หากพูดถึงกองทัพของ นโปเลียน หลายๆท่านในบอร์ดคงจะนึกถึง กองทหารปืนใหญ่ฝรั่งเศสอันทรงประสิทธิภาพ รวมถึงกองทหารราบอันหน้าเกรงขามอันมีระเบียบวินัย หน่วยทหารม้าหนัก Cuirassier อันนำชัยชนะหลายครั้งมาสู่ฝรั่งเศส หรือ เหล่าองค์รักษ์ Old Guards ซึ่งไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้ แต่ในกองทัพของนโปเลียนนั้นยังมีขุมกำลังอีกขุมหนึ่ง ซี่งมิใช่ชาวฝรั่งเศสแท้ๆแต่เป็นชาว โปแลนด์!! พวกเขานั้นคือ Polish Legion กองทหารชาวโปลของนโปเลียนนั้นเองครับ
สัญลักษณ์ของกองพลโปลที่ 1 แห่งอิตาลี
ทำไมไปถึงประวัติศาสตร์โปแลนด์สักนิด ในช่วงราวๆศตวรรษที่ 17ารบังคับบัญชานั้นคือ หน่วยทหารม้า Winged Hussar ที่ขึ้นชื่อพลังกำลังมหาศาลถือทวนยาวกว่า 4 เมตรด้วยแขนข้างเดียว และยังสวมเกราะเหล็กทั้งตัว รวมถึงเกราะข้างหลังที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปปีกจนได้ สมญนามว่า Winged Hussar นั้นเอง ซึ่งเจ้า Winged Hussar นี้ก็แผลงฤทธิ์เอาชนะกองทัพในแถบนั้นเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะรัสเซีย สวีเดน ออตโตมันเติร์ก โดยศึกที่ดังที่สุดอันทำให้ชื่อเสียงของหน่วยทหารม้า Winged Hussar นั้นดังกระฉ่อนไปทั่ว ยุโรปเห็นที่คงจะเป็น การยุทธแห่งเวียนนา (Battle of Vienna) ในปี ค.ศ.1683 ซึ่งในตอนนั้น กองทัพเติร์กเรือนแสนได้ยกมาปิดล้อมกรุงเวียนนาเมืองหลวงของ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิเอาไว้ แต่แล้วสถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อกษัตริย์ของโปแลนด์ John III Sobieski นำกองหนุนนั้นคือทหารม้าพันธมิตรกว่า 20000 นาย โดยใช้เจ้า Winged Hussar นี่แหละเป็นหัวหอกใน การรุก พระเจ้า John ทรงนำกองทัพม้าขนาดมหึมาชาร์จลงมาจากเนินเขา ทำเอากองทัพเติร์กเรือนแสนแตกพ่ายถอยหนีไม่เป็นท่า โดยฉากการชาร์จลงจากเนินของ Winged Hussar นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดฉาก แกนดาร์ฟนำทหารม้าโรฮานชาร์จลงมาจากเนินมาช่วยพวกที่โดนปิดล้อมอยู่ในเมืองใน Lord of the ring ภาค 2 นั้นเอง

อาณาเขตของสหพันธรัฐโปแลนด์ - ลิธัวเนียช่วงพีคสุดดูเอาล่ะกันใหญ่ขนาดไหน 55
ภาพ Battle of Vienna ในปี 1683 โดยในภาพนั้นคือ พระเจ้า John III Sobieski ทรงนำกองทหารม้า Winged Hussar ชาร์จเข้าใส่กองทัพของออตโตมันจนได้รับชัยชนะ
เมื่อโปแลนด์สิ้นชาติ
เนื่องด้วยความที่สหพันธรัฐโปแลนด์ – ลิธัวเนียนั้นเป็นการปกครองแบบสหพันธรัฐทำให้ กษัตริย์ของโปแลนด์นั้นมาจากการเลือกตั้ง แทนที่จะมาจากการสืบทอดทางสายเลือดแบบที่บรรดาชาติยุโรปอื่นๆเป็น นั้นล้วนทำให้เหล่าผู้ครองแคว้นในสหพันธรัฐต่างแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อขึ้นมาเป็นกษัตริย์หนักหน่อย ผู้ครองแคว้นบางคนก็พากองทัพต่างชาติเข้ามาช่วยรบเพื่อให้ตนเองได้เป็นกษัตริย์ยิ่งทำให้อำนาจทางการเมืองของโปแลนด์นับวันยิ่งเสื่อมถอยหลัง จนกระทั่งช่วงกลางยุค ศตวรรษที่ 18 ผู้ครองแคว้นชื่อ Stanislaw August Poniatowski ได้พาเอากองทัพรัสเซียภายใต้อำนาจของ จักรพรรดินี แคทเธอรีนมหาราช (Catherine the Great) มาปราบปรามเหล่าก๊กเหล่าอื่นและสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือไอ้ตา Stanislaws เนี่ยดันเป็นกิ๊กกับ Catherine!! นั้นยิ่งแสดงให้เห็นว่า อำนาจของจักรวรรดิรัสเซียนั้นได้ครอบงำ โปแลนด์เป็นที่เรียบร้อย… แต่การที่รัสเซียมีอำนาจมากเกินไปนั้นทำให้ มหาอำนาจทั้ง 2 ชาติอย่าง ออสเตรีย และ ปรัสเซีย เกิดระแวงขึ้นมาจึงตั้งท่าจะประกาศสงครามกับรัสเซีย ทาง จักรพรรดินีแคทเธอรีนนั้นไม่อยากจะทำสงครามกับทั้ง 2 ชาติ กอปรกับหมดรักในตัว Stanislaws แล้ว (ฮา) จึงทำให้พระนางตัดสินใจแบ่งปันเขตแดนโปแลนด์ (Partition of Polands) ให้กับทั้ง 2 ชาติ เพื่อลดความขัดแย้งลง การแบ่งปันโปแลนด์นั้นเกิดขึ้น 3 ครั้ง และครั้งสุดท้ายเมื่อปี ค.ศ. 1795 โดยการแบ่งครั้งสุดท้ายนั้นทำเอาโปแลนด์สิ้นชาติเลยทีเดียว!!! เพราะดินแดนของสหพันธรัฐนั้นถูกแบ่งสันปันส่วนให้ทั้ง ออสเตรีย ปรัสเซีย และ รัสเซียจนหมด ในตอนนี้ชาวโปลกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในชาติอื่นไปซะแล้ว
Catherine II the Great
เข้าสู่อ้อมอกของฝรั่งเศส
หลังจากกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไม่พอมิหนำซ้ำ บรรดาชาติมหาอำนาจในยุโรปนั้นไม่ด้นิยมชมชอบชาวโปลเอาเสียเลย และ ยังกลัวการลุกฮือเรียกร้องเอกราชของโปร์แลน ดังนั้น ทั้งทางปรัสเซียและรัสเซีย จึงดำเนินนโยบายกดดันชาวโปล เต็มที่หวังว่าจะไม่ให้พวกเขามีแรงลุกขึ้นมาอีก ทั้งขึ้นภาษีกดดันให้กลายเป็นพลเมืองชั้น 2 โดยเฉพาะรัสเซียนี้หนักข้อสุดๆถึงขนาดตั้งใจจะกลืนชาติโปแลนด์โดยการ ให้อ่านเขี่ยนแต่ภาษารัสเซียเท่านั้น ห้ามอานเขียนภาษาโปล นั้นยิ่งทำให้ชาวโปลเดือดดาลยิ่งนักแต่จะทำยังไงได้………. พวกเขาเมียงมองไปทางทิศตะวันตกก็พบว่าในตอนนี้ชาติมหาอำนาจอีกชาติใน ยุโรปอย่าง ฝรั่งเศส กับเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมานั้นคือ การปฎิวัติฝรั่งเศส (French Revolulation) เหตุการณ์นั้นแสดงถึง การลุกฮือของประชาชนที่ต่อต้านการกดขี่ของชนชั้นสูง การที่เหล่าประชาชนต่อสู้เพื่ออิสระภาพ เสรีภาพ และ ภารดรภาพ ชาวโปลจึงเห็นว่าหากพวกเขาอพยพไปอยู่ที่นั้นน่าจะเป็นการดี ดินแดนแห่งเสรีอย่างฝรั่งเศสไม่มีทางกดหัวพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นชาวโปล จำนวนมากจึงอพยพเฮโลกันยกใหญ่เพื่อไปอยู่ในฝรั่งเศส ถามว่าอพยพไปเยอะขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่า สามารถตั้งกองทัพ 20000 – 30000 คนได้สบายๆเลยล่ะครับ
สงครามปฎิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียน
เนื่องด้วยกระแสการปฎิวิติฝรั่งเศสนั้นทำให้เหล่าชาติต่างๆในยุโปรต่างกลัวว่า การลุกฮือของประชาชนจะเกิดขึ้นกับชาติของตน พวกเขาจึงรวมตัวกันประกาศสงครามกับฝรั่งเศสกลายเป็น สงครามมหาพันธมิตรครั้งที่ (War of the First Coalition) แน่นอนในตอนนี้ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ต้องการผู้ชายทุกคนทหารทุกคนเพื่อไปรบในสงครามที่พวกเขาโดนบุกจากทุกสารทิศ นั้นรวมถึงผู้ชายชาวโปลด้วย ดังนั้น กองพลโปลที่ 1 แห่ง อิตาลี จึงถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อใช้สู้ศึกกับ ออสเตรียในอิตาลี (ทั้งฝรั่งเศสและออสเตรีย ต่างก็มีพื้นทีทับซ้อนในอิตาลี) ซึ่งพวกเขาก็ได้แสดงฝีมือการรบอย่างเต็มประสิทธิภาพ รบได้อย่างดุดันและกล้าหาญ จนเข้าตานายทหารฝรั่งเศสหลายคน รวมถึงนายพลหนุ่มที่ชื่อว่า นโปเลียน โบร์นาบาร์ต ….. นโปเลียนนั้นชื่นชมในความเก่งกาจของทหารชาวโปลมากถึงขนาดเอ่ยปากว่า
“ชาวโปล นั้นก็คือ ชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกนั้นเอง พวกเขานั้นมีระเบียบวินัย กล้าหาญ และเก่งกาจในการทำศึกไม่แพ้ฝรั่งเศส” (ไม่แน่ใจว่าคำพูดนี้เป๊ะหรือเปล่า แต่ความหมายมันทำนองนี้ครับ)
นั้นทำให้ นโปเลียนพาทหารชาวโปล ติดตามไปรบทัพจับศึกด้วยตลอดไม่ว่าจะใน อิตาลี อียิปต์ เยอรมัน และอื่นๆ จนกระทั่งนโปเลียนแต่งตั้งตนเองเป็น จักรพรรดิ ในปี ค.ศ.1804 นโปเลียนได้ทำการจัดตั้งกองพลโปลขึ้นหลายกองพลด้วยกันประกอบด้วย ทหารหลายหน่วย ทั้งทหารราบเดินเท้าและทหารม้า และยังได้แต่งตั้งชาวโปลเป็นนายพลอีกหลายคน ล้วนทำให้ชาวโปลนั้นรักใคร่ในนโปเลียน…. นานวันเข้านโปเลียนไว้ใจชาวโปลมากขึ้น ถึงขนาดตั้ง กรมทหารม้าโปลรักษาพระองค์เลยทีเดียว!!
ทหารราบเดินเท้าชาวโปล
Polish Lancer ทหารม้าถือทวนอันเลื่องชื่อของโปล พวกเขามีความชำนาญในการรบนหลังม้าไม่แพ้บรรพบุรุษ
Granduchy of Warsaw
หลังสิ้นสุดสงครามมหาสัมธมิตรครั้งที่ 4 (War of the Fourth Coalition) ซึ่งนโปเลียนมีชัยเหนือทั้งปรัสเซียและรัสเซียอย่างเด็ดขาด ซึ่งทั้ง 3 ชาติก็ตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึกร่วมกันที่ Tilsit (Treaty of Tilsit) โดยสนธิสัญญานั้นระบุไว้ว่า โปแลนด์จะต้องเป็นเอกราช โดยทั้ง ปรัสเซียและรัสเซียนั้นต้องนำดินแดนที่เคยยึดไปคืนให้โปแลนด์ โดยใช้ชื่อว่า Grandchuy of Warsaw นั้นยิ่งทำให้ทหารชาวโปลในสังกัดฝรั่งเศสต่างดีใจเป็นล้นพ้นรักนโปเลียนเยี่ยงชาวแผ่นดิน นโปเลียนทำให้โปแลนด์เป็นเอกราชอีกครั้ง !! นโปเลียนนั้นเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว เพราะ นอกจากจะทำให้ทหารชาวโปจจงรักภักดีต่อพระองค์ยิ่งชีพแล้วยังเป็นการถ่วงดุลย์อำนาจของปรัสเซียและรัสเซียที่มีในยุโรปตะวันออกไม่ให้มากเกินไปอีกด้วย
การลงนามในสนธิสัญญา Tilsit
Polish Legion ขุมกำลังชาวโปลของนโปเลียน
ทำไมไปถึงประวัติศาสตร์โปแลนด์สักนิด ในช่วงราวๆศตวรรษที่ 17ารบังคับบัญชานั้นคือ หน่วยทหารม้า Winged Hussar ที่ขึ้นชื่อพลังกำลังมหาศาลถือทวนยาวกว่า 4 เมตรด้วยแขนข้างเดียว และยังสวมเกราะเหล็กทั้งตัว รวมถึงเกราะข้างหลังที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปปีกจนได้ สมญนามว่า Winged Hussar นั้นเอง ซึ่งเจ้า Winged Hussar นี้ก็แผลงฤทธิ์เอาชนะกองทัพในแถบนั้นเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะรัสเซีย สวีเดน ออตโตมันเติร์ก โดยศึกที่ดังที่สุดอันทำให้ชื่อเสียงของหน่วยทหารม้า Winged Hussar นั้นดังกระฉ่อนไปทั่ว ยุโรปเห็นที่คงจะเป็น การยุทธแห่งเวียนนา (Battle of Vienna) ในปี ค.ศ.1683 ซึ่งในตอนนั้น กองทัพเติร์กเรือนแสนได้ยกมาปิดล้อมกรุงเวียนนาเมืองหลวงของ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิเอาไว้ แต่แล้วสถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อกษัตริย์ของโปแลนด์ John III Sobieski นำกองหนุนนั้นคือทหารม้าพันธมิตรกว่า 20000 นาย โดยใช้เจ้า Winged Hussar นี่แหละเป็นหัวหอกใน การรุก พระเจ้า John ทรงนำกองทัพม้าขนาดมหึมาชาร์จลงมาจากเนินเขา ทำเอากองทัพเติร์กเรือนแสนแตกพ่ายถอยหนีไม่เป็นท่า โดยฉากการชาร์จลงจากเนินของ Winged Hussar นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดฉาก แกนดาร์ฟนำทหารม้าโรฮานชาร์จลงมาจากเนินมาช่วยพวกที่โดนปิดล้อมอยู่ในเมืองใน Lord of the ring ภาค 2 นั้นเอง
เนื่องด้วยความที่สหพันธรัฐโปแลนด์ – ลิธัวเนียนั้นเป็นการปกครองแบบสหพันธรัฐทำให้ กษัตริย์ของโปแลนด์นั้นมาจากการเลือกตั้ง แทนที่จะมาจากการสืบทอดทางสายเลือดแบบที่บรรดาชาติยุโรปอื่นๆเป็น นั้นล้วนทำให้เหล่าผู้ครองแคว้นในสหพันธรัฐต่างแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อขึ้นมาเป็นกษัตริย์หนักหน่อย ผู้ครองแคว้นบางคนก็พากองทัพต่างชาติเข้ามาช่วยรบเพื่อให้ตนเองได้เป็นกษัตริย์ยิ่งทำให้อำนาจทางการเมืองของโปแลนด์นับวันยิ่งเสื่อมถอยหลัง จนกระทั่งช่วงกลางยุค ศตวรรษที่ 18 ผู้ครองแคว้นชื่อ Stanislaw August Poniatowski ได้พาเอากองทัพรัสเซียภายใต้อำนาจของ จักรพรรดินี แคทเธอรีนมหาราช (Catherine the Great) มาปราบปรามเหล่าก๊กเหล่าอื่นและสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือไอ้ตา Stanislaws เนี่ยดันเป็นกิ๊กกับ Catherine!! นั้นยิ่งแสดงให้เห็นว่า อำนาจของจักรวรรดิรัสเซียนั้นได้ครอบงำ โปแลนด์เป็นที่เรียบร้อย… แต่การที่รัสเซียมีอำนาจมากเกินไปนั้นทำให้ มหาอำนาจทั้ง 2 ชาติอย่าง ออสเตรีย และ ปรัสเซีย เกิดระแวงขึ้นมาจึงตั้งท่าจะประกาศสงครามกับรัสเซีย ทาง จักรพรรดินีแคทเธอรีนนั้นไม่อยากจะทำสงครามกับทั้ง 2 ชาติ กอปรกับหมดรักในตัว Stanislaws แล้ว (ฮา) จึงทำให้พระนางตัดสินใจแบ่งปันเขตแดนโปแลนด์ (Partition of Polands) ให้กับทั้ง 2 ชาติ เพื่อลดความขัดแย้งลง การแบ่งปันโปแลนด์นั้นเกิดขึ้น 3 ครั้ง และครั้งสุดท้ายเมื่อปี ค.ศ. 1795 โดยการแบ่งครั้งสุดท้ายนั้นทำเอาโปแลนด์สิ้นชาติเลยทีเดียว!!! เพราะดินแดนของสหพันธรัฐนั้นถูกแบ่งสันปันส่วนให้ทั้ง ออสเตรีย ปรัสเซีย และ รัสเซียจนหมด ในตอนนี้ชาวโปลกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในชาติอื่นไปซะแล้ว
หลังจากกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไม่พอมิหนำซ้ำ บรรดาชาติมหาอำนาจในยุโรปนั้นไม่ด้นิยมชมชอบชาวโปลเอาเสียเลย และ ยังกลัวการลุกฮือเรียกร้องเอกราชของโปร์แลน ดังนั้น ทั้งทางปรัสเซียและรัสเซีย จึงดำเนินนโยบายกดดันชาวโปล เต็มที่หวังว่าจะไม่ให้พวกเขามีแรงลุกขึ้นมาอีก ทั้งขึ้นภาษีกดดันให้กลายเป็นพลเมืองชั้น 2 โดยเฉพาะรัสเซียนี้หนักข้อสุดๆถึงขนาดตั้งใจจะกลืนชาติโปแลนด์โดยการ ให้อ่านเขี่ยนแต่ภาษารัสเซียเท่านั้น ห้ามอานเขียนภาษาโปล นั้นยิ่งทำให้ชาวโปลเดือดดาลยิ่งนักแต่จะทำยังไงได้………. พวกเขาเมียงมองไปทางทิศตะวันตกก็พบว่าในตอนนี้ชาติมหาอำนาจอีกชาติใน ยุโรปอย่าง ฝรั่งเศส กับเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมานั้นคือ การปฎิวัติฝรั่งเศส (French Revolulation) เหตุการณ์นั้นแสดงถึง การลุกฮือของประชาชนที่ต่อต้านการกดขี่ของชนชั้นสูง การที่เหล่าประชาชนต่อสู้เพื่ออิสระภาพ เสรีภาพ และ ภารดรภาพ ชาวโปลจึงเห็นว่าหากพวกเขาอพยพไปอยู่ที่นั้นน่าจะเป็นการดี ดินแดนแห่งเสรีอย่างฝรั่งเศสไม่มีทางกดหัวพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นชาวโปล จำนวนมากจึงอพยพเฮโลกันยกใหญ่เพื่อไปอยู่ในฝรั่งเศส ถามว่าอพยพไปเยอะขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่า สามารถตั้งกองทัพ 20000 – 30000 คนได้สบายๆเลยล่ะครับ
เนื่องด้วยกระแสการปฎิวิติฝรั่งเศสนั้นทำให้เหล่าชาติต่างๆในยุโปรต่างกลัวว่า การลุกฮือของประชาชนจะเกิดขึ้นกับชาติของตน พวกเขาจึงรวมตัวกันประกาศสงครามกับฝรั่งเศสกลายเป็น สงครามมหาพันธมิตรครั้งที่ (War of the First Coalition) แน่นอนในตอนนี้ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ต้องการผู้ชายทุกคนทหารทุกคนเพื่อไปรบในสงครามที่พวกเขาโดนบุกจากทุกสารทิศ นั้นรวมถึงผู้ชายชาวโปลด้วย ดังนั้น กองพลโปลที่ 1 แห่ง อิตาลี จึงถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อใช้สู้ศึกกับ ออสเตรียในอิตาลี (ทั้งฝรั่งเศสและออสเตรีย ต่างก็มีพื้นทีทับซ้อนในอิตาลี) ซึ่งพวกเขาก็ได้แสดงฝีมือการรบอย่างเต็มประสิทธิภาพ รบได้อย่างดุดันและกล้าหาญ จนเข้าตานายทหารฝรั่งเศสหลายคน รวมถึงนายพลหนุ่มที่ชื่อว่า นโปเลียน โบร์นาบาร์ต ….. นโปเลียนนั้นชื่นชมในความเก่งกาจของทหารชาวโปลมากถึงขนาดเอ่ยปากว่า
“ชาวโปล นั้นก็คือ ชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกนั้นเอง พวกเขานั้นมีระเบียบวินัย กล้าหาญ และเก่งกาจในการทำศึกไม่แพ้ฝรั่งเศส” (ไม่แน่ใจว่าคำพูดนี้เป๊ะหรือเปล่า แต่ความหมายมันทำนองนี้ครับ)
นั้นทำให้ นโปเลียนพาทหารชาวโปล ติดตามไปรบทัพจับศึกด้วยตลอดไม่ว่าจะใน อิตาลี อียิปต์ เยอรมัน และอื่นๆ จนกระทั่งนโปเลียนแต่งตั้งตนเองเป็น จักรพรรดิ ในปี ค.ศ.1804 นโปเลียนได้ทำการจัดตั้งกองพลโปลขึ้นหลายกองพลด้วยกันประกอบด้วย ทหารหลายหน่วย ทั้งทหารราบเดินเท้าและทหารม้า และยังได้แต่งตั้งชาวโปลเป็นนายพลอีกหลายคน ล้วนทำให้ชาวโปลนั้นรักใคร่ในนโปเลียน…. นานวันเข้านโปเลียนไว้ใจชาวโปลมากขึ้น ถึงขนาดตั้ง กรมทหารม้าโปลรักษาพระองค์เลยทีเดียว!!
Polish Lancer ทหารม้าถือทวนอันเลื่องชื่อของโปล พวกเขามีความชำนาญในการรบนหลังม้าไม่แพ้บรรพบุรุษ
หลังสิ้นสุดสงครามมหาสัมธมิตรครั้งที่ 4 (War of the Fourth Coalition) ซึ่งนโปเลียนมีชัยเหนือทั้งปรัสเซียและรัสเซียอย่างเด็ดขาด ซึ่งทั้ง 3 ชาติก็ตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึกร่วมกันที่ Tilsit (Treaty of Tilsit) โดยสนธิสัญญานั้นระบุไว้ว่า โปแลนด์จะต้องเป็นเอกราช โดยทั้ง ปรัสเซียและรัสเซียนั้นต้องนำดินแดนที่เคยยึดไปคืนให้โปแลนด์ โดยใช้ชื่อว่า Grandchuy of Warsaw นั้นยิ่งทำให้ทหารชาวโปลในสังกัดฝรั่งเศสต่างดีใจเป็นล้นพ้นรักนโปเลียนเยี่ยงชาวแผ่นดิน นโปเลียนทำให้โปแลนด์เป็นเอกราชอีกครั้ง !! นโปเลียนนั้นเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว เพราะ นอกจากจะทำให้ทหารชาวโปจจงรักภักดีต่อพระองค์ยิ่งชีพแล้วยังเป็นการถ่วงดุลย์อำนาจของปรัสเซียและรัสเซียที่มีในยุโรปตะวันออกไม่ให้มากเกินไปอีกด้วย