# เมื่อผมเจอคนขอเงินค่ารถ และเกือบโดนหลอกให้สูญเงิน 500 บาทไปฟรีๆ #

เคยเดินไปตามถนนหรือบนสะพานในกทม แล้วเจอคนขอเงินค่ารถกลับบ้านต่างจังหวัดกันไหมครับ?

นี่เป็นประสบการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นกับผม และผมอยากเล่าประสบการณ์นี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับเพื่อนๆ ทุกคนครับ

Credit Photo by Davidson Luna on Unsplash

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 ผมไปเข้างานสัมมนาที่โรงแรมศิวาเทล ใกล้ๆ BTS เพลินจิต

ตอนนั้นเวลาประมาณ 17.30 โดยประมาณ ผมกำลังเดินมาขึ้นสะพานเพื่อจะนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน

ระหว่างที่เดินอยู่นั่นเอง ผมเห็นผู้ชายคนนึงนั่งอยู่บนพื้น พี่แกสวมชุดบอลเก่าๆ กางเกงขายาว สะพายกระเป๋าเป้ 1 ลูก สภาพดูโทรมพอสมควรแต่ก็ไม่ได้โทรมมากนัก

พี่คนนั้นยกมือไหว้และทักผมเพื่อให้ผมหยุด

จังหวะนั้นผมเดินผ่านเขาไปแล้ว เพราะเล่นมือถืออยู่....

แต่ผมก็หยุด และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมหยุดคิดอยู่สักพัก และเดินหันหลังกลับไปทักพี่คนนั้น

ผม : ว่าไงครับพี่

พี่คนนั้น : ผมขอเงินกลับบ้านที่โคราชหน่อยได้ไหมครับ?

ผม : ไปไงมาไงล่ะครับ

พี่คนนั้น : ผมมาทำงาน แต่พอมาแล้วผมก็ล้มขาเจ็บ แล้วอยู่ดีๆ ตาก็เป็นต้อมองไม่เห็น เขาเลยไม่ให้ผมทำงาน

ผม : .... (นิ่งและรอฟังต่อ)....

พี่คนนั้น : ผมไม่ไหวแล้ว กลับไปหางานทำที่บ้านดีกว่า นี่ก็นั่งมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่มีใครให้เงินผมเลย

ผม : โอเค (พูดแล้วผมก็ควักเงินให้ 200 บาท)

พี่คนนั้น : ขอค่ารถได้ไหมพี่

ผม : ค่ารถเท่าไหร่ละครับ?

พี่คนนั้น : ก็ 300 กว่าบาทครับ

ผม : ผมเปิดกระเป๋าดู แล้วก็ควักแบ้งค์ 100 ทั้งหมดที่เหลือในกระเป๋าทั้งหมด ให้พี่เขาไป รวมของเดิมเป็น 400 บาท


ในขณะที่พี่คนนั้นยกมือขอบคุณผม ผมก็ถามพี่เขาต่อว่า...

ผม : เดี๋ยวพี่ไปขึ้นรถที่หมอชิตใช่ไหมครับ?

พี่คนนั้น : ใช่ๆๆ

ผม : ไปรถไฟฟ้าไหมพี่

พี่คนนั้น : ไม่เป็นไร รถไฟฟ้าแพง เดี๋ยวผมไปรถเมย์ก็ได้

ผม : ไม่เป็นไรพี่ ผมซื้อตั๋วให้


พูดจบแล้วผมก็ประคองพี่เขาขึ้นมา เพราะพี่เขาบอกผมว่าตาเขามองไม่เห็นเลย และขาก็เจ็บมากๆ

เราก็เดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าพร้อมๆ กัน ระหว่างนั้นผมก็ถามชื่อพี่เขา ก็ได้รู้ว่าพี่เขาชื่อชัย มาจากโคราช ตั้งใจมาทำงานเดินสายไฟ แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุ เกิดปัญหาขึ้น เลยจะกลับบ้าน

พี่เล่าให้ผมฟังว่า เขาต้องนอนอยู่ข้างตึกแถวๆ นี้มา 5 วันแล้ว ไม่มีใครให้เงินพี่เขากลับบ้านเลย

ผมก็เล่าเรื่องผมให้ฟังว่าผมเป็นคนจันท์ พี่เขาก็บอกว่าเคยเป็นนักวิ่ง ไปวิ่งที่จันท์ด้วย

พอถึงสถานีผมก็ไปแลกเงินซื้อตั๋วรถไฟฟ้าให้พี่ชัย และเข้าสถานีไปพร้อมกัน

จริงๆ แล้วผมต้องนั่งรถไปเส้นสุขุมวิท แต่ด้วยความที่เป็นห่วง กลัวพี่ชัย จะไม่มีเงินค่ารถไปหมอชิต ผมจึงตัดสินใจว่า ผมจะไปส่งพี่เขาที่หมอชิต และถ้าไปถึงแล้วก็จะออกค่ารถมอเตอร์ไซด์ให้ด้วย ไหนๆ ช่วยแล้วก็เอาให้สุด

ก่อนรถไฟฟ้าจะมาถึง ผมหยิบเงินอีก 100 ที่ผมได้จากเงินทอนตอนแลกเหรียญซื้อตั๋ว และยื่นให้พี่ชัยอีก

พอรถไฟฟ้าเคลื่อนขบวนออกไป ถึงสถานีชิดลม พี่ชัยบอกผมว่าเขาปวดฉี่มาก อยากเข้าห้องน้ำ จะไม่ไหวแล้ว

พี่ชัยถามผมว่าที่ สถานีสยามมีห้องน้ำไหม? ผมก็ตอบว่าไม่น่าจะมีนะ แต่ไม่เป็นไร ทนนิดนึง เดี๋ยวไปถึงหมอชิตมันมีห้องน้ำให้เข้า

พอถึงสยามพี่ชัยเริ่มทำท่าว่าจะไม่ไหวแล้ว แต่ผมก็บอกว่า ไม่เป็นไรพี่ อีกนิดเดียวๆ อั้นหน่อย

พอรถไฟฟ้าเคลื่อนจากสถานีสยาม ไปถึงราชเทวี พี่ชัยบอกผมว่า ไม่ไหวแล้ว ยังไงขอตัวลงไปหาห้องน้ำก่อน แล้วเขาจะไปหมอชิตหลังจากนั้น

พี่ชัยขอบคุณผมอีกครั้งและค่อยๆ เดินออกไปจากขบวนรถ


ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก คิดในว่า... (นี่เราโดนหลอกหรือเปล่านะ??)

และผมก็คิดว่าที่จริง เราไม่ต้องไปถึงหมอชิตก็ได้แล้วนะ เพราะไม่จำเป็นแล้ว ในช่วงที่ประตูใกล้จะปิด ผมตัดสินใจเดินออกจากขบวนรถ และเดินตามหลังพี่ชัยไป

ในตอนนั้นเอง มันเริ่มมีความคิดเกิดขึ้นมาในหัวผมว่า.... “เฮ้ย! พี่เขาพึ่งมา กทม. ไม่นาน งานก็ไม่ได้ทำ ทำไมรู้จักสถานีรถไฟฟ้าได้ล่ะ ว่าสถานีไหนเป็นสถานีไหน?” “หรือเราจะโดนหลอกแล้วจริงๆ ว่ะ!!”

ตอนผมเดินตามพี่ชัยไป พี่ชัยวิ่งลงจากสถานีอย่างรวดเร็ว

ใช่ครับ!! พี่ชัยวิ่งได้ (ผมคิดในใจ... ไหนว่าขาเจ็บ??)

แต่อีกใจนึง.... ผมก็ยังคิดว่า แกคงปวดฉี่มาก ต้องรีบไปห้องน้ำ (คนเราพอปวดฉี่ อะไรๆ ก็เป็นไปได้เนาะ)


หลังจากนั้น ผมเห็นภาพที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงและรู้สึกปวดใจมากๆ เพราะภาพที่ผมเห็น คือ พี่ชัยกำลังเดินขึ้นบันได ไปขึ้นรถไฟฟ้าอีกฝั่งนึงทันที!! ไม่มีท่าที่เลยว่าพี่ชัยจะไปหาห้องน้ำแม้แต่น้อย!!

ผมคิดในใจว่า... “นั่นไง!! โดนหลอกเข้าให้แล้ว ยิ้มเอ๋ยยย”

ผมเดินเร็วๆ ตามพี่ชัยขึ้นบันไดไป พอพี่ชัยเดินไปถึงชั้นบนสุด พี่ชัยหันหน้าลงมาข้างล่าง และสายตาของผม ก็ประสานกับสายตาของพี่ชัยอีกครั้ง!!


ผมค่อยๆ เดินตามพี่ชัยมา พี่ชัยยืนนิ่งอยู่กับที่

ผมตรงเข้าไปหาพี่ชัย แล้วก็ถามเขาว่า.... “ไหนว่าจะเข้าห้องน้ำล่ะครับ?”

วินาทีนั้นเอง ผมสังเกตว่าพี่ชัย มีอาการพูดไม่ออก แกยังหลอกผมต่อไปว่า แกคิดว่าห้องน้ำอยู่ข้างบนนี้ และพูดเหตุผลต่างๆ นาๆ

ผมเอามือจับที่บ่าของพี่ชัย มองหน้าเขาและพูดด้วยเสียงที่หนักขึ้นว่า... “ตกลงยังไงครับพี่”

ในขณะที่พี่ชัยยังนิ่งและก้อมหน้าอยู่ ผมถามย้ำด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า “ตกลงยังไงครับพี่”

พี่ชัยตกใจและพูดว่า “พี่จะเอาเงินคืนก็ได้นะครับ”


ผมมองหน้าพี่ชัย และถามพี่ชัยว่า... “พี่ครับ ตกลงยังไง พี่จะกลับบ้านจริงๆ หรือเปล่า?”

พี่ชัย : “ใช่ พี่จะกลับบ้าน”

ผม : (มองหน้าพี่ชัยด้วยสีหน้าจริงจัง) พี่ชัย พี่อย่าโกหกผมครับ ที่พี่ขอเงิน พี่จะเอาเงินไว้ใช้ หรือพี่จะใช้เงินกลับบ้าน?

พี่ชัย : (เริ่มสั่นๆ) ผมจะเอาไว้ใช้ครับพี่


วินาทีนั้นเอง มีความคิดหลายอย่าง เกิดขึ้นในความคิดผม ผมเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และก็คิดว่า ผมจะไม่พลาดกับคนแบบนี้อีกแล้ว!!

และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง... โดยที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมพูดกับพี่ชัยไปว่า.....

ผม : พี่ชัยครับ พี่ชัยเก็บเงินที่ผมให้เอาไว้นะ แต่ผมขออย่างเดียว... พี่ชัยสัญญากับผมได้ไหม ว่าพี่ชัยจะไม่โกหกใครอีก!!

พี่ชัย อึ้งๆ ทำหน้าประหลาดใจ ยกมือขึ้นและบอกผมว่า : พี่สัญญา พี่สัญญา

วินาทีนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจผม ผมยืนคุยกับพี่ชัยสักพัก และผมก็บอกพี่ชัยว่าขอว่าอยากโกหกใครอีก แล้วผมก็จดเบอร์โทรของผมไป และบอกว่า ถ้ามีอะไรอีก โทรหาผมนะ

ผมเอามือตบบ่าพี่ชัยและถามว่าตกลงพี่จะไปที่ไหน แล้วผมก็เดินมายืนรอรถไฟฟ้าพร้อมกัน ผมเข้าไปโอบกอดพี่ชัยและบอกกับพี่เขาว่า....

“พี่จำคำผมนะ.... พี่อย่าไปหลอกใครอีก ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากทำอะไรแบบนี้หรอก แต่บางช่วงจังหวะของชีวิต มันก็ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคกันบ้างเนาะ

พี่สัญญานะว่าถ้าใครเขาจะช่วยพี่อีก พี่จะพูดเรื่องจริง... คนที่เขาอยากช่วยพี่อยู่แล้ว เขาจะดีใจและอยากช่วยพี่นะครับ ถ้าพี่พูดความจริง และไม่แน่นะ คนบางคนอาจจะมอบโอกาสให้พี่ก็ได้ ถ้าพี่พูดความจริง”



ผมขึ้นรถไฟฟ้าไปกับพี่ชัย พี่ชัยขอบคุณผมยกใหญ่ และบอกว่า ถ้าเขาตั้งตัวได้ เขาจะมาตอบแทนผม

ผมบอกพี่ชัยไปว่า.... “พี่ไม่ต้องตอบแทนผมก็ได้... แต่ผมขอให้พี่ไปช่วยเหลือคนอื่นนะ”

พอถึงสถานีสยาม พี่ชัยกล่าวขอบคุณผมอีกครั้ง และเดินลงจากรถไฟฟ้าไป.... ทิ้งผมเอาไว้ให้อยู่บนเส้นทางกลับบ้าน


ระหว่างทางกลับบ้าน ผมมาทบทวนตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่.... ทำไมผมถึงทำแบบนั้น

บอกตามตรงว่าผมไม่ได้มีเงินมากมายนัก และเงิน 500 บาท ก็ไม่ได้เป็นแค่เศษเงินสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว ผมกลับไม่รู้สึกว่าผมเสียเงิน 500 บาทนี้ไปฟรีๆ เลย

ผมไม่รู้หรอกว่าหลังจากพี่ชัยลงรถไปแล้ว พี่ชัยจะทำอะไรต่อ... ผมไม่อาจรู้ได้เลย


แต่ ณ ตอนนี้ผมกลับรู้สึกขอบคุณพี่ชัย ขอบคุณเงิน 500 บาทที่ผมให้พี่ชัยไป ขอบคุณบทเรียนอันทรงคุณค่านี้ ที่ทำให้ผมรู้ว่า..... ความมั่งคั่งนั้นมันมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร....

บทเรียนที่ผมได้จากพี่ชัยนี้ มันมีมูลค่ามากกว่าเงิน 500 ของผม หลาย 1,000 เท่า!


เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ มันทำให้ผมได้เตือนตัวเองอย่างมีสติว่า....

“ผมเกือบจะถูกเงินแค่ 500 บาทหลอก จนทำให้ผมต้องสูญเสียหัวใจที่มีความรัก ความเมตตา และการเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ไปซะแล้ว!!”


เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังลำบากทุกคนและฝากคนที่มีกำลัง ให้แบ่งปันพวกเขา ด้วยความรักความเมตตาด้วยนะครับ

ด้วยความรัก #KittiTrirat #PassionateLeader #Awaken
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่