแสดงต่างๆก็ 'น้อยแต่มาก' เช่นเดียวกัน ที่ประทับใจที่สุดคงเป็นเต้ย-จรินทร์พร ในเรื่องที่แทบจะไม่ได้พูดเลย แต่แสดงได้มีมิติมาก นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ดูหนังที่ 'น้าค่อม' แสดง โดยที่ไม่ได้โวยวาย หรือผรุสวาท อะไรใดๆ
...
โดยรวมนับเป็นประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ไม่ได้พบบ่อยๆ ถึงการเล่าเรื่องจะไม่ได้หวือหวา แต่เรียกว่าทุกรายละเอียดมีอะไรให้เก็บไปคิดมากมาย สำหรับท่านที่ต้องการความบันเทิงอาจจะไม่ได้รับมันกลับไปเท่าที่ควร แต่ก็เชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้ชม น่าจะตระหนัก อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ ชีวิต และความตาย อยู่บ้าง ที่แน่ๆอาจจะหันไปบอกรักคนใกล้ตัวที่ยังมีชีวิตอยู่กับคุณก็ได้ ขอให้ ⭐⭐⭐⭐ ดาวครับ
ติดตามการรีวิวอื่นๆได้ที่
Facebook : www.facebook.com/daniandaysreviews
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCwDvcvJOnTeUPnmTnFfvljg
ขอบคุณครับ