คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 บริษัทฯ หรือบริษัทย่อยไม่มีคดีหรือข้อพิพาททางกฎหมายที่ยังไม่ถึงที่สุด ซึ่งอาจมีผลกระทบด้านลบต่อสินทรัพย์ของบริษัทฯ หรือบริษัทย่อยที่มีจำนวนสูงกว่าร้อยละ 5 ของส่วนของผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทย่อยของบริษัทฯ กล่าวคือ IPD GSRC และ GPD ได้เป็นคู่ความในคดีปกครอง โดยในปี 2558 IPD GSRC และ GPD ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางและในปัจจุบันคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ สาระสำคัญของคดีสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
ในปี 2557 คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (“คตร.”) ได้มีมติให้ กกพ. เข้าตรวจสอบผลการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ประจำปี 2555 ซึ่ง IPD เป็นผู้ชนะการประมูลดังกล่าว และได้ดำเนินการให้ GSRC และ GPD ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ IPD ถือหุ้นทั้งหมดเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเวลาต่อมา โดยกระบวนการการตรวจสอบดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการร้องเรียนว่าขั้นตอนการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ข้างต้นไม่เป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ระเบียบของ กกพ. และเอกสารข้อกำหนดในการเสนอราคา (Request for Proposals : RFP) ในการนี้ กกพ. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผล รวมถึงส่งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ คตร. ทราบ ซึ่งต่อมา คตร. ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม กระทรวงพลังงานจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีการดำเนินการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producers: IPP) (“คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง”) เพื่อดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยในภายหลังกระทรวงพลังงานได้ส่งหนังสือเชิญบริษัทฯ เพื่อขอเจรจายกเลิกโครงการโรงไฟฟ้า GPD ที่ชนะการประมูลและได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. แล้ว และยังได้มีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ชะลอการสนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของโครงการโรงไฟฟ้าของ GSRC และ GPD ที่ชนะการประมูลทั้งสองโครงการในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 IPD GSRC และ GPD (รวมเรียกว่า “ผู้ฟ้องคดี”) ได้ยื่นฟ้อง (1) กกพ.
(2) สกพ. (3) กระทรวงพลังงาน และ (4) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (รวมเรียกว่า “ผู้ถูกฟ้องคดี”) เป็นคดีปกครองกับศาลปกครองกลาง โดยมีฐานในการฟ้องว่า การตรวจสอบการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ประจำปี 2555 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสีย และข้อมูลที่นำมาใช้ประกอบการตรวจสอบพิจารณานั้น เป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนจากความจริง และการตรวจสอบดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องได้รับความเสียหายจากการที่มีอุปสรรคไม่สามารถดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าต่อไปได้ อันเป็นการกระทำละเมิด ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งห้ามจำเลยดำเนินการตรวจสอบหรือนำผลการตรวจสอบการประมูลโครงการดังกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นไปใช้หรืออ้างอิง ไม่ว่าจะเป็นการภายในหรือต่อหน่วยงานอื่น
ในวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมาย แต่ได้กระทำการนอกเหนือเกินขอบเขตอำนาจในการใช้ผลการตรวจสอบดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายและให้กระทรวงพลังงานแจ้งยกเลิกหนังสือที่ส่งไปถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการชะลอการพิจารณาอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน โดยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนแก่ GSRC และ GPD เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมา เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 กระทรวงพลังงานได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง และ ณ ปัจจุบัน ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดภายในกำหนดเวลาแล้วในวันที่ 20 มิถุนายน 2560 โดย ณ วันที่ของเอกสารฉบับนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับ GSRC และ GPD ยังคงมีผลใช้บังคับ
บริษัทฯ เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง อย่างไรก็ดี เนื่องจากคดีนี้ กระทรวงพลังงานไม่ได้ขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาใด ๆ ที่จะกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกทั้งอุทธรณ์ของกระทรวงพลังงาน ก็เพียงแต่โต้แย้งคำพิพากษาในประเด็นที่ว่า กระทรวงพลังงานไม่ได้กระทำละเมิดต่อบริษัทฯ เท่านั้น ดังนั้น บริษัทฯ เชื่อว่าแม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ก็ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งฉบับที่ 70/2559 เรื่อง การยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2557 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีผลเป็นการยกเลิก คตร. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบผลการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ประจำปี 2555 ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มิได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยหน่วยงานอื่นใดแทน คตร.
ทั้งนี้ สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ ไม่ได้บันทึกหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากผลของคดีความในงบการเงินของบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่ายังไม่มีภาระหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ถูกดำเนินคดี โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนที่ 2.2 – 3 ปัจจัยความเสี่ยง ข้อ 3.1.3 “ปัจจุบัน IPD มีข้อพิพาททางกฎหมายเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทฯ และโครงการโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ อาจต้องเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีหรือดำเนินการทางกฎหมาย และข้อพิพาททางการค้าหรือสัญญาอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ”
ในปี 2557 คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (“คตร.”) ได้มีมติให้ กกพ. เข้าตรวจสอบผลการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ประจำปี 2555 ซึ่ง IPD เป็นผู้ชนะการประมูลดังกล่าว และได้ดำเนินการให้ GSRC และ GPD ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ IPD ถือหุ้นทั้งหมดเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเวลาต่อมา โดยกระบวนการการตรวจสอบดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการร้องเรียนว่าขั้นตอนการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ข้างต้นไม่เป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ระเบียบของ กกพ. และเอกสารข้อกำหนดในการเสนอราคา (Request for Proposals : RFP) ในการนี้ กกพ. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผล รวมถึงส่งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ คตร. ทราบ ซึ่งต่อมา คตร. ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม กระทรวงพลังงานจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีการดำเนินการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producers: IPP) (“คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง”) เพื่อดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยในภายหลังกระทรวงพลังงานได้ส่งหนังสือเชิญบริษัทฯ เพื่อขอเจรจายกเลิกโครงการโรงไฟฟ้า GPD ที่ชนะการประมูลและได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. แล้ว และยังได้มีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ชะลอการสนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของโครงการโรงไฟฟ้าของ GSRC และ GPD ที่ชนะการประมูลทั้งสองโครงการในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 IPD GSRC และ GPD (รวมเรียกว่า “ผู้ฟ้องคดี”) ได้ยื่นฟ้อง (1) กกพ.
(2) สกพ. (3) กระทรวงพลังงาน และ (4) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (รวมเรียกว่า “ผู้ถูกฟ้องคดี”) เป็นคดีปกครองกับศาลปกครองกลาง โดยมีฐานในการฟ้องว่า การตรวจสอบการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ประจำปี 2555 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสีย และข้อมูลที่นำมาใช้ประกอบการตรวจสอบพิจารณานั้น เป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนจากความจริง และการตรวจสอบดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องได้รับความเสียหายจากการที่มีอุปสรรคไม่สามารถดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าต่อไปได้ อันเป็นการกระทำละเมิด ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งห้ามจำเลยดำเนินการตรวจสอบหรือนำผลการตรวจสอบการประมูลโครงการดังกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นไปใช้หรืออ้างอิง ไม่ว่าจะเป็นการภายในหรือต่อหน่วยงานอื่น
ในวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมาย แต่ได้กระทำการนอกเหนือเกินขอบเขตอำนาจในการใช้ผลการตรวจสอบดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายและให้กระทรวงพลังงานแจ้งยกเลิกหนังสือที่ส่งไปถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการชะลอการพิจารณาอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน โดยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนแก่ GSRC และ GPD เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมา เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 กระทรวงพลังงานได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง และ ณ ปัจจุบัน ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดภายในกำหนดเวลาแล้วในวันที่ 20 มิถุนายน 2560 โดย ณ วันที่ของเอกสารฉบับนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับ GSRC และ GPD ยังคงมีผลใช้บังคับ
บริษัทฯ เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง อย่างไรก็ดี เนื่องจากคดีนี้ กระทรวงพลังงานไม่ได้ขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาใด ๆ ที่จะกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกทั้งอุทธรณ์ของกระทรวงพลังงาน ก็เพียงแต่โต้แย้งคำพิพากษาในประเด็นที่ว่า กระทรวงพลังงานไม่ได้กระทำละเมิดต่อบริษัทฯ เท่านั้น ดังนั้น บริษัทฯ เชื่อว่าแม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ก็ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งฉบับที่ 70/2559 เรื่อง การยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2557 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีผลเป็นการยกเลิก คตร. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบผลการประมูลคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ประจำปี 2555 ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มิได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยหน่วยงานอื่นใดแทน คตร.
ทั้งนี้ สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ ไม่ได้บันทึกหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากผลของคดีความในงบการเงินของบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่ายังไม่มีภาระหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ถูกดำเนินคดี โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนที่ 2.2 – 3 ปัจจัยความเสี่ยง ข้อ 3.1.3 “ปัจจุบัน IPD มีข้อพิพาททางกฎหมายเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทฯ และโครงการโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ อาจต้องเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีหรือดำเนินการทางกฎหมาย และข้อพิพาททางการค้าหรือสัญญาอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ”
แสดงความคิดเห็น
ถ้า GULF แพ้คดีกระทรวงพลังงานในศาลปกครองสูงสุด จะมีผลกระทบต่อสัญญาขายไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือมั้ยครับ
คือผมก็ไม่เข้าใจแบ๊คกราวด์และประวัติความเป็นมา รวมทั้งเรื่องราวข้อพิพาทในศาล เท่าไหรนักครับ
เข้าใจเพียงว่า ตอนนี้ ศาลปกครองสั่งห้ามกระทรวงพลังงานสอบปมทุจริตการประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 5,000 MW