สวัสดีครับ
สำหรับกระทู้นี้อยากเขียนขึ้นเพื่อเป็นความรู้เกี่ยวกับวัณโรคปอดนะครับ ข้อมูลต่างๆได้มาจากการสอบถามคุณหมอนะครับ

ต้องเท้าความก่อนว่าเมื่อ ปี 2558 ผมเคยป่วยเป็นปอดบวมมาก่อน ตอนนั้นรู้ตัวช้า เพราะคิดว่าตัวเองเป็นไข้เลือดออก พอมารู้ตัวอีกทีก็เข้าขั้นวิกฤตต้องนอนหยอดยาฆ่าเชื้ออยู่ในโรงพยาบาล 15 วัน เบื้องต้นคุณหมอแจ้งว่าติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ แต่ลุกลามจนปวดบวม ไม่ได้มีเชื้อวัณโรครวมถึงโรคร้ายอื่นๆ (กว่าจะรู้ตัวผ่านไป 8 วัน)
หลังจากหายมา 2 ปี (2560) ตลอดระยะเวลาก็ไม่ได้มีอาการอะไรที่จะบ่งชี้ว่าเป็นโรคนี้ (ไม่ได้มีอาการไอเรื้อรัง ไม่สบายออดๆแอดๆ)
จนมาถึงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นช่วงที่กำลังจะได้รับเข้าบรรจุงานเลยถูกส่งตัวไปตรวจร่างกาย (X-ray ปอด) ปรากฏว่าหมอพบจุดสีขาวเป็นฝ้าในปอด ตอนนั้นก็ยังคิดว่าน่าจะเป็นผลพวงมาจากที่เคยปอดบวมเมื่อ 2 ปีก่อนก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่ก็ไม่ได้ไว้วางใจมากวันรุ่งขึ้นก็เลยไปตรวจให้รู้ดำรู้แดง ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวๆริมถนนวิภาวดี ต่อจากนี้จะเล่าถึงขั้นตอนการตรวจอย่างระเอียดรวมถึงการเครมประกัน และค่ารักษา นะครับ
ขั้นตอนการตรวจ
1. ไปติดต่อเค้าเตอร์ผู้ป่วยนอกยื่นบัตรประชาชน พร้อมบัตรประกันชีวิต หากไม่เคยตรวจมาก่อนให้แจ้งเลยว่ามา X-ray ปอดสงสัยว่าเป็นวัณโรค ส่วนของผม X-ray มาแล้วหรือมีฟิล์มมาจากโรงพยาบาลอื่นก็แจ้งว่าพบคุณหมอแผนกระบบทางเดินหายใจเลย
2. ในส่วนของใครที่ไป X-ray ก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปไม่กลัวว่าจะเด๋อๆด๋าๆนะครับ
3. ส่วนคนที่มีผลมาอยู่แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปที่แผนกดังกล่าว วัดความดัน ส่วนสูง น้ำหนัก แล้วไปรอพบแพทย์ (ใช้เวลาไม่นาน 15 นาทีได้)
4. นาทีที่บีบหัวใจมากที่สุดก็มาถึงคือเข้าไปพบแพทย์ คุณหมอก็จะกางฟิล์ม X-ray ที่ พร้อมซักอาการต่างๆ ถ้าสังเกตดีๆมีจุดสีขาวๆสะท้อนแสงเจืออยู่บนพื้นสีดำของฟิล์ม นั่นแหละสิ่งที่เราตามหา “ร่องรอยของวัณโรคปอด” ในส่วนนี้หมอฟันธงว่าผมเป็นประมาณ 80 % แต่ผมอยากได้ผล 100% หมอจึงส่งไปทำ CT Scan (ใช้เวลาเตรียมการประมาณ 1 ชั่วโมง และรอผลอีก 1 ชั่วโมง)
5. สุดท้ายคุณหมอก็สรุปว่าผมเป็นวัณโรคปอด แต่ไม่ได้อยู่ในระยะแสดงอาการ หรือแพร่เชื้อ (แต่ก็สามารถติดคนอื่นได้) โล่งใจไปนิดนึกว่าจะต้องไอเป็นเลือดเหมือนในละครแล้ว!
6. สิ่งที่เครียดต่อมาก็คือแล้วเรื่องงานที่กำลังจะบรรจุล่ะ? ในส่วนนี้คุณหมอจะเขียนในใบรับรองแพทย์ว่าปอดอักเสบ และระบุว่าให้กินยา 2 อาทิตย์ แล้วสามารถไปทำงานได้ ในช่วงนี้ก็ต้องไม่ไปพบเจอใครก่อนนะครับ จนกว่าจะมีใบรับรองจากแพทย์ว่าโอเครถึงค่อยไปคิดเรื่องบรรจุเฮ้อ!
7. ขั้นตอนการรักษาก็ไม่มีไรมากต้องกินยาต่อเนื่อง 6 เดือน 1-2 เดือนแรกจะเป็นช่วงทดลองยาว่าร่างกายเราตอบสนองอะไรอย่างไรบ้าง อีก 4 เดือนก็กินยาตามเวลายาวไป
ที่สำคัญโรคนี้สามารถรักษาหายได้
***สาเหตุที่เป็นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับอาจจะมีเชื้อฝังมาตั้งแต่ตอนเป็นปอดบวมแล้ว หรือเพิ่งไปติดมาก็ไม่แน่ใจ แต่แฟนผมไม่ติดนะครับ
การเครมประกัน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของใครของมันนะครับ)
1. ต้องยื่นบัตรประกันไปตั้งแต่เค้าเตอร์ด้านหน้าเลยนะครับ เขาจะถ่ายเอกสารบัตรเราไปพร้อมกับบัตรประชาชน
2. แจ้งคุณหมอที่เราเข้าพบว่าเรามีประกัน หรือแจ้งเค้าเตอร์พยาบาลด้านหน้าก็ได้ เขาจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร
3. แจ้งตัวแทนประกันถามว่าขั้นตอนต่างๆ ที่เล่าด้านบนนั้นคุ้มตรองไหม เช็กให้ดีนะครับ
4. หลังจากตรวจเสร็จเรียบร้อยเขาก็จะส่งเราไปเค้าเตอร์การเงินช่องเครมประกันโดยเฉพาะ ถ้ามีส่วนต่างก็ชำระถ้าประกันครอบคลุมทั้งหมดก็กลับบ้านได้
ค่าใช้จ่ายในการตรวจทั้งหมด รวมถึงหากรักษาที่โรงพยาบาลนี้
1. ค่า X-ray ประมาณ 400-700 บาท (ออฟฟิศจ่าย) หากเอาฟิล์มใบละ 150 บาท
2. ค่า CT Scan 9,600 บาท (ของผมประกันจ่ายส่วนหนึ่ง) หากเอาฟิล์มครั้งแรกไม่เสียค่าใช้จ่ายได้มา 5 แผ่นแหนะ
3. ค่าพบแพทย์ 1,000 บาท
4. ในกรณีที่รักษากับโรงพยาบาลนี้ 1-2 เดือนแรก ค่าใช้จ่ายตกอยู่ประมาณเดือนละ 4,000-5,000 บาท (ช่วงทดลองยาอาจจะต้องมีการตรวจเลือดบ่อย หรือเปลี่ยนยา ราคาค่ารักษาขึ้นอยู่กับตัวยาที่แพทย์สั่งจ่าย)
5. เดือนที่ 3-6 ตกเดือนละ 3,000 บาท (อยู่ตัวละสั่งจ่ายยาน้อยลง)
ป.ล. ต้องแจ้งก่อนว่าผมไม่ได้รักษากับโรงพยาบาลนี้เพราะค่ารักษาค่อนข้างสูงครับ ซึ่งได้แจ้งคุณหมอไปตั้งแต่ต้นละคุณหมอก็ได้เขียนใบส่งตัวให้พร้อมฟิล์มต่างๆสามารถเอาไปใช้กับโรงพยาบาลอื่นได้เลย
ซึ่งโรงพยาบาลที่ผมจะไปรักษาต่อก็คือ คลีนิคพรีเมี่ยม โรงพยาบาลรามา ต้องโทรนัดนะครับ
ท้ายนี้ผมมีคำถามนิดหนึ่งครับไม่ทราบว่าราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาวัณโรคที่คลีนิคพรีเมี่ยม โรงพยาบาลรามา อยู่ที่เดือนละประมาณเท่าไร ใครทราบรบกวนด้วยนะครับ
หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
รีวิวเป็นวัณโรคปอดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
สำหรับกระทู้นี้อยากเขียนขึ้นเพื่อเป็นความรู้เกี่ยวกับวัณโรคปอดนะครับ ข้อมูลต่างๆได้มาจากการสอบถามคุณหมอนะครับ
ต้องเท้าความก่อนว่าเมื่อ ปี 2558 ผมเคยป่วยเป็นปอดบวมมาก่อน ตอนนั้นรู้ตัวช้า เพราะคิดว่าตัวเองเป็นไข้เลือดออก พอมารู้ตัวอีกทีก็เข้าขั้นวิกฤตต้องนอนหยอดยาฆ่าเชื้ออยู่ในโรงพยาบาล 15 วัน เบื้องต้นคุณหมอแจ้งว่าติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ แต่ลุกลามจนปวดบวม ไม่ได้มีเชื้อวัณโรครวมถึงโรคร้ายอื่นๆ (กว่าจะรู้ตัวผ่านไป 8 วัน)
หลังจากหายมา 2 ปี (2560) ตลอดระยะเวลาก็ไม่ได้มีอาการอะไรที่จะบ่งชี้ว่าเป็นโรคนี้ (ไม่ได้มีอาการไอเรื้อรัง ไม่สบายออดๆแอดๆ)
จนมาถึงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นช่วงที่กำลังจะได้รับเข้าบรรจุงานเลยถูกส่งตัวไปตรวจร่างกาย (X-ray ปอด) ปรากฏว่าหมอพบจุดสีขาวเป็นฝ้าในปอด ตอนนั้นก็ยังคิดว่าน่าจะเป็นผลพวงมาจากที่เคยปอดบวมเมื่อ 2 ปีก่อนก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่ก็ไม่ได้ไว้วางใจมากวันรุ่งขึ้นก็เลยไปตรวจให้รู้ดำรู้แดง ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวๆริมถนนวิภาวดี ต่อจากนี้จะเล่าถึงขั้นตอนการตรวจอย่างระเอียดรวมถึงการเครมประกัน และค่ารักษา นะครับ
ขั้นตอนการตรวจ
1. ไปติดต่อเค้าเตอร์ผู้ป่วยนอกยื่นบัตรประชาชน พร้อมบัตรประกันชีวิต หากไม่เคยตรวจมาก่อนให้แจ้งเลยว่ามา X-ray ปอดสงสัยว่าเป็นวัณโรค ส่วนของผม X-ray มาแล้วหรือมีฟิล์มมาจากโรงพยาบาลอื่นก็แจ้งว่าพบคุณหมอแผนกระบบทางเดินหายใจเลย
2. ในส่วนของใครที่ไป X-ray ก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปไม่กลัวว่าจะเด๋อๆด๋าๆนะครับ
3. ส่วนคนที่มีผลมาอยู่แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปที่แผนกดังกล่าว วัดความดัน ส่วนสูง น้ำหนัก แล้วไปรอพบแพทย์ (ใช้เวลาไม่นาน 15 นาทีได้)
4. นาทีที่บีบหัวใจมากที่สุดก็มาถึงคือเข้าไปพบแพทย์ คุณหมอก็จะกางฟิล์ม X-ray ที่ พร้อมซักอาการต่างๆ ถ้าสังเกตดีๆมีจุดสีขาวๆสะท้อนแสงเจืออยู่บนพื้นสีดำของฟิล์ม นั่นแหละสิ่งที่เราตามหา “ร่องรอยของวัณโรคปอด” ในส่วนนี้หมอฟันธงว่าผมเป็นประมาณ 80 % แต่ผมอยากได้ผล 100% หมอจึงส่งไปทำ CT Scan (ใช้เวลาเตรียมการประมาณ 1 ชั่วโมง และรอผลอีก 1 ชั่วโมง)
5. สุดท้ายคุณหมอก็สรุปว่าผมเป็นวัณโรคปอด แต่ไม่ได้อยู่ในระยะแสดงอาการ หรือแพร่เชื้อ (แต่ก็สามารถติดคนอื่นได้) โล่งใจไปนิดนึกว่าจะต้องไอเป็นเลือดเหมือนในละครแล้ว!
6. สิ่งที่เครียดต่อมาก็คือแล้วเรื่องงานที่กำลังจะบรรจุล่ะ? ในส่วนนี้คุณหมอจะเขียนในใบรับรองแพทย์ว่าปอดอักเสบ และระบุว่าให้กินยา 2 อาทิตย์ แล้วสามารถไปทำงานได้ ในช่วงนี้ก็ต้องไม่ไปพบเจอใครก่อนนะครับ จนกว่าจะมีใบรับรองจากแพทย์ว่าโอเครถึงค่อยไปคิดเรื่องบรรจุเฮ้อ!
7. ขั้นตอนการรักษาก็ไม่มีไรมากต้องกินยาต่อเนื่อง 6 เดือน 1-2 เดือนแรกจะเป็นช่วงทดลองยาว่าร่างกายเราตอบสนองอะไรอย่างไรบ้าง อีก 4 เดือนก็กินยาตามเวลายาวไป ที่สำคัญโรคนี้สามารถรักษาหายได้
***สาเหตุที่เป็นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับอาจจะมีเชื้อฝังมาตั้งแต่ตอนเป็นปอดบวมแล้ว หรือเพิ่งไปติดมาก็ไม่แน่ใจ แต่แฟนผมไม่ติดนะครับ
การเครมประกัน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของใครของมันนะครับ)
1. ต้องยื่นบัตรประกันไปตั้งแต่เค้าเตอร์ด้านหน้าเลยนะครับ เขาจะถ่ายเอกสารบัตรเราไปพร้อมกับบัตรประชาชน
2. แจ้งคุณหมอที่เราเข้าพบว่าเรามีประกัน หรือแจ้งเค้าเตอร์พยาบาลด้านหน้าก็ได้ เขาจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร
3. แจ้งตัวแทนประกันถามว่าขั้นตอนต่างๆ ที่เล่าด้านบนนั้นคุ้มตรองไหม เช็กให้ดีนะครับ
4. หลังจากตรวจเสร็จเรียบร้อยเขาก็จะส่งเราไปเค้าเตอร์การเงินช่องเครมประกันโดยเฉพาะ ถ้ามีส่วนต่างก็ชำระถ้าประกันครอบคลุมทั้งหมดก็กลับบ้านได้
ค่าใช้จ่ายในการตรวจทั้งหมด รวมถึงหากรักษาที่โรงพยาบาลนี้
1. ค่า X-ray ประมาณ 400-700 บาท (ออฟฟิศจ่าย) หากเอาฟิล์มใบละ 150 บาท
2. ค่า CT Scan 9,600 บาท (ของผมประกันจ่ายส่วนหนึ่ง) หากเอาฟิล์มครั้งแรกไม่เสียค่าใช้จ่ายได้มา 5 แผ่นแหนะ
3. ค่าพบแพทย์ 1,000 บาท
4. ในกรณีที่รักษากับโรงพยาบาลนี้ 1-2 เดือนแรก ค่าใช้จ่ายตกอยู่ประมาณเดือนละ 4,000-5,000 บาท (ช่วงทดลองยาอาจจะต้องมีการตรวจเลือดบ่อย หรือเปลี่ยนยา ราคาค่ารักษาขึ้นอยู่กับตัวยาที่แพทย์สั่งจ่าย)
5. เดือนที่ 3-6 ตกเดือนละ 3,000 บาท (อยู่ตัวละสั่งจ่ายยาน้อยลง)
ป.ล. ต้องแจ้งก่อนว่าผมไม่ได้รักษากับโรงพยาบาลนี้เพราะค่ารักษาค่อนข้างสูงครับ ซึ่งได้แจ้งคุณหมอไปตั้งแต่ต้นละคุณหมอก็ได้เขียนใบส่งตัวให้พร้อมฟิล์มต่างๆสามารถเอาไปใช้กับโรงพยาบาลอื่นได้เลย
ซึ่งโรงพยาบาลที่ผมจะไปรักษาต่อก็คือ คลีนิคพรีเมี่ยม โรงพยาบาลรามา ต้องโทรนัดนะครับ
ท้ายนี้ผมมีคำถามนิดหนึ่งครับไม่ทราบว่าราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาวัณโรคที่คลีนิคพรีเมี่ยม โรงพยาบาลรามา อยู่ที่เดือนละประมาณเท่าไร ใครทราบรบกวนด้วยนะครับ
หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ