สวัสดีจ้าาาา ทุกคน
จริงๆทริปนี้เราไปกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ค. 60 ( ทริปเวลาน้อย 2 วัน 1 คืนค่ะ)
แต่พึ่งมีโอกาสมีรีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ทริปนี้จะไม่มีการเซ็นเซอร์ใบหน้าอันสวยหล่อนะ 5555
คือทริปนี้ไปมานานแล้ว เรื่องราคงราคา บางทีอาจจะจำผิดจำถูกไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยน้าาาาา
เริ่มกันเลย
เราออกเดินทางวันที่ 5 ออกจากบ้าน 04.50 น. ถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 7 โมง
(Boarding time 7:35) เผื่อเวลารถติดด้วย เดินหา Gate ด้วย ก็พอดี (เรา Check-in online) ไม่ต้องไปต่อแถวรอ
นั่งรอแป๊บนึงก็ได้ขึ้นเครื่อง เครื่องออกเวลา 08:15 น. เดินทาง 1 ชม. ถึงอุดรแล้วก็เดินออกมาต่อรถตู้ มีรถตู้ถึง
ด่านหนองคายเลย คนละ 200 บาท ข้ามด้านที่หนองคาย ตรงนี้ต้องนั่งรถลาวข้ามประเทศราคาน่าจะไม่เกิน 20 บาท
แล้วนั่งรถต่อเข้าเวียงจันทน์ ค่ารถเข้าเวียงจันทร์จำไม่ได้ ราคาน่าจะไม่เกิน 50 บาท รถเมล์จะมาส่งเราที่ บขส
ลืมบอกค่าตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่น ไป-กลับ คนละ 500 บาท (ทริปนี้ไปกะแฟน 2 คนจ้าาา)
รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางขาไป
1. ค่าเครื่องบินขาไป 250
2. ค่ารถตู้ไปด่านหนองคาย 200
3. ค่ารถข้ามประเทศ 20
4. ค่ารถเข้าเวียงจันทน์ 50
รวม 520 บาท โอ้แม่จ้าวววววววว ถูกแท้ๆ

พอถึง บขส เราก็ไม่รีรอที่จะกินก่อนเลย 555 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อนี้เรากินเฝอ อาหารของชาวลาว
รสชาดคล้ายก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา แฟนกินกระเพาหมูไข่ดาว สงสัยที่บ้านไม่เคยกิน 555 ตกท้ายด้วย
ข้าวผัดอีกคนละครึ่งจาน ช่วยกันกิน พากันอ้วน กินเสร็จเราก็นั่งรถตุ๊กๆไปที่ริมโขง ค่ารถคนละ 50 บาท (แอบแพง)
ห่างจาก บขส ประมาณ 3 km เพื่อเช่ามอไซค์ (ค่าเช่า 300) ทิ้ง Passport ไว้ 1 เล่มเป็นตัวประกัน

เช่ารถเสร็จเราก็โทรหาโรงแรม "ดวงจันทร์พลาซ่า" ขอเช็คอินก่อนเวลา ปกติเขาจะเช็คอินเวลา 14:00 กัน
เราขอเช็คอินประมาณ 13:00 ทางโรงแรม OK เราก็ไปกันเลย

นี่คือสภาพห้องจริง ใกล้เคียงกับในรูปของ Agoda ห้องที่เราจองคือห้อง Superior 2 เตียง วิวเมือง ในห้องมีแอร์
โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็นขนาดเล็ก ห้องน้ำฝักบัวปรับน้ำเย็น-อุ่น โดยรวมถือว่าโอเคมากเมื่อเทียบกับ
ราคา 700 บาท รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 คน

เมื่อเช็คอินและเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวออกไปแว๊นกันกันเลย โดยแฟนเป็นพลขับ เราเป็นแผนที่
เปิด GPS คอยบอกทางให้ เวลาขับช่วงแรกๆต้องย้ำว่า ขวานะๆอยู่บ่อยๆ กลัวเพลินขับซ้าย เนืองจาก ลาวเขาขับขวากัน
"ไปลาวขับมอไซค์ตอนกลางวันห้ามเปิดไฟหน้าเด็ดขาด เพราะตำรวจจะเรียกมันเป็นกฎจราจรของที่นี่" อันนี้เจ้าของร้านเช่ารถบอกมา

ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ "พระธาตุหลวง" หรือ ธาตุหลวง นั่นเอง ค่าเข้าชม 20 บาท ตอนที่เราไป
เขากำลังซ่อมแซมอยู่พอดีเลยแต่โดยรวมก็โอเคนะ

สถานีต่อไป แว๊นๆกันต่อที่ ประตูไซ แลนด์มาร์คของเวียงจันทน์เลยทีเดียว ใครไม่มาตรงนี้ถือว่ามาไม่ถึง
มีค่าขึ้นไปชมวิวด้านบน 20 ถ้าไม่ขึ้นก็ไม่เสียจ้า ภาพโดยรวม ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามทีเดียว
ไม่รู้อะไรผสมกันบ้าง แต่รู้ว่าลงตัว

นี่เป็นภาพจากด้านบน ขึ้นบันไดหลายชั้นแอบเหนื่อยเหมือนกันแฮะ ระหว่างทางขึ้นมีขิงฝากขายด้วยอย่าลืมซื้อกันนะ

ชมประตูไซเสร็จเราก็ขับรถมากันต่อที่ วัดสีสะเกด ชื่อเหมือนไทยเลยยยย แต่ไม่เหมือนนะ ค่าเข้าชม 20 บาทเหมือนเดิม
ข้างในโบสถ์เงียบมากๆ เรียกว่าถ้าจะคุยหันต้องกระซิบเลย สวยนะแตกต่างจากวัดในไทยโดยสิ้นเชิง ลาวนี่เจริญทางวัฒนธรรมจริงๆ

เสร็จแล้วขับรถวนมาที่หอพระแก้ว ที่วนเพราะว่าหสไม่เจอ จริงๆ GPS บอกนะว่าอยู่ตรงนี้ แต่เซ่อเองหาไม่เจอ คิดว่าจะอยู่ขางกัน
ที่แท้อยู่ตรงข้ามกัน 555 ก็เล่นปิดประตูรั้วซะหาไม่เจอเลย ถนนเป็น One way นะคะ ถ้าเลยแล้วก็ต้องเลยเลย ไปวนมาจ้าาา ห้ามย้อนศร

ค่าเข้าชม 20 บาทเหมือนเดิม ถูกกว่าตอนไปสิงคโปร์เยอะ 555 ค่าเข้าแต่ล่ะอย่าง 500 Up อิอิ

พักไว้เท่านี้ก่อน เราขับรถกลับมาที่โรงแรม ตอนนั้นเวลาประมาณ 17:00 แหละ กะอาบน้ำนอนพักแป๊บนึงแล้วออกไปหาที่ชิคๆกินข้าวกัน

คิดจะพัก คิดถึงเบียร์ลาว 5555 ลองชิมไป 1 ขวด

อาบน้ำแต่งตัวแล้ว เตรียมออกเลาะ พยายามจะนุ่งผ้าถุงแต่เจอคำพูดว่า "กลมเหมือนตุ่ม" เลยจำเป็นต้องถอดออก 5555

สถานที่ยามค่ำคืน ตลาดริมโขง Nigth market ของราคาถูกมาก ในโรงเกลือว่าถูกแล้ว เจอริมโขงต้องสลบเลย
งานเกรด A+++ กระเป๋าตีเป็นเงินไทย 150 บาท ที่ไทยประมาณ 390 / เสือแฟชั่น ตัวละ 40 บาท ในไทยก็
ประมาณ 150-190 บาท / รองเท้าผ้าใบ 200 บาท ในไทยประมาณ 350 บลาๆๆ คือถ้ามาขนจากที่ลาวไปขายนี่กำไรบานเลยยยย

บรรยากาศตลาดริมโขง นี่คือเซฟวันโคราชของลาวเลยทีเดียว ใหญ่มากเดินไม่ครบ

พอดีเดินมาถึงช่องกลางพอดี เลยเก็บภาพริมโขงหน่อย ไฟด้านหลังที่เห็นนั่นคือฝั่งไทย ซื้อของเสร็จเราก็ขับมอไซค์รอบๆริมโขงเล่น
ขับผ่านอนุสวรีเจ้าอนุวงศ์ "เข้าอนุวงค์มีความสำคัญกับลาวมาก พอๆกับพระนเรศวรของไทยเลย" เพราะเจ้าอนุวงค์คือผู้ที่ทำให้ลาว
ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของไทย (ข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัย ศึกษาจากวิกิมาประมาณนี้)

ต่อไปก็ต้องหาที่กิน "ร้านขอบใจเด้อ" อยู่กับริมโขง บรรยากาศดี เราเลือกนั่งด้านบนเพื่อให้มองเห็นบรรยสกาศด้านล่าง
อากาศเย็นสบายไม่ต้องเข้าห้องแอร์เลย

เลือกโต๊ะนั่งได้เสร็จ แฟนดิฉันนางไม่รีรอที่จะสั่งเบียร์ 555 รอบนี้แอดว๊านนนหน่อย สั่ง 2 ขวดเลย
(ในร้านอาหารจะชาร์จหน่อย ขวดละ 65 บาท ถ้าข้างนอกถูกกว่านี้) แต่เอาจริงๆบรรยากาศขนาดนี้ ก็ถูกกว่าที่ไทย

อาหารมาแล้ววว ไม่รู้จะสั่งอะไร เลยสั่งตำแตงลาว ข้าวผัดกุ้ง คอหมูย่าง และจิ้งหรีดทอด 555 เมนูสุดท้ายแฟนเป็นคนสั่ง
นางชอบกินแมลงมากกก มากินถึงลาวเลย

นั่งดริ้งชิวๆ กลับประมาณ 5 ทุ่มครึ่งน่าจะได้ แบบว่ากินจนครัวปิด เสร็จแล้วก็ขับรถกลับโรงแรม ถนนโล่งมาก กลับมาโรงแรม
ต่อเบียร์ลาวกระป๋องใหญ่อีก 2 หลับสบาย อิอิ

และแล้วก็เช้า เราอาบน้ำแต่งตัวลงมีกินข้าวที่ห้องอาหาร โดนอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ อาหารฝรั่ง อาหารลาว ผลไม้ บลาๆๆ
คุ้มกับเงินที่จ่ายไป กินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเก็บของเตรียมไว้ก่อน แล้วก็นอนต่ออีกแป๊บ หลังจากนั้นจึงไปซื้อของฝาก เอารถไปคืน
แล้วไปนั่งรถจาก บขส มาที่ด่าน

ตรวจลงตรา Passport ฝั่งลาว ก่อนข้ามด่านกัน

ถึงไทยแล้ว Stamp ครบ แอบบสงสัยนิดนึง ทำไมตอนกลับจากสิงค์โปร์หน้าซ้ายถึงไม่มีลงตราออกจากประเทศ (แต่ของแฟนมีนะ)
จำได้ว่าออกมาพร้อมกันนะ 5555 พอมาถึงด่านไทย ก็มีคนขับมอไซค์มารับ ไม่ใช่ใครก็คนที่เราเช่ารถด้วยนี่แหละ "เราเช่ารถมอไซค์
หลังโรงพยาบาล" บริการดีมาก ค่าเช่า 200 บาท/มัดจำ 800 บาท

ที่แรกในหนองคาย เรามาที่ตลาดท่าเสร็จ หรือตลาดท่าเรือ ริมโขงนี่เอง แว๊นมอไซค์มาแป๊บเดียว

แฟนถ่ายให้ ร้อยแอคใช้ได้รูปเดียว 555

อีกสักภาพ พอถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินตลาดกันต่อ ของขายเยอะ แต่ดูเหมือนว่าราคาจะอัพขึ้นเยอะ ผ้าถุงที่ลาว 80 บาท
ที่ไทย 150 คือแบบว่าซื้อที่ลาวได้ 2 ตัวเลย กำไรเหนาะๆ เราเลยไม่ค่อยได้ซื้อของ แต่นางเบิร์ดก็ซื้อเสื้อหนองคายมาจนได้

สถานีต่อมา เดินเล่นริมโขง แดดขนาดนี้มันใช่เวลาเดินเล่นไหมเนี่ย 555555

เราก็เลยเข้าไปกราบพระธาตุหล้าหนอง องค์จำลองกัน

นี่จ้าาาา องค์จริง อยู่กลางน้ำ ห่างจากตลิ่งประมาณ 150 เมตร โชคดีมาก ที่ยังได้เห็น

สถานีต่อมา ศาลาแก้วกู่ เลื่องลือจากละครเรื่อง นาคี ตอนนั้นละครกำลังดังเลย

ข้างในจะมีเทวรูปจำนวนมาก แสดงตั้งแต่ประสูติตรัสรู้ปรินิพานของพระพุทธเจ้า

จากศาลาแก้วกู่ เราเอารถไปคืนและให้เจ้าของรถมาส่งขึ้นรถตู้ เขาก็พามานะ ใจดีมากๆ ไม่คิดเงินเพิ่มเลย
ค่ารถขากลับสนามบิน 150 บาทแล้วเราก็เข้าเมืองอุดรกัน มาเดิน UD Town สถานที่ชิคๆของคนอุดร

ไม่ค่อยได้ของหรอก เน้นกินมากกว่า

รอไรล่ะ สั่งน้ำมากินก่อนเลย มื้อนี้เราเน้นอาหารอีสานหน่อย ส้มตำ ไก่ทอด เมี่ยงปลาเผาอันนี้อีสานไหมไม่รู้
กินเสร็จก็ค่ำๆเกือบๆทุ่มครึ่ง เราก็เดินไปขึ้นรถที่หน้าเซนทรัล แอบปวดอี้.... โดนบ่นเลย 5555 ขออี้รดเซนทรัลหน่อยนะ

มาถึงสนามบินประมาณ 2 ทุ่ม เราก็มาตรวจกระเป๋า แล้วมารอขึ้นเครื่อง Boarding time 21:20 แต่ Delay จ้าาา
ได้ขึ้นเครื่อง 22:30 นั่งชาร์ตแบตดูคนอวดผีวนไปเลย ปวดฉี่ไม่กล้าเดินเข้าห้องน้ำสนามบินอีก หลอนกลัวผี 5555 23:30
เรามาถึงสนามบินดอนเมือง รีบบึ่งรถกลับบ้านพักเลย ถึงบ้านพัก 01:00 พอดี อาบน้ำนอนเป็นอันว่าจบทริป เช้าไปทำงานต่อ
อีก 1 วัน ^^ ทริปนี้ สนุกมาก สมบุกสมบัน ตากแดดตากลม สุดยอดไปเลย ทริปหน้าคงอีกนานหน่อย ช่วงนี้ต้องเก็บเงิน เจอกันทริปหน้านะฮ้าาาาา

แอบกระซิบนิดนึง ทริปหน้า กลางมีนาคม 2561 ไปเกาหลีนะคะ รอติดตามกันด้วยนะ
ส่วนทริปนี้ ไปมานานแล้ว รีวิวทีหลังทำให้ข้อมูลไม่ครบไม่ได้สรุปค่าใช้จ่ายให้ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ
ทริปหน้าจะเก็บทุกรายละเอียดเลย
[CR] ไปทีเดียวเที่ยวหลายที่ เวียงจันทน์ (สปป.ลาว) - หนองคาย - อุดรธานี
จริงๆทริปนี้เราไปกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ค. 60 ( ทริปเวลาน้อย 2 วัน 1 คืนค่ะ)
แต่พึ่งมีโอกาสมีรีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ทริปนี้จะไม่มีการเซ็นเซอร์ใบหน้าอันสวยหล่อนะ 5555
คือทริปนี้ไปมานานแล้ว เรื่องราคงราคา บางทีอาจจะจำผิดจำถูกไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยน้าาาาา
เริ่มกันเลย
เราออกเดินทางวันที่ 5 ออกจากบ้าน 04.50 น. ถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 7 โมง
(Boarding time 7:35) เผื่อเวลารถติดด้วย เดินหา Gate ด้วย ก็พอดี (เรา Check-in online) ไม่ต้องไปต่อแถวรอ
นั่งรอแป๊บนึงก็ได้ขึ้นเครื่อง เครื่องออกเวลา 08:15 น. เดินทาง 1 ชม. ถึงอุดรแล้วก็เดินออกมาต่อรถตู้ มีรถตู้ถึง
ด่านหนองคายเลย คนละ 200 บาท ข้ามด้านที่หนองคาย ตรงนี้ต้องนั่งรถลาวข้ามประเทศราคาน่าจะไม่เกิน 20 บาท
แล้วนั่งรถต่อเข้าเวียงจันทน์ ค่ารถเข้าเวียงจันทร์จำไม่ได้ ราคาน่าจะไม่เกิน 50 บาท รถเมล์จะมาส่งเราที่ บขส
ลืมบอกค่าตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่น ไป-กลับ คนละ 500 บาท (ทริปนี้ไปกะแฟน 2 คนจ้าาา)
รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางขาไป
1. ค่าเครื่องบินขาไป 250
2. ค่ารถตู้ไปด่านหนองคาย 200
3. ค่ารถข้ามประเทศ 20
4. ค่ารถเข้าเวียงจันทน์ 50
รวม 520 บาท โอ้แม่จ้าวววววววว ถูกแท้ๆ
พอถึง บขส เราก็ไม่รีรอที่จะกินก่อนเลย 555 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อนี้เรากินเฝอ อาหารของชาวลาว
รสชาดคล้ายก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา แฟนกินกระเพาหมูไข่ดาว สงสัยที่บ้านไม่เคยกิน 555 ตกท้ายด้วย
ข้าวผัดอีกคนละครึ่งจาน ช่วยกันกิน พากันอ้วน กินเสร็จเราก็นั่งรถตุ๊กๆไปที่ริมโขง ค่ารถคนละ 50 บาท (แอบแพง)
ห่างจาก บขส ประมาณ 3 km เพื่อเช่ามอไซค์ (ค่าเช่า 300) ทิ้ง Passport ไว้ 1 เล่มเป็นตัวประกัน
เช่ารถเสร็จเราก็โทรหาโรงแรม "ดวงจันทร์พลาซ่า" ขอเช็คอินก่อนเวลา ปกติเขาจะเช็คอินเวลา 14:00 กัน
เราขอเช็คอินประมาณ 13:00 ทางโรงแรม OK เราก็ไปกันเลย
นี่คือสภาพห้องจริง ใกล้เคียงกับในรูปของ Agoda ห้องที่เราจองคือห้อง Superior 2 เตียง วิวเมือง ในห้องมีแอร์
โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็นขนาดเล็ก ห้องน้ำฝักบัวปรับน้ำเย็น-อุ่น โดยรวมถือว่าโอเคมากเมื่อเทียบกับ
ราคา 700 บาท รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 คน
เมื่อเช็คอินและเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวออกไปแว๊นกันกันเลย โดยแฟนเป็นพลขับ เราเป็นแผนที่
เปิด GPS คอยบอกทางให้ เวลาขับช่วงแรกๆต้องย้ำว่า ขวานะๆอยู่บ่อยๆ กลัวเพลินขับซ้าย เนืองจาก ลาวเขาขับขวากัน
"ไปลาวขับมอไซค์ตอนกลางวันห้ามเปิดไฟหน้าเด็ดขาด เพราะตำรวจจะเรียกมันเป็นกฎจราจรของที่นี่" อันนี้เจ้าของร้านเช่ารถบอกมา
ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ "พระธาตุหลวง" หรือ ธาตุหลวง นั่นเอง ค่าเข้าชม 20 บาท ตอนที่เราไป
เขากำลังซ่อมแซมอยู่พอดีเลยแต่โดยรวมก็โอเคนะ
สถานีต่อไป แว๊นๆกันต่อที่ ประตูไซ แลนด์มาร์คของเวียงจันทน์เลยทีเดียว ใครไม่มาตรงนี้ถือว่ามาไม่ถึง
มีค่าขึ้นไปชมวิวด้านบน 20 ถ้าไม่ขึ้นก็ไม่เสียจ้า ภาพโดยรวม ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามทีเดียว
ไม่รู้อะไรผสมกันบ้าง แต่รู้ว่าลงตัว
นี่เป็นภาพจากด้านบน ขึ้นบันไดหลายชั้นแอบเหนื่อยเหมือนกันแฮะ ระหว่างทางขึ้นมีขิงฝากขายด้วยอย่าลืมซื้อกันนะ
ชมประตูไซเสร็จเราก็ขับรถมากันต่อที่ วัดสีสะเกด ชื่อเหมือนไทยเลยยยย แต่ไม่เหมือนนะ ค่าเข้าชม 20 บาทเหมือนเดิม
ข้างในโบสถ์เงียบมากๆ เรียกว่าถ้าจะคุยหันต้องกระซิบเลย สวยนะแตกต่างจากวัดในไทยโดยสิ้นเชิง ลาวนี่เจริญทางวัฒนธรรมจริงๆ
เสร็จแล้วขับรถวนมาที่หอพระแก้ว ที่วนเพราะว่าหสไม่เจอ จริงๆ GPS บอกนะว่าอยู่ตรงนี้ แต่เซ่อเองหาไม่เจอ คิดว่าจะอยู่ขางกัน
ที่แท้อยู่ตรงข้ามกัน 555 ก็เล่นปิดประตูรั้วซะหาไม่เจอเลย ถนนเป็น One way นะคะ ถ้าเลยแล้วก็ต้องเลยเลย ไปวนมาจ้าาา ห้ามย้อนศร
ค่าเข้าชม 20 บาทเหมือนเดิม ถูกกว่าตอนไปสิงคโปร์เยอะ 555 ค่าเข้าแต่ล่ะอย่าง 500 Up อิอิ
พักไว้เท่านี้ก่อน เราขับรถกลับมาที่โรงแรม ตอนนั้นเวลาประมาณ 17:00 แหละ กะอาบน้ำนอนพักแป๊บนึงแล้วออกไปหาที่ชิคๆกินข้าวกัน
คิดจะพัก คิดถึงเบียร์ลาว 5555 ลองชิมไป 1 ขวด
อาบน้ำแต่งตัวแล้ว เตรียมออกเลาะ พยายามจะนุ่งผ้าถุงแต่เจอคำพูดว่า "กลมเหมือนตุ่ม" เลยจำเป็นต้องถอดออก 5555
สถานที่ยามค่ำคืน ตลาดริมโขง Nigth market ของราคาถูกมาก ในโรงเกลือว่าถูกแล้ว เจอริมโขงต้องสลบเลย
งานเกรด A+++ กระเป๋าตีเป็นเงินไทย 150 บาท ที่ไทยประมาณ 390 / เสือแฟชั่น ตัวละ 40 บาท ในไทยก็
ประมาณ 150-190 บาท / รองเท้าผ้าใบ 200 บาท ในไทยประมาณ 350 บลาๆๆ คือถ้ามาขนจากที่ลาวไปขายนี่กำไรบานเลยยยย
บรรยากาศตลาดริมโขง นี่คือเซฟวันโคราชของลาวเลยทีเดียว ใหญ่มากเดินไม่ครบ
พอดีเดินมาถึงช่องกลางพอดี เลยเก็บภาพริมโขงหน่อย ไฟด้านหลังที่เห็นนั่นคือฝั่งไทย ซื้อของเสร็จเราก็ขับมอไซค์รอบๆริมโขงเล่น
ขับผ่านอนุสวรีเจ้าอนุวงศ์ "เข้าอนุวงค์มีความสำคัญกับลาวมาก พอๆกับพระนเรศวรของไทยเลย" เพราะเจ้าอนุวงค์คือผู้ที่ทำให้ลาว
ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของไทย (ข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัย ศึกษาจากวิกิมาประมาณนี้)
ต่อไปก็ต้องหาที่กิน "ร้านขอบใจเด้อ" อยู่กับริมโขง บรรยากาศดี เราเลือกนั่งด้านบนเพื่อให้มองเห็นบรรยสกาศด้านล่าง
อากาศเย็นสบายไม่ต้องเข้าห้องแอร์เลย
เลือกโต๊ะนั่งได้เสร็จ แฟนดิฉันนางไม่รีรอที่จะสั่งเบียร์ 555 รอบนี้แอดว๊านนนหน่อย สั่ง 2 ขวดเลย
(ในร้านอาหารจะชาร์จหน่อย ขวดละ 65 บาท ถ้าข้างนอกถูกกว่านี้) แต่เอาจริงๆบรรยากาศขนาดนี้ ก็ถูกกว่าที่ไทย
อาหารมาแล้ววว ไม่รู้จะสั่งอะไร เลยสั่งตำแตงลาว ข้าวผัดกุ้ง คอหมูย่าง และจิ้งหรีดทอด 555 เมนูสุดท้ายแฟนเป็นคนสั่ง
นางชอบกินแมลงมากกก มากินถึงลาวเลย
นั่งดริ้งชิวๆ กลับประมาณ 5 ทุ่มครึ่งน่าจะได้ แบบว่ากินจนครัวปิด เสร็จแล้วก็ขับรถกลับโรงแรม ถนนโล่งมาก กลับมาโรงแรม
ต่อเบียร์ลาวกระป๋องใหญ่อีก 2 หลับสบาย อิอิ
และแล้วก็เช้า เราอาบน้ำแต่งตัวลงมีกินข้าวที่ห้องอาหาร โดนอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ อาหารฝรั่ง อาหารลาว ผลไม้ บลาๆๆ
คุ้มกับเงินที่จ่ายไป กินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเก็บของเตรียมไว้ก่อน แล้วก็นอนต่ออีกแป๊บ หลังจากนั้นจึงไปซื้อของฝาก เอารถไปคืน
แล้วไปนั่งรถจาก บขส มาที่ด่าน
ตรวจลงตรา Passport ฝั่งลาว ก่อนข้ามด่านกัน
ถึงไทยแล้ว Stamp ครบ แอบบสงสัยนิดนึง ทำไมตอนกลับจากสิงค์โปร์หน้าซ้ายถึงไม่มีลงตราออกจากประเทศ (แต่ของแฟนมีนะ)
จำได้ว่าออกมาพร้อมกันนะ 5555 พอมาถึงด่านไทย ก็มีคนขับมอไซค์มารับ ไม่ใช่ใครก็คนที่เราเช่ารถด้วยนี่แหละ "เราเช่ารถมอไซค์
หลังโรงพยาบาล" บริการดีมาก ค่าเช่า 200 บาท/มัดจำ 800 บาท
ที่แรกในหนองคาย เรามาที่ตลาดท่าเสร็จ หรือตลาดท่าเรือ ริมโขงนี่เอง แว๊นมอไซค์มาแป๊บเดียว
แฟนถ่ายให้ ร้อยแอคใช้ได้รูปเดียว 555
อีกสักภาพ พอถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินตลาดกันต่อ ของขายเยอะ แต่ดูเหมือนว่าราคาจะอัพขึ้นเยอะ ผ้าถุงที่ลาว 80 บาท
ที่ไทย 150 คือแบบว่าซื้อที่ลาวได้ 2 ตัวเลย กำไรเหนาะๆ เราเลยไม่ค่อยได้ซื้อของ แต่นางเบิร์ดก็ซื้อเสื้อหนองคายมาจนได้
สถานีต่อมา เดินเล่นริมโขง แดดขนาดนี้มันใช่เวลาเดินเล่นไหมเนี่ย 555555
เราก็เลยเข้าไปกราบพระธาตุหล้าหนอง องค์จำลองกัน
นี่จ้าาาา องค์จริง อยู่กลางน้ำ ห่างจากตลิ่งประมาณ 150 เมตร โชคดีมาก ที่ยังได้เห็น
สถานีต่อมา ศาลาแก้วกู่ เลื่องลือจากละครเรื่อง นาคี ตอนนั้นละครกำลังดังเลย
ข้างในจะมีเทวรูปจำนวนมาก แสดงตั้งแต่ประสูติตรัสรู้ปรินิพานของพระพุทธเจ้า
จากศาลาแก้วกู่ เราเอารถไปคืนและให้เจ้าของรถมาส่งขึ้นรถตู้ เขาก็พามานะ ใจดีมากๆ ไม่คิดเงินเพิ่มเลย
ค่ารถขากลับสนามบิน 150 บาทแล้วเราก็เข้าเมืองอุดรกัน มาเดิน UD Town สถานที่ชิคๆของคนอุดร
ไม่ค่อยได้ของหรอก เน้นกินมากกว่า
รอไรล่ะ สั่งน้ำมากินก่อนเลย มื้อนี้เราเน้นอาหารอีสานหน่อย ส้มตำ ไก่ทอด เมี่ยงปลาเผาอันนี้อีสานไหมไม่รู้
กินเสร็จก็ค่ำๆเกือบๆทุ่มครึ่ง เราก็เดินไปขึ้นรถที่หน้าเซนทรัล แอบปวดอี้.... โดนบ่นเลย 5555 ขออี้รดเซนทรัลหน่อยนะ
มาถึงสนามบินประมาณ 2 ทุ่ม เราก็มาตรวจกระเป๋า แล้วมารอขึ้นเครื่อง Boarding time 21:20 แต่ Delay จ้าาา
ได้ขึ้นเครื่อง 22:30 นั่งชาร์ตแบตดูคนอวดผีวนไปเลย ปวดฉี่ไม่กล้าเดินเข้าห้องน้ำสนามบินอีก หลอนกลัวผี 5555 23:30
เรามาถึงสนามบินดอนเมือง รีบบึ่งรถกลับบ้านพักเลย ถึงบ้านพัก 01:00 พอดี อาบน้ำนอนเป็นอันว่าจบทริป เช้าไปทำงานต่อ
อีก 1 วัน ^^ ทริปนี้ สนุกมาก สมบุกสมบัน ตากแดดตากลม สุดยอดไปเลย ทริปหน้าคงอีกนานหน่อย ช่วงนี้ต้องเก็บเงิน เจอกันทริปหน้านะฮ้าาาาา
แอบกระซิบนิดนึง ทริปหน้า กลางมีนาคม 2561 ไปเกาหลีนะคะ รอติดตามกันด้วยนะ
ส่วนทริปนี้ ไปมานานแล้ว รีวิวทีหลังทำให้ข้อมูลไม่ครบไม่ได้สรุปค่าใช้จ่ายให้ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ
ทริปหน้าจะเก็บทุกรายละเอียดเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น