รีวิวนี้เป็นรีวิวแรก หากผิดพลาดอะไรก็ขออภัยมา ณ ที่นี่เลยนะครับ (รูปอาจจะเยอะไปหน่อย และไม่สวยเท่าไร ขออภัยด้วยครับ) มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
ทริปนี้มีผู้ร่วมผู้เดินทางทั้งหมด 4 คน โดยจะเดินทางในช่วงเดือน ก.ย. เดินทางไปเชียงใหม่ โดยรถไฟ และกลับโดยเครื่องบิน และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง พร้อมเดินทาง!!

มาถึงวันเดินทาง ก็นัดเจอเพื่อน ๆ ที่สถานรถไฟหัวลำโพง มาถึงก่อนเวลาก็เดินถ่ายรูปเล่น รถเริ่มออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 18.10 และจะถึงปลายทางประมาณ 7.15 ขบวนรถไฟที่ไปเราเลือกนั่งรถไฟขบวนใหม่ (นี่คือเหตุผลทำไมถึงเดินทางโดยรถไฟ 55) สายใหม่ที่ว่าคือ รถด่วนพิเศษ "อุตราวิถี" ทั้งขบวนจะมีตู้เลดี้เพียงตู้เดียว

พอรถไฟมาจอดเทียบก็เดินขึ้นมานั่งรอ ภายในขบวนถือว่าค่อนข้างหรูและสะอาดมาก
รูปนี้เป็นที่นั่งชั้น 2 จะแยกเป็นเตียงบนและเตียงล่าง

พอช่วงเย็น ๆ หน่อย ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะมาปูเตียงให้

ส่วนชั้น 1 ก็จะเป็นห้องส่วนตัว (เราคิดว่าชั้น 2 ดีกว่านะไม่อึดอัด)

เดินต่อไปยังตู้เสบียงก็จะมีทั้งอาหารจานเดียวและเป็นกับข้าว ที่สำคัญมีกาแฟสดด้วย

ตื่นเช้ามามองวิวข้างทางพร้อมกาแฟสักแก้ว

และแล้วก็มาถึงเชียงใหม่ในเวลา 7.15 พอดีเป๊ะ

พวกเราได้จองรถไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับการเดินทางในทริปนี้ ซึ่งได้จองไว้กับ ชมคาร์เร้นท์ สภาพรถใหม่ สะอาด
แนะนำเลยครับ ถูกใจมาก รับรองไม่ผิดหวังเลย หลังจากรับรถเสร็จก็ตรงไปหาอะไรกินก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เราแวะมาที่ข้าวซอยอิสลาม ตามรีวิวที่แนะนำกันมา

หลังจากอิ่ม(หนังตาก็เริ่มหย่อน) 55+ พวกเราก็ขับตรงไปอ่างขางโดยใช้เส้นทางอรุโณทัย เพราะทางไม่ชันเหมือนไปทางไชยปราการ
ระหว่างทางก็แวะเที่ยวอุทยานผาแดง และน้ำตกศรีสังวาลย์

แวะจุดชมวิวม่อมสน อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ฝนตก หมอกฟุ้งไปหมดมองแทบไม่เห็นอะไรเลย T_T

และแล้วก็มาถึงดอยอ่างข่างในเวลาเกือบ ๆ 15.00 น. ก็ตรงไปที่สโมสรอ่างขางก่อนเลยเพื่อเข้าห้องพักที่ได้จองเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนด้านข้างก็จะมีร้านกาแฟโครงการหลวงอยู่รสชาติใช้ได้เลยครับ

หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักไปเรียบร้อยแล้วก็ออกมาขับรถดูบรรยากาศภายในบริเวณดอยอ่างข่าง ตอนแรกตั้งใจว่าจะเช่าจักรยานแล้วปั่นไปรอบ ๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จักรยานพังหมด อดเลยครับ มาดูกันเลยว่าที่โครงการหลวงมีอะไรบ้าง อาจจะเก็บภาพมาไม่หมดนะครับ เพราะช่วงที่ไปบางอย่างก็ยังไม่ออก ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
ลูกกีวี่

ลูกพลับ

ต้นบ๊วยในตำนาน

ต้นกะหล่ำปลี

หลังจากสำรวจเสร็จก็กลับมาที่บ้านพักเพื่อพักผ่อนเตรียมลุยต่อวันพรุ่งนี้ รุ่งเช้าตื่นมาก็รีบออกเดินทางไปดูทะเลหมอกและไร่ชา 2000 (แอบผิดหวังหมอกแทบไม่มี)

กลับมาถึงที่พักก็แวะจิบกาแฟดูวิวก่อนออกเดินทางไปที่เชียงดาวต่อ

ขับรถมาเรื่อย ๆ เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าด่านที่ทำการป่าไม้ ซึ่งต้องเสียค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 บาทพร้อมกับลงชื่อเข้าไป ระหว่างนั่งรอบนรถก็ถ่ายรูปเล่น

ที่พักที่เราจองไว้คือ "บ้านระเบียงดาว" ปัจจุบันที่เชียงดาวที่พักที่เป็นบ้านจะเหลือให้ที่ล่ะ 2 หลังเท่านั้น นอกนั้นก็จะให้กางเต้นท์แทน ขับรถเพลินไปหน่อยเลยปากทางเข้าต้องถอยรถกลับมาใหม่ 555 ก่อนจะถึงบ้านระเบียงดาวให้สังเกตป้ายทางซ้ายมือให้ดี ๆ นะครับ

จากปากทางเข้ามาไม่ไกลมากก็จะมาถึงบ้านระเบียงดาว

พวกเราเดินทางมาถึงที่นี่ก็เกือบ ๆ จะสีโมงเย็นแล้ว ที่พักที่นี่จะคิดค่าบริการที่พักเป็นรายหัวไปนะครับหัวล่ะ 500 บาทรวมอาหาร 2 มื้อ (เติมได้ไม่อั้น) ส่วนใครกลัวแบตเตอรี่หมดที่บ้านระเบียงดาวจะมีจุดบริการให้ชาร์จนะครับ เครื่องล่ะ 20 บาท

พวกเราเดินทางไปถึงก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว นั่งพักสักพักทางบ้านพักก็นำข้าวมาเสิร์ฟ ไม่แน่ใจว่าแบบนี้เขาเรียกว่าขันโตกหรือป่าวนะ... ในภาพก็จะมี ไข่เจียว ผัดกะหล่ำปลี แกงจืดเต้าหู้หมูสับ และทีเด็ดก็คือ “น้ำพริกลีซอ” ซึ่งทำเองโดยชาวเผ่าลีซอ* ขอ
บอกว่ามัน...อร่อยมาก อร่อยจนต้องสั่งเพิ่มอีก

ส่วนปิ้งย่างสั่งมาต่างหากนะครับเสียตังค์เพิ่มเค้าเรียกกันว่าหม่าล่า

ตกดึกก็หากิจกรรมทำกันครับ วาดดาวไปตามจินตนาการ

ตื่นเช้ามาก็จะมี กาแฟ โอวัลติน ข้าวต้มมาเสริฟ วางไว้หน้าที่พัก

และแล้วก็ได้เวากลับ ก่อนกลับแวะไปที่วัดถ้ำเชียงดาว

ถ้าใครสนใจจะแวะเข้าไปดูในถ้ำ ก็จะมีไกด์ท้องถิ่นพาเข้าไปนะครับเสียค่าตะเกียง 200 บาท
จบทริป สำหรับ 4 วัน 3 คืนที่ ดอยอ่างขาง - เชียงดาว
ปล. ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านนะครับ
[CR] รีวิว "อ่างขาง เชียงดาว ก.ย.60"
ทริปนี้มีผู้ร่วมผู้เดินทางทั้งหมด 4 คน โดยจะเดินทางในช่วงเดือน ก.ย. เดินทางไปเชียงใหม่ โดยรถไฟ และกลับโดยเครื่องบิน และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง พร้อมเดินทาง!!
มาถึงวันเดินทาง ก็นัดเจอเพื่อน ๆ ที่สถานรถไฟหัวลำโพง มาถึงก่อนเวลาก็เดินถ่ายรูปเล่น รถเริ่มออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 18.10 และจะถึงปลายทางประมาณ 7.15 ขบวนรถไฟที่ไปเราเลือกนั่งรถไฟขบวนใหม่ (นี่คือเหตุผลทำไมถึงเดินทางโดยรถไฟ 55) สายใหม่ที่ว่าคือ รถด่วนพิเศษ "อุตราวิถี" ทั้งขบวนจะมีตู้เลดี้เพียงตู้เดียว
พอรถไฟมาจอดเทียบก็เดินขึ้นมานั่งรอ ภายในขบวนถือว่าค่อนข้างหรูและสะอาดมาก
รูปนี้เป็นที่นั่งชั้น 2 จะแยกเป็นเตียงบนและเตียงล่าง
พอช่วงเย็น ๆ หน่อย ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะมาปูเตียงให้
ส่วนชั้น 1 ก็จะเป็นห้องส่วนตัว (เราคิดว่าชั้น 2 ดีกว่านะไม่อึดอัด)
เดินต่อไปยังตู้เสบียงก็จะมีทั้งอาหารจานเดียวและเป็นกับข้าว ที่สำคัญมีกาแฟสดด้วย
ตื่นเช้ามามองวิวข้างทางพร้อมกาแฟสักแก้ว
และแล้วก็มาถึงเชียงใหม่ในเวลา 7.15 พอดีเป๊ะ
พวกเราได้จองรถไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับการเดินทางในทริปนี้ ซึ่งได้จองไว้กับ ชมคาร์เร้นท์ สภาพรถใหม่ สะอาด
แนะนำเลยครับ ถูกใจมาก รับรองไม่ผิดหวังเลย หลังจากรับรถเสร็จก็ตรงไปหาอะไรกินก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เราแวะมาที่ข้าวซอยอิสลาม ตามรีวิวที่แนะนำกันมา
หลังจากอิ่ม(หนังตาก็เริ่มหย่อน) 55+ พวกเราก็ขับตรงไปอ่างขางโดยใช้เส้นทางอรุโณทัย เพราะทางไม่ชันเหมือนไปทางไชยปราการ
ระหว่างทางก็แวะเที่ยวอุทยานผาแดง และน้ำตกศรีสังวาลย์
แวะจุดชมวิวม่อมสน อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ฝนตก หมอกฟุ้งไปหมดมองแทบไม่เห็นอะไรเลย T_T
และแล้วก็มาถึงดอยอ่างข่างในเวลาเกือบ ๆ 15.00 น. ก็ตรงไปที่สโมสรอ่างขางก่อนเลยเพื่อเข้าห้องพักที่ได้จองเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนด้านข้างก็จะมีร้านกาแฟโครงการหลวงอยู่รสชาติใช้ได้เลยครับ
หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักไปเรียบร้อยแล้วก็ออกมาขับรถดูบรรยากาศภายในบริเวณดอยอ่างข่าง ตอนแรกตั้งใจว่าจะเช่าจักรยานแล้วปั่นไปรอบ ๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จักรยานพังหมด อดเลยครับ มาดูกันเลยว่าที่โครงการหลวงมีอะไรบ้าง อาจจะเก็บภาพมาไม่หมดนะครับ เพราะช่วงที่ไปบางอย่างก็ยังไม่ออก ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
ลูกกีวี่
ลูกพลับ
ต้นบ๊วยในตำนาน
ต้นกะหล่ำปลี
หลังจากสำรวจเสร็จก็กลับมาที่บ้านพักเพื่อพักผ่อนเตรียมลุยต่อวันพรุ่งนี้ รุ่งเช้าตื่นมาก็รีบออกเดินทางไปดูทะเลหมอกและไร่ชา 2000 (แอบผิดหวังหมอกแทบไม่มี)
กลับมาถึงที่พักก็แวะจิบกาแฟดูวิวก่อนออกเดินทางไปที่เชียงดาวต่อ
ขับรถมาเรื่อย ๆ เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าด่านที่ทำการป่าไม้ ซึ่งต้องเสียค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 บาทพร้อมกับลงชื่อเข้าไป ระหว่างนั่งรอบนรถก็ถ่ายรูปเล่น
ที่พักที่เราจองไว้คือ "บ้านระเบียงดาว" ปัจจุบันที่เชียงดาวที่พักที่เป็นบ้านจะเหลือให้ที่ล่ะ 2 หลังเท่านั้น นอกนั้นก็จะให้กางเต้นท์แทน ขับรถเพลินไปหน่อยเลยปากทางเข้าต้องถอยรถกลับมาใหม่ 555 ก่อนจะถึงบ้านระเบียงดาวให้สังเกตป้ายทางซ้ายมือให้ดี ๆ นะครับ
จากปากทางเข้ามาไม่ไกลมากก็จะมาถึงบ้านระเบียงดาว
พวกเราเดินทางมาถึงที่นี่ก็เกือบ ๆ จะสีโมงเย็นแล้ว ที่พักที่นี่จะคิดค่าบริการที่พักเป็นรายหัวไปนะครับหัวล่ะ 500 บาทรวมอาหาร 2 มื้อ (เติมได้ไม่อั้น) ส่วนใครกลัวแบตเตอรี่หมดที่บ้านระเบียงดาวจะมีจุดบริการให้ชาร์จนะครับ เครื่องล่ะ 20 บาท
พวกเราเดินทางไปถึงก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว นั่งพักสักพักทางบ้านพักก็นำข้าวมาเสิร์ฟ ไม่แน่ใจว่าแบบนี้เขาเรียกว่าขันโตกหรือป่าวนะ... ในภาพก็จะมี ไข่เจียว ผัดกะหล่ำปลี แกงจืดเต้าหู้หมูสับ และทีเด็ดก็คือ “น้ำพริกลีซอ” ซึ่งทำเองโดยชาวเผ่าลีซอ* ขอ
บอกว่ามัน...อร่อยมาก อร่อยจนต้องสั่งเพิ่มอีก
ส่วนปิ้งย่างสั่งมาต่างหากนะครับเสียตังค์เพิ่มเค้าเรียกกันว่าหม่าล่า
ตกดึกก็หากิจกรรมทำกันครับ วาดดาวไปตามจินตนาการ
ตื่นเช้ามาก็จะมี กาแฟ โอวัลติน ข้าวต้มมาเสริฟ วางไว้หน้าที่พัก
และแล้วก็ได้เวากลับ ก่อนกลับแวะไปที่วัดถ้ำเชียงดาว
ถ้าใครสนใจจะแวะเข้าไปดูในถ้ำ ก็จะมีไกด์ท้องถิ่นพาเข้าไปนะครับเสียค่าตะเกียง 200 บาท
จบทริป สำหรับ 4 วัน 3 คืนที่ ดอยอ่างขาง - เชียงดาว
ปล. ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านนะครับ