สวัสดีค่ะ "พี่หยอดวัดยาง" จะพาไปสูดอากาศบริสุทธ์ให้เต็มปอดกันบ้าง...
มีโอกาสได้ไปเยือน "ป่าในกรุง" มาเลยแวะมาจัดมินิรีวิวให้อ่านกันค่ะ
ปล. รูปเยอะหน่อยนะคะ
ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่
Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว”
www.facebook.com/travelruarua หรือที่
www.travelruarua.com
มนุษย์เมืองหลวงแบบเราๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกสูงๆ ใช่มั้ยคะ...
(ใกล้จะ) เข้าหน้าหนาวแล้ว...เลยอยากจะชวนไปสูดอากาศเย็นๆในป่ากัน แต่ไม่ต้องไปไหนไกลนะ....แค่สุขาภิบาล 2 นี่เอง
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง.... ป่าของจริงในเมืองหลวง
ในกรุงเทพ เราอาจจะพอได้เห็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป แต่ถ้านึกถึง
“ป่า” ล่ะคะ มีที่ไหนที่เราสามารถเรียกว่า “ป่าในกรุง” ได้บ้าง?
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง เป็นโครงการการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในที่ดินของ ปตท. ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องราวของป่าแบบครบวงจร บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ บนถนนสุขาภิบาล 2 จากพื้นที่ที่เป็นกองขยะได้ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อคนกรุง โดยใช้วิธีการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืนเพื่อให้ได้มาซึ่งป่าที่ใกล้เคียงกับป่าของจริงมากที่สุดค่ะ
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปเยือน “ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง” มา รู้สึกประทับใจจนอยากบอกต่อค่ะ
เมื่อเข้าไปถึงในบริเวณ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง สิ่งแรกที่เราจะได้เห็นและเป็นมุมมองที่สวยมากจุดหนึ่งก็คือ
“กำแพงดิน” ค่ะ
กำแพงดินนี้มีสีน้ำตาลแดงนี้ ทำหน้าที่นำทางเราเข้าไปยัง “ป่าในกรุง” ค่ะ ส่วนนี้เป็นการจำลองให้เห็นถึงชั้นดินในกรุงเทพมหานคร โดยดินที่นำมาสร้างกำแพงดินและโครงสร้างอาคารต่างๆนี้ก็มาจากหลายจังหวัด อาทิ ราชบุรี ระยอง ชลบุรี เป็นต้น
ซึ่งกำแพงดินนี้ก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ลดอุณหภูมิความร้อนได้ด้วย ลองเอามือสัมผัสแล้วจะรู้สึกเย็นมากๆ
ตลอดแนวกำแพงดินก็จะมีการจัดแสดง เมล็ดพันธุ์ไม้ต่างๆที่ปลูกไว้ในศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ด้วยค่ะ
ด้านบนของกำแพงดินนี้ คือ
“หลังคาเขียว” ค่ะ เป็นพื้นที่ดาดฟ้าที่ทางโครงการฯ ได้นำต้นไม้ชนิดต่างๆมาปลูกไว้มากมาย
ซึ่งก็เปรียบเสมือนฉนวนกันความร้อน ช่วยให้อากาศภายในอาคารเย็นขึ้นได้ค่ะ โซนนี้เราสามารถเดินขึ้นไปชมได้นะ







และเมื่อเดินมาถึงส่วนตรงกลางของกำแพงดิน เราก็จะเจอกับห้องจัดนิทรรศการ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองและป่า ให้เราได้เห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของป่า รวมไปถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืนอยู่กับลูกหลายไปอีกนานแสนนาน
อีกฝั่งจะเป็นห้องฉายภาพยนตร์สั้นบอกเล่าเรื่องราว พ่อ ลูก และ ป่า ความยาวประมาณ 10 นาที
ถ้ามีโอกาสได้ไป อยากแนะนำให้เดินชมนิทรรศการและชมภาพยนตร์จนจบนะคะ ดีงามจริงๆ
เพราะจากห้องชมภาพยนตร์สั้น พอเราชมจบแล้ว บานประตูด้านหลังจอฉายภาพยนตร์จะเปิดขึ้น เป็นเส้นทางเริ่ม “ทางเดินชมเรือนยอด” หรือ Sky Walk ค่ะ







เอาล่ะ... เราจะไปเดิน Sky Walk กันละนะ
สำหรับ
“เส้นทางเดินชมเรือนยอด” นี้มีความยาวประมาณ 200 เมตรค่ะ
ระดับความสูงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมตรกว่าๆ ไปจนถึง 10 กว่าเมตรค่ะ
เส้นทางนี้เราจะได้ศึกษาเรือนยอดไม้ชนิดต่างๆ และชมทัศนียภาพที่สวยงามทั้ง แหล่งน้ำเล็กๆและน้ำตกที่อยู่ด้านล่าง
บอกได้เลยว่าระหว่างทางเดินนี้ได้หยุดถ่ายรูปกันรัวรัว เพราะมองไปมุมไหนก็สวยไปหมดเลยค่ะ
เมื่อเต็มอิ่มกับวิวป่ามุมสูงกันแล้ว
เดินชมไปเรื่อยๆก็จะมาถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือ
“หอชมป่า” หรือ Observatory Tower ซึ่งมีความสูง 23 เมตร
มาถึงแล้วก็ต้องขึ้นไปให้สุดนะคะ อาจจะมีความเสียวพอสมควร เพราะหอชมป่าได้ถูกออกแบบให้ดูเบาๆกลืนๆกับธรรมชาติ มีความโปร่งๆ
ตอนที่ขึ้นไปชั้นสูงสุดนี่มีขาสั่นค่ะ ด้านบนเราจะได้เห็นพื้นที่ “ป่าในกรุง” แบบ 360 องศาค่ะ
ได้เห็นพื้นที่สีเขียวแบบแน่นๆ ต้นไม้ฟูๆ เบียดแย่งกันโต จะเห็นได้ว่าพื้นที่ป่าเล็กๆแห่งนี้ ถูกล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ชมชุม และมองไกลออกไปก็ป่าคอนกรีตทั้งนั้นค่ะ


















เมื่อชื่นชมธรรมชาติกันจนเต็มอิ่มแล้ว มาล้างหน้าล้างตากันหน่อยไหม...
ที่ “ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง” แห่งนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องไปใช้บริการให้ได้ก็คือ ห้องน้ำ เพราะห้องน้ำที่นี่เค้าเคยได้รับ
รางวัลสุดยอดส้วมสาธารณะแห่งปี 2559 ด้วยค่ะ การออกแบบและวัสดุที่ใช้นั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลมกลืนกับธรรมชาติ และสะอาดดีค่ะ
เข้าห้องน้ำที่นี่จะรู้สึกเพลินๆโล่งๆหน่อย เหมือนไปยิ่งกระต่ายกลางทุ่ง อิอิ ดูรูปเอานะคะว่าโล่งยังไง...
ไม่เพียงแต่ห้องน้ำที่เคยได้รับรางวัล แต่การออกแบบในภาพรวมของ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง แห่งนี้ยังเข้าตากรรมการระดับอินเตอร์ จนได้รับรางวัลการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี 2016 อีกด้วยค่ะ สวยงามตามแบบธรรมชาติแบบนี้ จะไม่มาเยือนซักครั้งได้ยังไง จริงมั้ย?


ที่นี่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยค่ะ วันหยุดเสาอาทิตย์จะมาเที่ยวเล่น ถ่ายรูปเพลินๆ สูดอากาศแบบป่าๆ แถมไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด
หรือถ้าใครชอบสายทำกิจกรรมหน่อยๆ ที่นี่เค้ามีกิจกรรมประจำเดือนและ workshop ต่างๆให้ได้ร่วมมากมายนะคะ ลองเข้าไปติดตามได้ที่
https://www.facebook.com/metroforest/
ปัจจุบัน ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง บริหารจัดการโดย
สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. ค่ะ
มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้เรื่องป่ากับผู้เข้าชม เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
พิกัด ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง
เลขที่ 81 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ Khet Prawet, Krung Thep Maha Nakhon 10250
โทร 02 136 6380
https://goo.gl/maps/ngCt68NEZgH2
ใครขับรถมาก็ลองศึกษาเรื่องเส้นทางและที่จอดรถกันนิดนึงนะคะ



เอาจริงๆแล้วเราได้มีโอกาสมาเที่ยวที่นี่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว...
ตอนนั้นต้นไม่ยังไม่สูงโตเท่านี้เลย นี่เวลาผ่านไปก็ไม่นาน ต้นไม้สูงใหญ่ เขียวชอุ่ม ร่มรื่นมากๆค่ะ
แล้วคิดดูสิต่อไป อีก 5 ปี 10 ปี พื้นที่แห่งนี้จะมีคุณค่ามากแค่ไหน...
อยากให้เมืองไทยมีศูนย์เรียนรู้ดีๆแบบนี้เยอะๆจัง
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ...
หากสนใจอ่านรีวิวอื่นๆ จิ้มเข้าไปดูกันได้ที่ "เที่ยวรัวรัว"
www.facebook.com/travelruarua
[CR] เที่ยวรัวรัว : สูด ความป่า ให้เต็มปอด ที่ ป่าในกรุง
มีโอกาสได้ไปเยือน "ป่าในกรุง" มาเลยแวะมาจัดมินิรีวิวให้อ่านกันค่ะ
ปล. รูปเยอะหน่อยนะคะ
ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว”
www.facebook.com/travelruarua หรือที่ www.travelruarua.com
มนุษย์เมืองหลวงแบบเราๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกสูงๆ ใช่มั้ยคะ...
(ใกล้จะ) เข้าหน้าหนาวแล้ว...เลยอยากจะชวนไปสูดอากาศเย็นๆในป่ากัน แต่ไม่ต้องไปไหนไกลนะ....แค่สุขาภิบาล 2 นี่เอง
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง.... ป่าของจริงในเมืองหลวง
ในกรุงเทพ เราอาจจะพอได้เห็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป แต่ถ้านึกถึง “ป่า” ล่ะคะ มีที่ไหนที่เราสามารถเรียกว่า “ป่าในกรุง” ได้บ้าง?
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง เป็นโครงการการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในที่ดินของ ปตท. ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องราวของป่าแบบครบวงจร บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ บนถนนสุขาภิบาล 2 จากพื้นที่ที่เป็นกองขยะได้ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อคนกรุง โดยใช้วิธีการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืนเพื่อให้ได้มาซึ่งป่าที่ใกล้เคียงกับป่าของจริงมากที่สุดค่ะ
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปเยือน “ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง” มา รู้สึกประทับใจจนอยากบอกต่อค่ะ
เมื่อเข้าไปถึงในบริเวณ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง สิ่งแรกที่เราจะได้เห็นและเป็นมุมมองที่สวยมากจุดหนึ่งก็คือ “กำแพงดิน” ค่ะ
กำแพงดินนี้มีสีน้ำตาลแดงนี้ ทำหน้าที่นำทางเราเข้าไปยัง “ป่าในกรุง” ค่ะ ส่วนนี้เป็นการจำลองให้เห็นถึงชั้นดินในกรุงเทพมหานคร โดยดินที่นำมาสร้างกำแพงดินและโครงสร้างอาคารต่างๆนี้ก็มาจากหลายจังหวัด อาทิ ราชบุรี ระยอง ชลบุรี เป็นต้น
ซึ่งกำแพงดินนี้ก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ลดอุณหภูมิความร้อนได้ด้วย ลองเอามือสัมผัสแล้วจะรู้สึกเย็นมากๆ
ตลอดแนวกำแพงดินก็จะมีการจัดแสดง เมล็ดพันธุ์ไม้ต่างๆที่ปลูกไว้ในศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ด้วยค่ะ
ด้านบนของกำแพงดินนี้ คือ “หลังคาเขียว” ค่ะ เป็นพื้นที่ดาดฟ้าที่ทางโครงการฯ ได้นำต้นไม้ชนิดต่างๆมาปลูกไว้มากมาย
ซึ่งก็เปรียบเสมือนฉนวนกันความร้อน ช่วยให้อากาศภายในอาคารเย็นขึ้นได้ค่ะ โซนนี้เราสามารถเดินขึ้นไปชมได้นะ
และเมื่อเดินมาถึงส่วนตรงกลางของกำแพงดิน เราก็จะเจอกับห้องจัดนิทรรศการ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองและป่า ให้เราได้เห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของป่า รวมไปถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืนอยู่กับลูกหลายไปอีกนานแสนนาน
อีกฝั่งจะเป็นห้องฉายภาพยนตร์สั้นบอกเล่าเรื่องราว พ่อ ลูก และ ป่า ความยาวประมาณ 10 นาที
ถ้ามีโอกาสได้ไป อยากแนะนำให้เดินชมนิทรรศการและชมภาพยนตร์จนจบนะคะ ดีงามจริงๆ
เพราะจากห้องชมภาพยนตร์สั้น พอเราชมจบแล้ว บานประตูด้านหลังจอฉายภาพยนตร์จะเปิดขึ้น เป็นเส้นทางเริ่ม “ทางเดินชมเรือนยอด” หรือ Sky Walk ค่ะ
เอาล่ะ... เราจะไปเดิน Sky Walk กันละนะ
สำหรับ “เส้นทางเดินชมเรือนยอด” นี้มีความยาวประมาณ 200 เมตรค่ะ
ระดับความสูงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมตรกว่าๆ ไปจนถึง 10 กว่าเมตรค่ะ
เส้นทางนี้เราจะได้ศึกษาเรือนยอดไม้ชนิดต่างๆ และชมทัศนียภาพที่สวยงามทั้ง แหล่งน้ำเล็กๆและน้ำตกที่อยู่ด้านล่าง
บอกได้เลยว่าระหว่างทางเดินนี้ได้หยุดถ่ายรูปกันรัวรัว เพราะมองไปมุมไหนก็สวยไปหมดเลยค่ะ
เมื่อเต็มอิ่มกับวิวป่ามุมสูงกันแล้ว
เดินชมไปเรื่อยๆก็จะมาถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือ “หอชมป่า” หรือ Observatory Tower ซึ่งมีความสูง 23 เมตร
มาถึงแล้วก็ต้องขึ้นไปให้สุดนะคะ อาจจะมีความเสียวพอสมควร เพราะหอชมป่าได้ถูกออกแบบให้ดูเบาๆกลืนๆกับธรรมชาติ มีความโปร่งๆ
ตอนที่ขึ้นไปชั้นสูงสุดนี่มีขาสั่นค่ะ ด้านบนเราจะได้เห็นพื้นที่ “ป่าในกรุง” แบบ 360 องศาค่ะ
ได้เห็นพื้นที่สีเขียวแบบแน่นๆ ต้นไม้ฟูๆ เบียดแย่งกันโต จะเห็นได้ว่าพื้นที่ป่าเล็กๆแห่งนี้ ถูกล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ชมชุม และมองไกลออกไปก็ป่าคอนกรีตทั้งนั้นค่ะ
เมื่อชื่นชมธรรมชาติกันจนเต็มอิ่มแล้ว มาล้างหน้าล้างตากันหน่อยไหม...
ที่ “ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง” แห่งนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องไปใช้บริการให้ได้ก็คือ ห้องน้ำ เพราะห้องน้ำที่นี่เค้าเคยได้รับ รางวัลสุดยอดส้วมสาธารณะแห่งปี 2559 ด้วยค่ะ การออกแบบและวัสดุที่ใช้นั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลมกลืนกับธรรมชาติ และสะอาดดีค่ะ
เข้าห้องน้ำที่นี่จะรู้สึกเพลินๆโล่งๆหน่อย เหมือนไปยิ่งกระต่ายกลางทุ่ง อิอิ ดูรูปเอานะคะว่าโล่งยังไง...
ไม่เพียงแต่ห้องน้ำที่เคยได้รับรางวัล แต่การออกแบบในภาพรวมของ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง แห่งนี้ยังเข้าตากรรมการระดับอินเตอร์ จนได้รับรางวัลการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี 2016 อีกด้วยค่ะ สวยงามตามแบบธรรมชาติแบบนี้ จะไม่มาเยือนซักครั้งได้ยังไง จริงมั้ย?
ที่นี่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยค่ะ วันหยุดเสาอาทิตย์จะมาเที่ยวเล่น ถ่ายรูปเพลินๆ สูดอากาศแบบป่าๆ แถมไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด
หรือถ้าใครชอบสายทำกิจกรรมหน่อยๆ ที่นี่เค้ามีกิจกรรมประจำเดือนและ workshop ต่างๆให้ได้ร่วมมากมายนะคะ ลองเข้าไปติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/metroforest/
ปัจจุบัน ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง บริหารจัดการโดย สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. ค่ะ
มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้เรื่องป่ากับผู้เข้าชม เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
พิกัด ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง
เลขที่ 81 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ Khet Prawet, Krung Thep Maha Nakhon 10250
โทร 02 136 6380
https://goo.gl/maps/ngCt68NEZgH2
ใครขับรถมาก็ลองศึกษาเรื่องเส้นทางและที่จอดรถกันนิดนึงนะคะ
เอาจริงๆแล้วเราได้มีโอกาสมาเที่ยวที่นี่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว...
ตอนนั้นต้นไม่ยังไม่สูงโตเท่านี้เลย นี่เวลาผ่านไปก็ไม่นาน ต้นไม้สูงใหญ่ เขียวชอุ่ม ร่มรื่นมากๆค่ะ
แล้วคิดดูสิต่อไป อีก 5 ปี 10 ปี พื้นที่แห่งนี้จะมีคุณค่ามากแค่ไหน...
อยากให้เมืองไทยมีศูนย์เรียนรู้ดีๆแบบนี้เยอะๆจัง
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ...
หากสนใจอ่านรีวิวอื่นๆ จิ้มเข้าไปดูกันได้ที่ "เที่ยวรัวรัว"
www.facebook.com/travelruarua